ถ้าพูดถึงชื่อแบรนด์ FILA เราคงนึกภาพแบรนด์สำหรับ Sportswear สีสันซ้ำ ๆ ที่มีวางขายทั้งของปลอมของแท้จนยากจะแยก ทำให้ตลาดแฟชั่นในบ้านเรามองข้ามแบรนด์กีฬาเก่าแก่นี้ไป แต่ถ้าหากย้อนกลับไปมองอดีตที่ผ่านมาดี ๆ แล้วละก็ คุณอาจจะเห็นว่า FILA นั้นมีการปรับตัวและสอดแทรกตัวเองไว้ในวงการแฟชั่นเสมอแถมยังอยู่รอดมาได้เป็นร้อย ๆ ปีอีกด้วย ที่สำคัญคือตอนนี้ FILA กำลังมีแผนที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ของตัวเองกลับมารันวงการแฟชั่นอีกครั้ง FILA เป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาสัญชาติอิตาลีอายุมากกว่า 107 ปี ก่อตั้งเมื่อปี 1911 โดยผู้ก่อตั้ง Johan Fila เริ่มจากการผลิตชุดชั้นในออกวางขาย จนกระทั่งปรับเปลี่ยนตัวเองตามยุคสมัยและมาลงเอยที่การเป็นเสื้อผ้ากีฬา กระทั่งก้าวเข้าสู่ช่วงปี 1970-1980 พวกเขากลายเป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นมหาอำนาจของยุโรป ผลจาก Campaign ร่วมงานกับสุดยอดนักเทนนิสแห่งยุคสมัย Björn Borg ซึ่งสวมใส่ Fila Settanta MK1 track suit ขึ้นชูถ้วยแชมป์ Wimbledon ปี 1980 จนทำให้มันกลายเป็นตำนานและได้รับความนิยมไปทั่วอิตาลี แถมยังส่งต่อชื่อเสียงของแบรนด์ให้กระจายตัวไปนอกประเทศโดยเฉพาะอังกฤษ ซึ่งดูเหมือนจะชื่นชอบเสื้อผ้าของพวกเขาเป็นพิเศษในหมู่ฮูลิแกนแฟนลูกหนังสายฮาร์ดคอ แต่เป้าหมายของ FILA ไม่ได้ต้องการจบแค่ในยุโรปพวกเขาเริ่มบุกตีตลาดสหรัฐอเมริกาโดยเลือกเจาะเข้าทางกีฬายอดนิยมอย่างบาสเกตบอล ซึ่งในตอนนั้นพรีเซนเตอร์ของ FILA ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย เพราะมีผู้เล่นแนวหน้าของยุคมากมายไม่จะเป็น Grant
ใกล้จะปลายปีแบบนี้ เชื่อว่าหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ทั้งหลาย คงวุ่นวายอยู่กับการวางแผนจัดทริปเที่ยวต่างประเทศ เตรียมบินไปเสพบรรยากาศดี ๆ ต้นฤดูหนาว แต่นอกจากจะใช้เวลาไปกับการหาข้อมูล จัดโปรแกรมเที่ยวแบบมือโปรเน้นเก็บครบทุกพิกัดไฮไลต์ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความใส่ใจไม่น้อยไปกว่ากัน นั่นก็คือเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ต้องสวมใส่ในวันเดินทาง รวมถึงต้องจัดกระเป๋าเตรียมใส่ไปเที่ยว เพื่อความหล่อเฟี้ยวดูดีมั่นใจได้ตลอดทริป ซึ่งพอดีกับที่ A|X Armani Exchange ได้ปล่อยเสื้อผ้าคอลเลคชัน Fall/Winter ออกมา และเต็มไปด้วยไอเทมอย่าง Sweater, Sweatpants, T-Shirt, Backpack, Sneakers และ Cap ที่เรียกได้ว่าเป็น Travel Essential Pieces คู่กาย หนุ่มนักท่องเที่ยวสายสตรีท ซึ่งหลงใหลในการแต่งตัวแบบ Street Style เน้นความเท่แบบเรียบง่าย ที่สำคัญคือต้องสวมใส่สบาย พร้อมรับมือทุก Flight ไม่ว่าจะบินใกล้ บินไกล ก็นั่ง นอน ยืน เดินได้สบายทุกท่วงท่า แถมใส่เที่ยวต่อได้แบบชิล ๆ ซึ่งใครที่กำลังกลุ้มใจว่าทริปเที่ยวรับลมหนาวที่กำลังจะมาถึง จะแต่งตัวยังไงถึงจะตอบโจทย์ได้ทั้งความ Comfortable
สำหรับหนุ่มสายแฟชั่นญี่ปุ่นคงไม่มีทางไม่รู้จัก BEAMS แบรนด์แฟชั่นเครื่องแต่งกายลำลองสำหรับผู้ชายและไลฟ์สไตล์ครีเอเตอร์แบรนด์ดัง สไตล์ญี่ปุ่นแนวคิด BASIC (เรียบง่าย) และ EXCITING (น่าตื่นเต้น) สำหรับคอลเลคชั่นฤดูกาล AW 18/19 นี้นั้นได้นำเสนอในธีม ‘NORTH IDENTITY’ หรือเอกลักษณ์ของชาวเหนือ โดยได้แรงบันดาลใจจากสไตล์สตรีทที่เกิดขึ้นในชนชั้นคนทำงานที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ อย่างเมืองแมนเชสเตอร์และลิเวอร์พูลช่วงปี 1990 ถึงปี 2000 ในคอลเลกชั่นนี้จะได้พบกับไอเท็มที่เป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงความเป็นอังกฤษ อย่างเสื้อโอเวอร์โค้ท หมวกแก๊ปล่าสัตว์ ผ้าลายตาราง tartan และผ้าลายตาราง glen check จับคู่กับชุดกีฬาอย่างยูนิฟอร์มฟุตบอล และผสมผสานกับชุดทำงาน โดย BEAMS ได้เลือก 4 แนวคิดหลักที่มีกลิ่นอายความเป็นอังกฤษ ได้แก่ ชุดแบบดั้งเดิม ชุดกีฬา ชุดทำงาน และชุดทหาร พร้อมกับใส่ความสนุกสนานและการใช้งานได้จริงแบบ BEAMS ลงไป ออกมาเป็นคอลเลคชั่นที่เป็นสไตล์แปลกใหม่ BEAMS PLUS ‘All you need is IVY’ BEAMS
กลับมาอีกครั้งสำหรับการร่วมมือกันระหว่างโคตรแบรนด์สตรีทอย่าง Supreme และเจ้าพ่อแบรนด์กีฬาอย่าง NIKE หลังทั้งสองได้ปล่อย Collaboration ชุดล่าสุดออกมาให้เราได้ยลโฉมกันในชุด SUPREME x NIKE FW2018 Collection ซึ่งคงจะถูกใจเหล่าแฟนเดนตายที่หลงใหลใน Vintage Sportswear ไม่มากก็น้อย เพราะผลงานชุดล่าสุดนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นเสื้อผ้ายุค 90’s ที่อัดแน่นเอาไว้เต็มเปี่ยม Retro 90’s Styles จุดเด่นของคอลเลกชันคือการดึงเอาเสน่ห์ของเสื้อผ้า Vintage Sportswear ย้อนยุคให้กลับมาโลดแล่นอยู่บนรันเวย์แฟชั่นยุคปัจจุบันอีกครั้งตามกระแสนิยม ไม่ว่าจะเป็น Jacket, Vest, Hooded Sweatshirt, Crewneck, Jacquard Polo ไม่เพียงแค่นั้น Nike ยังหยิบเอา Retro Swoosh ดั้งเดิมของแบรนด์ที่เคยใช้มาตั้งแต่ปี 1978 กลับมาอีกครั้ง เมื่อทั้งสองอย่างมารวมกันทำให้เสื้อผ้า Collection นี้ทวีคูณความคลาสสิกขึ้นเป็นเท่าตัว ถ่ายทอดผ่าน 4 โทนสีหลักได้แก่ Maroon, Yellow, Navy และ Black ซึ่งแต่ละชุดจะออกมาถูกใจผู้ชายอย่างเราแค่ไหนไปดูกัน Work Jacket
ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ชายแบบเราได้กลายเป็นเหยื่อของคำวิพากษ์วิจารณ์และทัศนคติแง่ลบบนโซเชียลมีเดีย เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เราโพสต์ลงบนโลกออนไลน์ ถ้ามันดันไปไม่ถูกใจใครเข้าก็พร้อมมีคนคอยพุ่งเป้าวิจารณ์อยู่เสมอและเมื่อถูกกระหน่ำซ้ำเติมจากความไม่พอใจหรือความเกลียดชัง ตัวผู้ถูกวิจารณ์ส่วนมากก็มักจะหลบหนีออกจากตรงนั้นทั้งที่จริง ๆ แล้วอาจลืมไปว่าการซ่อนตัวจากความรู้สึกแย่ ๆ ไม่ได้ช่วยให้เรื่องราวดีขึ้นมาจากเดิมเลย แต่ถ้ามองกลับกันยิ่งถ้าเราแสดงออกว่าไม่ได้ใส่ใจต่อความเกลียดชังและคำวิจารณ์ในแง่ลบพวกนั้น พลังด้านลบของมันก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้และจุดนี่เองที่กลายมาเป็นเหตุผลของการเปิดตัวคอลเลคชัน Haute Couture ของ Diesel ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อลดทอนบทบาทของความเกลียดชังจากคำวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมสู่ตัวบุคคล จุดเริ่มต้นของไอเดียนี้จะเป็นอะไรไปได้นอกจากสิ่งที่หลายคนต้องพบเจออยู่ทุกวัน การหยิบจับเอาความไม่ชอบและคำวิจารณ์ที่แบรนด์ Diesel ได้รับมาเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นคำว่า “แบรนด์ Diesel น่ะ ตายไปแล้ว” หรือว่า “Diesel ไม่เห็นจะเจ๋ง ไม่ได้ดูเท่เหมือนเดิมแล้ว” พวกเขาจึงตัดสินใจนำคำเหล่านั้นมาออกแบบเสื้อผ้าในคอลเลคชันนี้ ให้เจ้าของคำพูดได้เห็นด้วยการยืดอกภูมิใจโดยเปลี่ยนคำวิจารณ์ทั้งหลายให้เป็นชิ้นงานดีไซน์อันมีเอกลักษณ์โดดเด่นและสวมใส่อย่างมั่นใจ แต่หากมองดูดี ๆ แล้วเราจะเห็นกลุ่มคนที่มักจะต้องเจอกับผลกระทบจากคำวิพากษ์วิจารณ์ ความไม่ชอบไม่ถูกใจหรือแม้แต่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคมในกรณีที่ทำอะไรผิดพลาดหรือไม่ถูกใจใครเข้า ซึ่งกลุ่มคนผู้ต้องพบเจอเรื่องแย่ ๆ พวกนั้นบ่อยที่สุดคงจะหนีไม่พ้นบรรดาเหล่าเซเลบริตี้และบุคคลมีชื่อเสียงที่มีผู้ติดตามทางโซเซียลมีเดียหลายล้านคน Diesel’s จึงเริ่มแคมเปญ Haute Couture ขึ้นมาร่วมกับใช้แรงบันดาลใจจากเซเลบริตี้ระดับโลก อย่าง นิกกี้ มินาจ (Nicki Minaj), กุชชี่ เมน (Gucci Mane), เบลล่า ธอร์น (Bella Thorne), บรีอา วิไนที (Bria
อาดิดาส ออริจินอลส์ เผยจิตวิญญาณอันแน่วแน่ของ Prophere ด้วยการปล่อยซีรี่ย์ภาพที่แสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยว ความมั่นใจในการเป็นตัวของตัวเองของเหล่าครีเอเตอร์ การปล่อยรองเท้ารุ่นล่าสุดนี้เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า Prophere เป็นรองเท้าสำหรับคนที่เป็นตัวของตัวเอง เป็นผู้นำของคนที่มีความคิดนอกกรอบ นักร้องแร็ปดาวรุ่งจากฝั่งตะวันตก SOB x RBE เป็นที่รู้จักในด้านการร้องที่ไม่ยึดตามแบบฉบับสากล โดดเด่นด้วยจังหวะเฉพาะตัว และความเป็นตัวของตัวเอง นั้นได้ถูกถ่ายทอดตัวตนผ่านซีรี่ย์ภาพที่ห่อหุ้มความคิดของบุคคลภายนอกออกมาเป็นรากฐานของรูปแบบ Prophere ภาพถ่ายนั้นถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ จากสนามหญ้าที่บ้านของพวกเขาในเมือง Vallejo, California เพื่อส่งมอบมุมมองและตัวตนที่แท้จริง “จากภายใน” ของพวกเขา การใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ คนใกล้ชิดที่มีทัศนคติ บุคลิก และพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกัน ในบรรยากาศที่คุ้นชิน หล่อหลอมให้เรากลมกลืนไปกับเหล่าพวกพ้องของตนเอง การแร็ปของแร็ปเปอร์ทั้งสี่ที่มีความมั่นใจผสานด้วยจิตวิญญาณอันแน่วแน่ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดรองเท้าโฉมใหม่สำหรับฤดูใบไม้ร่วง 2018 นี้ ที่เผยทั้งความกล้าหาญและความโดดเด่นกับ 2 เฉดสี โดยรองเท้านั้นประกอบด้วยแถบสีดำที่ส่วนด้านบนและส่วนกลาง เพิ่มสีสันด้วย 3 แถบเอกลักษณ์จากอาดิดาส ทั้งสีขาว และสีชมพู ซึ่งทำให้ Prophere นั้นเป็นตัวแทนของสายสตรีทที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและกล้าคิดกล้าทำ ด้วยเอกลักษณ์ที่แตกต่าง แนวทางที่ชัดเจน Prophere ยังคงมุ่งมั่นสร้างบรรทัดฐานที่คุ้นเคยในการสร้างสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ และสิ่งที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร Prophere
ในโลกของวงการแฟชั่น สิ่งที่เป็นตัววัดคุณภาพของแต่ละแบรนด์ สามารถดูได้จาก Brand Heritage ที่มาพร้อมอายุเก่าแก่ของแบรนด์นั้น ๆ เพราะในโลกที่แฟชั่นเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แบรนด์ที่สามารถดำรงอยู่มาได้ยาวนาน ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์คุณภาพได้ รวมถึงความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยยังคงบาลานซ์ DNA ดั้งเดิมของแบรนด์เอาไว้ได้ครบถ้วน ไม่งั้นแบรนด์แฟชั่นเก่าแก่ ก็จะกลายเป็น Fast Fashion ที่ไม่มีเหตุผลและคุณค่าให้คนอยากสวมใส่ เช่นเดียวกับ Bally แบรนด์ High-Fashion ที่มีเสน่ห์ เป็นชื่อและโลโก้ที่สร้าง Perception ให้คนเข้าใจถึงคุณภาพและประวัติอันเก่าแก่ของแบรนด์ได้โดยอัตโนมัติ สำหรับเรา Bally เป็นแบรนด์ที่มีความน่าสนใจสำหรับผู้ชาย มีส่วนผสมของความหรูหราแต่ถ่อมตัว ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยลืมจิตวิญญาณของการเป็นนักผจญภัย อย่างที่ Carl Franz Bally ตั้งใจให้เป็นตั้งแต่วันก่อตั้งแบรนด์สาขาแรกในเมือง Schonenwerd ประเทศ Switzerland ปี 1851 ก่อนจะเริ่มส่งแบรนด์ Bally ขยายข้ามชายแดน Switzerland ได้ภายใน 6 ปีเท่านั้น ตั้งแต่วันแรก จุดเด่นทั้งด้าน Design และ Functionality อันเปรียบเสมือน 2
