ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าไอเทมที่มีส่วนสำคัญต่อหนุ่ม ๆ ทุกคนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “เสื้อยืด” และถ้าจะยิ่งเจาะลึกเข้าไป เราอาจจะพูดได้เต็มปากเหลือเกินว่าเสื้อยืดนั้นเป็นเหมือน Second Skin ที่ผู้ชายต้องใส่บ่อยกว่าไอเทมใด ๆ แม้กระทั่งบางสายงานยังสามารถใส่ไปทำงานได้ด้วยซ้ำ จึงทำให้ไลฟ์สไตล์แบบ Everyone ของเราวนเวียนอยู่กับการใส่เสื้อยืดอย่างหลีกหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการจะหาเสื้อยืดเจ๋ง ๆ มาสวมใส่ จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่พวกเราควรให้ความใส่ใจในการเลือกซื้อ โดย UNLOCKMEN เคยเขียนอธิบายถึงการเลือกเสื้อยืดฉบับมือโปร (Content ) พร้อมกับประวัติที่มา (Content) ไปหมดเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าในวันนี้เราจะมาแนะนำแบรนด์เสื้อยืดกราฟิคเจ๋ง ๆ เหมาะสำหรับใส่ในวันหยุดพักผ่อน หรือจะใช้เพื่อบ่งบอกไลฟ์สไตล์ความเป็นตัวเอง Billionaire Boys Club เราเชื่อทุกคนคงจะคุ้นเคยกับ Billionair Boys Club นี้พอสมควร เพราะถ้าใครเป็นสาวกสตรีทแวร์อาจจะเคยได้ยินชื่อย่อ ๆ ว่า BBC ซึ่งถือก่อตั้งขึ้นโดยศิลปินมากความสามารถอย่าง Pharrell Williams โดยแบรนด์จะชูจุดเด่นในเรื่องการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้สินค้าแต่ละชิ้นมีความพิเศษอย่างมากโดยเฉพาะคอลเลคชั่นที่เป็น Collaboration สำหรับลายกราฟิคที่เป็นซิกเนเจอร์คือรุ่น Classic Curve Logo สนนราคา $50 (1,xxx
แฟชั่นแบบผู้ชาย ๆ ใครว่าจะต้องเป็นโทนขาว ดำ เทา เท่านั้น?! หล่อ เท่ สุขุมน่ะใช่แต่ใครจะไปแอ็คขรึมได้ตลอดเวลา เพราะยังไงผู้ชายเรามันก็ต้องมีอารมณ์สนุก มันส์ กวนกันบ้าง เผลอ ๆ แล้วจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของเราด้วยซ้ำไป ลองสลัดแอ็คขรึมทิ้ง แล้วลองมาลุคคูลกับสไตล์ Two-Tone color ดู แบบที่ใช้คู่สีคอนทราสต์โทนร้อนโทนเย็น ให้ทั้งความหล่อ เท่ และแฝงด้วยความสนุกสนาน เปี่ยมเอนเนอร์จี้ หนุ่มสายสตรีทเฉี่ยว ๆ เติมบุคลิกขี้เล่นได้ด้วยคู่สีคอนทราสต์ อาจจะลองโชว์ความจี๊ดที่ช่วงเท้า ด้วยการเลือกถุงเท้ายาวข้อสูงสีสันลวดลายเจ็บ ๆ ใส่คู่กับกางเกงขาสั้น หรือกางเกงยีนส์พับขาลอย และสนีกเกอร์สีสันโดน ๆ สักคู่ หรือจะเลือกไปทางโดดเด่นทั้งตัวไปเลยก็ได้ ด้วยการเลือกชิ้นหลักให้เป็นคู่สีตรงข้ามกัน เช่น เสื้อสีเข้ม กางเกงสีจี๊ด แล้วเพิ่มความมันส์เข้าไปให้สุดด้วยรองเท้าสีเจ็บ แค่นี้ก็สนุกได้ทั้งวัน ส่วนหนุ่มสายบูติกก็ยังคีพคูลได้กับสี Two-tone ด้วยหลักการเดียวกันคือ สีเสื้อและสีกางเกงต้องเลือกให้คอนทราสต์กันเข้าไว้ แต่ข้อควรระวังคือ ไม่ควรมีเกิน 3 สีบนร่างกายไม่อย่างนั้นอาจจะเยอะเกินเลยความคูลไปนิดนึง ไม่ต้องเขินกับการเลือกใช้สีสัน ลองจับคู่สีตรงข้ามมามิกซ์
