วันนี้แบรนด์ Luxury ไหนยังไม่ย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ใน Subculture นอกสายแฟชั่น อาจจะถูกนับว่าเป็นแบรนด์ที่ห่างไกลไลฟ์สไตล์คนมากเกินไป ล่าสุดเป็นการ Collaboration สุดปังของ Christian Dior และ Vespa สองแบรนด์ที่เกิดพร้อมกันในปี 1946 จึงมีอายุ 74 ปีเท่ากัน เรียกว่าชื่อชั้นความเก๋าขลังอยู่ในขั้นตบไหล่กันได้สบาย ๆ Vespa ได้นำเอาโมเดลยอดฮิต 946 ซึ่งเป็นโมเดลกลางเก่ากลางใหม่ เพราะพึ่งจะถือกำเนิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม 2013 แต่ด้วยดีไซน์แบบ retro-futurist ที่ผสมผสานทั้งความคลาสสิคของ Vespa ยุคเก่า ให้เข้ากับความทันสมัยของเทคโนโลยี และปรับโฉมให้คล่องตัวขึ้นกว่าเดิม มันจึงผ่านการ Collab ทำรุ่นพิเศษมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Emporio Armani edition สีดำด้านสุดเท่ หรือ RED edition สีแดงสดเพื่อการกุศล ก็ล้วนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีทั้งนั้น ล่าสุดเป็นการสร้างสรรค์ดีไซน์พิเศษที่เน้นจับกลุ่มหญิงสาวมีสไตล์และชอบใช้ของหรูหราโดยเฉพาะ ผลงานของ Maria Grazia Chiuri, Dior’s director โดยเลือกใช้โทนสีครีมรอบคัน เพิ่มความหรูด้วยลายเส้นสีทองตามจุดต่าง
หลายคนอาจจะเคยสงสัยเหมือนเรา ว่าเพราะอะไร ถึงค่ายรถถึงนิยมดีไซน์รถยนต์ Coupe SUV ออกมาขาย ทำไมเราถึงต้องเอารถที่มีจุดเด่นเรื่องพื้นที่ห้องโดยสารและที่เก็บสัมภาระ ลดขนาดมันให้เล็กลง เพื่อแลกกับความโฉบเฉี่ยวสวยงามที่เพิ่มขึ้น แถมยังต้องจ่ายเงินแพงกว่าหลายแสนบาท? จนกระทั่งเราได้รีวิวมัน ถึงได้เข้าใจว่าอารมณ์ของรถ Coupe SUV และการขับขี่ในความเร็วสูงนั้น มันแตกต่างกันจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม BMW และ Porsche ถึงต้องมีรถทรงนี้ออกมาขายกันอย่างจริงจัง ที่จริง BMW เป็นผู้ริเริ่มการทำ Coupe SUV ไม่ว่าจะเป็น X4, X6 ซึ่งมีความสวยงามโฉบเฉี่ยวมากขึ้น และก็ทำกำไรได้มากกว่ารุ่นทั่วไป เช่นเดียวกับ Mercedes-Benz ที่ตั้งราคาขายรุ่น Coupe SUV ไว้สูงกว่าปกติพอสมควร อย่างใน GLC 220d 4MATIC Coupe’ AMG Dynamic Facelift คันนี้ราคา 4,040,000 บาท ซึ่งต่างจากรุ่นหลังคาปกติ GLC 220d Off-Road ราคา 3,239,000
ถ้าเอ่ยถึงชื่อ Ford Mustang พวกเราคงมีรุ่นที่ชอบเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น King Cobra, Bullit, GT หรือ Shelby GT500 รถทุกคันล้วนเป็นสายพันธุ์ม้าป่าตัวแรงที่ได้รับความนิยมข้ามยุคสมัย และแฟนพันธุ์แท้ของมัสแตงหลายคนคงทราบกันดีว่ามีอีกหนึ่งรุ่นคลาสสิกเตรียมกลับมาโลดแล่นอีกครั้งในปี 2021 ชื่อของมันคือ Ford Mustang “Mach 1” การคืนชีพของ Ford Mustang Mach 1 รุ่นปี 2021 เป็นการสานต่อตำนาน Mach 1 ที่ถือกำเนิดมานาน 52 ปี และเชื่อว่าการกลับมาครั้งนี้ทำให้แฟนมัสแตงหลายคนต้องประทับใจแน่นอน แต่ก่อนที่จะไปพบกับโฉมใหม่ของ Mach 1 ที่ยังถูกปิดบังไว้ วันนี้ไปทำความรู้จักจุดเริ่มต้นของม้าป่าสายพันธุ์นี้ใหัมากขึ้นกันก่อน ย้อนกลับไปในปี 1960 ช่วงเวลาที่ฟอร์ดต้องการเพิ่มรุ่นของในสายการผลิตของ Mustang ซึ่งเน้นเรื่องความเร็วที่มากกว่ารุ่นปกติ เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับอเมริกันผู้ชื่นชอบเครื่องใหญ่ม้าเยอะ จึงเริ่มพัฒนารถต้นแบบในเดือนสิงหาคม 1968 และเปิดตัวในปีต่อมา โดยใช้ชื่อว่า Ford Mustang Mach 1 ซึ่งรถยนต์คัน Prototype
