แม้ฟุตบอลโลกจะจบลงไปแล้ว แต่ทว่าอีกหนึ่งสีสันการใส่เสื้อฟุตบอล Jersey ในชีวิตประจำวัน ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ไม่ผิดกฎเกณฑ์อีกต่อไป ซึ่งในปัจจุบันแต่ละสโมสรดังต่างพาเหรดกันออกเครื่องแต่งกายชุดแข่งประจำฤดูกาล 2018/2019 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไฮไลท์สำคัญคงจะไปอยู่ชุดแข่งของ Juventus ที่แต่เดิมก็สวยงามอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อได้ซุเปอร์สตาร์อย่าง Cristiano Ronaldo มาใส่ราศีของชุดแข่งก็ทวีคูณความโดดเด่นออกมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบรรดาลีกต่าง ๆ ทั่วยุโรปยังคงไม่เปิดฤดูกาลกไอ้ครั้นจะใส่ไปไหนมาไหน อาจจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ต่างจากลีกอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในนาม Premier League ซึ่งเป็นลีกอันดับ 1 ของโลกมีผู้ชมจากทั่วโลกมากที่สุดอีกเช่นกัน ดังนั้นเสื้อแข่งที่สวยจึงเหมือนกับใบเบิกทางความนิยมให้กับทีมนั้น ๆ ได้ ดังนั้นในวันนี้ UNLOCKMEN ขอนำ Top 5 เสื้อแข่งสุดสวยประจำฤดูกาล 2018/2019 ของ Premier League มาแนะนำกันว่าทีมไหนสวยเหมาะแก่การใส่ในชีวิตประจำวันได้บ้าง FULHAM ทีมน้องใหม่หน้าเก่าอย่าง Fulham ที่ตกชั้นร่วงลงจากลีกสูงสุดไปนานกว่า 4 ปี กลับมาคราวนี้ถือว่าทีมดีไซน์ได้ทำการออกแบบชุดแข่งได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อมีเพียง Stripe คาดอกขนาดใหญ่สีดำ พร้อมโลโก้สปอนเซอร์ dafabet สีขาว ที่นำลงมาจัดวางเข้ามา แล้วดูขัดตา ยิ่งบวกกับตรา adidas
เทรนด์สปอร์ตแฟชั่นในปัจจุบันยังคงเป็นที่นิยม เพราะนอกจากความสนุกสนานในการเลือกสวมใส่แล้วยังบ่งบอกถึงรสนิยมและไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี ล่าสุด ‘บอดี้ โกลฟ’ (Body Glove) ได้เปิดตัว 4 คอลเลกชั่นดีไซน์ใหม่ต้อนรับฤดูกาล ออทั่ม/วินเทอร์ 2018 พร้อมชวนหนุ่ม ๆ มาสนุกกับการมิกซ์แอนด์แมทช์สร้างสไตล์ลุคสุดเท่ ที่ประกอบไปด้วยคอลเลกชั่น Retro Sport Active Collection Fall 2018, Sport Casual , Pima Tee)และ Activate Wear ‘บอดี้ โกลฟ’ (Body Glove) มีต้นกำเนิดจากการคิดค้นเวทสูทหรือชุดดำน้ำรายแรกของโลก ในปี ค.ศ. 1953 ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และในไทย ‘บอดี้ โกลฟ’ (Body Glove) มีความตั้งใจที่จะพัฒนาเสื้อผ้าให้เหมาะกับยุคสมัย จึงได้สอดแทรกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ลงไปในการดีไซน์เสื้อผ้า บอดี้ โกลฟจึงเป็นแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นที่มีความสปอร์ตแฝงอยู่ในตัว ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกคล่องแคล่ว ทะมัดทะแมง สามารถสวมใส่ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและเวลาออกกำลังกาย ในคอลเลกชั่นต้อนรับฤดูกาลออทั่ม/วินเทอร์ 2018 แบบชุดสปอตแวร์โดดเด่นด้วยงานดีไซน์ที่เหมาะสำหรับการสวมใส่ในทุก ๆ
