Designer (นักออกแบบ) อาชีพหนึ่งที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน คำว่านักออกแบบ มีการแบ่งออกไปเป็นสาขาย่อย ๆ อีกมากมาย แต่การเป็นนักออกแบบมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันเป็นอาชีพที่ต้องการความสดใหม่ของความคิดสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ต้องมี Signature ที่แค่ดูผลงานก็รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนออกแบบ และเป็นวงการที่มีการแข่งขันสูงมากในโลกที่ไร้พรมแดน ผลงานการออกแบบจึงเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตน วิถีชีวิต ความเชื่อ รวมถึงลายเซ็นของ Designer แต่ละคนโดยไม่ต้องพูดอธิบายออกมา และสำหรับนักออกแบบที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักชื่อเสียงและผลงานที่โด่งดังระดับ World Class มากมาย นั่นก็คือ “Karim Rashid” นักออกแบบที่มีประสบการณ์เกือบ 30 ปี ออกแบบผลงานระดับโลกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4,000 ชิ้น ได้รับรางวัลดีไซน์มามากกว่า 300 รางวัล และผ่านการ Collaboration กับแบรนด์มากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Collection สุดพิเศษร่วมกับสตาร์บัคประเทศเกาหลี แคมเปญพิเศษร่วมกับทาง Lamborghini & Riva 1920 featured หรือแม้กระทั่งออกแบบลวดลายขวดในคอลเลคชั่นพิเศษร่วมกับทาง Pepsi และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงไม่แปลกที่สื่อทั่วโลกต่างยกย่องให้
adidas Originals ICONSIAM สโตร์แห่งใหม่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ปักหมุดที่ประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางของเหล่าแฟชั่นนิสต้าและสายสตรีท พร้อมเป็นคอมมูนิตี้พบปะได้แลกเปลี่ยน และอัพเดทสตรีทแฟชั่นเทรนด์ ซึ่งในงานแกรนด์ โอเพนนิ่ง อาดิดาส ออริจินอลส์ ไอคอนสยาม ที่ผ่านมาได้จัดเต็มรวบรวมสตรีทแฟชั่นไอคอนแถวหน้าของไทยไว้มากมาย UNLOCKMEN ก็ไม่พลาดที่จะมาอัพเดทแฟชั่น พร้อมเผยลุคเท่ ๆ ให้ทุกคนได้ลองไปมิกซ์แอนด์แมทช์ตามกัน ให้ชาว UNLOCKMEN ไม่ตกเทรนด์ BLACK & WHITE: All time classic! Tip : เลือกมิกซ์แอนด์แมทช์ ไอเทม ขาว-ดำ จะขาวเฮดทูโทว ดำทั้งเซ็ต ดำสลับขาว สองสีนี้รับรองเลยใส่ยังไงก็คูลก็รอด ลุคนี้นำโดยแฟชั่นไอคอน แฟชั่นนิสต้าเบอร์หนึ่งของวงการ ที่ไม่ว่าจะใส่ชุดอะไรก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ‘ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต’ ที่ได้จัดเต็ม Mix & Match มาในโทน BLACK & WHITE ด้วยเสื้อครอปแขนยาวสีดำตัดด้วยแถบสีขาวสามแถบเอกลักษณ์จากอาดิดาส แมทช์คู่กับกางเกงขายาว track pant โดดเด่นด้วยแพทเทิร์นชิค ๆ
