หากจะให้นึกถึงเรือนเวลาคุณภาพสูงจากทางฟากฝั่งเอเชียที่มีศักยภาพพอที่จะต่อกรกับเรือนเวลา Swiss Made ได้ เชื่อว่าผู้หลงใหลในเสน่ห์แห่งเวลาชาวไทย น่าจะมีชื่อของแบรนด์ Seiko (ไซโก) โผล่ขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ในใจ ด้วยประสบการณ์ที่ถูกสั่งสมและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลากว่า 130 ปี นับตั้งแต่ Seiko ได้ถูกก่อตั้งขึ้น โดย Kintaro Hattori (คินทาโร ฮัตโตริ) ในปี ค.ศ. 1881 ด้วยการนำเอาความรักและความหลงใหลในเครื่องบอกเวลามาใช้เป็นแรงผลักดันในการผลิตนาฬิกาคุณภาพสูงออกสู่ตลาดทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วทุกมุมโลก พาชื่อ Seiko ทะยานขึ้นสู่ความเป็นแบรนด์นาฬิกาอันดับต้น ๆ ในเอเชีย การันตีด้วยคุณภาพสินค้า ขั้นตอนการออกแบบการผลิตที่ประณีต ผนวกนวัตกรรมระดับสูงในแบบฉบับ Made in Japan ที่ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความไว้วางใจ รวมถึงในประเทศไทยแบรนด์ Seiko ซึ่งปัจจุบันดำเนินการโดยบริษัท ไซโก (ประเทศไทย) ได้เดินหน้าทำการตลาด และขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถสร้างฐานลูกค้า, กลุ่มแฟนตัวจริงของนาฬิกา Seiko ที่มี Comunity และ Brand Royalty แข็งแกร่ง ตอกย้ำให้ประเทศไทยกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในภูมิภาคอาเซียนที่มีความพร้อมในการเปิด Seiko
หากตำนานนักแสดงอย่าง Bruce Lee ยังมีชีวิตอยู่ในปีนี้เขาจะมีอายุครบ 80 ปี ซึ่งค่ายนาฬิกาอย่าง Casio ต้องการให้เกียรตินักแสดงผู้ล่วงลับที่มีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้และวัฒนธรรมตะวันออกให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วยนาฬิการุ่นพิเศษของค่าย Casio Bruce Lee Edition มีพื้นฐานมาจากนาฬิการุ่น MRG-G2000 เรือนเวลารุ่นไฮเอนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องวัสดุและเทคโนโลยีที่ในการผลิตออกมาเป็น Casio MRG-G2000BL-9A โดยตัวอักษร BL ต่อท้ายรหัสย่อมาจาก Bruce Lee MRG-G2000BL-9A “Bruce Lee Edition” เต็มไปด้วยงานดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากยอดนักบู๊ ตั้งแต่สีที่ใช้สายเรซินสีเหลืองและตัวเรือนสีดำตามสีชุดวอร์มในตำนานของ Bruce Lee ตอนที่แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Game Of Death ส่วนของหน้าปัดใช้เป็นสีเหลืองและแดง ตัวแทนของ Jeet Kune do ศิลปะการต่อสู้ที่คิดค้นขึ้นโดย Bruce Lee พื้นผิวขอบตัวเรือนเคลือบด้วย Diamond Like Carbon (DLC) รับรองความทนทานต่อการขีดข่วน แกะสลักเป็นตัวอักษรภาษาจีน 12 คำหมายถึงหลักการสำคัญ 12 อย่างของศิลปะการต่อสู้ Jeet