นาฬิกาข้อมือ หนึ่งใน Item ชิ้นสำคัญในการแต่งตัวของผู้ชาย อุปกรณ์ที่สามารถบ่งบอกได้ถึงฐานะและรสนิยมของผู้สวมใส่ผ่านทางกายภาพที่มองเห็น สัมผัสและจับต้องได้ แต่ด้วยขนาดอันน้อยนิดเมื่อเทียบกันกับเครื่องแต่งกายอย่าง เสื้อ หรือ รองเท้า หลายคนจึงมักมองข้ามความสำคัญของมันไป ลองจินตนาการว่า เราเจอกับหนุ่มมาดเนี้ยบในลุค Formal มาพร้อมรองเท้าและเข็มขัดหนังชั้นดี ทุกอย่างดู Match เข้ากันอย่างลงตัว แต่ดันมาตกม้าตายตอนยกมือขึ้นมาเสยผม ด้วยนาฬิกาสายแฟชั่นสีแสบเสียอย่างนั้น คงเริ่มเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมว่าตัวบอกเวลาที่ข้อมือชิ้นนี้สำคัญขนาดไหน เปรียบเหมือนกับส่วนเติมเต็มสุดท้ายของความสมบูรณ์ในการแต่งตัวของเรานั่นเอง อย่ารอช้า วันนี้ UNLOCKMEN ได้จัดทำคู่มือการแบ่งชนิดพร้อมรูปแบบการสวมใส่ที่เหมาะสมมาไว้ให้แล้ว จะจับคู่ ต้องรู้ประเภท ลำดับแรกหากต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสวมใส่ เราจะต้องรู้จักประเภทของนาฬิกาแต่ละชนิดเสียก่อน ที่คุ้นเคยกันดีในบ้านเราจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่คือ แบบ Analog Watch และ Digital Watch ซึ่งวันนี้เราจะมุ่งเน้นไปที่แบบแรก ซึ่งเป็นนาฬิกายอดนิยมสำหรับผู้ชาย นั่นก็คือ Analog Watch กับความคลาสสิกด้วยตัวเลข 12 ตำแหน่งบนหน้าปัด และเข็มบอกเวลา ความเรียบง่าย หรูหรา และทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะคว้ามาใส่เวลาไหน ก็ทำให้ดูดีได้เสมอ นาฬิกาข้อมือประเภท Analog Watch
ถ้าเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน ผู้ชายอย่างเราอาจชอบคำตอบที่ชัดเจน แต่สำหรับศิลปะถือเป็นเรื่องยกเว้น เรารักมันได้เสมอไม่ว่ามันจะชัดเจนหรือไม่ วันนี้ UNLOCKMEN ขอพาทุกคนไปชื่นชนความงามกับสุนทรีย์อีกรูปแบบผ่านความไม่ชัดเจนที่เราชื่นชอบจากผลงานของทั้ง 2 ศิลปินต่อไปนี้ Philip Barlow : เบลอสไตล์โบเก้ งานสีน้ำมันเหล่านี้ ตั้งใจเบลอด้วยปลายพู่กันเพื่อถ่ายทอดความงามของแสงสีที่ผสมผสานกันลงตัว บ้างก็ซ้อนกันเป็นวง บ้างก็เส้นขอบของรูปร่างที่เห็นไม่ชัดเจน แต่เรายังคงพอมองออกว่าภาพเหล่านั้นคืออะไร ความไม่ชัดเจนบนผืนผ้าใบไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่ากำลังโดนรบกวนทัศนวิสัยขนาดต้องหาแว่นมาใส่ แต่สร้างความหลงใหลทำให้รู้สึกอยากจ้องมองให้นานขึ้นกว่าเดิม เทคนิกความสวยแบบเบลอ ๆ นี้ ได้ Philip Barlow ศิลปินแอฟริกันเป็นผู้ถ่ายทอด โดยได้แรงบันดาลมาจากแสงสีที่เกิดขึ้นจากการถ่ายภาพ ที่ช่างภาพนิยมเรียกเทคนิกการถ่ายนี้ว่า โบเก้ เขาจึงเก็บภาพถ่ายแนวนี้นำมาวาดมันลงผืนผ้าใบกลายเป็นภาพที่สวยงาม โดยเพียรทำมันมาต่อเนื่องถึง 17 ปีแล้ว Pedrita studio : เบลอสไตล์โมเสก ด้านบนเป็นความเบลอแบบโบเก้ แต่สำหรับชิ้นนี้เป็นความไม่ชัดแบบการต่อโมเสก คือเป็นลายต่อกระเบื้องที่ Lisbon จัดแสดง นิทรรศการว่า “Lost and Found” ภายใน Pedrita Studio ทว่าความครีเอทีฟของมันไม่ได้ง่ายแบบการต่อโมเสกสีทั่วไป แต่เป็นการต่อกระเบื้องที่มีลวดลายแตกต่างกัน เอามาเชื่อมต่อกันเป็นรูปที่เราสามารถมองเห็นรูปร่างได้ชัดเจน เมื่อเราถอยไปดู