มีใครเคยเจอปัญหาที่มองไม่เห็นอย่างเรื่อง “ลมตด” กันบ้าง ถึงแม้ว่าการผายลมมันสุดแสนจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องทำ พวกเราหลายคนเองก็เคยผายลมอัดกันในวงเพื่อน แต่พอมีแฟนหรืออยู่ท่ามกลางคนหมู่มากคงต้องเคยเจอปัญหาเรื่องนี้กันบ้าง ทั้งการตกเป็นเป้าสายตา จนถึงประณามไล่เราไปผายลมที่ห้องน้ำ ทั้งที่บางครั้งนั้นมันก็ไม่ได้มีกลิ่นสักกะนิด เพื่ออธิบายเธอว่า “เฮ้ย! เธอ เราผายลมไม่ได้แกล้งเธอ แต่มันเรื่องธรรมชาติด้วย” UNLOCKMEN ขอส่งต่อสาระของการผายลม 7 ข้อ ที่จะทำให้คุณไม่ต้องประหม่าแค่แชร์ให้คนเหล่านั้นได้อ่าน จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย! 1. ดีกับลำไส้ใหญ่ อั้นไว้แทนที่จะรีแล็กซ์ให้เป็นไปตามธรรมชาติของร่างกายไม่ว่าอะไรก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะ อุจจาระ หรือกระทั่งเรื่องแก๊ส ถึงแม้การส่งเสียงปู้ดป้าดต่อหน้าธารกำนัลมันจะเสี่ยงแค่ไหน แต่คงต้องขอลองเพราะถ้าฝืนไปขวางระบบการทำงานของลำไส้ในการกำจัดแก๊สแล้ว อาจจะส่งผลเสียกับทั้งระบบย่อยและลำไส้ในระยะยาว ไม่คุ้มจะอั้นหรอก บอกตรง ๆ 2. แก้โรคท้องอืด ท้องอืดไม่ใช่เรื่องตลก เพราะมันทำให้ผู้ชายเราสายชิมอย่างเราเริ่มจะไม่อร่อยพะอืดพะอม ซึ่งอาการทรมานท้องไส้แบบนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นช่วงสั้น ๆ หลังจากกินอาหารมื้อปกติหรือมื้อใหญ่เข้าไป และไอ้อาการท้องบวมกับความรู้สึกมวน ๆ นี้มันเป็นสัญญาณชี้ว่าแก๊สสะสม ถึงเวลาต้องปล่อยออกมา งานนี้แม้ว่าการอั้นลมไว้จะไม่ถึงตายแต่มันก็ทรมานร่างกายใช่ย่อยโปรดจงเห็นใจ 3. กลิ่นของมันมีประโยชน์ ถึงกลิ่นจะน้อง ๆ สกั๊งหรือระดับการหมักหมมจะหนาแน่น แต่มีคำอธิบายหนึ่งที่น่าจะทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีเวลาได้ดมกลิ่นผายลมขึ้น เนื่องจากในกลิ่นผายลมของเรามีสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ไฮโดรเจนซัลไฟต์ คลุ้งอยู่ในนั้น ซึ่งมีผลการศึกษาอธิบายว่าสิ่งนี้ที่มากับกลิ่นนั้นช่วยป้องกันโรคบางโรคได้
ในโลกที่เทคโนโลยีกับแฟชั่นกลายเป็นเรื่องเดียวกัน UNLOCKMEN ขอแนะนำให้ทำความรู้จักกับ 5 Smartwatch จากแบรนด์ไฮเอนที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ การออกแบบที่พิถีพิถัน สรรค์สร้างเป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่มีมากกว่าแค่การบอกเวลา ผลงานการสร้างสรรค์จากแบรนด์สุด Craft ที่แม้แต่นาฬิกา Digital ก็ยังคงความหรูหราที่ละเอียดอ่อนไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง LOUIS VUITTON TAMBOUR HORIZON Louis Vuitton แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสเจ้าแรกที่เข้าสู่ตลาด