อีกไม่กี่อึดใจซีรีส์ตอนแรกของ Games of Throne ที่เรารอคอยก็จะเข้าฉายให้ได้ชมศึกตัดสินสุดท้ายของดินแดนเวสเทอรอส โดยจะเริ่มฉายตอนแรกวันที่ 14 เมษายนนี้ แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงตัวซีรีส์ที่น่าติดตามเท่านั้น เพราะ HBO เตรียมปล่อยอัลบั้มรวมของเหล่าศิลปินที่ได้แรงบันดาลใจจากมหากาพย์ชิงบัลลังก์ GOT แถมชื่อนักร้องแต่ละคนก็เป็นผู้ที่มีผลงานโดดเด่นซึ่งหลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี Columbia Records และ HBO เตรียมปล่อยอัลบั้มในชื่อ For The Thrones (Music Inspiration by HBO Series Games of Throne) ที่มีแผนจะเปิดตัวในเร็ววันนี้ เพียงแค่บรรดารายชื่อศิลปินที่อยู่บนปกอัลบั้มก็ทำให้คอซีรีส์และแฟนเพลงทั้งหลายตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ ไม่ว่าจะเป็น The Weekend, Travis Scott, SZA, The National, Mumford and Sons, Rosalia, MUSE Matthew Bellamy , ASAP Rocky, Lil Peep และ Ellie Goulding ล่าสุดเพิ่งปล่อยตัวอย่างอัลบั้มความยาว 30
การเลือกดูหนังสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเราได้และหลายครั้งที่ตัวตนของเราถูกประกอบสร้างขึ้นมาจากหนังสักเรื่อง หากคุณเบื่อหนังบล็อกบัสเตอร์วันนี้เรามีหนังอาร์ต 11 เรื่อง มาเป็นทางเลือกให้ แม้หนังเหล่านี้จะไม่ได้ใช้นักแสดงชื่อดังหรือใช้ทุนมหาศาล แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าหนังที่เราเลือกมาแนะนำในวันนี้อาจจะทำให้คุณหันมาหลงรักหนังอาร์ตอย่างไม่อาจถอนตัว ที่สำคัญการคัมแบ็คของเหล่าผู้กับหนังแนวอินดี้ชื่อดังอย่าง Olivier Assayas Mia Hansen-Løve และ Simon Amstell ก็การันตีได้ในระดับหนึ่งเลยว่า คุณจะไม่ผิดหวังที่เสียสละเวลามาให้หนังแนวนี้บ้างอย่างแน่นอน TOO LATE TO DIE YOUNG (Dominga Sotomayor) จากผู้สร้าง Call me by your name สู่ TooLate to die young ภาพยนตร์ที่มีฉากหลังเป็นประเทศชิลี ซึ่งย้อนไปในปี ค.ศ.1990 ประเทศชิลีกลับมารวมตัวเป็นประชาธิปไตยอีกครั้งหลังจากการล่มสลายทางอำนาจของนายพล Augusto Pinoche โซเฟีย (Demian Hernández) สาวน้อยวัย 16 ปี อาศัยอยู่ในชนบทที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงซันติอาโก เธอมักจะมีปัญหากับพ่ออยู่ตลอดเวลา ท าให้เธอมีความฝันที่อยากจะย้ายไปอยู่กับแม่ของเธอที่เป็นนักดนตรีในเมืองหลวง LONG DAY’S JOURNEY INTO NIGHT
ฤดูร้อนสำหรับผู้ชายหลายคนคือช่วงเวลาแห่งการลุยไม่ยั้ง ช่วงเวลาแห่งกิจกรรมกลางแจ้ง ท้าแดด เสียงข้างในมันร่ำร้องให้ออกไปรับลมทะเล กระโจนใส่ฟองคลื่น ปีนหน้าผา เล่นน้ำสงกรานต์ ฯลฯ ในขณะที่ฤดูร้อนสำหรับผู้ชายหลายคนที่ไม่นิยมชมชอบแสงแดดและอากาศร้อนระอุ การเลือกหมกตัวอยู่ในบ้าน เปิดแอร์เย็นฉ่ำ พร้อมเบียร์เย็น ๆ สักแก้วและหนังสือสักเล่มก็ไม่ต่างจากสวรรค์บนดิน วันนี้ UNLOCKMEN ขอเอาใจผู้ชายสายชิลรับหน้าร้อนด้วยการแนะนำหนังสือ 5 เล่มที่เหมาะกับฤดูร้อน แอบกระซิบว่าบางเล่มอาจทำให้ร้อนได้โดยไม่ต้องเจอแดดด้วยซ้ำ! เมา: ประวัติศาสตร์แห่งการร่ำสุรา ผู้เขียน: Mark Forsyth สำนักพิมพ์: bookscape หน้าร้อนอย่างนี้อะไรจะดีไปกว่าเบียร์เย็นฉ่ำชื่นใจสักแก้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายขี้เมาหรือไม่เคยคิดจะเมาเลย แต่การมี “เมา: ประวัติศาสตร์แห่งการร่ำสุรา” ผลงานของ Mark Forsyth เล่มนี้อยู่ในครอบครองช่วงหน้าร้อนนี้เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเล่มนี้จะพาเราดื่มด่ำเมามายไปกับประวัติศาสตร์แห่งการเมาที่ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ แต่ย้อนยาวไกลไปได้ถึงชาวอียิปต์โบราณ หรือยาวไกลไปถึงความเมาของจักรพรรดิจีน ในเล่มนี้เราจะได้พบความเมาในสารพัดมิติ ทั้งประวัติศาสตร์ การเมือง สังคม ถ้าเป็นผู้ชายขี้เมาเราก็อ่านเล่มนี้เพื่อดื่มเหล้าครั้งต่อไปได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่ใช่สายเมา แต่มีเหตุให้ต้องไปอยู่ในวงสนทนาของเพื่อนหรือธุรกิจที่เมากันเป็นประจำ อ่านเล่มนี้ไว้เป็นข้อมูลพูดคุยในวงเหล้าช่วงสงกราต์นี้รับรองว่าดูมีชั้นเชิงขึ้นหลายระดับแน่นอน หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา ผู้เขียน: อุรุดา โควินท์
ถึงจะเป็นแนวดนตรีที่เข้าถึงไม่ง่ายนัก แต่จากความโด่งดังของ Lorde, Dua Lipa, Lana Del Rey, หรือแม้กระทั่ง Cigarettes After Sex ที่มาเปิดคอนเสิร์ตในบ้านเราหลายต่อหลายครั้ง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความนิยมของ Dream Pop ได้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในแนวดนตรีกระแสหลักไปแล้ว อย่างไรก็ตาม Dream Pop ไม่ใช่ของใหม่แกะกล่อง ไม่ได้เพิ่งเริ่มต้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ประวัติศาสตร์ของมันยาวนานมาตั้งแต่ช่วงยุค 80 วันนี้ UNLOCKMEN เลือกพูดถึง 10 อัลบั้ม Dream Pop ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจบุัน อ้างอิงจากการจัดอันดับของ Pitchfork Floating Into the Night (1989) Artist: Julee Cruise ย้อนไป ณ ยุคบุกเบิกของ Dream Pop อัลบั้ม Floating Into the Night ของศิลปินสาวจาก ไอโอวา สหรัฐอเมริกา Julee Cruise คือหนึ่งในอัลบั้มที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด เมื่อ Falling หนึ่งในเพลงจากอัลบั้มนี้ได้รับเลือกจาก David Lynch ให้เป็นเพลงเปิดของ Twin Peaks ซีรีส์แนวลึกลับสืบสวนที่ดังที่สุดในยุคนั้น
