เชื่อว่าคุณผู้อ่านชาว UNLOCKMEN ส่วนใหญ่ น่าจะอยู่ในช่วงวัยที่มีโอกาสได้เห็นการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้รูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเราเปลี่ยนไปมากในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ 20 กว่าปีที่ผ่านมา วิถีชีวิตแบบล้ำ ๆ ของมนุษย์ในอนาคตที่เราได้เห็นจากการ์ตูน The Jetsons หรือภาพยนตร์ดังอย่าง Back to the Future ที่เคยสร้างความว้าวให้กับพวกเราในวัยเด็ก รวมถึงการเปิด-ปิดระบบต่าง ๆ ภายในบ้านเหมือนกับ Jarvis ในภาพยนตร์เรื่อง Iron Man นั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว ด้วยการมาของเทรนด์ IoT หรือ Internet of Things ที่ทุกสรรพสิ่งล้วนเชื่อมต่อกับ Internet ให้เราเข้าถึงข้อมูล หรือสั่งการทุกสิ่งอย่างแบบไร้สายได้แบบทันทีทันใด ทำให้การใช้ชีวิตล้ำยุคที่เคยเป็นแค่ภาพจินตนาการในสมัยก่อน ได้เกิดขึ้นจริงแล้วในปัจจุบัน ที่สำคัญยังใกล้ตัวและจับต้องได้ง่ายกว่าที่คิดอีกด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นมหาเศรษฐี หรือเก่งเทคโนโลยี ก็สามารถเข้าถึงความสะดวกสบาย มี Smart Home ในแบบของตัวคุณเองได้ไม่ยาก บริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์อย่าง ‘พฤกษา’ ก็ไม่รอช้า เริ่มนำร่องดำเนินการแล้วกับ 4 ทาวน์โฮม ได้แก่ บ้านพฤกษา / Pruksa
เรื่องความเก๋าไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งเก๋า เก่ง รวย ยิ่งไปไกลจนหยุดไม่อยู่ ซึ่งเรื่องนี้คงไม่มีใครภาพชัดเจนเกินกว่า CONOR MCGREGOR , IRISH PROFESSIONAL MIXED MARTIAL ART และ PROFESSIONAL BOXER ผู้เป็นทั้งขวัญใจของใครหลายคน และเป็นที่น่าหมั่นไส้สำหรับใครอีกหลายคน ล่าสุดชื่อของ MCGREGOR ก็เป็นข่าว HEADLINE อีกครั้ง เมื่อโดน IRISH MAFIA GANGSTER หมายหัวตามล่า โดยตั้งเงินรางวัลค่าหัวเอาไว้สูงถึง $900,000 หรือราว 30,000,000 บาท เหตุเกิดจากความเมา เมื่อ MCGREGOR ที่กำลังกรึ่มได้ที่ รู้ข่าวว่าเพื่อนสนิทโดนสมาชิกแกงค์ที่เกี่ยวข้องกับ MAFIA รุ่นใหญ่ประจำ IRISH ชื่อ KINAHAN ‘THE DAPPER DON’ CARTEL รุมกระทืบ ซึ่งไม่ใช่แกงค์ธรรมดา เพราะเป็นถึงองค์กรยาเสพติดเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1980s และเมือง DUBLIN, IRELAND ก็ขึ้นชื่อเรื่องความรุนแรงอยู่ไม่น้อย รู้แบบนี้เลือดเลยขึ้นหน้า
โดยปกติของการทำแคมเปญการตลาดของแบรนด์ หรือการทำเพลงของศิลปินทุกคน คิดอะไรได้ต้องรีบปล่อยให้เร็ว ต้องเข้าถึงผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางแคมเปญถึงขั้นทำเรื่องฉาวให้ VIRAL เพื่อสร้างยอดขาย ให้คุ้มค่าเงินลงทุน แต่แคมเปญ CSR ของ LOUIS XIII CONGAC ชั้นนี้ ทำได้อย่างกล้าหาญจนเราอยากชวนให้ทุกคนลุกขึ้นปรบมือ เพราะมีทั้งความเท่ และยังสะกิดต่อมให้คนทั้งโลก โดยเฉพาะแฟนเพลงของ PHARRELL WILLIAMS ลุกขึ้นมาช่วยกันรักษ์โลกต่อไปอีกอย่างน้อย 