ในยุคเทคโนโลยีเฟื่องฟูที่ระบบสตรีมมิงเพลงกำลังนิยมอย่างตอนนี้ น่าแปลกที่ทำไมผู้ชายบางยังหลงรักความคลาสสิกของเครื่องเล่นแผ่นเสียงเก่า ๆ และแปลกยิ่งกว่านั้นเมื่อแผ่นไวนิลกลายเป็นของหายากและมีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ตอนแรกจะคิดว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียงและแผ่นไวนิลคู่หู คงเป็นสิ่งของกระแสนิยมที่เข้ามาและจากไปในเร็ววัน แต่ช่วงไม่กี่ปีให้หลังดูเหมือนว่าเสียงเพลงอันเกิดจากการวางหัวเข็มลงบนร่องไวนิล ดังกึกก้องและเข้าไปอยู่ในใจผู้ชายหลายคนจนอยากซื้อสักเครื่องมาไว้ในครอบครอง เมื่อไม่กี่วันมานี้ Gearbox เปิดตัว ‘Gearbox MKII Transparent Turntable’ เครื่องเล่นแผ่นเสียงสุดเท่ ที่ใช้เคสโปร่งใสห่อหุ้มและสามารถมองเห็นกลไกการทำงานของเครื่องจักรได้เต็มสองตา แม้จานเสียงของเครื่องจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Braun PC 3 SV ของ Dieter Rams เครื่องเล่นแผ่นเสียงไอคอนิกแห่งปี 1955 แต่ Gearbox MKII Transparent Turntable ดีไซน์ขนาดมาให้กะทัดรัดกว่า ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ Gearbox สร้างเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบโปร่งใส แต่บอกเลยว่าครั้งนี้พวกเขาอัปเกรดสเปกให้เจ๋งขึ้นกว่าเดิมเยอะ ตัวหัวเข็มดีไซน์ด้วยลูกรอกอลูมิเนียมและใช้สายพานที่แข็งแรงทนทาน ช่วยให้เล่นแผ่นไวนิลได้อย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพ นอกจากนั้นยังผสมผสานระหว่างเครื่องเล่นเก่าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่เข้าด้วยกัน รองรับระบบบลูทูธให้หนุ่ม ๆ สตรีมเพลงไวนิลและส่งไปยังลำโพงไร้สายเพื่อกระจายเสียง Gearbox MKII Transparent Turntable ยังมีเทคโนโลยีจดจำเพลงออนบอร์ดที่สามารถระบุและส่งแทร็กจากคอลเลกชันไวนิลของคุณไปยังเพลย์ลิสต์บน Spotify ได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งยังมีปลั๊ก RCA สำหรับเชื่อมต่อกับลำโพงแบบมีสายได้อีกด้วย ไม่เพียงให้เสียงที่ยอดเยี่ยม
หนุ่มที่เป็นแฟนสมาร์ตโฟนสายแอนดรอยด์โดยเฉพาะตระกูล Samsung Galaxy คงทราบข่าวการเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ของค่ายอย่าง Samsung Galaxy S20 และอาจสังสัยกันว่าทั้งหมดที่เปิดตัวออกมาถูกพัฒนาขึ้นไปมากน้อยแค่ไหนและมีความโดดเด่นยังไงบ้าง วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนมาทำความรู้จักเรือธงรุ่นใหม่ทั้ง 3 แบบเบื้องต้นไปพร้อมกัน Samsung Galaxy S20 เปิดตัวออกมาเป็น 3 รุ่นด้วยกัน นั่นก็คือ Galaxy S20, Galaxy S20 Plus และ Galaxy S20 Ultra มีขนาดและสเปคเครื่องแตกต่างกันออกไป มาดูกันว่าแต่ละรุ่นจะมีรายละเอียดแตกต่างกันยังไง เริ่มจากสิ่งที่เห็นเป็นลำดับแรกคืองานดีไซน์ ดีไซน์ของ Samsung Galaxy S20 ทั้ง 3 รุ่นเหมือนกันตัวเครื่องตั้งใจออกแบบให้มีความโค้งมน กระจกหน้าจอเป็น Gorilla Glass 6 ขอบเครื่องโดยรอบยังคงใช้วัสดุเป็นโลหะซึ่งคงความหรูหราได้เป็นอย่างดี หน้าจอแสดงผลมาพร้อมดีไซน์แบบ Infinity-O Display แผ่เต็มขอบเครื่องทุกด้านใช้งานได้เต็มตา พร้อมตำแหน่งหน้ากล้องหน้าที่วางไว้ตรงกลางเหมือนใน Note 10 ทั้ง 3 รุ่นมีการแสดงผลของจอที่ภาพสวยงามจากเทคโนโลยี Dynamic
