ในโลกที่เทคโนโลยีกับแฟชั่นกลายเป็นเรื่องเดียวกัน UNLOCKMEN ขอแนะนำให้ทำความรู้จักกับ 5 Smartwatch จากแบรนด์ไฮเอนที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ การออกแบบที่พิถีพิถัน สรรค์สร้างเป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่มีมากกว่าแค่การบอกเวลา ผลงานการสร้างสรรค์จากแบรนด์สุด Craft ที่แม้แต่นาฬิกา Digital ก็ยังคงความหรูหราที่ละเอียดอ่อนไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง LOUIS VUITTON TAMBOUR HORIZON Louis Vuitton แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสเจ้าแรกที่เข้าสู่ตลาด Smartwatch ด้วยการส่ง Tambour Horizon นาฬิกาอัจฉริยะระบบปฏิบัติการ Android Wear 2.0 หน้าจอสัมผัสแบบ AMOLED มุมมองกว้าง สีสันสดใส มาพร้อมความละเอียด 390 x 390 pixcel กระจกหน้าและหลังใช้วัสดุ Sapphire ขนาด 1.2 นิ้ว RAM 512MB พื้นที่เก็บข้อมูล 4GB แบตเตอร์รี่ความจุ 300mAh สามารถลงน้ำลึกได้ 30 เมตร พร้อมกับแอปพลิเคชั่นที่พัฒนาโดย LV คือ My Flight
Jerry Can คือภาชนะที่ทำจากเหล็กอัดแข็ง ได้รับการออกแบบในเยอรมนีช่วงปี 1930 สำหรับใช้งานทางทหารเพื่อเก็บเชื้อเพลิง ปริมาตรความจุ 20 ลิตร ซึ่งนอกจากมันจะมีบทบาทโดดเด่นในช่วงสงครามโลกแล้ว Jerry Can ยังถือได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของแกลลอนน้ำมันในปัจจุบัน แม้จะแตกต่างกันในเรื่องวัสดุหรือวิธีการผลิต แต่ในภาพรวมถือว่าได้รับอิทธิพลมาอย่างชัดเจน ด้วยความแข็งแกร่งและสมบุกสมบันของ Jerry Can เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง The Jerrybag Shield กระเป๋าเป้สะพายพันธุ์อึด ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ความทนทาน นอกจากนั้นยังมาพร้อมออปชั่นป้องกันกระแทกเต็มรูปแบบ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นแว่นตา, แล็ปท็อป, ขวดเครื่องสำอาง, หรือสิ่งของเปราะบางใด ๆ เมื่อนำมาใส่ใน The Jerrybag Shield ก็มั่นใจได้ว่ามันจะไม่บุบสลาย ทำให้คุณลุยไปได้ทุกที่ทุกสถานการณ์อย่างไร้กังวล The Jerrybag Shield มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบง่าย เครื่องหมาย X บนพื้นตัวกระเป๋ามีไว้เพื่อ 2 จุดประสงค์ ประการแรกคือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทนทานให้ตัวเป้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นค้อน ขวาน หรือแม้กระทั่งปืนก็ไม่อาจจะทำอะไรกระเป๋าเป้ใบนี้ได้ ประการที่ 2 เพื่อให้ The Jerrybag Shield มีความยืดหยุ่นเมื่อเจอความร้อนหรือความเย็น The Jerrybag Shield ถูกออกแบบมาให้คล้ายกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ฉบับย่อส่วน ดังนั้นสำหรับใครที่สัมภาระไม่เยอะ