ณ ที่แห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา UNLOCKMEN มีสนทนากับ ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ ศิลปินมาดเท่จากค่าย ME Records ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ในขณะที่คุณฮิวโก้กำลังเดินเลียบเจ้าพระยาพร้อมกีตาร์คู่ใจ ขณะที่กำลังยืนมองเขาจากด้านหลังความคิดหนึ่งก็แว่บเข้ามาในหัวเรา ทางเดินเลียบเจ้าพระยาที่ร้อนระอุด้วยแสงแดด แออัดด้วยผู้คน ก็เปรียบเหมือนเส้นทางบนถนนสายดนตรีที่ยาวนานของเขา และแน่นอนว่ามันไม่ได้มีแค่ความราบรื่น หลังจากถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่เราจะได้นั่งละเลียดสนทนากับเขา เดินทางบนถนนสายดนตรีมากี่ปีแล้วครับ? “ถ้าเป็นทางการก็น่าจะประมาณ 19 ปีครับ” แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ดนตรีของคุณฮิวโก้มีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปอย่างไรบ้าง? “มันน่าจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัยมากกว่า เพราะว่าสิ่งที่เราต้องการหรือสิ่งที่เราชอบมันเปลี่ยนไปตามอายุ ความก้าวร้าวของวัย 20 กับ 30 ปลาย ๆ มันไม่เท่ากัน การเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราสนใจ ก็ต่างกัน เสียงที่เราได้ยินก็เปลี่ยนไป แต่มันก็มีแกนบางอย่างที่ไม่เปลี่ยน เป็นธรรมดาของพัฒนาการมนุษย์ ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงแต่ก็ยังเหลือแก่นความเป็นตัวตนอยู่” 19 ปีถือว่านานมาก อะไรที่ทำให้คุณฮิวโก้ยังยืนหยัดอยู่ตรงนี้ได้? “อธิบายยาก มันเป็นความรู้สึกตอนที่เราฟัง ความรู้สึกตอนที่เราร้อง หรือตอนที่เราแสดงกับวง มันเป็นอะไรที่ผมยังหาสิ่งอื่นมาแทนไม่ได้ในความสะใจ ความสบายใจนี้ ความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีต่อหน้าคนดู มันไม่มีอะไรจริงกว่านี้แล้ว โอกาสที่จะพลาด แรงกดดัน ความคาดหวังของคนดู ตัวเราเอง และเพื่อน ๆ
John Wick : Chapter 3 ภาพยนตร์โคตรระห่ำที่ผู้ชมทั้งโลกตั้งหน้าตั้งตารอคอยการกลับมาของ คีอานู รีฟส์ พระเอกสุดเก๋าในบทนักฆ่าสวมสูทมาดเท่ ครั้งนี้ John Wick มาพร้อมกับชื่อภาค Parabellum ซึ่งอ้างอิงถึงภาษาลาตินที่ว่า “Si vis pacem , Para bellum” ในความหมายคือ “ถ้าต้องการสันติ จงเตรียมรับมือกับสงคราม” เรียกได้ว่าเป็นชื่อที่เหมาะกับสถานการณ์ของจอห์นที่นั่งไม่ติดในภาคนี้จริง ๆ เรื่องราวในหนังภาคสามก็อย่างที่แฟนคลับ John Wick รู้กันดีว่าเป็นการดำเนินเรื่องต่อจากตอนจบของภาคที่แล้ว เมื่อจอห์นถูกตัดหางปล่อยวัด (Excommunicado) เพราะแหกกฎศักดิ์สิทธิ์ขององค์กรที่บอกว่า “ห้ามฆ่าคนในพื้นที่ของโรงแรม The Continental” ทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของมือสังหารในเครือข่ายจากทั่วโลกที่ต้องการค่าหัวจำนวน 14 ล้านเหรียญ จอห์น วิค เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่หมายสั่งตายจากเบื้องบนหรือที่เรียกกันว่าสภาสูงจะมีผลบังคับใช้ ฉากตัวอย่างที่ถูกปล่อยออกมาจอห์นต้องวิ่งฝ่ามหานครนิวยอร์กในสภาพที่ดูไม่ได้ ซึ่งผิดนิสัยของจอห์นที่พร้อมจะบวกกับทุกคน แต่เมื่อเหตุการณ์มันบังคับ การเอาตัวรอดเป็นสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนั้น สถานที่ที่คาดว่าเป็นเป้าหมายแรกของจอห์นน่าจะเป็นหอสมุดประชาชนนิวยอร์ก ซึ่งถ้าดูจากในแผนที่แล้วหอสมุดนั้นอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เขาวิ่งมาคือ Central Park เราจะพาทุกคนไปไขความลับการล้างมลทินของจอห์น วิค กับของสำคัญหลายชิ้นที่จอห์นแอบซ่อนไว้ในหนังสือ ณ
ความรักอาจเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต แต่ความสัมพันธ์ในรูปแบบคนรักเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จริงอยู่ว่าการมีคนรักที่ดีและสุขสมหวังในความรัก รวมถึงการมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนใฝ่ฝัน แต่ในความเป็นจริงสำหรับบางคนก็ถึงเวลาที่ต้องยอมรับว่า “วัความสัมพันธ์หอมหวานไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน” ประโยคนี้เป็นเรื่องจริงที่สุด วันนี้ UNLOCKMEN มีหนัง 5 เรื่องมาให้คุณได้รู้ซึ้งถึงความรักที่ไม่ได้หอมหวานหรือน่ารัก แต่ไม่ว่าจะมีความรักความสัมพันธ์แบบไหน เราก็ต้องมีชีวิตต่อไป The Lobster หนังตลกร้ายที่บอกเล่าผ่านความสัมพันธ์ผ่านพล็อตเรื่องโดดเด่น แปลกใหม่ แสบสันและจิกกัด มีฉากเป็นโลกกึ่งดิสโทเปียที่การไม่มีคู่ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย คนโสดไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรจะโดนส่งตัวไปที่โรงแรม The Hotel ผู้ที่ถูกส่งไปมีเวลา 45 วันในการหาคู่ให้สำเร็จ ประเด็นมันอยู่ตรงที่ถ้าใครยังหาคู่ไม่ได้ในเวลาที่กำหนดจะถูกทำให้กลายเป็นสัตว์ หนังเรื่องนี้ถูกตีความเป็นหนังนอกกระแส แต่ก็ดูได้เพลิน ๆ ถ้าพูดถึงความสนุกมันก็เป็นเรื่องของรสนิยมส่วนบุคคลของพวกคุณแล้วแหละ 500 Days of Summer เมื่อความรักเป็นเรื่องของพรหมลิขิต Tom (Joseph Gordon-Levitt) ชายหนุ่มที่เชื่อในเรื่องพรหมลิขิตและ Summer (Zooey Deschanel) หญิงสาวที่เชื่อว่าความรักเป็นเรื่องเพ้อฝัน 500 วันแห่งเรื่องความรักของเขาและเธอจะหวานขมปนเฝื่อนขนาดไหน? เรื่องราวในหนังอาจจะเตือนใจใครบางคนได้ว่าคนที่คิดแบบเดียวกับเรา หรือทำอะไรเหมือนเรา ไม่ได้แปลว่าเขาคนนั้นจะเป็นเนื้อคู่ของเรา เพราะความหวานชื่นตลอดไปอาจไม่มีอยู่จริง Equals equals หนังโรแมนติกไซไฟในโลกยูโทเปียในอนาคตที่ไร้อาชญากรรม พลเมืองทุกคนถูกตัดต่อพันธุกรรมสะกดต่อมอารมณ์เอาไว้ ทุกคนตัดขาดความสัมพันธ์ส่วนตัว
ตัวตนของผู้ชายไม่ได้มาจากลักษณะนิสัยและความคิดภายในเท่านั้น แต่การเลือกข้าวของเครื่องใช้สามารถนิยามตัวตนของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะ “นาฬิกา” ที่อยู่บนข้อมือของเรา ไม่ว่าจะไปติดต่องานหรืองานเลี้ยงสังสรรค์ที่ไหนก็เป็นปราการด่านแรกที่ทุกคนมองเห็น การเลือกนาฬิกาที่เหมาะสมจึงไม่ได้เป็นเพียงการเลือกเครื่องบอกเวลาเท่านั้น