บางครั้งเราก็ไม่เคยคิดว่าเรื่องสุดแสนละเอียดอ่อนอย่าง ‘ศิลปะ’ จะสามารถเข้ากับศาสตร์การต่อสู้และกีฬาสุดโหดอย่าง ‘มวย’ ได้ ทั้งที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นมวยหรือศิลปะ ทั้งสองอย่างต่างก็มีความละเอียดอ่อน จิตวิญญาณที่มีรายละเอียดซ่อนไว้ไม่ต่างกัน และแบรนด์แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสนามว่า Saint Laurent ก็มองเห็นความเหมือนที่แตกต่างของสองสิ่งนี้ Saint Laurent ตีความแฟชั่นครั้งใหม่ด้วยการออกคอลเลกชัน ‘Boxing Set’ เพื่อให้เหล่าสุภาพบุรุษที่ชื่นชอบการต่อยมวยได้ซ้อมชกอย่างหรูหรา โดยแบรนด์แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสได้แรงบันดาลใจการปล่อยคอลเลกชันที่ว่าจากภาพถ่ายของสองตำนานแห่งวงการศิลปะผู้ล่วงลับ Andy Warhol เจ้าชายแห่งวงการป๊อปอาร์ต และ Jean-Michel Basquiat ศิลปินกราฟิตี้ผิวสีผู้โด่งดังด้วยผลงานสไตล์ร่วมสมัย ภาพถ่ายขาว-ดำ ของชายสองคนที่เคยเป็นคู่หูดูโอสร้างสรรค์ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ถูกถ่ายโดย Halsband ตั้งแต่ปี 1985 ภาพเซตนั้นเข้าตา Anthony Vaccarello ชายผู้ยืนอยู่ในตำแหน่ง creative director ของ Saint Laurent ที่กำลังมองตลาดกีฬาอยู่พอดี และแบรนด์ยังสังเกตเห็นอีกว่านวมที่สองศิลปินใส่เข้าฉากคือนวมจากแบรนด์ Everlast จึงทำให้คอลเลกชัน ‘Boxing Set’ ของปี 2020 ได้เกิดขึ้น Saint Laurent ‘Boxing Set’ ประกอบไปด้วยไอเทมจำนวน 6
สำหรับหนุ่ม ๆ ช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป จำนวนไม่น้อยต่างก็ต้องเคยได้ยินหนังชื่อว่า ‘โหด เลว ดี’ หนังฮ่องกงจากปี 1986 กันมาบ้าง บางคนอาจแค่เคยได้ยิน บางคนเคยดูแล้วก็เลือนหายจากความทรงจำไปตามกาลเวลา แต่เราเชื่อว่าต้องมีอย่างน้อยสักหนึ่งคนแน่ ๆ ที่จดจำเรื่องราวของ ‘อาเห่า’ ‘อาเฉีย’ และ ‘เสี่ยวหม่า’ ได้แม่นเหมือนเพิ่งนั่งดูโหด เลว ดี เมื่อวานนี้ คำบอกเล่าจากปากคนรุ่นก่อนที่เราได้ยินบ่อย ๆ การันตีความโด่งดังรวมถึงความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ คงไม่ต้องพูดถึงคำวิจารณ์และรายได้ที่ใครต่างก็รู้ว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยม แต่ UNLOCKMEN ไม่ได้มาพูดถึงเบื้องหลังที่ใครเขาเคยพูดมาซ้ำ ๆ เราจะเล่าถึงการแต่งตัวที่ทำให้เกิดกระแส มองภาพรวมแฟชั่นของตัวละครในเรื่องโหด เลว ดี ว่าทำไมการแต่งตัวเห็นแล้วชวนเหงื่อแตกที่หลายคนมองว่าเชยในเรื่องถึงยังมีให้เห็นจนถึงปัจจุบัน ‘เสี่ยวหม่า’ แฟชั่นไอคอนของสุภาพบุรุษยุค 80 เรื่องราวของภาพยนตร์โหด เลว ดี เกิดขึ้นมาจากความคิดที่ต้องการนำเสนอมุมมองทางการเมืองผ่านหนังของผู้กำกับ จอห์น วู ที่บังเอิญเจอกับฉีเคอะจนกลายมาเป็นผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ พวกเขามองว่าคนหนุ่มสาวในช่วงเวลานั้นต้องการศรัทธา พวกเขาสับสน เลยอยากเล่าเรื่องราวของ Gangster ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ ทั้งที่กฎเหล็กของพวกนักเลงในเวลาเดียวกันก็คล้ายกับเผด็จการ