หลายครั้งการย้ายที่อยู่ของเรา มีของหลายชิ้นที่ไม่อาจได้ไปต่อกับเราในที่ใหม่ เรามักจะทิ้งข้าวของหลายชิ้นเอาไว้กับที่เก่าอยู่เสมอ ทิ้งบ้างขายบ้าง ขายออกบ้างไม่ออกบ้าง คิดไปคิดมามันก็น่าเสียดายที่ของหลายชิ้นที่เราอยากได้ในตอนนั้น กลับกลายเป็นของที่หนัก เทอะทะ เกินกว่าที่เราจะขนให้มันไปเริ่มชีวิตใหม่กับเราได้ UNLOCKMEN อยากให้หนุ่ม Urban ที่มีไลฟ์สไตล์ที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนอยู่อย่างกะทันหันอยู่บ่อย ๆ มาทำความรู้จักกับ Aalo เฟอร์นิเจอร์ที่จะมาเป็นทุกอย่างให้เรา และพร้อมจะไปกับเราได้ในทุกที่อย่างสะดวกสบายต่างจากเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวแบบเดิม ๆ ที่เคยใช้ “AALO” CUSTOMIZED FURNITURE อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ Aalo มันคือ Customized Furniture ที่เราสามารถประกอบมันให้เป็นอะไรก็ได้ตามใจเรา ราวแขวนเสื้อผ้า ชั้นวางรองเท้า บันได ชั้นวางของ ที่ตั้งกระถางต้นไม้ สารพัดอย่างที่เราจะนึกออก เป็นเหมือน Lego ในรูปแบบเฟอร์นิเจอร์นั่นแหละ ขึ้นอยู่กับความครีเอตของเรา บวกกับความต้องการในการใช้งานของเรา ให้ออกมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เราอยากให้มันเป็น วันนี้เป็นอีกอย่าง พรุ่งนี้อยากใช้อย่างอื่น ก็เป็นอีกอย่างได้ โดยไม่ต้องลำบากออกไปซื้อใหม่เลยด้วย ข้อดีของ Customized Furniture หลัก ๆ ก็คือ ประหยัด ใช้เครื่องมือน้อย
adidas Originals จับมือ Pharrell Williamsส์ เปิดตัว Hu series สำหรับซีซั่น Fall/Winter 2018 นี้ ที่เน้นย้ำถึงความเชื่อที่ว่ากีฬาทำให้หนุ่มสายสปอร์ตทุกคนมีพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิต คอลเลคชั่นนี้ฟาร์เรลล์แสดงออกถึงความชื่นชอบในความสงบและความนิ่งของสภาวะจิตใจในขณะวิ่ง เขาพยายามที่จะผสมผสานการพัฒนาและประสิทธิภาพของอาดิดาสด้วยสีสันที่แปลกใหม่ รูปแบบ และสไตล์ที่โดดเด่นของทางแอฟริกาตะวันออกที่ซึ่งการวิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ฝังลึกในวัฒนธรรม การเข้าถึงด้านวัฒนธรรมอย่างเหนือชั้นและการเชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์ของฟาร์เรลล์ ได้ถูกรวบรวมและนำเสนอออกมาเป็นรองเท้าและเสื้อผ้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ได้ถูกนำเสนอออกมาด้วยโทนสีที่โดดเด่นอย่างสีฟ้า สีแดงเข้ม สีเหลือง สีเขียว และสีม่วง รวมทั้ง Primeknit วัสดุที่สำคัญของอาดิดาสได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกความประณีตและงานแฮนด์เมด ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบเดิม ๆ เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดในการร่วมมือกันของอาดิดาสและฟาร์เรลล์ Pharrell Williams SOLARHU NMD ถูกพัฒนาขึ้นมาจากรองเท้ายอดฮิตอย่าง NMD โดย outsole ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นทางการวิ่ง ผ้า Primeknit ที่ถูกถักทอด้วยเทคนิคพิเศษรวมถึงการผสมผสานกันของสี และตัวอักษรสีดำบนพื้นสีขาวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเบอร์วิ่งติดเสื้อสำหรับนักวิ่งโดยจะอยู่ที่ด้านบนของรองเท้าแต่ละคู่ซึ่งมีคำที่เชื่อมโยงกัน เช่น “MOTHER” และ “LAND” หรือ “EMPOWER” และ “INSPIRE” หรือคำภาษาสวาฮิลี “MIELE” (forever) และ