Smartwatch ด้วยการส่ง Tambour Horizon นาฬิกาอัจฉริยะระบบปฏิบัติการ Android Wear 2.0 หน้าจอสัมผัสแบบ AMOLED มุมมองกว้าง สีสันสดใส มาพร้อมความละเอียด 390 x 390 pixcel กระจกหน้าและหลังใช้วัสดุ Sapphire ขนาด 1.2 นิ้ว RAM 512MB พื้นที่เก็บข้อมูล 4GB แบตเตอร์รี่ความจุ 300mAh สามารถลงน้ำลึกได้ 30 เมตร พร้อมกับแอปพลิเคชั่นที่พัฒนาโดย LV คือ My Flight
ผู้ชายอย่างเราคงไม่มีใครไม่รู้จักรองเท้าโมเดลในตำนานอย่าง Stan Smith เพราะตลอดเวลากว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา มันคือหนึ่งในรองเท้าที่มียอดขายดีที่สุดของค่ายสามขีด ทั้งยังคงความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงยุคปัจจุบัน ที่แม้ตลาดรองเท้าจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยล้าสมัยในสายตาของเหล่า Sneakerhead เลย ความสำเร็จทั้งหมดทำให้ Adidas ตัดสินใจตอบแทนชายผู้เป็นแรงบันดาลใจให้รองเท้าคู่นี้ นั่นคือ Stanley Roger Smith เจ้าของใบหน้าบนลิ้นรองเท้าที่คุ้นเคยกันดี ด้วยสัญญาตลอดชีวิตที่เป็นเหมือนการการันตีว่าเราจะได้เห็นรองเท้าคู่นี้ต่อไปอีกนานอย่างแน่นอน ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของ Adidas และ Stan Smith คงต้องย้อนกลับไปในปี 1965 เมื่อ Adidas ตัดสินใจเปิดตลาดรองเท้าเทนนิสขึ้นมา โดยรองเท้าคู่แรกได้ใช้ Robert Haillet มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก่อนเขาจะประกาศวางมือไป ช่องว่างตรงนั้นเองทำให้พวกเขามองหาตัวตายตัวแทนนักเทนนิสชื่อดัง ซึ่งหวยก็มาตกที่ Mr. Stan Smith ซึ่งกำลังอยู่ในยุครุ่งเรืองของอาชีพ ณ ขณะนั้น โดยเจ้าของแชมป์ Grand Slam 2 สมัยคงยังไม่รู้ว่า ตัวเองกำลังจะกลายมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของรองเท้าระดับ Iconic ซึ่งต่อมามีอิทธิพลต่อทั้งวงการแฟชั่นรวมถึงกลายเป็น Pop-Culture ทั่วโลกในเวลาต่อมา ด้วยดีไซน์การออกแบบของ Classic Stan Smith อันเรียบง่ายแต่มีจุดเด่นที่ส่วน
ปีเก่ากำลังผ่านไป ปีใหม่กำลังจะผ่านเข้ามา ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แบบนี้ ทั้งอารมณ์ อากาศ และบรรยากาศ มันเหมือนเป็นช่วงโค้งสุดท้ายในการรีบเคลียร์งาน รีบปาร์ตี้ รีบเล่นเกมปราบบอสเคลียร์เลเวลให้เทพกว่าใคร รีบไปฉลองและเก็บทุกกิจกรรมมันส์ ๆ ช่วงส่งท้ายปีที่มีวันหยุดเยอะแยะเหลือเกิน อะไรที่เคยคิดหรือแพลนว่าจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ ผู้ชายหลายคนน่าจะเลือกใช้โอกาสนี้เก็บแต้มให้ครบจบปีสวยงาม แต่แม้กายจะพร้อม ใจจะพร้อม วันหยุดพร้อม ผิวหน้าของพวกเราอาจจะไม่พร้อมรับกิจวัตรสุดหักโหมในช่วงใกล้สิ้นปีแบบนี้ ส่งผลให้ช่วงปลายปีเป็นช่วงที่ผู้ชายเราหน้าโทรมหมองคล้ำรับปีใหม่กันเสมอ ซึ่งครั้นจะไปรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ไขก็ดูจะไม่ใช่สไตล์ผู้ชายหน้าหล่อ ทางที่ดีเราควรลุกขึ้นมาจัดเต็มพร้อมดูแลบำรุงผิวหน้าให้มีพลัง สดใสพร้อมลุยทุกกิจกรรม ปาร์ตี้หนัก ทำงานจัดเต็ม ใช้ชีวิตสุดขนาดนี้ อาจจะมีอาการหน้าโทรมเป็นซอมบี้ปรากฏขึ้นมาบนหน้าได้ ผู้ชายเราจึงไม่ควรมองข้ามการดูแลผิวหน้า ทำความสะอาดและบำรุงรักษาให้ผิวหน้าสดใสมีออร่าแบบผู้ชาย เป็นการให้รางวัลตัวเองที่ดีในการเริ่มปีใหม่แบบหล่อ ๆ ของพวกเราทุกคนใน The Men Expert Bible #5 by L’Oreal Men Expert ไบเบิลเสริมหล่อ Ep 5 ที่จะมาปิดท้ายหลักสูตรดูแลผิวหน้าผู้ชายที่กำลังเข้าสู่ช่วงกิจกรรมหนัก ๆ แบบช่วงสิ้นปีหรือจะเป็นช่วงหยุดยาวไหน ๆ หรือช่วงหักโหมเมื่อไหร่ ก็สามารถนำวิธีดูแลผิวหน้าสดชื่นกระจ่างใสที่ทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก พร้อมรับวันใหม่แบบเร่งด่วนนี้ไปใช้ได้เช่นกัน สำหรับการปลุกพลังผิวหน้าให้สดชื่นกระจ่างใสในขั้นตอนเบื้องต้น สามารถย้อนไปดูได้จาก The Men Expert
ยิ่งใกล้ถึงช่วงสิ้นปี ตลาดแฟชั่นทั่วโลกยิ่งทวีความคึกคักมากขึ้น สังเกตได้จากความถี่ของการปล่อยคอลเลกชันของแต่ละแบรนด์ในช่วงนี้ เรียกได้ว่าเตรียมตัวสร้างความนิยมไว้รอต้นปีหน้าเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่สามารถดึงดูงกลุ่มลูกค้าเป็นอันดับแรกก็คือบารมีอันทรงพลังของ Brand Logo (เครื่องหมายการค้า) แต่ละแบรนด์ ที่เป็นเหมือนเครื่องรับประกันความพึงพอใจให้คนควักเงินและสวมใส่ ซึ่งดูเหมือนว่าในปี 2018 นี้ Supreme Logo Box จะกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตลาดแฟชั่นของปีอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วย Net Worth ที่ทะลุไปไกลถึงระดับ Billion Dollars Club เรียบร้อย โลโก้ของ Supreme กลายเป็นโลโก้สินค้าแฟชั่นที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในขณะนี้ จากการรายงานล่าสุดของเว็บไซต์แฟชั่นชื่อดังอย่าง Lyst ซึ่งจัดอันดับขึ้นโดยการโหวตจากแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า Logo Box สีแดงสดฝีมือการออกแบบของ Barbara Kruger ที่ถูกส่งต่อให้ James Jebbia ผู้ก่อตั้ง Supreme ชิ้นนี้มีความสามารถในการดึงดูดผู้คนได้มากแค่ไหน แม้จุดประสงค์ของการสร้างจะต่างกันชนิดฟ้ากับเหวก็ตาม ดูเรื่องราวต้นกำเนิดของโลโก้และฟอน์ตของ Supreme ได้ที่ https://bit.ly/2ULLr4S แน่นอนว่าอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Supreme Logo Box ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ก็มาจากแนวทางการทำธุรกิจของ Supreme ที่สร้างให้แบรนด์เป็นชื่อที่มีคุณค่าสำหรับกลุ่มลูกค้า ที่ไม่ว่าจะดรอปคอลเลกชันใหม่ออกมาเมื่อไหร่ก็ขายดีเหมือนให้ฟรี แถมเอาไปแปะใส่อะไรก็กลายเป็นของมีราคาไปเสียหมด ถึงแม้จะต้องแลกมาด้วยสินค้าเลียนแบบมากมายก็ตามแต่ Supreme