แม้ชื่อ OnePlus Smartphone อาจจะไม่เป็นที่นิยมมากนักในบ้านเราเมื่อเทียบกับ iPhone หรือ Samsung อาจจะเพราะที่ผ่านมา OnePlus ไม่ได้มีจุดขายอะไรมากมาย แต่จากนี้ไปชาว UNLOCKMEN และแฟนคลับความแรงของ McLaren อาจจะต้องเริ่มตามหา OnePlus กันมากขึ้น เมื่อทั้งคู่ได้ร่วมมือกันเซ็นสัญญา Partnership ระยะยาว พร้อมประเดิมด้วยโมเดลรุ่นพิเศษที่ทำได้น่าสนใจกับ McLaren OnePlus 6T เปิดตัวไปล่าสุด ณ McLaren Headquarter ประเทศอังกฤษ จุดเริ่มต้นของโปรเจคนี้เกิดจาก OnePlus co-founder, Carl Pei ที่มีความชื่นชอบในคาแรคเตอร์ของ McLaren อยู่แล้ว และได้ไปทดลองขับ McLaren 720S เครื่อง 4.0-liter twin-turbocharged V8 engine 720 แรงม้า จึงเกิดไอเดียอยากสร้าง Smartphone ที่แรงและมีคาแรคเตอร์แบบเดียวกับ McLaren ซึ่งเป็นรถและ Smartphone สำหรับคนที่หลงใหลในความแรงอย่างแท้จริง นี่จึงเป็นไอเดียกำเนิดสเปคสุดแรงใน McLaren OnePlus 6T
ถ้าเราให้เรียงลำดับว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิต นอกจากปัจจัย 4 แล้ว บอกเลยว่า โทรทัศน์ เป็นสิ่งที่สำคัญมากสุด ๆ ไปเลย ลองคิดดูว่าในชีวิตนึงเราผูกพันกับ TV มากแค่ไหน ในวันที่เหนื่อยล้า ก็ได้ TV นี่แหละคอยเยียวยาหัวใจให้หายเครียด ในวันที่มีความสุข ก็ TV นี่แหละที่เพิ่มอถรรสความมันส์บันเทิงให้ชีวิต หรือแม้แต่ในวันที่เราต้องการความรู้ ก็ได้ TV เป็นครูสอนเรื่องราวน่าสนใจจนเกิดไอเดียใหม่ ๆ ตลอดเวลา ดังนั้นถ้าจะลงทุนกับอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด TV ก็เป็นสิ่งที่เราทุ่มได้แบบไม่ต้องเสียดายเงิน ปัจจุบันการซื้อ TV ไม่ใช่แค่กล่องสี่เหลี่ยมที่ฉายภาพได้อีกต่อไป เพราะคุณภาพที่ได้รับคือความคมจัดชัดจริงที่สังเกตความแตกต่างได้ชัดเจน และประสบการณ์รวมถึงอารมณ์ที่ได้นั้นแตกต่างจาก TV คุณภาพพอใช้ เรียกว่าเข้าถึงอารมณ์มากกว่าก็ไม่ผิด ลองนึกถึงความอินในอารมณ์จากการดูภาพยนตร์ในโรงหนัง กับการดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกันบนจอทีวีที่ภาพเบลอ ๆ สีจืด ๆ ดูซิครับ ฉากบู๊ล้างผลาญถึงกับดูไม่น่าเกรงขามกันเลยทีเดียว นอกจากนี้เรื่องดีไซน์ ก็เรียกได้เลยว่า TV เป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านที่ทำให้ดูโมเดิร์น เท่และลงตัวขึ้น เพราะ TV มันมีค่ากว่าความมินิมอลเรียบเท่ อีกทั้งดีไซน์ของ TV สามารถสะท้อนความเป็นตัวตนของคุณได้