ยังจำวิธีย้ายข้อมูลจากเครื่องสู่เครื่อง อุปกรณ์สู่อุปกรณ์ไหมว่ามันยากและใช้เวลาขนาดไหน บางครั้งเราต้องซื้ออุปกรณ์แยกแบบ OTG มาเพื่อให้มีช่องว่างสำหรับเสียบ Thumb Drive ถ่ายโอนข้อมูล แต่จะดีแค่ไหนถ้าเราไม่ต้องมีอุปกรณ์หลายตัว ใช้แค่ตัวเดียวก็พอแถมออกแบบมาให้ดีไซน์น่าใช้งาน iSpoid คือไอเดียของ Chi-Eun Jang, Hyeokryul Kwon, Jaegeun Kim และ Jeongmin Lim ทีมนักศึกษาเกาหลีใน Behance ที่ออกแบบ Apple Pencil หน้าตาคล้าย Dropper ตัวด้ามคล้าย Apple Pencil ปกติ แต่ทำด้านบนมีลักษณะเป็นหัวบีบคล้ายลูกยางของ Dropper โดยได้แรงบันดาลใจการออกแบบสนุก ๆ นี้มาจากการย้ายสสารของเหลวจากบีกเกอร์หนึ่งสู่อีกบีกเกอร์ด้วย Dropper แนวทางการออกแบบวิธีการใช้งานก็ไม่ต่างจาก Dropper เลยคือต้องนำเจ้า iSpoid นี้ไปจิ้มไฟล์บริเวณหน้าจอของอุปกรณ์เครื่องที่เป็นต้นทางข้อมูลเพื่อทำการดูดหรือ copy จากนั้นรอให้แถบไฟจากปลายปากกาค่อย ๆ ขึ้นจนครบเพื่อโชว์ให้เห็นการทำงานแบบเรียลไทม์ และเมื่อครบเต็มทุกขีดแล้วผู้ใช้สามารถยกตัวปากกาขึ้นจากอุปกรณ์แรกยกไปวางบนเครื่องปลายทาง จากนั้นบีบบริเวณหัวลูกยางสีขาวเพื่อ Drop หรือ Paste ไฟล์นั้นลงในเครื่อง รูปแบบการชาร์จมีแท่นเสียบสำหรับชาร์จไว้ แต่
“โลกอนาคตแม่งอยู่ใกล้เราแค่ปลายจมูก” มั่นใจว่าจากสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมันทำให้หลายคนกำลังคิดแบบนี้อยู่เป็นแน่แท้ แต่สิ่งที่ตอกย้ำว่าเรื่องราวในโลกอนาคตนั้นกำลังดำเนินอยู่จริงในช่วงชีวิตของพวกเรา ไม่ใช่เพียงแค่อุปกรณ์ล้ำสมัยไฮเทค, ระบบ AI อัจฉริยะ หรืออะไรต่อมิอะไรที่เคยเห็นในการ์ตูนโดเรมอน รวมถึงหนังไซ-ไฟ เมื่อวัยเด็ก แต่ ณ ตอนนี้ ภาพที่เห็นชินตาจากหนังที่ว่าด้วยโลกอนาคต ภาพของมนุษย์ที่พยามดิ้นรนไขว่คว้าหาอากาศบริสุทธิ์ เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติฝุ่นพิษ และการแพร่กระจายของเชื้อโรค เชื้อไวรัสต่าง ๆ นา ๆ ด้วยอุปกรณ์กรองอากาศ ป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ทั้งที่ติดตั้งประจำบ้าน หรือสวมใส่ติดตัวตลอดเวลาแบบไปไหนไปกัน ที่กำลังเกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน นี่แหละคือสิ่งที่หากย้อนเวลาไปแค่สัก 5 ปี – 10 ปี หากมีใครเดินมาบอกว่าในอนาคตอันใกล้ ‘อากาศดี ๆ จะไม่ใช่ของฟรีอีกต่อไป’ ร้อยทั้งร้อยเราคงคิดว่าไอ้นี่มันท่าจะบ้า ย้อนกลับมา ณ ปี 2020 จากแนวคิดที่เคยมองว่าเพ้อเจ้อ แต่สุดท้ายเราทุกคนล้วนกำลังอยู่ท่ามกลางปรากฎการณ์หน้ากากกันฝุ่นขาดตลาด, เครื่องตรวจสภาพอากาศกลายมาเป็นแกดเจ็ตพกติดตัว, งานเปิดตัวสินค้าเทคโนโลยียิ่งใหญ่ระดับโลกอย่าง CES มีการเผยโฉม Atmos Faceware หน้ากากฟอกอากาศแบบสวมใส่ เอาไว้สร้างอากาศบริสุทธิ์ได้แบบส่วนตัวด้วยสนนราคา $350 และในเมื่อการที่มนุษย์สวมใส่หน้ากากฟอกอากาศกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานการใช้ชีวิตในช่วงเวลาต่อจากนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่ Demand เกิด