ย้อนกลับเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วเพลง Move Like Jagger จัดเป็นหนึ่งในท๊อปชาร์ตของปี 2011 ซึ่งบทเพลงดังกล่าวว่าด้วยการวาดลวดลายบนเวทีอันเป็นเอกลักษณ์ของร็อคเกอร์รุ่นเก๋าอย่าง Mick Jagger ฟร้อนท์แมนของวงดนตรีระดับตำนานอย่าง The Rolling Stones ที่แม้ในปัจจุบันอาจจะไม่ได้เห็นมานักเนื่องจากอายุสังขารคงจะให้มาออกสเต็ปคงจะไม่ไหว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็น Timeless เสมอมาสำหรับร็อคเกอร์มาดเท่คนนี้ คือเรื่องสไตล์แต่งตัวที่หากใครได้กลับไปดูรูปเก่า ๆ จะพบว่า Mick Jagger คือตัวพ่อในวงการแฟชั่นไม่ต่างจาก David Bowie ในยุคนั้น ถึงขนาดดีไซน์เนอร์ในยุคหลัง ๆ อย่าง Hedi Slimane ยังนำสไตล์ของเขามาเป็นแรงบันดาลใจกับห้องเสื้อ Saint Laurent อีกทั้งคนที่เป็นสไตล์ไอคอนของยุคนี้อย่าง Harry Styles ก็ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลด้านสไตล์มาจาก Mick Jagger ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นมาลองดูวิวัฒนาการแต่งตัวของเขากัน Glam Rock ในยุคของ Mick Jagger จัดเป็นร็อคเกอร์ที่แต่งตัวจัดจ้านไม่แพ้ลีลาบนเวที ซึ่งเราคงต้องลืมภาพร็อคเกอร์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับหนังสีดำ ๆ ไปเสียหมด เพราะว่าเขาฉีกกฎเกณฑ์การแต่งตัวด้วยสไตล์การแต่งตัวที่ Glam
แม้ว่าในฤดูกาลนี้โทนสีที่มาแรงที่สุดประจำซีซั่นจาก Pantone จะเลือกให้เป็น Ultra Violet แต่เรียนตามตรงว่าด้วยเฉดสีม่วงเช่นนั้น คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่หนุ่ม ๆ จะหยิบจับไอเทมต่างมามิกซ์แอนด์แมทช์เป็นสไตล์ในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน สุดท้ายก็จบด้วยสีขาว ดำ เทา เป็นโมโนโทนอยู่ตลอดเวลา UNLOCKMEN อยากจะให้หนุ่ม ๆ ลุกขึ้นมาแต่งตัวสนุกให้กับชีวิตเสริมหล่อความมั่นใจให้กับตัวเองมากยิ่งด้วย ด้วยโทนสีแบบ Earth Tone ซึ่งหลายคนอาจจะยังสงสัยอยู่ว่าไอ้เจ้า Earth Tone นี้ มันหน้าตาเป็นเช่นไร สำหรับสีในโทน Earth Tone ถ้าให้ทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ คือเฉดสีต่าง ๆ ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา อย่างเช่น เขียวเข้ม น้ำตาล เทน และแทน รวมถึงสีเบจ โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นสีโทนกลางที่สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากับทุกสีได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้มันเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับงานตกแต่งหลาย ๆ ประเภท ทว่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ในวงการแฟชั่นเริ่มมีการหยิบจับเอาโทนสีนี้ มาเป็นส่วนประกอบสำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นไฮแฟชั่น หรือแม้กระทั่งสตรีทแวร์ มาลองดูไอเดียกันว่า ถ้าเกิดหนุ่ม ๆ อยากจะมีลุคแบบ Netural ควรจะเลือกเฉดสี
จัดเป็นคอลเลคชั่นที่หนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ทุกคนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะการโคจรมาพบกันของสองงานศิลป์ที่ดูเหมือนไม่น่าจะเข้ากันได้เลย เมื่อแบรนด์แฟชั่นสเก็ตบอร์ดอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Vans ขอหยิบยกเอาผลงานศิลปะชั้นครูจาก Vincent Van Gogh มาวาดลวดลายอยู่บนคอลเลคชั่นเสื้อผ้า และรองเท้าของตัวเอง จนเกิดเป็น Vans x Vincent Van Gogh โดยความร่วมมือในครั้งนี้ Vans จะได้นำรองเท้ารุ่นฮิตอย่าง Old Skool, Slip-On, Authentic และ Sk8-Hi รวมถึงเสื้อยืด ฮู้ดดี้ แจ็กเก็ต หมวก กระเป๋า มาเติมภาพวาดสีน้ำมันสุดคลาสสิคของศิลปินชื่อก้องโลก Vincent Van Gogh อาทิ Almond Blossoms, Skull และ Sunflowers หรือแม้กระทั่งภาพพอร์ตเทรตของตัวเอง ออกมาเป็นคอลเลคชั่นที่ผสมผสานศาสตร์แห่งศิลปะบนเสื้อผ้าสมัยใหม่ได้อย่างสวยสดงดงาม ทว่าการจับจองคอลเลคชั่น Vans x Vincent Van Gogh Van Gogh Museum นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะสินค้าเหล่านี้จะถูกวางขายที่เว็บไซต์เท่านั้นในเร็ววันนี้
คอลเลคชัน Autumn Winter 2018 ใหม่จาก Emporio Armani แบรนด์สำหรับสุภาพบุรุษสุดเท่จากอิตาลี กับมุมมองที่ว่าความเป็นปัจเจกบุคคลคือสิ่งที่สำคัญจึงกระตุ้นให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเอง ในแบบที่สะท้อนบุคลิกเฉพาะบุคคล หาคาแรกเตอร์ที่เป็นตัวเอง พร้อมทั้งค้นหาจุดเด่นและเอกลักษณ์ที่เป็นตนเองให้พบ ท่ามกลางโลกอันหลากหลายและแตกต่างที่เราอยู่ร่วมกัน หัวใจหลักของคอลเลคชันนี้คือการมุ่งเน้นความทันสมัยสไตล์คนเมือง ซึ่งเน้นไอเดียของความเท่ในมุมมองใหม่ มุมมองที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทว่าไม่เอาจริงเอาจังจนเกินไป เสื้อผ้าที่ออกแบบมาเพื่อสวมใส่ในเมืองมีการรังสรรค์ของการใช้โทนสีและเรื่องของการผสมผสานนวัตกรรมการสร้างสรรค์เสื้อผ้า เข้ากับการเลือกผ้าและวัสดุต่าง ๆ ที่นำมาใช้อย่างถึงรายละเอียด โครงร่างและรูปทรงของเสื้อผ้าที่ไม่ว่าจะทรงไหนก็สวมใส่ง่าย มีให้เห็นอย่างชัดเจนบนโปรดักเด่นของคอลเลคชัน อาทิ เสื้อสูทกระดุมสองแถวไหล่เล็ก ที่สวมคู่กับกางเกงทรงหลวม เทรนช์โค้ทผ้าวูลที่มีสายเข็มขัดรัด และแจ็คเก็ตบอมเบอร์ สไตล์กิโมโนไร้รอยต่อเสื้อชั้นนอก ในคอลเลคชันนี้หยิบแรงบันดาลใจมาจากโลกของการปีนเขาและการทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ เราจึงเห็นเสื้อชั้นนอกอย่างเสื้อโค้ทขนแกะ และแจ็คเก็ตหนังแพะในคอลเลคชันนี้ เสื้อผ้าแต่ละชิ้นผ่านกระบวนการผลิตที่มากด้วยรายละเอียดจนให้เนื้อสัมผัสที่โดดเด่นยิ่งกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นสเวตเตอร์กำมะหยี่ที่มาพร้อมแพทเทิร์นไล่สี เสื้อแจ็คการ์ดสไตล์สปอร์ตแวร์กับลายพรางต้นไม้และปุยเมฆที่งดงามดังบทกวี หรือชุดทักซิโดตัวใหม่พร้อมลายปีกผีเสื้อที่ดูเบ่งบานราวกับกลีบดอกไม้ สีสันที่ใช้ในคอลเลคชันเน้นที่การเลือกใช้หลากหลายเฉดของสีเทา ดำ น้ำเงินเข้ม และแต้มให้ดูโดดเด่นมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้นด้วยสีขาวของเสื้อเชิ้ต สีเขียวและน้ำเงิน ไปจนถึงรายละเอียดแวววาวของสีเมทัลลิกอย่างเงินและทอง แอคเซสซอรี่ในคอลเลคชันซึ่งทำขึ้นด้วยวัสดุคุณภาพเน้นเรื่องประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ ทั้งรองเท้าที่มาพร้อมเส้นสาย และกระเป๋าถือซึ่งสามารถบรรจุของได้มากยิ่งกว่าที่เคยมาพร้อมรายละเอียดของแพทเทิร์นลายนูน พบกับเครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษ แบรนด์ EMPORIO ARMANI คอลเลคชันAutumn Winter 2018 ได้ที่ The EmQuartier ชั้น M โทร.