ทุกวันนี้เรื่องการเขียนด้วยปากกาดินสอ ถ้าไม่นับการเซ็นบัตรเครดิตก็แทบไม่ค่อยได้ใช้งานกันเท่าไหร่ เนื่องจากนวัตกรรมส่วนใหญ่มันอำนวยความสะดวกให้เราเหลือเกิน ทั้งการเขียนผ่านเสียง หรือการขยับนิ้วพิมพ์แล้วมีโปรแกรมช่วยสะกดเดาข้อความให้ก่อนที่เราจะพิมพ์เสร็จ ประกอบกับการรณรงค์ paperless เพื่อช่วยเรื่องภาวะโลกร้อนด้วย สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลให้นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนอยากเข้ามาพัฒนานวัตกรรมกระดาษมหัศจรรย์ขึ้น ล่าสุดวารสาร ACS Applied Materials and Interfaces ได้ตีพิมพ์เรื่องนวัตกรรมกระดาษมหัศจรรย์ รีเฟรชตัวเองให้เขียนได้ไม่หยุดและไม่ต้องขยำลงถัง โดยเป็นผลงานการวิจัยของทีมนักวิจัยชาวจีน นำโดย Luzhuo Chen หนึ่งในผู้นำทีมวิจัยจาก Fujian Normal University ใช้หลักการที่เราคล้ายกับหมึกลบได้ โดยเอาเรื่องอุณหภูมิมาเป็นกุญแจสำคัญในการประดิษฐ์ ด้วยการนำกระดาษธรรมดามาเคลือบด้านหนึ่งด้วยสาร thermochromic (สารที่เปลี่ยนสีเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน) ย้อมสีน้ำเงิน นำมาเคลือบกระดาษด้านหนึ่ง และเคลือบผิวด้านอื่น ๆ ด้วยผงหมึกสีดำจากเทคนิค Photothermal ที่ใช้วิธีซับแสงเป็นพลังงานความร้อน หลักการใช้งานจะเป็นการใช้กระดาษใบนี้ร่วมกับ heat-emitting pen (ปากกาความร้อนหรือปากกาแสง) จากนั้นเมื่อหมึกได้รับความร้อนจะเปลี่ยนสีบริเวณที่ถูกย้อมให้สว่างขึ้น เผยให้เห็นผิวกระดาษสีขาวด้านล่าง ซึ่งในอนาคตมันจะสามารถใช้งานได้กับเครื่องปรินต์แสง ทำให้เราประหยัดหมึกไปในคราวเดียว ทีเด็ดที่มันทำได้เหนือกว่านวัตกรรมในอดีตก็อยู่ที่การจัดการให้อยู่ได้นานและจำนวนครั้งที่ใช้งานได้ซึ่งพอเห็นแล้วออฟฟิศเราก็อยากอุดหนุนเหมือนกัน เพราะนักวิจัยเขาประดิษฐ์ให้มันสามารถเก็บไว้ระยะเวลานานสุด ๆ โดยกว่าข้อความหรือภาพจะลบเลือนกลับไปเป็นสีฟ้าทั้งแผ่นจะต้องเจอกับอุณหภูมิที่เย็นถึง 14 องศาฟาเรนไฮน์ หรือ 10 องศาเซลเซียส ซึ่งแน่นอนว่าเราเก็บไว้ในออฟฟิศได้สบาย ๆ
หนุ่มวัยเก๋าและแฟน ๆ ของเครื่องเกมคอนโซลสุดคลาสสิกอย่าง PlayStation 1 ถ้าได้ฟังข่าวนี้คงจะดีใจกันแน่นอน หลังจากล่าสุด Sony ได้วางขายเครื่องเกมคอนโซล PlayStation Classic All-In-One ซึ่งไม่ต้องพึ่งพาการใช้แผ่น รวมถึงมีขนาดที่กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาไปเล่นกับที่ไหนก็ได้ในวันหยุดพักผ่อน ถ้าจะบอกว่า PlayStation 1 คือตำนานแห่งเครื่องเกมคอนโซลในยุค 90’s ก็คงไม่ผิดนัก เพราะนับตั้งแต่มันถูกวางขายสู่โลกครั้งแรกในปี 1994 ซึ่งในยุคแรกเริ่ม PS 1 นั้นทำให้หนุ่ม ๆ ทั่วโลกต้องใช้เวลาไปกับการเซฟเงินค่าขนมตัวเอง เพื่อนำมาจ่ายค่าแผ่นเกมของแท้ที่ราคาแสนจะแพง รวมไปถึง Memory Card สำหรับใช้เชฟเกม