ถ้าเทคโนโลยีปัจจุบันวัดกันที่ขนาดยิ่งเล็ก ยิ่งทันสมัย คงไม่มีอะไรจะเล็กไปกว่าเครื่องเกมในตำนานยุค 1990 ‘Game Gear’ ที่หล่อกว่า Gameboy เพราะหน้าจอมีสี แต่ขึ้นชื่อเรื่องกินถ่านดุเดือดเลือดพล่าน เล่นไม่ทันไรต้องเปลี่ยนถ่านยกแพ็ค แต่ในเวอร์ชันพิเศษนี้จะไม่มีปัญหาเดิม ๆ อีกต่อไป เพราะมันยกระดับความเล็กที่พกพาง่ายเหลือไซส์เท่านิ้วโป้งของเราเท่านั้นเอง Game Gear Micro เป็นเวอร์ชันพิเศษที่ผลิตขายเพื่อฉลองโอกาสครบรอบ 60 ปีของ Sega โดยความ Micro ของเค้าคือเล็กจริง ตัวเครื่องมีขนาด 80mm x 43mm x 20mm หน้าจอเล็กแค่ 1.15-inch นิ้ว มีช่องสำหรับเสียง headphone สามารถใช้พลังงานจากการชาร์จผ่าน USB หรือใช้ถ่ายไฟฉาย AAA จำนวน 2 ก้อน จากเดิมที่ Game Gear มีขนาดใหญ่ถึง 210mm x 113mm x 38mm และต้องใช้ถ่าย AA ถึง
การกลับมาอีกครั้งของ Vintage model อย่าง Aston Martin DB5 หลังสิ้นสุดสายพานการผลิตไปเมื่อ 55 ปีที่แล้ว แต่คราวนี้ไม่ได้มาแค่ DB5 ธรรมดา เพราะมันคือเวอร์ชันพิเศษ ‘Goldfinger’ พกอาวุธและเทคโนโลยีของสายลับ James Bond ใส่มาครบ ๆ ผลิตจำกัดเพียง 25 คัน ในราคาขายที่แพงระยับสมกับความพิเศษ คันละ 3.4 ล้านเหรียญ (120 ล้านบาท) ผลงานสุดพิเศษนี้มาจากทางฝั่ง Aston Martin Heritage Division ซึ่งปัจจุบันหลายค่ายมักจะมีแผนกที่รับผิดชอบด้านการนำรถคลาสสิคมาผลิตขายใหม่แบบนี้ เช่น Jaguar E-type เป็นต้น แต่สำหรับ Aston Martin นี่เป็นโมเดล vintage ลำดับที่ 3 ที่ถูกนำกลับมาผลิต โดยก่อนหน้านี้มี DB4 GT Zagato และ DB4 GT ถูกปลุกชีพมาผลิตขายใหม่แบบจำนวนจำกัด
เราอยู่ในยุคที่ที่โลกมีแก็ดเจ็ตเดือด ๆ มาให้ผู้ชายอย่างเรายลโฉมอยู่ทุกวัน บางอันผ่านตาไปเพราะรู้สึกดีไซน์โดน แต่ฟังก์ชันกลับไม่ตอบโจทย์อย่างที่คิด ส่วนชิ้นที่ฟังก์ชันมาเต็มข้อ แต่ดีไซน์กลับไม่ชวนใช้ เพราะไม่สื่อตัวตนและไลฟ์สไตล์ของเราเอาเสียเลย การได้เจอแก็ดเจ็ตที่ดีไซน์ดุ แถมฟังก์ชันเดือดจึงเป็นโมเมนต์ที่มีความสุขอย่างไม่อาจอธิบาย และเมื่อ UNLOCKMEN เจอของที่ดีไซน์ได้ ฟังก์ชันโดนจึงอยากเอามาแบ่งปัน แม้ผิวผู้ชายจะไม่ได้บอบบางถึงขั้นโดนอะไรบาดไม่ได้ หรือทนเปลวไฟนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ไหว แต่การจุดไฟในองศาที่นอกเหนือไปจากการจุดปกติ ๆ ความร้อนจากเฟลวไฟที่ผิดองศาก็อาจสร้างความหงุดหงิดรำคาญได้ไม่น้อย ความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การอดทนกับสิ่งที่ไม่ควรทน แต่เป็นการหาทางแก้ไขจุดบักที่ก่อกวนใจให้ได้ นี่จึงเป็นที่มาของ DISSIM – Inverted