Hamilton เฉลิมฉลอง รุ่น Intra-matic Auto Chrono เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1968 ผ่านรูปลักษณ์ความคลาสสิกที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นในอดีต ที่จะเติมเต็มเหล่าแฟน ๆ Hamilton และผู้ชื่นชอบนาฬิกาสไตล์วินเทจ ด้วยนาฬิกาโครโนกราฟระบบอัตโนมัติ Intra-Matic ใหม่ล่าสุด ด้วยตัวเรือนของรุ่นใหม่ทำจากสเตนเลสสตีลขนาด 40 มม. ซึ่งใหญ่กว่าขนาดดั้งเดิมเล็กน้อยเพื่อสะท้อนถึงรสนิยมอันทันสมัยในยุคปัจจุบัน โดยยังคงรูปลักษณ์และกลิ่นอายแบบดั้งเดิมในยุค 60 ถ่ายทอดผ่านตัวเรือนที่ภายในประกอบด้วยกลไกขึ้นลานโครโนกราฟอัตโนมัติรหัส H-31 พิเศษไม่เหมือนใคร มีกำลังลานสำรองสูงสุดขยายเป็น 60 ชั่วโมง ที่แสดงถึงความแม่นยำแบบสวิส และยังรวมฟังก์ชั่นวันที่ที่ใช้งานได้จริง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งการปรับเปลี่ยนสำคัญในปี 2018 ความโดดเด่นที่สุดนั้นคือหน้าปัดแพนด้าแบบดั้งเดิมที่เป็นที่นิยมในยุค 60 และ 70 แม้แต่แบบอักษรและโลโก้ของ Hamilton บนหน้าปัดก็เป็นเวอร์ชั่นเดิมจากปี 1968 หน้าปัดสีขาวพร้อมหน้าปัดย่อยโครโนกราฟสีดำ ให้สัมผัสของเสน่ห์สีขาวดำจาก Hamilton อันเป็นส่วนประกอบหนึ่งของงานดีไซน์ที่แสดงถึงจิตวิญญาณแบบอเมริกันของ Intra-matic Auto Chrono รุ่นดั้งเดิมอายุ 50 ปีอย่างแท้จริง Intra-Matic Auto Chrono รุ่นใหม่นี้สื่อถึงแสดงคลาสสิกและออกแบบมาเพื่อผู้ที่ชื่นชอบความคลาสสิกในแบบอเมริกา ส่งความรู้สึกผ่านสายหนังนุ่มเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการสวมใส่และแสดงถึงจิตวิญญานที่แท้จริงของอเมริกันคลาสสิก พร้อมทั้งผสานความทันสมัย
แม้จะถูกแซะอยู่บ่อย ๆ ว่าเป็นรองเท้ารูปทรงขัดตาขัดใจ แต่ตอนนี้กลายเป็นแรร์ไอเทมไปแล้วสำหรับ Post Malone x Crocs ล่าสุดพวกเขากำลังเตรียมตัวปล่อยรองเท้าในดรอปที่สองตามออกมา หลังจากรองเท้ารุ่นแรกได้รับความนิยมจากแฟน ๆ อย่างท่วมท้น ถึงขนาดราคา Resell ใน eBay พุ่งทะยานเกิน 10 เท่าของราคาป้ายไปแล้ว Post Malone x Crocs คู่แรกถูกปล่อยออกมาแบบเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเลือกถ่ายทอดผลงานลงบนรองเท้า Iconic ของค่ายซึ่งทุกคนคุ้นตากันดีอย่าง Classic Clog ซึ่งการทำออกมาครั้งนั้นเหมือนเป็นการโยนหินถามทางมากกว่าถ้าดูจากจำนวนที่ผลิตออกมา