100 ปี ถ้าอยากจะฟัง ‘100 YEARS’ SINGLE สุด EXCLUSIVE ที่จะปล่อยให้ฟังในปี 2117 หรืออีก 100 ปีข้างหน้า ถ้าโลกนี้ยังไม่จมน้ำไปก่อน LOUIS XIII CONGAC ได้ร่วมมือกับ PHARRELL WILLIAMS ในการแต่งเพลงสุดพิเศษชึ้นมา โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์บนเรื่องของระยะเวลา และการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบที่เรากระทำต่อโลก พร้อมเสนอรางวัลล่อใจ ถ้าทุกคนช่วยกันประคองโลกให้มีอายุอยู่รอดไปอีก 100 ปี ด้วยการให้ PARRELL WILLIMAS อัดเพลงใหม่ล่าสุดที่ไม่มีใครที่ไหนเคยฟังมาก่อน RECORD
คุณต้องไม่เชื่อแน่ ๆ หากวันหนึ่งเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วเจอกระดาษทิชชู่ยี่ห้อ NIKE หรือวันดีคืนดีจะมีที่ตรวจครรภ์ยี่ห้อ PUMA เนื่องจากทุกวันนี้ SPORTWEARS ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันอย่างแยกกันไม่ออก HYPERMARKT เว็ปไซต์ออนไลน์ของเยอรมันได้เกิดไอเดีย อยากสร้าง viral ด้วยการนำสินค้าของใช้ภายในบ้านอย่าง ถุงพลาสติก ผงซักฟอก ครีมอาบน้ำ กระดาษชำระ แปรงสีฟัน หรือแม้กระทั่ง ถุงยางอนามัย มาติดโลโก้แบรนด์กีฬาที่เราคุ้นตา อาทิ adidas , New Balance , Puma , Nike ซึ่งสินค้าแต่ละประเภทก็จะอธิบายสรรพคุณไว้อย่างระเอียดหยิบอาทิ Nike Performax Condom ถุงยางอนามัยที่สวมใส่ง่ายเป็นพิเศษ พร้อม Benzocine gel 5% เพื่อทำให้อวัยะเพศชายรู้สึกชา เสริมพลังอึด ใช้ในการควบคุมการหลั่งเร็ว ใส่จัดเต็มเสริมสมรรถนะได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ต้องตกใจไป หากคุณเข้าไปที่เว็ปไซต์ Hypermarkt.com สินค้าทุกชิ้นจะขึ้น sold out ทั้งหมด เพราะมันยังอยู่ในช่วงทดลองอยู่ และทาง Hypermarkt กำลังติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์จากทางแบรนด์ต้นสังกัด
เชื่อว่าหลายคนฝันที่จะมีโอกาสออกไปสัมผัสความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นที่นอกอวกาศสักครั้งในชีวิต เพราะอยากรู้ว่ามันจะมีความรู้สึกอย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็ตามห้วงอวกาศนั้นมันไม่ได้เดินทางกันไปได้ง่าย ๆ เหมือนกับไปเซเว่น และนอกจากนั้นแล้ว สถานที่นอกโลกอย่างอวกาศยังเป็นอะไรที่กว้างใหญ่ และเต็มไปด้วยสิ่งเร้นลับเกิดกว่ามนุษย์อย่างเราจะคาดเดาได้ จึงทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับมัน ได้เพียงแต่นั่งดูรายการสารคดีที่ถ่ายทอดเรื่องราว และความรู้ต่าง ๆ ผ่านทางทีวีเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมนุษย์คนใดเคยขึ้นไปบนอวกาศมาก่อน เพราะอย่างน้อย ๆ ก็มีนักบินอวกาศจากหลายประเทศที่เคยขึ้นไป และกลับลงมาได้สำเร็จ อีกทั้งยังมาเล่าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้พบเจอมาเพื่อเป็นประโยชน์ และความรู้ใหม่ให้กับมวลมนุษย์ชาติอีกด้วย แต่ในตอนนี้ หลายคนที่ฝันอยากจะมีโอกาสได้สัมผัสกับ อวกาศ แต่ไม่สามารถจะบินทะลุนอกโลกไปได้อย่างพวกเราส่วนใหญ่นั้น ฝันของท่านกำลังจะเป็นจริง เมื่อล่าสุดได้มีผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาในรูปแบบของเทียนหอมที่สามารถสร้างบรรยากาศ และถ่ายทอดความเป็นอวกาศให้กับคุณแม้อยู่ที่บ้าน ด้วยการส้างกลิ่น ที่ทางผู้ผลิตบอกว่า เป็นกลิ่นของอวกาศ ให้เราได้สูดดมดื่มด่ำบรรยากาศกันง่าย ๆ บนโลก เทียนกลิ่นอวกาศที่ว่านี้ ไม่ได้นั่งเทียนมโนกลิ่มขึ้นมาแต่อย่างใด แต่พวกเขาได้นำกลิ่นอวกาศมาจากตัวของนักบินอวกาศที่เพิ่งกลับลงมาสู่โลก หลังจากที่ออกไปปฎิบัติภารกิจที่ดินแดนอันไกลโพ้นมา ซึ่งพอหลังจากที่นักบินกลับลงมาถึงโลก และถอดหมวกออก ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่แตกต่างออกไป และไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้บนโลกมาก่อน พวกเขาจึงได้เอากลิ่นนี้ มาวิเคราะห์แล้วสร้างมันขึ้นมาให้ได้ใกล้เคียงที่สุด และเรียกมันว่า เทียนกลิ่นอวกาศ โดยกลิ่นอวกาศที่อยู่ในเทียนนี้ นอกจากจะให้ความหอมแล้ว มันยังเป็นกลิ่นที่แปลกใหม่ ผ่อนคลาย และทำให้มีสมาธิได้ชนิดอย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย หากใครที่สนอยากได้เทียนหอมไว้จุดที่บ้าน เราขอแนะนำให้คุณลองหา “เทียนหอมอวกาศ”
ปัญหาวัยรุ่นอันธพาล กลั่นแกล้ง หรือที่เรียกว่า BULLY PROBLEM เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะการกลั่นแกล้งเป็นสาเหตุให้เกิดการฆ่าตัวตายตามมา รวมถึงปัญหาทางสภาพจิตใจ โดยเฉพาะในอเมริกา ซึ่งความรุนแรงนั้นสามารถดูได้จากซีรีย์ 13 REASONS WHY ที่โด่งดังเพราะไปสะกิดโดนใจวัยรุ่น และสะท้อนปัญหา ผลกระทบจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนได้เป็นอย่างดี เมื่อมันเป็นเรื่องใหญ่ระดับนี้ พ่อแม่บางบ้านจึงยอมไม่ได้เมื่อรู้ว่าลูกชายของตัวเองเป็นพวกขี้แกล้ง ต้องลงมือแก้ไขทันที ซึ่งการพูดสั่งสอนอาจจะไม่พอทำให้วัยรุ่นเลือดร้อนเหล่านี้เปลี่ยนใจ การตัดไฟแต่ต้นลมที่ดีที่สุด จึงต้องให้เด็ก BULLY โดนความรุนแรงเข้ากับตัวเองแบบไม่มีทางตอบโต้บ้าง และคลิปวีดีโอนี้ก็คือความเฉียบขาดที่น่าเอามาใช้กับเด็กแวนซ์ ช่างกล อันธพาลบ้านเราเหลือเกิน พ่อของเด็ก BULLY คนนี้ต้องการจะสั่งสอนลูกชายให้รู้สำนึก โดยการจับไปขึ้นเวทีมวย ต่อยกับ PRO BOXER ให้รู้ถึงอารมณ์ที่โดนทำร้ายแต่ตอบโต้ไม่ได้ว่ามันรู้สึกอย่างไร แน่นอนว่าเด็กขี้แกล้งเจอของจริงเข้าไป ไม่มีทางรับมือได้อยู่แล้ว โดนไล่ถลุงอยู่ฝ่ายเดียวจนเลือดกลบปากอย่างที่เห็น น่าเสียดายที่เราไม่รู้ว่าหลังจากการสั่งสอนครั้งนี้ เด็กคนนี้จะรู้สำนึก เลิกแกล้งคนที่อ่อนแอกว่าหรือยัง แต่ดูยังไงก็น่าจะจดจำบทเรียนนี้ไปอีกนานแน่นอน