การแข่งขันในตลาดกล้องแอ็กชันที่ว่าดุเดือด ยังต้องหลบให้กับความเข้มข้นของตลาดกล้องคอมแพกต์ที่แต่ละค่ายต่างงัดตัวเด็ดมาเฉือดเฉือนกันแบบไม่มีใครยอมใคร แล้วแบรนด์กล้องจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Fujifilm ก็เป็นหนึ่งในนั้น ล่าสุด Fujifilm เขย่าบัลลังก์กล้องคอมแพกต์ให้สั่นสะเทือน ด้วยการเปิดตัว ‘Fujifilm X100V’ คอมแพกต์พรีเมียมจากซีรีส์ X100 ในตำนาน มาพร้อมงานดีไซน์คลาสสิกแบบกล้องฟิล์มและช่องมองภาพไฮบริดที่ทำให้รุ่นนี้น่าจับตามองกว่ากล้องรุ่นอื่น ๆ Fujifilm X100V ตัวนี้มีเซนเซอร์ X-Trans CMOS IV ความละเอียด 26 ล้านพิกเซล และมีช่วง ISO อยู่ที่ 160-12800 ใช้ระบบประมวลผลทรงพลัง X-Processor 4 จับคู่กับเลนส์ 23 mm. f/2.0 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอด้วยความละเอียดสูงขึ้น ความผิดเพี้ยนต่ำ และมีประสิทธิภาพการโฟกัสที่ดีกว่าเดิม นอกจากจะใช้อัลกอริทึมช่วยตรวจจับ AF ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในระดับความสว่างต่ำสุด Fujifilm X100V ยังถ่ายภาพต่อเนื่องด้วย Electronic Shutter ได้ 20 เฟรมต่อวินาที หรือถ่ายด้วย Mechanic Shutter ที่
หากใครที่เป็นนักขี่ก็คงจะรู้ดีว่า การเลือกรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจสักคันนั้น ไม่ใช่แค่การเลือกยานพาหนะที่พาเราจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งถ้าหากจะพูดในแง่ของฟังก์ชั่นมันก็คงใช่ แต่ถ้าหากพูดถึงในแง่ของแพชชั่น ของความหลงใหลแล้วล่ะก็ คงต้องบอกว่า มันมีความละเอียดละออกว่านั้นเยอะ เพราะการเลือกรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจสักคัน มันต้องคำนึงถึงหลากเหตุหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน รูปแบบการใช้งาน เรื่องของดีไซน์ ซึ่งทุกอย่างล้วนมีความชอบแตกต่างกันไปในแต่ละคน ดังนั้น เมื่อเราเห็นรถจักรยานยนต์คันโปรดของใครสักคน เราก็คงจะพอเดาได้ทันทีว่าคนคนนั้นมีรสนิยมอย่างไร เช่นเดียวกับ คือ คุณสัน–สรวิศิษฎ์ บรรจงลักษมี สุภาพบุรุษที่ผู้ชายสาย Vintage ทั้งหลายรู้จักกันดี และการันตรีได้อย่างเต็มปากเลยว่า คนนี้เขา Vintage ตัวพ่อของจริง ที่ชื่นชอบ และเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ BMW สาย Vintage อยู่หลายคัน คุณสัน–สรวิศิษฎ์ บรรจงลักษมี หลายคนที่อยู่ในสาย Vintage คุ้นกับชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะจริง ๆ แล้ว เขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ก่อตั้งร้าน Smiths Vintage Club ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่ของคนที่ชื่นชอบ และหลงใหลในรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Vintage ซึ่งก็แน่นอนว่า การที่คนเราจะทำอะไรเป็นอาชีพจนประสบความสำเร็จได้นั้น จุดสำคัญมันต้องเริ่มต้นจากตัวตนที่แท้จริงของเราก่อน และตัวตนที่แท้จริงของเราก็จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นไลฟ์สไตล์ เป็นความชอบให้คนภายนอกได้เห็น ซึ่งคุณสันเองก็ได้ใช้ความชอบ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแบบของตัวเองนี่แหละ