แต่ทว่ามันกลับสร้างปรากฏการณ์ด้านยอดขายฟ้าถล่มดินทลาย รวมไปถึงเสียงตอบรับด้านบวกเป็นวงกว้าง ทำเอาคนที่เคยด่า Crocs ต้องกลืนน้ำลายตัวเองกันหลายอึก ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดการปล่อยรองเท้ารุ่นที่สองตามออกมาในที่สุด Post Malone x Crocs ดรอปที่สองมากับรองเท้าในโมเดลเดียวกันกับคู่แรก แต่เปลี่ยนมาใช้โทนสีเหลืองสดเป็นหลัก ตัวรองเท้ามาพร้อมกราฟิกลายลวดหนามซึ่งถือเป็นลายที่ Post Malone หลงใหลเป็นพิเศษ ตกแต่งด้วยเข็มกลัดจาก Jibbitz ไม่ว่าจะเป็นรูปงู, หัวกะโหลก รวมถึงโลโก้ PM-2 ตัดด้วย In-Sole สีดำสนิทสร้างมิติที่แปลกใหม่ โดยมีแผนจะวางขายสู่ตลาดในวันที่
แฟชั่นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนเทรนด์ไปเรื่อย ๆ ตามยุคสมัย แต่หลายครั้งแฟชั่นในอดีตก็ถูกหยิบมาล้างน้ำ ปัดฝุ่น แล้วใช้ใหม่ เทรนด์รองเท้ามาแรงในปี 2018 ที่เห็นได้ชัดคงหนีไม่พ้น Chunky Sneakers หรือที่เรียกกันว่า Dad shoes ซึ่งกลับมาเป็นที่นิยมปรอทแตกกันอีกครั้ง UNLOCKMEN เองก็ไม่นิ่งเฉย รวบรวมรองเท้าจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่ได้แรงบันดาลใจจากวันวานมาให้ตื่นตาตื่นใจและเงินในกระเป๋าสั่นระริก ๆ ไปพร้อม ๆ กัน 1.Louis Vuitton Archlight Sneaker สร้างความตื่นเต้นให้แก่เหล่าแฟชั่นนิสต้าได้ไม่น้อยกับสนีกเกอร์ที่ผสมผสานความวินเทจแบบรองเท้าคุณพ่อและปรับให้เข้ากับรูปทรงสุดล้ำอย่าง Louis Vuitton รุ่น Archlight จากคอลเลกชั่น spring/summer 2018 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้าของนักบาสเก็ตบอลในยุค 90s ที่ฉีกแนวออกจากสนีกเกอร์รุ่นก่อน ๆ ของ LV อย่างเห็นได้ชัด 2.Givenchy 1952 Active running sneaker อีกหนึ่งแบรนด์ชื่อดังของฝรั่งเศสอย่าง Givenchy ก็ได้ออกสนีกเกอร์สไตล์วินเทจด้วยเช่นกัน ในรุ่นที่ชื่อว่า Givenchy 1952
Patek Philippe แบรนด์นาฬิกาสุดหรูที่มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี ใครได้ยินก็ต้องรู้จักและอยากมีเก็บไว้เป็นของตัวเองซักเรือน ซึ่งการรักษาคุณภาพและชื่อเสียงของแบรนด์ให้อยู่มาอย่างยาวนานได้ขนาดนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย UNLOCKMEN พร้อมไขคำตอบว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ Patek Philippe สามารถคงความหรูหราและมูลค่ามีระดับมาได้จนถึงปัจจุบัน จุดเริ่มต้นของแบรนด์นาฬิกาชื่อก้องโลกเริ่มต้นขึ้นใน ค.ศ.1839 อังตวน นอร์เบิร์ด เดอ ปาเต็ก ดีไซน์เนอร์ยอดฝีมือกับเพื่อนของเขา ฟรองซัวส์ ซีซาเปค ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทนาฬิกาขึ้นในเมืองเจนีวา โดยใช้ชื่อว่า Patek, Czapek & Cie ผลิตนาฬิกาคุณภาพยอดเยี่ยมเป็นเวลากว่า 6 ปี จนกระทั่ง ซีซาเปค ได้แยกตัวออกมา ทำให้ปาเต็กได้คุมบังเหียนของบริษัท ต่อมาในช่วงเวลาใกล้กันใน ค.