ส่วนคนที่มีเงินถุงเงินถังก็หิ้วมานั่งเล่นอยู่บ้านคนเดียวแบบสบายใจกันไปเลยก็มี และความสำเร็จดังกล่าวก็ส่งผลให้มีเครื่องเกมรุ่นพัฒนาตามออกมาอีกมากมาย อย่างที่เราเห็นกันมาตลอด 25 ปี โดยล่าสุด PlayStation 5 ก็กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาเพื่อรอจังหวะวางขายอย่างเหมาะสม ทำให้หลายคนต้องอดใจรอกันไปก่อน ซึ่งทางผู้ผลิตอย่าง Sony ก็เสนอทางเลือกระหว่างรอด้วยการนำรูปแบบในตำนานของ PS1 กลับมาอีกครั้งในระบบการเล่นที่ไม่ต้องพึ่งพาแผ่นเหมือนวันวาน PlayStation Classic All In One เปิดตัวพร้อมขนาดที่เล็กลงกว่ารุ่นคลาสสิกถึง 45%
ในปัจจุบันเทรนด์เรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ Electric Vehicles กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง และสร้างความตื่นตัวให้แก่วงการรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ทำให้แบรนด์ดังหลายค่ายต่างก็เปิดตัวโมเดลรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า พากันตบเท้าเข้าแข่งขันในตลาดยานยนต์กันอย่างคึกคัก ค่ายรถสี่ห่วงที่รู้จักกันดีอย่าง Audi คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่กระโจนเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ส่งรถรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Audi e-tron GT รถยนต์กึ่ง Crossover รุ่นที่สามจากตระกูล e-tron พร้อมเผชิญหน้ากับคู่แข่งในตลาดรถพลังไฟฟ้าเจ้าดังอย่าง Tesla Model S แต่มุ่งไปในตลาดสปอร์ตซีดานมากกว่า รถ Passenger และ SUV แบบเทสล่า Audi e-tron GT เกิดจากความร่วมมือของสองยักษ์ใหญ่อย่าง Audi Sport และเจ้าชายกบแห่งวงการสปอร์ตคาร์อย่าง Porsche ที่เป็นบริษัทเครือเดียวกันทั้งที จึงได้เปรียบจากการแชร์ความรู้และเทคโนโลยีร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มแบตเตอร์รี่ให้มีรูปแบบเดียวกับ Porsche Taycan สามารถขับเคลื่อนระยะทางไกลได้กว่า 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง และรองรับการชาร์จไฟแบบเร่งด่วนได้ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 20 นาที รวมไปถึงตัวถังแบบไฟฟ้า (EV) ที่เรียกว่า J1 ซึ่งทางออดี้ยังไม่เปิดเผยข้อมูลมากนัก และลือกันว่าตัวถังดังกล่าวจะช่วยเซฟงบประมาณในการพัฒนาไปได้กว่าร้อยล้านยูโร หรือว่าสามพันล้านบาทเลยทีเดียว ด้านสมรรถนะในการขับขี่เรียกได้ว่ามันส์สะใจสไตล์ audi แน่นอน ใส่มาอย่างเต็มที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขุมกำลังแรงเทียบเท่า 590
เป็นเวลาราว 2 ปีเห็นจะได้ นับตั้งแต่วันที่ DJI เริ่มนำเทคโนโลยีกันสั่นมาใส่ใน Gimbal และเรียกมันว่า ‘Osmo’ เป็นเหมือนไม้กายสิทธิ์คู่ใจคนถ่ายวีดีโอ ด้วยความสามารถในการกันสั่นที่นิ่งราวกับจับวางแม้คนถ่ายจะมือสั่นเป็นเจ้าเข้า ทำให้ Osmo ได้การตอบรับอย่างกว้างขวาง นำไปสู่การพัฒนา Gimbal กันสั่นรุ่นใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง เทคโนโลยีของ Osmo พัฒนาจากกันสั่นสำหรับกล้อง DSLR สู่ Smartphone และวันนี้ DJI ได้พัฒนาไปอีกขั้นกับ Osmo ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือที่เหมาะสำหรับตากล้อง Online, Blogger และ YouTuber ยุคนี้สุด ๆ กับ DJI Osmo Pocket กล้องที่มีจุดเด่นด้วย 3-axis stabilized handheld camera มากับกันสั่นสามแกนในขนาดเล็กที่สุดเท่าที่ DJI เคยสร้างสรรค์มา ด้วยความสูงเพียง 4 นิ้ว หนักเพียง 116 กรัม พร้อมเก็บใส่กระเป๋าได้สมชื่อ Osmo
ในยุค 2018 ที่มนุษย์สามารถส่งยานสู่ดาวอังคารได้แล้ว ถ้ายังมีใครคิดว่าการเข้าครัวเป็นเรื่องไกลตัวของหนุ่ม ๆ อยู่อีก บอกได้เลยว่าเชยระเบิด เดี๋ยวนี้หนุ่ม ๆ ส่วนใหญ่เริ่มหันมาใส่ใจการเข้าครัวกันแล้ว นอกจากจะเป็นกิจกรรมยามว่างที่ทั้งสนุกและได้เรียนรู้ ยังเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเองอีกด้วย เพราะการทำอาหารอร่อยคือไม้เด็ดในการมัดใจสาว ๆ เลยก็ว่าได้ สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับการทำอาหารก็คือ ‘มีด’ อาวุธสำคัญที่สุดยามเข้าครัว บรรดาเชฟชื่อดังระดับโลกต่างก็มีมีดประจำตัวกันทั้งนั้น แต่ต่อให้เราจะเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร แต่การที่มีมีดดี ๆ สักเล่มไว้คู่กายก็น่าจะเป็นอะไรที่ดีไม่น้อย VEARK CK01 คือมีดที่ออกแบบมาอย่างประณีตเพื่อหนุ่ม ๆ โดยเฉพาะ นอกจากดีไซน์ภายนอกที่ดูเท่โฉบเฉี่ยวแล้ว ในแง่การใช้งาน มีดเล่มนี้ก็ไม่เป็นสองรองใคร เริ่มต้นที่ส่วนของด้ามจับที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกสบายมือและกระชับยามใช้งาน ในส่วนของใบมีดก็แหลมคม สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานโดยปราศจากการลับ เคล็ดลับความแข็งแรงและเฉียบคมดังกล่าวคือแหล่งผลิต VEARK CK01 ถูกรังสรรค์ขึ้นที่เมือง Solingen ประเทศเยอรมนี ซึ่งที่นี่คือเมืองแห่งการผลิตมีดที่เก่าแก่ยาวนาน เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งในยุโรป VEARK CK01 ทุกเล่มจะผ่านกรรมวิธีหลอมแบบพิเศษ ส่งผลให้มีดแต่ละเล่มที่ออกมานั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทุกเล่มมีเพียงเล่มเดียวในโลก แต่เรื่องของคุณภาพการใช้งานนั้นไม่มีขาดตกบกพร่องแน่นอน หลังจากผ่านขั้นตอนการผลิตโดยเครื่องจักรกลที่มีความแม่นยำสูงแล้ว