Lighter ไฟแช็คดีไซน์ดุ ฟังก์ชันเดือด ที่มาพร้อมความเท่ จะพกพาไปไหนก็คูล ในขณะที่ฟังก์ชันก็ช่วยแก้ปัญหากวนใจ ไม่ว่าจะจุดไฟแนวตั้ง แนวนอน แนวไหน ๆ ก็ไม่ต้องโดนไฟลนมือให้ต้องคอยเก๊กหน้าขรึมว่าไม่ร้อนอีกต่อไป แถมมาพร้อมเปลวไฟอุณหภูมิต่ำป้องกันผิวเราและผิวคนที่เรารักไปอีกขั้น เรียกว่าคิดมาเนียนกริบทุกกระบวนการ DISSIM ออกแบบด้ามจับเป็นวงกลมแปลกตา ไม่ใช่เหตุผลด้านดีไซน์เท่านั้น แต่เพื่อรองรับสรีระของผู้ใช้ ไม่ว่าจะจับองศาไหน หรือมิติใดก็สามารถจับเพื่อจุดไฟแบบไม่ถูกลวก ที่สำคัญการออกแบบด้านจับวงกลมยังคิดค้นมาเพื่อให้สามารถควบคุมตำแหน่งที่จะจุดไฟได้แม่นยำตรงความต้องการมากขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะจุดเทียนลักษณะคว่ำ หรือการต้องสอดมือเข้าไปในภาชนะเฉพาะที่สุ่มเสี่ยง เรียกว่าพกไปไหนก็อุ่นใจ Flame Port ของ
เมื่อ Pro surfer และวิศวกรมารวมตัวกัน ความมันส์จึงบังเกิดเป็น Yujet Surfer Electric Jetboard ผลงานการสร้างสรรค์สำหรับนักเซิร์ฟให้พร้อมเล่นได้ตลอดทุกน่านน้ำโดยไม่ต้องรอคลื่นอีกต่อไป Yujet Surfer Electric Jetboard หรือที่ทีมผู้คิดค้นเรียกมันว่าเป็นการนำเอาพลังของ Jetski มาใส่กระดานเซิร์ฟ ตัวบอร์ดทำจาก carbon fibre น้ำหนักเบาแต่ทนทาน ประสานพลัง Jet power ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจาก lithium-ion battery แบบกันน้ำ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึงเกือบ 40 km/h ชาร์จหนึ่งครั้งสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 40 นาที โดยมีโหมดให้เลือกผ่าน wireless controller เช่น Sports mode สำหรับใช้ความเร็วสูงสุด หรือ Beginner mode สำหรับมือใหม่ไปอย่างช้า ๆ การประกอบแบตเตอรี่และ fin ทำได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ จึงสะดวกในการพกพา Jeremy Schneiderman หนึ่งในผู้ก่อตั้งพูดถึง Yujet Surfer
คงยากจะปฏิเสธว่าทุกวันนี้รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ ควรจะหันมาทำความรู้จักเทคโนโลยีด้านยนตรกรรมชนิดนี้ให้เข้าใจมากขึ้น ทั้งระบบการทำงานรวมไปถึงส่วนประกอบพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้า เพราะเราเชื่อว่าอีกไม่นาน ความรู้ในด้านนี้จะมีประโยชน์สำหรับการเลือกรถยนต์ไฟฟ้าสักคันมาใช้งานแน่นอน สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV ส่วนประกอบสำคัญที่สุดที่พวกเราควรทำความรู้จักให้ดี นั่นก็คือ แบตเตอรี่ ที่เปรียบได้ดั่งหัวใจของรถยนต์ไฟฟ้า ถ้าน้ำมันและเครื่องยนต์เผาไหม้คือหัวใจที่ขับเคลื่อนรถยนต์ทั่วไป แบตเตอรี่ขับเคลื่อนที่ติดตั้งอยู่ในตัวรถคือแหล่งพลังงานหลัก ทำหน้าที่ส่งกำลังไฟฟ้าไปยังมอเตอร์เพื่อเริ่มต้นการขับเคลื่อนรถ คำถามที่สำคัญคือ รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ในบ้านเรา ระบบแบตเตอรี่แบบไหนที่จะทำให้ขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถนะมากที่สุด? ปกติการทำงานของ ‘แบตเตอรี่ขับเคลื่อน’ จะสามารถทำงานได้ดี และดึงสมรรถนะสูงสุดเมื่ออยู่ภายใต้อุณหภูมิที่เหมาะสม การทำงานของแบตเตอรี่ขับเคลื่อนจึงต้องมีระบบควบคุมอุณหภูมิซึ่งจะช่วยให้แบตเตอรี่ขับเคลื่อนสามารถทำงานได้ดีภายใต้สภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งต้องบอกก่อนว่าระบบนี้มีความแตกต่างกันไปในรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละแบรนด์ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่หลากหลายตามแต่ละภูมิภาค โดยระบบควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ขับเคลื่อนจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ระบบ ดังต่อไปนี้ ระบบ Heating System: ระบบควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ขับเคลื่อน Heating System สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในประเทศที่มีอากาศหนาว หรืออุณหภูมิติดลบ โดยภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ ระบบจะทำหน้าที่ส่งผ่านความร้อนเพื่อเพิ่มอุณหภูมิของแบตเตอรี่ขับเคลื่อนให้สูงขึ้น ทำให้มีอุณหภูมิเหมาะสมกับการขับขี่ใช้งานต่อไป ระบบต่อมาคือ ระบบ Cooling System: เป็นระบบที่เหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานในประเทศเขตร้อน เช่นประเทศในทวีปเอเชียและประเทศไทย ที่มีอุณหภูมิสูงในบางฤดูกาล โดยระบบ Cooling System จะทำหน้าที่ในการควบคุมความร้อนของแบตเตอรี่ขับเคลื่อน
ต้องขอบคุณ Ferrari และ Lamborghini Miura ในวันนั้น ที่ทำให้ Ferruccio Lamborghini (เฟอร์ลูซิโอ แลมเบอร์กินี) มีวันนี้ เพราะถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป Mr. Lamborghini คงเป็นได้เพียงแค่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีทางได้เติมเต็มความฝันในการสร้างแบรนด์ Supercars ที่ดีที่สุดในโลกอย่างที่เจ้าตัวใฝ่ฝันเอาไว้ ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า Lamborghini มีจุดเริ่มต้นจากบริษัทผลิตรถไถที่เกิดจากความอัจฉริยะของ Mr. Ferruccio Lamborghini ใช้ทั้งสมบัติเก่าและเศษซากหลังสงครามโลก บวกกับความรู้ด้านเครื่องยนต์ สร้างรถไถที่ไม่มีใครตามทัน ก่อนจะร่ำรวยจนซื้อ Supercars ดี ๆ เก็บไว้ขับเล่นมากมาย รวมถึง Ferrari แต่ระหว่างที่ขับไป ก็พบหลายสิ่งที่เจ้าตัวไม่ชอบ และรู้สึกว่า Ferrari ที่ถือว่าเป็นรถที่ดีที่สุดในยุคนั้นยังไม่สามารถมอบสิ่งที่ Lamborghini ต้องการได้ ระหว่างทางก็นึกได้ว่า ‘กูก็ทำเองซะเลยมั้ยล่ะ” จึงตัดสินใจก่อตั้ง Automobili Ferruccio Lamborghini S.p.A ขึ้นมาในปี 1963 โดยใช้ทั้งความรู้ ความรวยจากการทำธุรกิจมาลงทุนซื้อตัวคนสำคัญจาก Ferrari อย่าง