ฝนตก รถติด รถไฟฟ้าเสีย และอีกสารพัดปัญหาของคนเมืองที่ทำให้ปวดหัวได้อยู่ทุกวี่ทุกวันจนบางทีก็อย่างหนีเข้าป่าไปให้พ้น ๆ แต่เมื่อมาคิดดูดี ๆ แล้วก็เป็นตัวเราเองนั่นแหละที่เสพติดความสะดวกสบาย จะ Into the Wild แบบในภาพยนตร์ก็คงไปได้ไม่กี่น้ำเดี๋ยวก็คงซมซานกลับเข้าสังคมเมือง ดังนั้นมันจะดีแค่ไหนถ้าเราได้ทั้งความสะดวกสบายไปพร้อม ๆ กับการใช้ชีวิตสงบ ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยแนวคิดแบบนี้จึงเกิดสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถตอบโจทย์ขึ้นมา ‘Mono Cabin’ คือชื่อของเจ้ากระท่อมในฝันหลังนี้ มันถูกออกแบบให้เป็นเหมือนที่พักพิงที่ครบครันทั้งความสะดวกสบายและความทันสมัย ทุกรายละเอียดมีประโยชน์ต่อการใช้สอยในพื้นที่ 106 ตารางฟุต ภายใต้คอนเซ็ป “Plug and Play” ที่มีทั้งความสนุกสนานและการพักผ่อน ความเรียบง่ายที่สร้างอารมณ์สุนทรีคือปรัชญาในการรังสรรค์ Mono Cabin ออกมา โดยด้านนอกจะมีเหล็กเป็นส่วนประกอบหลักเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้ตัวกระท่อม ส่วนภายในจะตกแต่งด้วยไม้ เพดานถูกออกแบบเป็นทรงโค้งให้ความรู้สึกอิสระ นอกจากนั้นบรรดาอุปกรณ์ภายในตัวกระท่อมสามารถเคลื่อนย้ายได้ทำให้คุณสามารถจัดวางและออกแบบในแบบที่เป็นตัวคุณได้ Mono Cabin มีให้เลือกจับจองถึง 3 แบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นมาตรฐานที่มาพร้อมกับอุปกรณ์กำเนิดไฟฟ้าในตัว รุ่นใช้พลังงานจากแผงโซลาเซลล์ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านบน และรุ่นสุดท้ายสำหรับคนที่ต้องการใกล้ชิดความเป็นธรรมชาติที่สุดด้วยออปชั่นเสริมเตาผิงไม้ติดตั้งมาในตัว เรื่องราคาก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่แค่คิดแล้วคุณจะมีกระท่อมในฝันไว้นอนท่ามกลางขุนเขาได้แต่คุณต้องมีเงินด้วย! เพราะราคาเฉลี่ยของเจ้า Mono Cabin อยู่ที่ 25,000 เหรียญหรือประมาณเกือบ 1 ล้านบาทเลยทีเดียว
สาวกความเร็วทั้งหลายที่ชอบให้ผิวกายปะทะกับลมเพราะมันได้ฟีลกว่า และชอบการบิดควบคุมความเร็วผ่านกำมือ คงต้องเคยเจอปัญหาชวนเซ็งอย่างการโทรศัพท์และการฟังเพลง เพราะพอต้องใส่อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอย่างหมวกกันน็อกแล้วมันดูจะมีอุปสรรคไปเสียทุกอย่าง แม้เราจะพยายามหานวัตกรรมใหม่มาเพิ่มความสะดวกมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่มันก็ไม่ค่อยพอดีเท่าไหร่ หูฟังบลูทูธเสียบไว้แต่บางทีเสียดสีกับผิวด้านข้างของหมวกกันน็อกมันก็หลุดหล่นลงพื้นระหว่างขับ จนเราต้องเสี่ยงวนรถกลับไปเก็บด้วย Domio