แน่นอนว่าในปัจจุบันการจะจบลุคการแต่งตัวให้ลงตัวนั้น สิ่งที่จำเป็นและจะขาดไม่ได้เลย คือเรือนเวลาคู่ใจ ซึ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเรือนเวลาแบบ Minimal Watch ที่ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี จึงเป็นที่นิยมสำหรับคนสายงานครีเอทีฟ รวมถึงนักคิดทั้งหลาย ที่สะท้อนความเป็นตัวเองผ่านวิถี Minimal ใส่น้อยแต่ได้มาก เพื่อเซฟเวลาและพลังสมองเอาไปใช้กับเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่าแทน ซึ่งวันนี้ UNLOCKMEN มีไอเทมนาฬิกาดี ๆ มาแนะนำอีกเช่นเคย สำหรับประดับบนข้อมือของคุณผู้ชายทุกคนกับ ISSEY MIYAKE แบรนด์ดังระดับโลก ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ คาแร็กเตอร์เรียบหรู ดูแพง มาพร้อมพลังแห่งการสร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจอันไม่สิ้นสุด อันเป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจากทางแบรนด์ โดยความพิเศษสุด ๆ ของนาฬิกา Minimal คอลเลคชั่นใหม่นี้ คือการได้ดีไซน์เนอร์คู่บุญอย่าง อิชิโระ อิวาซากิ (Ichiro Iwasaki) ที่ผูกพันกับแบรนด์ โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองได้มีโอกาสออกแบบร่วมกันในคอลเลคชั่น “C” เพื่อมาเอาใจสายโครโนกราฟโดยเฉพาะ ด้วยความเหนือชั้นทางด้านงานดีไซน์บนวิถีแห่งความเรียบง่ายในแบบ Simple & Minimal ทำให้ อิชิโระ อิวาซากิ (Ichiro Iwasaki) เกิดแรงบันดาลใจ จนกลายมาเป็นผลงานศิลป์บนหน้าปัดเรือนเวลาให้กับ “เอฟ” คอลเลคชั่น
การสร้างแรงจูงใจบางครั้งก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อธุรกิจ หากคุณกำลังเป็นผู้บริหารอาจจะลองศึกษาจากข่าวนี้ได้ เพราะเมื่อก่อนหน้า Nike มีข่าวคราวการปลดพนักงานทั่วโลกออกถึง 10% สร้างความวิตกกังวลจนเกิดเป็น Toxic Coperate Culture ขึ้นในองค์กร ทว่าจากการรายงานข่าวของ CNBC ล่าสุดได้กล่าวว่าบริษัทกีฬาชั้นนำของโลกได้เตรียมปรับเงินเดือนพร้อมเปลี่ยนวิธีการคำนวณโบนัสให้กับพนักงานทั่วโลก เหตุผลที่ Nike ได้ตัดสินใจเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานหลากหลายหน้าที่ พร้อมกับมอบโบนัสที่จะวัดจากผลงานส่วนตัว และผลประกอบการบริษัทเพื่อสร้างแรงจูงใจโดยเฉพาะพนักงานในตำแหน่งเดียวกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การทำงานที่ดียิ่งขึ้น โดยทาง Nike ได้ตัดสินใจหยุดจ่ายชดเชยค่าสินไหมทดแทน แล้วนำเงินส่วนนี้มากระจายให้กับพนักงานส่วนใหญ่แทน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มในปี 2019 สาเหตุที่เกิดการปรับโครงสร้างในคราวนี้ก็มาจากเหตุการณ์พนักงานระดับซีเนียร์หลายคนเกิดลาออก พร้อมยังเกิดปัญหาภายในบริษัทจนเกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ดี และ Mark Parker ซีอีโอของบริษัทไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนเพื่อนำไปแก้ไขอย่างจริงจัง จึงเกิดเป็นปัญหาภายในองค์กรที่เรียกกันว่า Toxic Coperate Culture จนต้องออกมาขอโทษขอโพยกันยกใหญ่ แม้ว่าในไตรมาสล่าสุดของแบรนด์จะกลับมาเติบโตมากขึ้น หลังจากที่ทรุดตัวมานาน ทำให้บริษัทเริ่มกลับมาเล็งเห็นพร้อมฟื้นฟูโครงสร้างองค์กร เพราะต้องยอมรับในจุดหนึ่งว่า ต่อให้สินค้าที่คุณจ่ายไปจะดีสักแค่ไหน แต่ถ้าเกิดภายในบริษัทนั้นไม่นิ่งและมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายในระดับซีเนียร์อยู่ตลอดเวลา อาจจะทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ไม่ยั่งยืนต่อการพัฒนาองค์กรในระยะยาว source
คงไม่มีใครกล้าปฎิเสธได้ว่า Supreme คือแบรนด์แฟชั่นที่ทรงอิทธิพลสุด ๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะไม่ว่าจะออกแบบดีไซน์อะไรมา ล้วนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ต้องไปเข้าคิวรอยิ่งกว่าของแจกฟรีเสียอีก ทำให้เป็นเรื่องธรรมดาเมื่ออุปสงค์และอุปทานไม่สมดุลกัน จึงเกิดเป็นสินค้า Bootleg ของปลอมนำมาจำหน่ายเกลื่อนเต็มไปหมด ไม่เว้นกระทั่งเมืองไทยของเราเองก็ตาม แต่ข่าวที่เรากำลังจะนำมาเสนอนี้ นับเป็นความหาญกล้าของประเทศจีนอีกครั้ง เมื่อมีตาดีได้ไปเห็นช้อบ Supreme ตั้งหลาอยู่ในเมืองเสิ่นเจิ้น ซึ่งไม่เคยมีแหล่งข่าวจากทางต้นสังกัดมาก่อนเลยว่าจะมีการมาเปิดสาขาใหม่ที่เมืองนี้ เพราะอย่างที่หลายคนทราบกันดี Supreme ค่อนข้างที่จะห่วงและคงคอนเซ็ปต์ในเรื่องของสินค้าลิมิเต็ดอย่างมาก ทำให้ปัจจุบันแม้จะดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี กลับมีจำนวนสาขาอยู่ทั่วโลกเพียง 11 แห่งเท่านั้น สำหรับ Supreme ปลอมสาขาแห่งแรกของโลกนี้ มีการตกแต่งร้านออกมาทุกอย่างเหมือนกับ Supreme ต้นฉบับ ซึ่งจะเป็นร้านไปที่ความมินิมอล เรียบง่ายตามสไตล์ แถมยังประดับประดาไปด้วย Trademark อันเป็นเอกลักษณ์มากมายเต็มไปหมด แต่ถ้าสังเกตดูดี ๆ จะผมว่ามีความแตกต่างอยู่เล็กน้อยคือบริเวณสัญลักษณ์ทะเบียนการค้าที่ช็อปปลอมนี้ใช้เป็นอักษร “NYC” แทน พอมาลงดีเทลในเรื่องสินค้าเราก็จะได้พบกับทั้งสินค้าที่หาได้อยากอย่างเช่นตระกูล Box Logo ทั้งหลาย รวมถึงสินค้าที่ไม่เคยวางขายจริงในช็อปของ Supreme ด้วยซ้ำในราคาแค่ครึ่งเดียวจากราคาที่แท้จริง ซึ่งเนี่ยไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดการปลอมแปลงสินค้าแล้วขายกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในประเทศจีน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีช็อป Yeezy แห่งแรกของโลกไปแล้วเช่นกัน