ขวัญใจชาวซูบี้ที่ต้องรีบหามาไว้ในครอบครอง กับตัวแรงรหัสร้อน Subaru WRX S4 STI Sport# ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน มากับขุมพลังเดิม 2.0-liter เทอร์โบ 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือการปรับแต่งช่วงล่างให้เหนียวแน่นหนึบพร้อมรับทุกสถานการณ์ และเปลี่ยนอุปกรณ์บางจุดเพื่อให้ขับขี่แบบสปอร์ตได้สนุกสนานมากขึ้น Subaru WRX S4 STI Sport# เป็นรุ่นพิเศษที่อัพเกรดมาจากรุ่นย่อย WRX S4 STI Sport EyeSight ค่อนข้างจะแยกยากถ้าไม่ใช่แฟนซูบี้ตัวจริง ภายนอกมีชุดแต่งใหม่ที่เพิ่มอารมณ์สปอร์ตมากขึ้น กระจังหน้าสีดำ Dark Clay Silica กันชนหน้าเพิ่มช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ด้านหลังเพิ่มสปอยเลอร์ดำ กันชนหลังเพิ่มรูระบายอากาศและเปลี่ยน rear diffuser ให้โหดขึ้นพร้อมปลายท่อออกด้านละสอง ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้วสีดำตามสไตล์นักซิ่ง ภายในมาพร้อมโทนสีดำขรึมทั้งห้องโดยสารสลับตะเข็บด้ายสีน้ำเงิน เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ตจาก Recaro ปักโลโก้ STI หุ้มหนังกลับสลับหนังแท้เช่นเดียวกับพวงมาลัย
แม้ผลกระทบจากโควิดจะทำให้ตลาดรถยนต์ทั่วโลกซบเซาไปบ้าง แต่หนุ่ม ๆ ที่รักรถยนต์โดยเฉพาะสาวกของ Porsche 911 ยังคงมีเรื่องให้ได้กระชุ่มกระชวยหัวใจกันอีกครั้ง เพราะโปรเจกต์ที่พัฒนาและผลิตเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวออกมาแล้วกับ Porsche 911 ตัวถังรหัส 992 Targa 4 และ Targa 4S ถ้าพูดถึงรถยนต์อย่าง Porsche 911 ผู้ชายส่วนใหญ่คงนึกถึงรุ่นสองประตู (Coupe) หรือเปิดประทุน (Convertible) มาเป็นภาพแรกในหัว แต่สำหรับ Porsche รุ่นเปิดประทุนดีไซน์คลาสสิกสไตล์ Targa ก็เป็นอีกรูปแบบที่ทุกคนอยากครอบครอง พวกเขาจึงได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดสร้างมันขึ้นมาให้เกิดใหม่อีกครั้งภายใต้รหัส 992 *Cool Fact: นอกเหนือจาก Porsche ยังมีรถรุ่นอื่นที่ใช้การเปิดหลังคาสไตล์ Targa อยู่ใน Chevrolet Corvette, Lamborghini Aventador Roadster, Ferrari 812 GTS เป็นต้น แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นคู่แข่งกันซะทีเดียว เพราะอยู่กันคนละกลุ่มราคา แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Porsche เคยสร้าง 911
ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ Smartphone ที่มีรุ่นย่อยออกมาเยอะจนจำไม่ไหว แต่สำหรับ Samsung Galaxy S20 เวอร์ชั่นล่าสุดนี้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะมันเป็น Galaxy S20 ที่ถูกสร้างขึ้นมาแบบ mission-ready military smartphone มาพร้อมความทนทานระดับปฏิบัติการ และ Application ที่ถูกพัฒนามาเป็นพิเศษสำหรับทหารโดยเฉพาะ Samsung Galaxy S20 Tactical Edition smartphone สำหรับใช้ในทางทหารโดยเฉพาะ ที่จริงแล้วมันคือ Samsung Galaxy S20 หน้าจอ 6.2 นิ้ว OLED display Snapdragon 865 processor Ram 12 GB storage 128 GB ที่เรา ๆ ใช้กันอยู่นี่แหละ แต่ผ่านการติดตั้ง Software ใหม่ ที่มีฟังก์ชันและระบบความปลอดภัยทั้งการส่งและรับข้อมูลที่ปลอดภัยแน่นหนา ใส่มาในเคสพิเศษ Juggernaut case ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเคสสำหรับอุปกรณ์