ปัจจุบันกระแสความนิยม Lambretta กำลังพุ่งแรงไม่หยุด วันนี้เราเลยอยากมาแนะนำสายลึกน่าสะสมอีกรุ่นที่น้อยคนจะรู้จัก สกู๊ตเตอร์คันเล็กพิกัดน่ารักมีชื่อว่า Lambretta Lui หรือบางตลาดอาจใช้ชื่อว่า Luna, Vega หรือ Cometa เป็นสกู๊ตเตอร์ที่ Lambretta ทำออกมาในปี 1968 – 1969 เพื่อตอบโจทย์ตลาดความจุ 50cc ประหยัดทั้งน้ำมันและราคาขาย เน้นความเรียบง่ายเพื่อการเดินทางใกล้ ๆ ในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังทรุดหนัก แม้จะเป็นสกู๊ตเตอร์ราคาประหยัด แต่ Lambretta ก็ไม่อยากให้ดีไซน์ดูราคาถูกจนเกินไป จึงส่งหน้าที่ออกแบบให้กับสุดยอดดีไซน์เนอร์ Nuccio Bertone ชายผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ Supercar ระดับโลกนับไม่ถ้วน หลังเวลาผ่านไป 3 ปี Bertone ก็นำเสนอดีไซน์ที่ทำให้สกู๊ตเตอร์ 50cc มีความหรูเท่และสปอร์ต ถูกใจวัยรุ่น Italian Lambretta ตั้งชื่อให้มันว่า LUI โดยมีสโลแกนว่า “All for Lui, and Lui for all,” ในการทำตลาด
ปัจจุบันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเห็นแบรนด์สินค้าทำนาฬิการุ่นพิเศษร่วมกับ Rolex เหมือนในยุค ’80s ได้ แต่หากย้อนไปในปี 1977 นาฬิกา Rolex Air-King Ref 14000 เคยถูก Domino’s Pizza สั่งทำพิเศษเพื่อใช้เป็นของแจกพนักงาน !!! โดยมีการเพิ่มโลโก้ Domino’s Pizza เข้าไปบนหน้าปัดบริเวณ 6 นาฬิกา นาฬิกา Rolex x Domino’s Pizza ถูกใช้เพื่อกระตุ้นสาขาที่ทำยอดขายเข้าเป้า ไอเดียสุดบรรเจิดของ Thomas Stephen Monaghan, Domino’s Pizza CEO ในยุคนั้น สาขาไหนทำยอดขายได้ถึง $20,000 ต่อสัปดาห์ ผู้จัดการสาขานั้นรับไปเลย Rolex Air-King’s Domino’s Pizza แน่นอนว่าแต่ละสาขาขายกันแบบไม่คิดชีวิต จนยอดเป้าหมายแตกต้องแจกนาฬิกากันรัว ๆ ต่อมาจึงมีการขยับเงื่อนไขใหม่ว่า สาขาต้องขายให้ได้สัปดาห์ละ $25,000 อย่างน้อย 4 สัปดาห์ต่อเนื่องจึงจะได้รับรางวัลนาฬิกาเรือนนี้ไป โดยรวมแล้ว
ณ เวลานี้ เมื่อพูดถึงแหล่งรวมตัวของแบรนด์ Street Fashion และดินแดนที่เป็นสวรรค์ของเหล่า Sneakerhead อาจไม่ต้องดั้นด้นเสาะหาไอเทมเด็ด ๆ ไกลถึงต่างประเทศอีกต่อไป เพราะต้องบอกว่าพิกัดใจกลางกรุงฯ ที่พวกเราคุ้นเคยอย่าง SIAM CENTER นอกจากจะเป็นศูนย์รวมแห่งไอเดียสร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นพื้นที่สำหรับไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่หลากหลาย โดยเฉพาะเรื่องของ Street Fashion ที่แบรนด์ดังระดับโลกมากมาย พร้อมใจมารวมตัวกันในพื้นที่ของ SIAM CENTER ไม่ว่าจะเป็น PUMA, NIKE, ADIDAS, VANS, UNDER ARMOUR, NEW ERA, DR. MARTENS, JD SPORTS, SAUCONY, DICKIES, XLARGE ฯลฯ เรียกได้ว่ามาครบตอบโจทย์ทั้งสาย Performance กับไอเทมเฉพาะสำหรับการเล่นกีฬา รวมถึง Fashion Sportwear เท่ ๆ เติมเต็มสไตล์ที่โดดเด่นในชีวิตประจำวัน ยิ่งในฟากฝั่งของ Sneakers บอกเลยว่า SIAM CENTER นั้นยืนหนึ่ง
ต้องบอกว่าการฉลองครบรอบ 55 ปีของแบรนด์ Seiko นั้น มีไฮไลต์อยู่ตรงจุดที่แบรนด์จะพาทุกคนไป Nostalgia ให้รู้สึกถึงความสำเร็จอันงดงามในอดีตของ Seiko ด้วยเรือนเวลาคู่ไหนกันนะ ? และ Seiko 5 Sports “Retro Color” Special Edition เองก็ไม่ต่างกัน เตรียมตัวซึมซับความรู้สึกเรโทร (Retro) ที่มีความหมายตามพจนานุกรมของ Seiko ว่า ‘สไตล์’ ที่มีเรื่องราวและกลิ่นอายจากยุค 60s-80s อย่างเต็มเปี่ยม ผ่านงานดีไซน์ และประวัติศาสตร์ของแบรนด์ เป็นที่รู้กันว่าหลังจากนาฬิกาคอลเลกชั่นแรกสุดของ Seiko 5 Sports ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1969 เราก็เข้าสู่ยุคทองของซีรีส์ที่ว่าโดยทันที และในปี 1969 นั่นเอง ก็มีรุ่นจักพรรดิ์ตัวท็อปมากถึง 3 รุ่นที่ผู้ใส่ไม่เคยลืมเลย Seiko 5 Sport 5126-8130 (Rally Diver) / Seiko 5 Sport 6119-6050
Blancpain X Swatch “Scuba Fifty” เผยโฉมแล้วสำหรับการ collaboration ครั้งยิ่งใหญ่ของสองแบรนด์ในเครือ Swatch Group หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก Omega x Swatch เรียกว่าเป็น Blancpain Fifty Fathoms ในรูปแบบของ Swatch Blancpain X Swatch สดุดีนาฬิการุ่น Fifty Fathoms นาฬิกาเพื่อนักดำน้ำเรือนแรกที่แท้จริง นาฬิการุ่นนี้รังสรรค์โดยนักดำน้ำลึกที่มีใจรักเมื่อ 70 ปีที่แล้ว นับเป็นการปฏิวัติวงการการทำนาฬิกา ด้วยการเป็นเรือนแรกที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดของนักสำรวจใต้น้ำได้สำเร็จ นาฬิการะบบจักรกลทั้งห้ารุ่นในคอลเลกชัน Bioceramic Scuba Fifty Fathoms คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของตำนานแห่งวงการการทำนาฬิกาแบบสวิสอย่างครบถ้วน พร้อมหยิบยืมจุดเด่นของนาฬิกา SCUBA ตระกูลนาฬิกาเพื่อการดำน้ำของเราเอง นาฬิกาแต่ละรุ่น ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากใต้ท้องทะเลลึก เป็นการสดุดีมหาสมุทรทั้งห้า รวมถึงสิ่งมีชีวิตอันสวยงาม สีสันสดใสอย่างทากทะเล (nudibranch) ที่อาศัยอยู่ในใต้ทะเลลึก โดยมีทั้งหมด 5 สีจาก 5 ocean-themed The Atlantic
ใหม่ล่ามาแรง กับออโตเมติกสกู้ตเตอร์เซกเม้นต์ใหม่ล่าสุดของ Honda โดย ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด New Honda Giorno+ เป็นครั้งแรกในโลกเมื่อวันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่ง New Honda Giorno+ ได้ถูกสร้างสรรค์พัฒนาต่อยอดแรงบันดาลใจจากตัวแทนความเท่ของวัยรุ่นยุค 90s อย่าง Giorno 50cc ปี 1992 สู่ภาษางานออกแบบใหม่ผสานอดีตและอนาคตเอาไว้ในแนวทางโมเดิร์นคลาสสิก ลงตัวกับงานดีไซน์ที่แมทช์กันได้กับทุกลุค ปลุกเร้าจิตวิญญาณ High Fashion Scooter ด้วยชุดไฟหน้า – ไฟท้าย LED ที่โดดเด่น การออกแบบของ New Honda Giorno+ได้เลือกใช้เส้นสาย Horizontal Line สื่อถึงความล้ำสมัย ผสานกับเส้นโค้งมนที่สื่อถึงความเรียบง่าย คลาสสิก พร้อมพื้นผิว รวมถึงสีสันที่ดูพรีเมียมสวยงาม พร้อมให้พวกเราได้บ่งบอกสไตล์ที่แตกต่างผ่านสีสันทั้ง 6 สี ไม่ว่าจะเป็น ขาว / เทา
ว่ากันว่ารถที่ใช้ สามารถบ่งบอกตัวตน และไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ออกมาได้เป็นอย่างดี และ New Honda Giorno+ คือการเปิดมิติใหม่ด้วยนิยามความเป็น High Fashion Scooter ที่พร้อมสะท้อนทุกสไตล์ให้ทะลุระดับ New High ยิ่งกว่าเดิม เรียกได้ว่าเปิดตัวกันไปแบบสด ๆ ร้อน เมื่อวานนี้ กับออโตเมติกสกู้ตเตอร์รุ่นล่าสุด และถือเป็นเซกเมนต์ใหม่สุดของ Honda กับ Giorno+ ที่ถูกสร้างสรรค์พัฒนาต่อยอดแรงบันดาลใจจากตัวแทนความเท่ของวัยรุ่นยุค 90s อย่าง Giorno 50cc ปี 1992 สู่ภาษางานออกแบบใหม่ผสานอดีตและอนาคตเอาไว้ในแนวทางโมเดิร์นคลาสสิก ลงตัวกับงานดีไซน์ที่แมทช์กันได้กับทุกลุค ปลุกเร้าจิตวิญญาณ High Fashion Scooter ด้วยชุดไฟหน้า – ไฟท้าย LED ที่โดดเด่น และการเลือกใช้เส้นสาย Horizontal Line สื่อถึงความล้ำสมัย ผสานกับเส้นโค้งมนที่สื่อถึงความเรียบง่าย คลาสสิก พร้อมพื้นผิว รวมถึงสีสันที่ดูพรีเมียมสวยงาม พร้อมให้พวกเราได้บ่งบอกสไตล์ที่แตกต่างผ่านสีสันทั้ง 6 สี ไม่ว่าจะเป็น ขาว
งาน collab ที่ represents street culture จากสองฝั่งแบรนด์แฟชั่นและ fast-food ที่ดูไม่น่าจะไปด้วยกันได้ แต่กลับสามารถนำเสนอลวดลายพรินต์ที่เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ โลโก้ตัว M Golden Arches ถูกนำมาตีความเป็นดีไซน์หลักใน collection ซึ่งมีทั้ง hoodies, T-shirts และ Skateboards ในสามโทนสีหลัก ดำ ขาว และแดง ก่อนหน้านี้ลูกค้าจะต้องใช้ unique code จากกล่อง McNuggets เพื่อใช้เป็นสิทธิในการซื้อผ่าน microsite แต่ดูเหมือนว่า feedback จะดีมากเกินไปจน Palace ยกเลิกการใช้ unique code ไปแล้วเรียบร้อย
สำหรับแลมเบรตติสต้า หรือชาวแลมสายลึก เราเชื่อว่าเมื่อพูดถึง LAMBRETTA เป็นต้องนึกถึงสกู้ตเตอร์ดีไซน์หล่อคลาสสิก รวมถึงโทนสีวินเทจจี๊ดใจที่สร้างเสน่ห์ให้แฟน ๆ หลงใหลมาถึงปัจจุบัน และต้องบอกว่ารุ่นใหม่อย่าง LAMBRETTA X300 SR ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Colors Of Time คืออีกหนึ่งตัวแทนความทรงจำดี ๆ ที่ถ่ายทอด DNA งานออกแบบ และโทนสีสุดฮิตในช่วงรอยต่อของยุค 60s และยุค 70s ที่โดดเด่นในเรื่องความสดใส สะท้อนไลฟ์สไตล์, แฟชั่นการแต่งกาย รวมไปถึงสีสันของสกู้ตเตอร์คู่ใจ ซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของวัยรุ่นยุคนั้น และสีสันแห่งช่วงเวลาอันน่าประทับใจจากอดีต ได้ถูกส่งต่อเป็นความทรงจำที่จับต้องได้ผ่าน LAMBRETTA X300 SR ซึ่งถอดรหัสความเท่คลาสสิกสไตล์สปอร์ต และหยิบยกเอาสีสันจากแลมยอดนิยมในยุคนั้น มาแต่งแต้มเป็นตำนานบทใหม่ของ LAMBRETTA ที่เข้าขากันได้ดีกับไลฟ์สไตล์ของชาวแลมยุคปัจจุบัน แต่ที่สำคัญคือเอกลักษณ์ความเก๋าของแลมวินเทจยังคงเดินทางข้ามเวลามาแบบไม่ตกหล่น กับจุดเด่นเหล่านี้ที่เราอยากชวนชาว UNLOCKMEN ไปสัมผัส เพื่อยืนยันว่า LAMBRETTA X300 SR คือตัวแทนสีสันแห่งช่วงเวลาอย่างแท้จริง ส่งตรงจิตวิญญาณสปอร์ตจาก LAMBRETTA GP/DL ปี 1969