คุณสมบัติใหม่ที่ซ่อนอยู่ในรองเท้าฟุตบอลสายคอนโทรลซีรี่ย์ล่าสุด “แฟนธ่อม วิชั่น” (PhantomVSN) จาก NIKE ที่มาพร้อมเทคโนโลยีควอดฟิต (Quadfit) เหมาะสำหรับเท้าทุกรูปแบบ ฉีกกรอบการออกแบบเดิม ๆ ของรองเท้าฟุตบอล ฟิล วูดแมน (Phil Woodman) นักออกแบบของไนกี้สร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่างและดียิ่งกว่าโดยเริ่มต้นออกแบบรองเท้าฟุตบอล รุ่นใหม่ล่าสุดนี้จากองค์ประกอบภายในก่อน แนวคิดใหม่นี้ส่งผลให้วูดแมนรังสรรค์โครงสร้างรองเท้าฟุตบอลแบบใหม่ล่าสุด อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของไนกี้ โดยไนกี้ใช้โครงสร้างนี้กับรองเท้าฟุตบอลรุ่น PhantomVSN ก่อนและจะใช้งานกับรองเท้ารุ่นอื่น ๆ ต่อไป โครงสร้างภายในของรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้ผลิตจากเส้นใยตาข่ายที่เรียกว่าเส้นใย ควอดฟิต (Quadfit) ที่สามารถปรับให้เข้ากับรูปทรงของเท้าได้ทุกแบบ อีกทั้งยังสามารถคงตัวได้ดี ไม่ยืดออกจนย้วยและไม่กระชับกับรูปทรงของเท้า เส้นใยควอดฟิตสามารถโอบรับกับเท้าได้พอดีโดยไม่รัดกับเท้าของผู้สวมใส่จนเกินไปอีกด้วย แม้จะมองไม่เห็นจากภายนอก แต่ผู้สวมใส่สามารถสัมผัสจุดเด่นของเส้นใยควอดฟิตได้ทันที ซึ่งนักฟุตบอลมักจะต้องใช้เวลาปรับตัวเมื่อสวมใส่รองเท้าฟุตบอลคู่ใหม่ แต่รองเท้าฟุตบอลรุ่น PhantomVSN จะเป็นรองเท้าฟุตบอลที่เข้ากับเท้าของผู้สวมใส่ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สวมใส่ทันที เส้นใยควอดฟิตมีประสิทธิภาพเยี่ยมยอดเพราะเส้นใยนี้ไม่ยืดตัวจนเสียรูป อันเป็นจุดอ่อนที่พบได้ในผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากการทักถอเส้นใยต่างๆ เส้นใยที่ยืดหยุ่นได้ทั้ง 4 ทิศทางสามารถโอบรับกับรูปเท้าของผู้สวมใส่และปกป้องเท้าได้แม้ขณะเคลื่อนไหวในทุกทิศทาง เส้นใยควอดฟิตมีประสิทธิภาพเช่นนี้ได้เพราะการจัดเรียงเส้นใยและการแบ่งแยกเส้นใยแต่ละชั้น ช่องว่างที่เกิดขึ้นนี้ช่วยกระจายน้ำหนักของเท้าและลดแรงเสียดทาน เส้นใยควอดฟิตจึงเป็นเส้นใยที่กระชับเข้ากับรูปเท้าที่หลากหลายของผู้สวมใส่อย่างแท้จริง เชือกผูกที่ปรับปรุงใหม่เพื่อความรู้สึกกระชับตามที่แต่ละคนต้องการ อีกหนึ่งคุณสมบัติใหม่ภายในโครงสร้างของรองเท้าฟุตบอลแฟนธ่อม วิชั่นคือระบบเชือกผูกที่ซ่อนอยู่ภายในรองเท้า ไนกี้ตั้งชื่อแนวคิดของเชือกผูกแบบใหม่นี้ว่า “Ghost Lace” ทางไนกี้ได้ทำการวิจัยหลายต่อหลายครั้ง พูดคุยกับนักฟุตบอล และวิเคราะห์ข้อมูลในห้องวิจัย ผลลัพธ์ที่ได้คือระบบเชือกผูกแบบใหม่ช่วยให้แต่ละคนปรับความกระชับของรองเท้าได้ตามต้องการ แนวคิดเชือกผูกแบบ Ghost