อะไรที่เป็นเทคโนโลยี มักจะมาพร้อมจุดอ่อนช่องโหว่ที่ถูกเจาะระบบได้ง่าย ๆ และในกรณีนี้ถือว่าใกล้ตัวมากจนเราต้องรีบนำมาเตือนภัยชาว UNLOCKMEN กันเลยทีเดียว เพราะทีมนักวิจัยชาวจีนพิสูจน์ให้เราดูกับตาแล้วว่า รถยนต์ราคาแพงของเรามีโอกาสถูกโจรขโมยไปได้ง่าย ๆ ด้วยการ hack สัญญาณกุญแจรีโมท โดยเฉพาะรถที่มีระบบ Keyless Entry ผลงานน่าตกใจชิ้นนี้เป็นของทีมนักวิจัยชาวจีนที่เรียกตัวเองว่า Unicorn Team ประกอบด้วย Yingtao Zeng, Qung Yang, และ Jun Li ใช้หลักการทำงานของระบบ Smart Entry ที่กุญแจจะส่งสัญญาณไปหารถยนต์เพื่อปลดล็อก และผู้ขับขี่ไม่ต้องหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าหรือกดปุ่มแต่อย่างใด โดยมีเงื่อนไขว่าระยะของกุญแจกับรถต้องใกล้กันค่อนข้างมาก มันจึงมีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า Proximity Key วิธีที่ Unicorn Team ใช้ คือการหลอกรถยนต์ว่ากุญแจอยู่ในระยะที่ปลดล็อกได้ ด้วยอุปกรณ์รับส่งสัญญาณราคาแค่ 600 บาท ประกอบด้วยตัวส่งและรับสัญญาณ ทีมงานคนแรกจะเข้าใกล้เจ้าของรถ เพื่อใช้อุปกรณ์ส่งสัญญาณกุญแจที่อยู่กับเจ้าของรถ ไปที่ทีมงานอีกคนที่อยู่ใกล้รถเป้าหมาย โดยมีระยะหวังผลไกลถึง 300 เมตร และใช้ตัวรับสัญญาณแทนกุญแจตัวจริง เท่านี้รถยนต์ก็เปิดประตูต้อนรับ พร้อมให้โจรขับออกไปได้ทันทีอย่างสง่าผ่าเผยราวกับเป็นเจ้าของรถ หลายคนอาจจะมีคำถามว่า
“กูเนี่ยนะนอนกรน มึงอย่ามาอำ” เสียงประสานจากกลุ่มคนนอนกรน ที่มักไม่รู้ว่าตัวเองนอนกรน นอนคนเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อต้องแชร์ห้องนอนกับใครที่กรนแรงพอกัน ถึงเริ่มตระหนักว่ามันเป็นอุปสรรคในการนอนสำหรับคนอื่นมากแค่ไหน ถ้าคุณกำลังเป็นห่วงเพื่อนร่วมห้อง ห่วงแฟนสาว หรือภรรยา ที่แชร์เตียงนอนร่วมกันว่าจะต้องทนรับเสียงกรนของคุณทุกค่ำคืน โอกาสทำความดีมาถึงแล้ว รีบเข้าไปกดสั่งซื้อ BOSE SLEEPBUDS อุปกรณ์สกัดเสียงกรน สำหรับคนนอนหลับยากคู่นี้อย่างเร็วไว บางคนอาจจะคุ้นกับเทคโนโลยีคล้าย ๆ กัน ภายใต้ชื่อบริษัท HUSH ที่เคยเปิดตัวในงาน CES2016 แล้วเงียบหายไป ที่จริงแล้วไม่ได้หายไปไหน แต่ถูก BOSE ซื้อไปนั่นเอง ก่อน BOSE จะนำสินค้าไปออกแบบใหม่ให้สวยกว่าเดิม และเปิดตัวให้ตื่นเต้นกว่าตามประสาสินค้า category ใหม่ ด้วยการให้คนที่สนใจเข้าไประดมทุนสั่งซื้อ BOSE SLEEPBUDS ผ่านทาง Indiegogo BOSE SLEEPBUDS คือ gadget สำหรับคนนอนหลับยาก ซึ่งโดยธรรมชาติของคนกลุ่มนี้ แค่เสียงหมาเห่า เสียงลมพัด ก็ยากจะหลับแล้ว ยิ่งถ้าบ้านอยู่ริมถนนใหญ่ อยู่ใกล้ BTS หรือสนามบิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง และที่หนักสุดคือคนนอนร่วมเตียงกรนดังสนั่น กว่าจะหลับแต่ละทีนี่ทรมานสุดชีวิต