ว่ากันว่าเครื่องแต่งกายเป็นสิ่งสะท้อนสไตล์ของผู้สวมใส่ ในขณะเดียวกันกลิ่นน้ำหอมที่เลือกใช้ก็เปรียบเสมือนสิ่งสะท้อนตัวตน, รสนิยม รวมถึงทัศนคติของแต่ละบุคคลออกมาได้อย่างชัดเจน ด้วยศาสตร์และศิลป์แห่งกลิ่นที่มีผลส่งตรงสู่อารมณ์ความรู้สึกส่วนลึก โดยแทบไม่ต้องอาศัยถ้อยคำใดมาอธิบาย และตำนานความหอมของ MONTBLANC LEGEND คือหนึ่งในสุนทรียศาสตร์แห่งกลิ่นอันทรงพลัง และน่าหลงใหล ที่ถูกรังสรรค์เป็นน้ำหอม 3 ประเภทใน LEGEND Series ซึ่งวันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN ร่วมเดินทางไปกับความหอมระดับตำนานทั้ง 3 รูปแบบ ที่พร้อมให้ทุกคนได้เลือกสะท้อนตัวตน และถ่ายทอดเสน่ห์ความมั่นใจในแบบที่เป็นคุณ MONTBLANC LEGEND EDT : นี่คือจุดเริ่มต้นความหอมระดับตำนาน ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2011 ด้วยความมุ่งมั่นในการรังสรรค์ MONTBLANC LEGEND EDT ให้เป็นตัวแทนแห่งกลิ่นที่สะท้อนตัวตนของสุภาพบุรุษที่เพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์ของความเด็ดเดี่ยว มั่นใจ ผสานความอบอุ่น และสุขุม ด้วย Top Notes โทนสว่าง สดชื่น กับกลิ่นของ Lavender, Bergamot, Pineapple leaf และ Exotic verbena ตามมาด้วย Middle Notes ที่หอมหวานดึงดูดใจจากกลิ่นของ
การกลับมาอีกครั้งของ MB&F HM9 อภิมหาเรือนเวลาที่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่สวยงามที่สุดในโลก บรรจุในเคสใสสามชิ้นผลิตจาก sapphire crystal ขนาด 57mm x 47mm x 23mm สามารถรับชมการทำงานของตัวเครื่องได้จากทุกมุม มีสองสีใหม่คือ หน้าปัด PVD-coated สีฟ้าในกรอบ white gold และ PVD-coated สีเขียวในกรอบ yellow gold ราคาเรือนละ 16 ล้านบาท ผลิตเพียงสีละ 5 เรือนในโลก MB&F HM9 “Sapphire Vision” Diameter: 57mm x 47mm Caliber: In-house movement Functions: Hours, minutes Power Reserve: 45 hours Winding: Manual Water Resistance: 30 meters
ปี 2021 เราได้สัมภาษณ์กับ Temporarywest กลุ่มเพื่อน 10 คนที่รวมตัวกันทำงาน Street Art เพื่อพัฒนาชุมชนในโปรเจกต์ Art Town ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เวลาผ่านมาจนถึงปี 2023 เราได้รับคำเชิญจากกลุ่ม T-West ให้ไปนิทรรศกาลศิลปะชื่อ The Lost Wall Exhibition ที่รันโดยกลุ่มผ่านคอนเซปต์ Host เทคหนึ่งสัปดาห์จัดงานในธีมของตัวเอง ในตึกที่มีชื่อว่า Red.cose (ระหว่างที่เขียนอยู่นี้งานได้จบลงไปแล้วเมื่อวันที่ 12/08/2023 ที่ผ่านมา) ‘เฟม-พีรพัฒน์ อื้อพรรณรังษี’ หรือ Aka. Y? เฮดของกลุ่ม T-West เป็นเพื่อนกับผมสมัยทำงานอยู่ที่บริษัทปาร์ตี้ชื่อ Dudesweet ด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี เราจึงขอมันสัมภาษณ์ทำ Artist Room เพื่อคุยถึงมุมมองที่มันมีต่อวงการ Graffiti ความฝันในการพาเพื่อน ๆ เป็น Street Crew ระดับโลก และความหลงใหลใน Street Art