ช่างฝีมือที่มีประสบการณ์จะนำมาเจียรด้วยมือต่ออีกทอดเพื่อให้ได้ความเรียบเนียนของใบมีดและความคมที่มากขึ้น ด้วยการออกแบบสไตล์ Unibody ที่นอกจากจะทำให้ VEARK CK01 ออกมาเป็นมีดที่สวยโฉบเฉี่ยวแล้ว ยังเอื้อต่อการใช้งาน บริเวณนิ้วหัวแม่มือเปิดโล่งช่วยให้สามารถหยิบจับมีดได้อย่างมือโปร ใบมีดโลหะมีสมดุลในการถ่วงน้ำหนักที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดวางมีดได้อย่างสะดวก รูปร่างที่เบาบางทำให้ VEARK
เรื่องการหาหมอผ่านระบบ AI การวินิจฉัยโรคหรือการตรวจสุขภาพทั่วไปผ่านช่องทางออนไลน์เป็นกระแสที่หลายคนคงพอได้ยินมาบ้าง แต่อาจไม่ค่อยเชื่อกันว่ามันใช้งานได้จริงหรือมันจะโตได้ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่น่ายอมฝากชีวิตไว้กับเทคโนโลยีมากกว่าคนจริง ๆ ด้วยกัน แต่สำหรับประเทศที่มีจำนวนคนมากกว่าหมอหลายเท่าอย่างจีน การพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ก้าวหน้าผ่านแอปพลิเคชั่นดูแลสุขภาพออนไลน์ได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีความสำคัญและมีบทบาทกับชีวิตอย่างมาก Ping An Good Doctor คือแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นสุขภาพที่กำลังมาแรงในจีน นับเฉพาะผู้ลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็มีจำนวนสูงถึง 28 ล้านรายแล้ว จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นด้านเทคโนโลยีการแพทย์ ทำให้ล่าสุดในการประชุมงานอินเทอร์เน็ตโลก (World Internet Conference) ครั้งที่ 5 Ping An Good Doctor ผู้นำด้านเทคโนโลยีการรักษาได้ประกาศแผนการสร้างคลินิกรักษาพยาบาลไร้มนุษย์ที่ทำงานด้วยระบบ AI แห่งแรกในโลกขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นคลินิกหนึ่งนาทีของคุณหมอ AI ขึ้นโชว์ในบริเวณพื้นที่ส่วนกลางงานประชุมให้คนได้เข้าทดลองใช้งานกันจริง ๆ ถึงบอกว่าเป็นคลินิกหมอ AI แต่ก็ยังเป็นการทำงานควบคู่กับหมอที่เป็นมนุษย์จริง ๆ ด้วย โดยหมอจริงทำหน้าที่กำกับและตรวจสอบการทำงานของ AI สม่ำเสมอ ส่วนลักษณะของเจ้าคลินิกสีส้มนี้ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก คล้ายกับห้องคาราโอเกะในบ้านเรา แต่คอนเซ็ปต์ของมันค่อนข้างเนี้ยบและดีทีเดียว เนื่องจากมันสามารถให้การรักษาได้ในระยะไกล คนอยากเจอหมอเก่ง ๆ ก็ไม่ต้องไปต่อคิวที่โรงพยาบาลให้เสียเวลาเหมาะกับคนกรุงที่มีไลฟ์สไตล์รีบเร่ง และหลังรักษาสามารถจ่ายยาให้ได้ตามต้องการทันทีด้วย ส่วนยาไหนที่ไม่มีในสต๊อกระบบก็ให้ซื้อได้ผ่านแอปฯ และจัดส่งให้ถึงบ้านภายใน