Pro คืออุปกรณ์เสริมติดหมวกกันน็อกเพื่อสร้างความบันเทิงรูปแบบใหม่ที่แค่ดูวิดีโอตัวอย่างเราก็รู้สึกหลงรัก อยากได้จนมือไม้สั่น และเชื่อว่าสิงห์นักบิดทุกคนต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน เพราะมันสามารถติดไว้ใช้ได้กับหมวกกันน็อกทุกรุ่นที่เราใช้งาน และแก้ปัญหา pain point ที่เราพูดถึงด้านบนไว้ได้แบบคูล ๆ จบในตัว คุณสมบัติของ Domio Pro ประกอบด้วย มี air mic หรือไมค์โครโฟนที่สามารถตัดเสียงรบกวนเข้าไมโครโฟนระหว่างสื่อสารได้ เชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธ สร้างระบบเสียงทรงพลังจากการสั่นสะเทือน ทำให้เกิดเบสแน่น ๆ ใน track ที่เราชื่นชอบ แบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมง ฐานสำหรับติดตั้งยึดแน่นไม่ต้องกลัวหลุด อุปกรณ์สามารถกันน้ำได้ ไม่หวั่นแม้วันฝนตก แดดออก หรือเจอหิมะก็ยังไหว วิธีการใช้งานเครื่อง Domio Pro ใช้งานได้ง่าย เพราะสามารถเชื่อมต่อและรับคำสั่งการเปิดเพลงโดยเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนและการกดเปิดของปุ่มบนตัวเครื่องเท่านั้น โดยเชื่อมต่อกันผ่าน bluetooth ถามว่าเครื่องเล็กแบบนี้สร้างเสียงเพลงกระหึ่มฟังชัดตลอดการบิดของเราได้อย่างไร บอกเลยว่าเสียงที่เราได้ยินสร้างขึ้นจากการสั่นสะเทือนที่กระทบผิวหมวกกันน็อกตามหลักการกำเนิดเสียง แต่ออกแบบเป็นพิเศษให้เสียงที่ได้ยินขึ้นภายในหมวกกันน็อกแบบเซอร์ราวนด์ โดยไม่ทำให้คุณสมบัติด้านความปลอดภัยลดลงแม้ต่อน้อย ลองคิดว่าถ้าเราเกิดอุบัติเหตุล้มลง
ผู้ชายบางคนอาจจะไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวมากนัก เน้นชิล ปล่อยเซอร์ ไปตามสภาพ ได้เสื้อแถมจากไหนมาก็นำมาสวมใส่รวมกับกางเกงยีนส์ลากรองเท้าแตะเป็นอันจบ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไรหากคุณตัดสินใจที่จะแต่งกายแบบนั้นออกมาจากบ้าน เพราะทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นความชอบของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แต่การที่เราจะปล่อยเซอร์ก็ควรมีข้อยกเว้นควรระวังบ้างเหมือนกัน หากจำเป็นต้องไปประชุม ออกงาน พบเจอผู้คนจะไม่แคร์โลก และกาลเทศะเลยก็ไม่ได้ อะไรที่มันเยอะไป หรือน้อยมักไม่เป็นผลดีอยู่เสมอ ดังนั้นทีมงาน UNLOCKMEN จะขอแนะนำเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับการแต่งตัวแม้ว่าคุณจะเป็นคนสไตล์อย่างไรก็ตาม กาลเทศะ เรื่องกาลเทศะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเหนืออื่นใด เพราะเอาเข้าจริงไม่มีสไตล์ไหนที่ถูก หรือผิด มีแต่เหมาะหรือไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง อย่างเช่นงานที่เป็นทางการก็ควรจะแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยเสียนิดหนึ่ง อย่าเป็นตัวเองมากจนเกินไป เพราะคนอาจจะมองได้ว่าคุณเป็นคนไม่รู้จักกาลเทศะ แต่ถ้าในชีวิตปกติก็สามารถเป็นสไตล์ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ชนิดไม่ต้องแคร์ใคร โดยเฉพาะในงานเฟสติวัลต่าง ๆ หากอยากปล่อยของก็ต้องโอกาสนี้เท่านั้น ตรวจเช็กความเรียบร้อย เราเข้าใจว่างานรีดผ้าไม่ใช่ของถนัดของผู้ชาย แล้วยิ่งถ้าไม่มีแฟนมานั่งคอยรีดให้อีก แบบนี้ยุ่งเลย แค่ลำพังจะเอาเสื้อมาซักแต่ละอาทิตย์ก็ขี้เกียจแล้ว แต่มันจะเป็นภาพที่แย่มากถ้าเกิดคุณใส่เชิ้ตยับ ๆ ไม่ผ่านการรีดไปทำงาน หรือจะเจอลูกค้าเพราะต่อให้เสื้อตัวนั้นจะราคาแพงแค่ไหน แต่ถ้ามันยับเหมือนผ้าขี้ริ้ว ราคามันก็ไม่มีความหมายใด ๆ แถมทำให้คุณเสียบุคลิกอีกด้วย ดังนั้นถ้ารู้ว่าเสื้อตัวไหนสำคัญไว้ใช้ออกงานก็ควรส่งร้านซักอบรีดซะ เมืองไทยไม่เคยมีอากาศหนาว เรามักเห็นเสื้อผ้าแบรนด์ดังมักเอาเสื้อโค้ทสวย ๆ มาลดรคา 50 -70 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะมันขายไม่ออกในราคาปกติ ชาว UNLOCKMEN
หากพูดถึงแบรนด์ที่หาซื้อจับจองเป็นเจ้าของยากแบบสุด ๆ ชนิดหากบ้านไม่ได้อยู่ใกล้ช็อป หรือไปนั่งเข้าคิวรอซื้อเป็นวัน ๆ นอกเหนือจาก Supreme แล้ว เราขอยกให้กับแบรนด์สตรีตแวร์จากเกาะอังกฤษที่มาแรงพอ ๆ กันอย่าง Palace ซึ่ง UNLOCKMEN เคยเขียนถึงประวัติความเจ๋งของแบรนด์นี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ทุกคนสามารถกลับไปตามอ่านได้ที่ (Content) สาเหตุที่ทำให้แบรนด์ Palace เติบโตอย่างรวดเร็ว แถมเป็นที่นิยมของสาวกสตรีตแฟชั่น น่าจะมาจากดีเอ็นเอความเป็นตัวตนบวกกับเอกลักษณ์อันชัดเจน ที่แสดงออกถึงความเป็นอินดี้ฮาร์ดคอร์ จนถูกใจวัยรุ่นทั่วโลก และขอบอกเลยว่าอัตราการจับจองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะเมื่อสินค้า Palace วางจำหน่าย ก็ Sold Out แทบทันที ไม่ต้องพูดถึงออนไลน์ หากอินเตอร์เน็ตของคุณไม่ได้เร็วเหนือแสง ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกดออนไลน์แย่งกับใครได้ แต่โอกาสมาถึงทุกคนอีกครั้ง เมื่อล่าสุด Palace เตรียมปล่อยคอลเลกชั่นใหม่ Autumn 2018 ที่อัดแน่นไปด้วยสินค้ามากมาย และต่อให้คุณไม่ใช่สายสเก็ตบอร์ด ก็น่าจะชื่นชอบเสื้อผ้าเซ็ตใหม่นี้ได้ไม่ยาก สำหรับคอลเลคชั่น Autumn 2018 จาก Palace นี้ประกอบไปด้วยสินค้ามากกว่า 100 ชิ้น ซึ่งมีตั้งแต่เสื้อแจ็คเก็ตกันลม, เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์, ฮู้ดดี้, คาร์ดิแกน,
บางครั้งของใช้ใกล้ตัวเรา มันอาจมีฟังก์ชั่นที่เจ๋งไปมากกว่านั้นได้ด้วยเทคโนโลยี ที่เพิ่มลูกเล่นให้มันจากสิ่งของเดิม ๆ กลายเป็นของ Multi-Function ได้แบบเท่ ๆ ใครที่ชอบอะไรแนวนี้ UNLOCKMEN อยากขอแนะนำปากกาสุดเจ๋งด้ามนี้ ที่พัฒนามาจากเทคโนโลยีทางการทหารในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง รับรองว่าเท่ทั้งดีไซน์และฟังก์ชั่น Haoyu Feng & Dan Xiong ผู้ออกแบบได้เปิดเผยว่าแรงบันดาลใจของปากกาสุดเท่ด้ามนี้มาจากในช่วงสงคราม ที่บ้านเมืองยังไม่สงบและอะไร ๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทางมากนัก นั่นผลักดันให้ผู้คนในช่วงนั้นต้องคิดค้นสิ่งที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นออกมาใช้กัน