กลายเป็นข่าวฮือฮาวงการแฟชั่นเมื่อแอคเคาท์ Instagram ของแบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง COACH ได้ทำการโพสต์ต้อนรับแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครนอกจากตัวร้ายสุดคูลจาก The Black Panther อย่าง Michael B Jordan ในลุค Signature Hood สีเอกลักษณ์ของแบรนด์นอกจากนี้ยังมีข่าวอีกว่าการเปิดตัวครั้งนี้จะมาพร้อมกับการผลักดันไลน์เสื้อผ้าผู้ชายระลอกใหม่ที่จริงจังยิ่งกว่าเดิมจากห้องเสื้อ COACH อีกด้วย Stuart Vever ผู้รับตำแหน่ง Creative Director ของแบรนด์เล่าผ่านงานแถลงข่าวถึงสาเหตุที่ COACH ตัดสินใจเลือก Michael B Jordan มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ฟังว่า พวกเขารู้จัก Michael มาประมาณ 2-3 ปีแล้ว โดยถ้าเล่าจากมุมมองของแบรนด์ พระเอกมาดเข้มคนนี้มีความเยือกเย็นในตัว ซึ่งหลายครั้งก็ปรากฏตัวในเสื้อผ้าของ COACH ที่ดูดีมีความเป็นธรรมชาติเสมอ และนั่นเองทำให้เขาคิดว่า Michael จะต้องเป็นผู้ชายที่เข้ากันกับ DNA ของแบรนด์ได้ดีมาก ๆ อย่างแน่นอน จึงได้ตัดสินใจดึงตัวมาร่วมงานกันและจะเริ่ม launch โปรเจกต์ต่าง ๆ กันในเร็ววันนี้ คาดกันว่าการเปิดตัวนักแสดงวัย 31
หล่อเนี้ยบ ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ชายสุขุมเรียบร้อยเสมอ ไม่ว่าเป็นผู้ชายสไตล์ไหน ๆ ก็สามารถหล่อเนี้ยบดูดีได้เช่นกัน ห้าง CENTRAL จึงรวมไอเท็มชิ้นเด็ดที่จะช่วยเติมลุคของหนุ่ม ในทุกสไตล์ให้หล่อเนี้ยบในแบบของคุณได้กับแคมเปญ “Central | ZEN Men With Style” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 กันยายน – 2 ตุลาคม 61 ณ แผนกบุรุษ ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และ ZEN พร้อมส่วนลดสูงสุด 30% เมื่อซื้อสินค้าปกติ รู้อย่างนี้คงรอไม่ได้ รีบตามไปดูไอเท็มที่จะช่วยมิกซ์ลุคใหม่ของหนุ่ม ๆ ได้อีกหลายสไตล์ เบลเซอร์และแจ็กเก็ต ถ้าพูดถึงผู้ชายลุคเนี้ยบหลายคนต้องถึงสูท เบลเซอร์ หรือแจ็กเก็ตเป็นอันดับแรก เพราะเป็นไอเท็มที่ช่วยเสริมความหล่อเนี้ยบได้เป็นอย่างดี ซึ่งเดี๋ยวนี้สูทและเบลเซอร์ก็มีหลากหลายดีไซน์ให้ได้เลือกมิกซ์แอนด์แมตช์เข้ากับสไตล์ของตนเอง อย่าง หนุ่มมาดเข้มอาจเลือกสูทสีพื้น หนุ่มเซอร์อาจเลือกสูทสีเข้มลายตาราง หรือหนุ่มที่แต่งตัวจัดจ้านอาจจะเลือกแจ็กเก็ตสีสันสดใสมามิกซ์แอนด์แมตช์เพิ่มสไตล์ของคุณให้เนี้ยบมากยิ่งขึ้น เสื้อประเภทต่าง ๆ ใช่ว่าเสื้อเชิ้ตจะสร้างลุคเนี้ยบให้กับหนุ่ม ๆ อย่างเดียวเสมอไป เสื้อยืด หรือเสื้อโปโลสีพื้น อย่าง ขาว เทา ดำ