หลายคนน่าจะทราบกันดี ถึงสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในศึกชิงแชมป์คนชนคนอย่าง Super Bowl นอกเหนือจากผลการแข่งขัน และ Half-Time Show นั่นก็คือ TVC หลากหลายประเภทสินค้า จนถือป็นอีกหนึ่งเวทีขายของประลองไอเดียโฆษณาจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่ รวมถึงเป็นพื้นที่โชว์ตัวอย่างหนังตลอดจนซีรีส์ใหม่ ๆ อีกหลายต่อหลายเรื่อง โดยแบรนด์ใหญ่แต่ละแบรนด์ ค่ายหนังแต่ละค่าย ต่างคนต่างพร้อมใจกันควักกระเป๋าจ่ายเงินมหาศาล เพื่อแลกกับการที่ Ads หรือ Teaser หนังของตัวเองได้เผยแพร่สู่สายตามากกว่าร้อยล้านคู่จากผู้ชมทั่วโลก อย่างในปีล่าสุด FOX Sports เจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ได้ออกมาเปิดเผยว่าแมทช์หยุดโลกระหว่างทีม Kansas City Chiefs และ San Francisco 49ers นั้นมีอัตราค่าโฆษณาอยู่ที่ประมาณ 5.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 173 ล้านบาท ต่อ 30 วินาที แถมยังขายดิบขายดีจนสล็อตโฆษณาขายหมดล่วงหน้าไปตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2019 ที่ผ่านมา และค่ายรถพันธุ์แกร่งสัญชาติอเมริกันอย่าง Jeep ก็เป็นอีกหนึ่งเจ้าที่ทุ่มเม็ดเงินซื้อเวลาเผยแพร่ TVC ใน Quarter
มีไม่กี่เรื่องที่ผู้ชายเราทำไม่ค่อยได้หรือถ้าทำได้อาจจะทำไม่ค่อยดี เรื่องหนึ่งคือการรีดผ้าให้เรียบ กับอีกเรื่องคือการฟอกอากาศกรุงเทพฯ ตอนนี้ให้ใสสะอาด แต่มันก็ดันมีนักประดิษฐ์หัวใสจับ 2 อย่างนี้มารวมร่างกันได้อย่างลงตัว นวัตกรรมชิ้นนี้เป็นผลงานการออกแบบของ Jiheon Son นักออกแบบชาวเกาหลีประดิษฐ์ผลงานชื่อ “Steam Manager” เครื่องมหัศจรรย์ที่มีฟังก์ชัน 2 in 1 ที่เราต้องการ ได้แก่ การฟอกอากาศก็ดี รีดผ้าเรียบรวมทั้งสามารถกำจัดกลิ่นอับชื้นหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วยการใช้ระบบไอน้ำในเครื่องเดียวกัน ลองดูบอร์ดก่อนจะกลั่นไอเดียมาได้จะเห็น Ref เจ๋ง ๆ ที่ผู้ชายเราชอบหลายชิ้น ทั้งเคส Mac เครื่องฟอกอากาศทรงสูง ฯลฯ จริง ๆ ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอ LG styler 2019 มาก่อน เราว่ามันก็มีเค้าความคล้ายคลึงอยู่บ้าง แต่พอมีเรื่องประโยชน์ของการฟอกอากาศที่ตอบโจทย์เหมาะกับชาวไทยเหลือเกิน คงต้องยกให้ Steamer Manager ได้ตำแหน่งที่ 1 ในใจก่อน ด้วยไซซ์ที่กะทัดรัด วางได้ในแนวตั้งตอบโจทย์การวางในบ้านที่มีพื้นที่พักอาศัยจำกัดอย่างคอนโดหรือหอพักได้ดี ช่วยให้เราจัดการการรูปแบบการใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น อย่างน้อย ๆ ก็มั่นใจว่าต้องดีกว่ากางโต๊ะรีดผ้าเสียบเตารีดแน่นอน ประกอบกับวิธีการทำงานที่ใช้ได้ไม่ยากแค่ดึงส่วนด้านบนขึ้น เครื่องจะยืดตัวขึ้นมาให้เราพร้อมแขวนเสื้อหรือกางเกงที่ต้องการรีดไว้ด้านใน (มีไม้แขวนติดกับเครื่อง) แล้วเราแค่กดปุ่มให้เครื่องทำงานมันก็จะรีดผ้า