และหนึ่งในเทคโนโลยีทางการทหารในสมัยนั้น เป็นอีกแขนงที่ก้าวหน้าไปไกลมากที่สุด เลยนำความรู้สึกในช่วงนั้นมาสร้างเป็นปากกาสารพัดประโยชน์อย่าง “The GP1945 Bolt Action Pen” ที่ทำขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงเทคโนโลยีทางการทหารในช่วงหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองนั่นเอง ไม่ใช่ด้วยความแค้น อารมณ์ หรือความรู้สึกใด ๆ แต่มันสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตในช่วงนั้นล้วน ๆ ว่าถ้าต้องกลับไปใช้ชีวิตในช่วงนั้น เราจะเป็นต้องมีอะไรบ้าง ปากกาแท่งนี้สามารถตอบโจทย์นั้นได้ ที่นอกจากจะใช้งานตามฟังก์ชั่นของมันได้ตามปกติแล้ว ยังต้องช่วยชีวิตของเราในยามคับขันได้อีกด้วย เราสามารถใช้มันเป็นปากกาลูกลื่นปกติได้ (ก็แน่ล่ะมันเป็นปากกา) สำหรับการจดบันทึก ขีดเขียน ทำหน้าที่ของปากกาตามที่มันควรจะมีเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐาน ตัวด้ามทำมาจากไทเทเนียม ที่จะอยู่ยงคงกระพันมากกว่าหนังหุ้มกระดูกของเราอย่างแน่นอน แถมดีไซน์ยังถูกออกแบบมาให้เหมือน Loading ของปืนไรเฟิลอีกด้วย ฟังก์ชั่นต่อมาคือนกหวีด ที่สามารถเลื่อนตัวด้ามให้กลายเป็นเสียงนก
หากพูดถึงโมเดลรองเท้าสักคู่ที่ได้รับอิทธิพล และติดภาพมาจากภาพยนตร์ จนกลายมาเป็นสนีกเกอร์ในฝัน ที่เหล่านักสะสมล้วนถวิลหาอยากจะได้มาไว้เป็นคอลเลคชั่นส่วนตัว หนึ่งในนั้นต้องมี Nike Cortez จากภาพยนตร์ Forrest Gump อย่างแน่นอน ปรากฎการณ์ความดังของภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผล แค่เพียงในจอเงินเท่านั้น ทว่ายังได้สร้างอิมแพคต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นอีกด้วย เพราะรองเท้าที่ได้ปรากฎตัวบนแผ่นฟิล์ม พร้อมฉากชายผู้ไม่สมประกอบออกวิ่งด้วยรองเท้า Nike Cortez ไปทั่วสหรัฐอเมริกา กับวลีอมตะ “Run Forrest Run” ได้กลายเป็นฉากคลาสสิคตลอดกาลต่อวงการภาพยนตร์โลก นอกเหนือจากนี้ ด้วยคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นบวกกับความสวยงามของตัวรองเท้า Nike Cortez ทำให้มันกลายเป็นรองเท้าสามัญประจำตู้ถูกเก็บขึ้นหิ้ง แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็ยังอยากที่จะมีไว้สวมใส่ครอบครอง วันนี้ UNLOCKMEN จะขอนำเรื่องราวของรองเท้าในตำนานคู่ดังกล่าวที่ได้กลับมาวางขายอีกครั้งในบ้านเรามาเล่าสู่กันฟัง หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าแต่เดิม รองเท้า Nike Cortez มีพี่ชายฝาแฝดที่เรียกได้ว่าแทบจะโคลนนิ่งกันมาอย่าง Onitsuka Corsair ซึ่งเหตุผลที่มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะ ก่อนที่นาย Bill Bowerman จะได้จัดตั้งบริษัท Nike ขึ้นเองนั้น เขายังคงรับหน้าที่เป็นโค้ชทีมวิ่งของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดย Bill ได้ทำงานร่วมกับบริษัท Onitsuka Tiger จากประเทศญี่ปุ่นในการผลิตรองเท้าช่วงกลางยุค 60s ก่อนที่ในเวลาต่อมา Bill Bowerman และ Phil Knight จะก่อตั้งบริษัทของตัวเองที่ชื่อว่า Blue