ศ. 1844 ช่างทำนาฬิกานามว่า ฌอง เอเดรียน ฟิลิป ก็ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาจากการบุกเบิกเทคโนโลยีนาฬิการะบบกลไกแบบไม่ต้องใช้กุญแจ หรือ Keyless stem-winding system ได้สำเร็จ เพราะแต่เดิมการตั้งเวลาจะต้องใช้กุญแจเพื่อแกะด้านหลังของนาฬิกา ทำให้ฝุ่นหรือไอน้ำเข้าตัวนาฬิกาอยู่บ่อยครั้ง แถมในบางทีก็ทำกุญแจหายอีก สิ่งที่ฟิลิปคิดค้นขึ้นนั้นสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา ด้วยสิ่งที่เรียกว่า เม็ดมะยม ที่ตั้งเวลาได้โดยไม่ต้องมานั่งแกะตัวเรือนให้เสี่ยงต่อความชื้นและฝุ่นละออง และในรายละเอียดเล็ก ๆ นี้เองที่ส่งผลในเรื่องของความสะดวกสบายอย่างเหลือเชื่อ ทำให้ผลงานของฟิลิปได้รับรางวัลชนะเลิศจากเวที Products
หลังจากที่เราไม่ได้อัพเดทเรื่องราวประวัติของแบรนด์แฟชั่นมาสักระยะหนึ่ง วันนี้เราก็ไปเจอข้อมูลของแบรนด์กระเป๋ายี่ห้อหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะนอกจากคอนเซ็ปต์ในการสร้างสินค้าที่โคตรเท่แล้ว เรื่องราวความเป็นมาของพวกเขาก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เรากำลังพูดถึง Freitag แบรดน์กระเป๋าสุดแนวที่ครองใจวัยรุ่นสายสตรีทฮิปสเตอร์ และก้าวขึ้นมาเป็น top of mind เวลาที่ใครสักคนอยากจะเลือกซื้อกระเป๋าสักใบที่ อึด ถึก ทน “Freitag” เกิดขึ้นจากมันสมองของสองพี่น้อง Danial และ Markus Freitag ในปี 1993 ซึ่งในขณะนั้นทั้งสองคนอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แถบชานเมืองซูริคทำให้พวกเขาทั้งสองต้องใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทางแทบจะตลอดเวลา โดยที่ในตอนนั้นพวกเขาต้องการจะหากระเป๋าใส่เอกสาร messenger bag ที่มีขนาดใหญ่พอที่จะเก็บอุปกรณ์การเรียน และสามารถใช้เดินทางร่วมกับจักรยานได้ กระทั่งวันหนึ่งขณะที่ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ในครัว ก็ได้เหลือบมองออกไปที่ถนน เขาเห็นรถทุกคันมีผ้าใบคลุมอยู่จึงเกิดไอเดียว่า น่าจะลองเอาผ้าใบนี้มาใช้ทำกระเป๋าได้ เพราะด้วยสีสัน คุณสมบัติกันนำ้ได้ ทนทาน และที่สำคัญคือเป็นวัสดุรีไซเคิล ความคิดในการสร้างกระเป๋าจึงได้เริ่มขึ้นจากจุดนี้ สองพี่น้องได้เริ่มหาผ้าใบคลุมรถบรรทุกมาล้างทำความสะอาด แล้วก็ตัดเย็บกันเองจนได้เป็นกระเป๋าใส่เอกสาร messager bag ตามที่ต้องการ ซึ่งนอกจากวัสดุผ้าใบ Markus และ Danial ยังนำของเหลือเหลือใช้ส่วนอื่น ๆ อาทิ เข็มขัดนิรภัยรถยนต์สำหรับทำสายสะพาย และยางในรถยนต์เย็บเก็บขอบริมกระเป๋า โดยหวังว่าจะใช้คอนเซ็ปต์ ECO-Friendly มาประยุกต์