เมื่อโลกเริ่มเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ก็พัฒนาไปตามระดับความชาญฉลาดของมนุษย์ แม้ในอดีตใครหลายคนจะคิดว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องไกลตัว และคงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้หรือปรับตัวให้ตามเท่าทัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบัน ‘เทคโนโลยี’ ที่นำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาพัฒนาต่อยอด เริ่มแทรกตัวเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา และการใช้งานเทคโนโลยีก็กลายเป็นอีกกิจวัตรของผู้ชายหลายคนไปเสียแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีไม่เคยเป็นเรื่องไกลตัว แถมเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับชีวิตเราจนไม่อาจเลี่ยงได้ วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากนำไฮไลต์ของงานเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง ‘CES 2020’ มาฝากหนุ่ม ๆ ทุกคน งาน CES (Consumer Electronics Show) หรือ CES 2020 เป็นงานจัดแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 7-10 มกราคม 2020 ณ เมืองเนวาดาของรัฐลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 53 ตั้งแต่จัดงาน CES ครั้งแรกเมื่อปี 1957 ในงาน CES 2020 มีบริษัทชั้นนำระดับโลกกว่า 4,500 บริษัท นำเทรนด์เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยที่พวกเขาพัฒนามาจัดแสดงให้ปรากฏต่อทุกสายตาของคนทั่วโลก เพื่อบอกถึงทิศทางของเทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนอนาคตของคุณให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป Samsung Ballie หุ่นยนต์ผู้ช่วยสุดเจ๋งในบ้าน
ขณะที่จีนก็กำลังกักกันเชื้อโรคอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ดังในรอบปีอย่าง Xiaomi เองก็ไม่พลาดโอกาสนี้ ตีเหล็กตอนกำลังร้อน ส่งนวัตกรรมตัวใหม่ FIVE Smart Disinfection and Sterilization Lamp ที่ไม่ได้บอกว่าจะฆ่าโคโรน่าได้ แต่ที่แน่ ๆ เขายืนยันว่าฆ่าเชื้อโรคชนิดไหนก็ตามที่แพ้แสง UVC ยังไงก็ตายเรียบแน่นอน ใครที่ตามข่าวโคมไฟชนิดนี้อาจจะได้ยินชื่อ Xiaomi Youpin และสงสัยว่ามันอันเดียวกับ Xiaomi ไหม คำตอบคือแบรนด์เดียวกันแต่ทำหน้าที่ต่างกัน เพราะ Youpin จะแยกไว้สำหรับรองรับโครงการระดมทุนเพื่อสร้างนวัตกรรมโดยเฉพาะ ก็เรียกได้ว่าคล้าย ๆ Kickstarter แต่ว่าเป็นระบบของจีน ปล่อยโปรเจกต์โคมไฟฆ่าเชื้อโรคในร่มออกมา ขนาดกะทัดรัด 245 x 120 x 120 มม. มีขนาดเบาเพราะทำจากพลาสติกและโลหะ (ช่วงแกนกลาง) สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ในพื้นที่ระหว่าง 20-30 ตารางเมตร หลักการทำงานของมันคือการใช้คลื่นของรังสีอัลตราไวโอเลตที่ใช้ทางการแพทย์หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของแสงอาทิตย์มาใช้เพื่อฆ่าเชื้อโรค เรียกง่าย ๆ ว่า จับแสงอาทิตย์มาใส่โคมไฟในร่มแล้วเปิดฆ่าเชื้อโรค ในบ้านโดยสามารถสั่งและควบคุมผ่านแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Mijia ได้ทันที อธิบายให้เห็นภาพชัดมากขึ้นว่าเจ้าโคมไฟที่แสงเหมือนโคมไฟที่ช็อตยุงที่เราเคยใช้ตอนเด็ก ๆ