ข้อดีของระบบออนไลน์คือการที่เราสามารถเก็บข้อมูลมาประมวลผลในรูปแบบของตัวเลขได้ ซึ่งน่าจะทำให้เป็นเรื่องการสำหรับนักจดสถิติต่าง ๆ อย่างเช่นเรื่องที่เรากำลังจะนำมาเสนอนี้ เมื่อ Instagram โชว์สถิติตัวเลขของการ Hashtag # รองเท้าสนีกเกอร์ที่ได้รับความสนใจและถูกโพสต์มากที่สุดบนแพลตฟอร์ม Instagram แม้ว่าจะดูเหมือนในรอบปีที่ผ่านรองเท้าจากค่ายดังอย่าง Nike จะได้รับความนิยมมากกว่า แต่ทว่ากลับมีเรื่องน่าประหลาดใจอย่างมากเมื่อไม่มีรองเท้าจากแบรนด์ Swoosh ติดอันดับ 1 ถึง 5 ด้วยซ้ำ ซึ่ง UNLOCKMEN ต้องของบอก่อนว่าลิสต์ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดและส่งผลถึงความนิยม เพราะการโพสต์แล้วติด Hashtag # นั้นอาจจะเป็นการโพสต์ขายสินค้าหรือแคมเปญโฆษณาก็เป็นได้ #1 adidas NMD แม้ว่าในปัจจุบันรองเท้า NMD จะไม่ได้การเป็นแรร์ไอเทมชนิดต้องไปต่อแถวแย่งกันซื้ออีกเหมือนสมัยก่อน แต่ทว่าบนโลกออนไลน์ รองเท้ารุ่นดังกล่าวก็ยังฮอตฮิต โดยมีการติด Hashtag รวมกันมากกว่า 5,709,871 ครั้งในปีที่ผ่านมา #2 adidas Yeezy 350 ตอนแรก UNLOCKMEN คิดว่ารองเท้าโมเดล Yeezy 350 จะต้องเข้าวินมาเป็นอันดับ 1 แต่ยังดีที่ไม่พลิกโผไปไกล เพราะด้วยจำนวนครั้งที่ถูกติดแท็กมากกว่า 4,198,238 ครั้ง ก็ถือว่าเป็นตัวเลขความนิยมที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมสำหรับรองเท้าจากฝีมือของ
เรียกได้ว่าอีเว้นท์เดียว BAPE เล่นสะจนพรุน ตั้งแต่ออกคอลเลคชั่นพิเศษกับ adidas ก่อนหน้านี้ในชื่อ “Winning Collection” ซึ่งมีทีเด็ดอยู่ที่รองเท้า Gazelle สีแดงสวยงาม แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่หนำใจ เพราะล่าสุด Bape ได้ปล่อยรวดเดียว 3 คอลเลคชั่น โดยทั้งหมดล้วนสอดคล้องกับช่วงเทศกาลบอลโลก มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง เริ่มกันที่ Capsule คอลเลคชั่นตัวแรกคือการทำเสื้อยืดสุดพิเศษสองสี สองลายกราฟิค และลูกบอลที่ผลิตขึ้นมาเพื่อคอลเลคชั่นนี้โดยเฉพา สำหรับจุดเด่นจะอยู่ที่ลวดลาย Camo ที่ถูกนำมามาเลือกใช้เพื่อสามารถสื่อสารกับ Tagline ที่ชื่อว่า A Bathing Ape Performance โดยนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นการปูทางไปสู่การเปิดไลน์เสื้อผ้าใหม่ในอนาคตหรือเปล่า แต่รับรองว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ซึ่งสนนราคาของเสื้อยืดกราฟิคอยู่ที่ $62 (2,0xx บาท) และราคาลูกบอล $80 (2,7xx บาท) สามารถสั่งเสื้อได้ทาง BAPE ออนไลน์ และ Retailer ชั้นนำ มาต่อกันที่คอลเลคชั่นที่สอง ซึ่งทำออกมาต้อนรับมหกรรมบอลโลกอีกเช่นกัน โดยจะเน้นหนักไปที่ความเป็นสปอร์ตแวร์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อบอล Jersey, เสื้อ High