แต่นาฬิกาสามารถบอกตัวตนของผู้สวมใส่ได้อีกด้วย จึงไม่แปลกที่ในภาพยนตร์แต่ละเรื่อง ตัวละครแต่ละตัวจะมีนาฬิกาคู่ใจเพื่อใช้บ่งบอกคาแรกเตอร์อันโดดเด่นที่ผู้กำกับหรือผู้สร้างต้องการสื่อให้ผู้ชมเห็น ดังนั้นนาฬิกาใดที่จะถูกนำมาใส่จึงต้องมีความสมจริงกับคาแรกเตอร์ในภาพยนตร์ และตัวนักแสดงต้องโอเคกับนาฬิกาเรือนนั้นด้วย ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วจะเข้ามาปรากฎตัวในหนังระดับโลกได้ง่าย ๆ Hamilton จึงถือเป็นอีกแบรนด์นาฬิกาที่มีหลากรุ่น หลายซีรีส์ มีเรื่องราวและประวัติอันยาวนาน เดินทางผ่านหน้าประวัติศาสตร์มากว่า 127 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งแบรนด์ขึ้นที่เมืองแลงคาสเตอร์ รัฐเพนซิลวาเนีย ในปี 1892 ด้วยความคลาสสิกและเต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Hamilton ทำให้ตั้งแต่ปี 1932 เป็นต้นมามีนาฬิกา Hamilton สารพัดรุ่นถูกนำไปปรากฏโฉมอยู่บนจอเงินในภาพยนตร์มากถึง 500 เรื่อง เพราะนอกจากการเป็นอุปกรณ์บอกเวลาแล้ว นาฬิกา Hamilton แต่ละรุ่นยังเป็นเครื่องบ่งบอกตัวตนของผู้สวมใส่อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ฟังก์ชันความเที่ยงตรง แต่ยังเต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมและเรื่องราวมากมาย เสริมคาแรกเตอร์ตัวละครในภาพยนตร์แต่ละเรื่องให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ที่สำคัญแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของ Hamilton ที่ Hollywood อุตสาหกรรมความบันเทิงระดับโลกไว้วางใจ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือยังไง แต่ภาพยนตร์จำนวนมากที่มี Hamilton อยู่บนข้อมือตัวแสดง มักจะประสบความสำเร็จอย่างมากเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นระดับ Oscar Nominations หรือกระทั่งคว้ารางวัล Oscar
แฟนหนังที่ชื่นชอบเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ไม่ว่าจะเป็นทีม Marvel หรือ DC ต่างต้องเคยได้ยินเรื่องราวของชายที่ชื่อว่า Shazam กันมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ตามจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่อาจจะคิดว่า Shazam คือชื่อของแอปพลิเคชั่นช่วยค้นหาชื่อเพลง เพราะฮีโร่ Shazam ยังเป็นของใหม่สำหรับใครหลายคน ด้วยเหตุนี้เอง UNLOCKMEN จึงอยากพาไปทำความรู้จักกับฮีโร่สุดป่วนที่ได้รับพลังพิเศษจากเทพเจ้าให้มากขึ้น Shazam คือฉายาของฮีโร่ชุดแดงที่เป็นอีกร่างหนึ่งของเด็กชายวัย 14 ปี นามว่า Billy Batson เด็กกำพร้าที่ใช้ชีวิตทั่วไปแบบคนธรรมดา แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้พบกับจอมขมังเวทย์ที่มอบ “พรจากพระเจ้า” ที่เปลี่ยนชีวิตของเด็กกำพร้าคนนี้ไปตลอดกาล พรที่ว่าคือความสามารถเหนือมนุษย์จากเทพเจ้าทั้ง 6 ได้แก่ Solomon เทพเจ้าแห่งปัญญา Hercules ชายผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งพละกำลัง Atlas ตัวแทนของความทรหดอดทน Zeus เทพเจ้าสูงสุดผู้อยู่เหนือเทพทั้งปวงที่มาพร้อมกับสายฟ้าฟาด Achiles เทพเจ้าผู้เต็มไปด้วยความกล้าหาญ และ Mercury เทพเจ้าแห่งความเร็ว เมื่อนำพยัญชนะแรกของเทพเจ้าทั้งหมดมารวมกันจะได้คำว่า “SHAZAM” เมื่อเด็กหนุ่มได้รับพรจากพระเจ้ามาแล้ว สิ่งต่อไปที่เขาต้องเรียนรู้คือการนำพลังพิเศษออกมาใช้ โดยการเรียกพลังในแต่ละครั้งนั้นแสนง่ายดายเพียงแค่พูดว่า “Shazam” ก็จะเกิดสายฟ้าฟาดใส่ตัวและทำให้บิลลี่กลายร่างเป็น Shazam ฮีโร่ผู้มาพร้อมกับความสามารถของเทพเจ้าทั้ง 6 คน สวมชุดที่สีแดงสดและสัญลักษณ์สายฟ้าฟาดสีเหลืองโดดเด่นตรงกลางอก และเมื่อต้องการกลับร่างเดิมก็ทำได้ง่าย ๆ
เสียง “Victory Lap” ดังก้องอยู่ในหูและเป็นหนึ่งในลิสต์เพลงแร็ปฯ ที่เรายังนั่งฟังวนกัน แต่บ่ายวันนี้ เสียงเพลงเบากว่าเสียงปืนที่ดังขึ้น พร้อมข่าวดังที่ทำให้พวกเราแฟนเพลงของเขา “NIPSEY HUSSLE” ต้องใจหาย เมื่อนักแร็ปอเมริกันชื่อดังจากเราไปกะทันหันจากกระสุนที่วิ่งเข้าร่างเขา ขณะที่ยืนอยู่หน้า Marathon Clothing ร้านขายเสื้อผ้าของตัวเองใน Hyde Park สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนเดนตายของ “NIPSEY” อาจได้ยินชื่อของเขาผ่านหูจากงาน Grammy Award ครั้งที่ 61 ที่เพิ่งจัดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะเขาคือหนึ่งในห้าผู้ได้รับการเสนอชิงรางวัล Best Rap Album 2019 แม้สุดท้ายรางวัลนี้จะตกไปอยู่กับ Cardi B ก็ตาม แต่การมีชื่อเขาเข้าเสนอชิงรางวัลเดียวกันกับคนดัง ๆ หลายคนที่เคยได้รับการเสนอชื่อมาเป็นประจำ ทั้ง Eminem Jay-z หรือ Kendrick Lamar ก็การันตีได้ว่า ผลงานของเขาไม่ธรรมดาเช่นกัน เพื่อไว้อาลัยการจากไปของ NIPSEY HUSSLE เราขอเสนอประวัติของเขาให้พวกคุณได้สัมผัส จากหลากหลายมุมมอง พร้อม 5 Tracks ยอดนิยมขณะนี้ที่คัดสรรมาให้เปิดคลอเพื่อรำลึกถึงเขา
เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากมังงะเรียกเขาว่าอีกาเล่ม 1-26 และ Worst เล่ม 1-33 เท่านั้น ถ้าถามเด็กผู้ชายยุค 90-2000 เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักผลงานมังงะอันเลื่องชื่อของอาจารย์ ฮิโรชิ ทากาฮาชิ เรื่อง เรียกเขาว่าอีกา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนี่คือหนึ่งในมังงะสายนักเลงที่ประสบความสำเร็จที่สุด ครั้งหนึ่งเราเคยอยากสูบบุหรี่ยี่ห้อ Seven Stars เคยอยากขี่มอเตอร์ไซค์ เคยอยากใช้กำลังเป็นตัวตัดสินถูกผิด เลียนแบบตัวละครในเรื่อง แต่สุดท้ายเมื่อได้อ่านจนจบ สิ่งที่เราได้จากมังงะเรื่องนี้กลับเป็นมุมมองด้านมิตรภาพที่ไม่สามารถหาได้จากหนังสือเรียนเล่มไหน เมื่อพูดถึง เรียกเขาว่าอีกา ก็ต้องนึกถึง โรงเรียนมัธยมปลายซูซูรัน โรงเรียนของเหล่าตัวเอกในเรื่อง เป็นโรงเรียนที่เปรียบเหมือนฝูงอีกาฝูงใหญ่ ไม่มีใครสามารถรวมให้เป็นหนึ่งได้ ทุกคนต่างยึดมั่นในศักดิ์ศรีไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างใคร อย่างไรก็ตามท่ามกลางฝูงอีกาอันเกรี้ยวกราด ก็มีอีกาบางตัวที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่น ๆ เราเรียกพวกเขาว่า ผู้ยิ่งใหญ่แห่งซูซูรัน พวกเขาเหล่านี้คือผู้ใกล้เคียงที่จะรวบรวมฝูงอีกาให้เป็นหนึ่งเดียวมากที่สุด และวันนี้เราจะไปทำความรู้จักพวกเขากัน โบยะ ฮารุมิจิ โบยะ ฮารุมิจิ พระเอกของเราคือนักเรียนรุ่นที่ 25 แห่งโรงเรียนมัธยมซูซูรัน เขาปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับในวันเปิดเรียนวันแรกในฐานะนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่ 2 ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปว่าเจ้าหนุ่มผมทอง ท่าทางกวนอวัยวะเบื้องล่าง เจ้าชู้ชีกอ ดูไม่มีพิษมีภัยนี้เป็นใครมาจากไหน ถึงจะไม่ได้ไประรานใครก่อน แต่ด้วยเอกลักษณ์ที่ใครเห็นก็ต้องหมั่นไส้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนเหล่าอันธพาลในโรงเรียนหาเรื่อง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เราคนอ่านและบรรดานักเรียนของซูซูรันได้รับรู้พร้อมกันว่าภายใต้นิสัยที่ดูไม่เอาไหน แท้จริงแล้วเจ้าผมทองคนนี้มีฝีมือการชกต่อยแสนร้ายกาจ สามารถล้มคู่ต่อสู้นับสิบได้แบบสบาย ๆ ใช้เวลาไม่นาน ชื่อของ โบยะ
ในโลกมีผู้กำกับไม่กี่คนที่เราดูหนังเขาเพียงไม่กี่นาทีก็รู้ทันทีว่านี่คือฝีมือการกำกับของใคร เนื่องจากลายเซ็นและเอกลักษณ์อันชัดเจนที่แทรกอยู่ในทุกไดอะล็อก ทุกซีน หนึ่งในผู้กำกับตามนิยามที่ว่านั้นต้องมีชื่อของ Quentin Tarantino ผู้กำกับหนุ่มใหญ่วัย 56 จาก เทนเนสซี สหรัฐอเมริการวมอยู่ด้วยแน่นอน หนังบ้าอะไรวะเนี่ย แม่งพูดกันทั้งเรื่อง! ลายเซ็นที่ชัดเจนของหนัง Quentin คือการดำเนินเรื่องที่ฉับไว และบทสนทนาน้ำไหลไฟดับที่บางครั้งก็เลยเถิดไปไกลจนไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง สำหรับบางคนมันคือเสน่ห์ แต่อีกหลายคนก็รู้สึกรำคาญ ดังนั้นความเห็นต่อหนังของ Quentin เสียงจึงแตกเป็น 2 ฝ่าย ไม่รักหัวปักหัวปำ ก็เกลียดไปเลย Esquire ความรักที่แฟนหนังมีต่อ Quentin เห็นได้ชัดจาก Once Upon a Time in Hollywood ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา หลังจากปล่อยภาพโปสเตอร์ รายชื่อนักแสดง เรื่องย่อ และ Trailer ออกมา ทั่วโลกก็ตกอยู่ในภาวะ Hype เกิดเป็นกระแสวงกว้างในโลกออนไลน์ ก็แน่ล่ะ Leonardo DiCaprio ประชันบทบาทกับ Brad Pitt เพิ่มความสดใสด้วย Margot Robbie กำกับโดย Quentin Tarantino มาในพล็อตจิกกัดวงการฮอลลีวูดยุค 60 ใครบ้างจะไม่อยากดู ปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่าชื่อของ Quentin Tarantino ได้ก้าวสู่ทำเนียบผู้กำกับชั้นนำระดับโลกอย่างเต็มตัวแล้ว