หลายแนวคิดและธรรมเนียมของญี่ปุ่นคือสิ่งที่เราชื่นชอบ เพราะส่วนใหญ่เน้นความเรียบง่ายแต่ให้ลายละเอียดลงลึก จึงไม่แปลกที่คอนเซ็ปต์นี้จะถูกส่งต่อมาเป็นเรื่องราวของโปรดักส์แทบทุกชิ้น เช่นเดียวกับตัวนี้ที่เราเพิ่งไปเจอมาคืออุปกรณ์อัจฉริยะหน้าตาเรียบ ๆ ทำจากแผงไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ใช้ชื่อว่า “Mui” Mui คืออุปกรณ์อัจฉริยะลูกผสมระหว่าง ความเชื่อและความไฮเทคมารวมกันอย่างลงตัว ซึ่งความเชื่อมาในรูปแบบของวัสดุที่ใช้แผ่นไม้ เชื่อมโยงกับวลีในภาษาญี่ปุ่นที่ว่า “Kuwabara kuwabara” (桑原桑原) หรือเคาะไม้แล้วจะกันโชคร้ายได้ นำมารวมกับความทันสมัยด้วยการออกแบบให้ไม้นั้นแสดงไฟ Led ขึ้นเป็นอักษรหรือภาพในระบบ interactive ที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ MUI ทำอะไรได้บ้าง? เปลี่ยนบ้านให้เป็นสมาร์ตโฮมที่จะทำให้คุณใกล้ชิดกับคนในครอบครัวมากขึ้น ควบคุมได้ทั้งแสงไฟและอุณหภูมิของฮีทเตอร์ในห้อง เป็นอุปกรณ์สื่อสารสำหรับคนในครอบครัว เพื่อใช้ติดต่อกัน ให้ข้อมูลสภาพอากาศ ปฏิทิน หรือนาฬิกา โดยไม่ต้องจับมือถือบ่อย ๆ ทำหน้าที่เป็นสมาร์ตโฟนสำหรับ Google Home และ Alexa ตอนแรกเราเองก็สงสัยว่าแค่เป็นไม้แล้วอย่างไร มันต่างจากการใช้กระจกหรือจอ Led ปกติ Google home หรือ Alexa ตรงไหน คำตอบมันอยู่ที่คอนเซ็ปต์การผลิตที่ผู้ผลิตเขาต้องการให้มันเป็นอุปกรณ์แห่งอนาคตไว้ลดความว้าวุ่นใจเวลาใช้งานโลกออนไลน์หันมาใช้เวลาร่วมกัน ด้วยรูปลักษณ์เรียบ ๆ เป็นเพียงแผ่นไม้ของมัน ที่พอเราไม่ไปสัมผัสมันก็กลับเป็นแผงไม้ปกติเหมือนเก่าจึงทำให้เราหันกลับไปโฟกัสกับคนด้วยกันมากกว่า ชนิดที่ว่าเราจะไม่ไปนั่งพะวงกับการใช้งานมันบ่อย ๆ เหมือนตอนใช้อุปกรณ์ตัวอื่นเพราะส่วนใหญ่พอเรากดมือถือไปเพื่อใช้งานฟังก์ชันเหล่านี้
ผลงานสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอดีตของ Apple ชิ้นนึงซึ่งหลายคนเสียดายที่มันต้องหายไปจากตลาด แต่ด้วยฟังก์ชันที่ทดแทนกันได้ง่าย ๆ ด้วยการรวมเข้ากับ iPhone ทำให้ iPod เครื่องเล่น MP3 Music Player ไม่มีที่ยืนในแผงสินค้าของ Apple Store อีกต่อไป แต่ด้วยความผูกพันที่โตมาพร้อมกันตั้งแต่ Classic iPod รุ่นแรก จึงทำให้ Designer ชาวเกาหลีเกิดปิ้งไอเดียออกแบบ Apple Watch case ที่ทำให้มันกลายเป็น iPod ได้ แม้จะแค่คล้าย ๆ ก็ยังดี Yeonsoo Kang นักออกแบบชาวเกาหลีได้ปล่อยโปรเจคที่ทำงานร่วมกับ Caseology บริษัทผู้ผลิตเคสสำหรับ Apple Product มากมายหลายชนิด รวมถึง Apple Watch ที่น่าสนใจชิ้นนี้ด้วย ซึ่งลักษณะเป็นซิลิโคนสีขาวที่มาพร้อม Click Wheel แบบใน iPod ซึ่งแม้เวอร์ชันปัจจุบันจะใช้งานปุ่มเหล่านี้ไม่ได้ ยังคงต้องสั่งงานด้วยการกดหน้าปัดนาฬิกา เป็นเพียงดีไซน์ที่สร้างสีสันให้ Apple Watch