หลังจากตั้งตารอมาพักใหญ่ ในที่สุดเราก็ได้เห็นฝีไม้ลายมือแรกในการออกแบบของ Riccardo Tisci ดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียน ในฐานะผู้ที่มารับตำแหน่ง Chief Creative Officer คนใหม่ ให้กับแบรนด์เก่าแก่ของเกาะอังกฤษอย่าง Burberry แทน Christopher Bailey โดยหลายคนต่างคาดหวังกับความสามารถของเขาซึ่งเคยคืนชีพให้กับ Givenchy มาแล้ว Burberry เองแสดงก็ความมั่นใจโดยการ Rebranding แบรนด์เสียใหม่ ด้วยการเปลี่ยนลวดลาย Thomas Burberry monogram ครั้งแรกในรอบ 20 ปีให้มีความล้ำสมัยมากขึ้น อาจจะมากจนแฟน ๆ หลายคนตกใจในความเป็น Street ที่วัยรุ่นขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับแฮชแท็ก #newera อย่างเต็มภาคภูมิ ล่าสุดการ Debut ผลงานชุดแรกในฐานะ Chief Creative Office ของเขาก็ได้ปรากฏสู่สายตาชาวโลกผ่าน Collection Spring/Summer 2019 ใน London Fashion Week ที่พึ่งผ่านไป แต่ผลงานจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับแผนก Menswear ของห้องเสื้ออายุ 162 ปีแห่งนี้ได้มากน้อยแค่ไหนและมีอะไรน่าสนใจบ้างตามไปดูกัน
ใกล้เปิดร้านอย่างเป็นทางการเข้าไปทุกที กับแบรนด์ Streetwear ที่พวกเราต้องบินไปซื้อถึง Hong Kong วันนี้ Off-White ใกล้จะเปิดร้านสาขา Bangkok เข้าไปทุกที โดยใน Official Instagram account (@off___white___bangkok) ได้โพสความคืบหน้าที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวันเปิดตัว Opening Day 22 กันยายน 2018 นี้ แค่นั่งรถไป Siam Paragon ชั้น M ก็จะพบกับ Flagship Store ที่ยั่วยวนให้รูดบัตรเครดิตแบบตรง Collection กับทั่วโลก แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่าไม่ใช่แค่นั้น เปิดร้านที่ Bangkok แหล่ง Street Style อีกแห่งใน Asia ทั้งที จะให้เปิดเงียบ ๆ คงไม่ดีแน่ Off-White จึงปล่อยภาพ Teaser โชว์เสื้อผ้าสุดพิเศษ Bangkok Exclusive Capsule Collection
ผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ สำหรับงาน NBA Hall of Fame 2018 ซึ่งปีนี้มีอดีตผู้เล่นชื่อดังมากมายถูกรับเลือกให้เข้าสู่หอเกียรติยศ ไม่ว่าจะเป็นยอดการ์ดจ่ายอย่าง Steve Nash กับ Jason Kidd รวมไปถึงมือปืนระดับตำนานอย่าง Ray Allen ซึ่งดูจะพิเศษกว่าคนอื่นเมื่อได้เข้าทั้งหอเกียรติยศ แถมยังมีชุดของขวัญพิเศษหนึ่งเดียวจาก Air Jordan แบรนด์รองเท้าที่เขาใส่สมัยเป็นผู้เล่นให้อีกด้วย อดีตสตาร์ดังของวงการยัดห่วงจงรักภักดีต่อ Air Jordan เป็นอย่างมาก ไม่เคยเปลี่ยนยี่ห้อรองเท้าเลยตลอดระยะเวลาที่เล่นอยู่ในลีก โดยในยุคแรกเขาเป็น 1ใน 5 ผู้เล่นที่ถูก Michael Jordan เลือกให้ใส่รองเท้าของแบรนด์และประสบความสำเร็จมากมาย ได้แชมป์ NBA 2 สมัยปี 2008 และ 2013 ติดทีม All-Star 10 สมัย และทำลายสถิติการยิง 3 แต้มอีกมากมาย ซึ่งมันเป็นเหมือน Signature ส่วนตัวในสมัยโลดแล่นอยู่บนสนาม ทำให้ Air Jordan ตอบแทนความภักดีของเขาด้วยชุดรองเท้า