เป็นนักเขียนมันโตยาก Career Path ของนักเขียนมันสั้น เป็นนักเขียนแล้วไม่ได้โชว์ความสามารถเต็มที่ เป็นนักเขียนรายได้ไม่ค่อยดี ลืมภาพอารมณ์นักเขียนแบบที่ว่ามาให้หมดไป เพราะถ้าคุณกำลังอ่านถึงตรงนี้ แปลว่าคุณต้องเข้าใจสไตล์ความมันส์ของ UNLOCKMEN มาพอสมควรแล้ว และยังแปลว่าคุณต้องมีความสนใจในเรื่องราวที่ UNLOCKMEN นำเสนอเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่อย่างที่เห็นว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่ได้พูด หรือพูดไปแล้วยังไม่ดีพอ และเรากำลังหวังว่า คุณนักเขียนที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้ จะสามารถช่วยเราได้ โดยการเข้ามาเป็นทีมกองบรรณาธิการกับเรา และแน่นอนว่า เรามั่นใจในข้อดีของ UNLOCKMEN ที่อยากจะชวนให้คุณลองเอาไปพิจารณาดู ถ้าคิดว่าสไตล์เราเข้ากันได้ ก็อย่ารอช้า ส่ง Resume และ Portfolio มาหาเราได้ที่ [email protected] WE HAVE COOL OFFICE อย่างที่เห็นในคลิปวีดีโอ Open House Party เปิดตัวออฟฟิศใหม่ของเรา ที่ออกแบบให้มีอารมณ์ Industrial เต็มขั้น มีบาร์สุดเท่ในออฟฟิศสำหรับพักผ่อน พร้อม Playstation 4 ให้เล่นเพื่อให้หัวโล่ง อยู่ในตึก 208 Wireless Road ถนนวิทยุ
หากพูดถึงความเกี่ยวข้องระหว่างนาฬิกา OMEGA กับองค์การบริหารการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกาอย่าง NASA เชื่อว่าสาวกเรือนเวลาแทบทุกคนคงจะเคยรับรู้ถึงกิตติศัพท์ของตำนาน Moonwatch กับการที่นาฬิกา OMEGA Speedmaster ได้ถูกสวมใส่อยู่บนข้อมือนักบินอวกาศในการลุยภารกิจพิชิตดวงจันทร์กันมาบ้างแล้ว แต่เมื่อมีชื่อของอีกหนึ่งตัวละครหลักอย่าง Snoopy ตัวการ์ตูนสุนัขบีเกิ้ลที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งมักจะปรากฎตัวอยู่ในเรือนเวลารุ่นพิเศษรำลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง OMEGA และ NASA เข้ามาร่วมด้วย งานนี้คงมีอีกหลายคนนึกสงสัยในใจว่าเหตุใด Snoopy ถึงได้มีบทบาทในวาระสำคัญต่าง ๆ ของ OMEGA และ NASA มาโดยตลอด และในวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจถึงที่มาที่ไปของความความผูกพันระหว่าง SNOOPY, NASA และ OMEGA ที่มีมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษให้ชาว UNLOCKMEN และเหล่าผู้หลงใหลในเรือนเวลา ที่อาจยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ได้กระจ่างกัน SNOOPY ไอคอนแห่งโลกการ์ตูน สู่สัญลักษณ์ภารกิจพิชิตดวงจันทร์ และรางวัลแห่งเกียรติยศ ถ้าจะต้องเล่าเรื่องราวสายสัมพันธ์สุดพิเศษระหว่าง Snoopy และ NASA คงต้องย้อนไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 60 เมื่อ Charles M. Schulz ได้วาดการ์ตูนที่มีสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลนาม Snoopy สวมชุดอวกาศพร้อมเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการ Apollo
หลังจากการฟาดปากแมตช์มหากาพย์เงินรางวัลระดับโลก ระหว่าง Conor McGregor ปะทะ Floyd Mayweather ที่แทบไม่ได้มีคนสนใจว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง แต่สำคัญที่ทั้งคู่กำเงินรางวัลรวมกว่า 100 ล้านเหรียญกลับบ้านไปตาม ๆ กัน นอกจากศึกนี้จะทำให้ Floyd รวยเละเทะยิ่งกว่าเดิม และได้สถิติชนะรวดสวยงามกว่าเดิมเป็น 50 – 0 ส่วนฝั่ง McGregor ก็กลายเป็น Professional Boxing เนื้อหอมค่าตัวสูงลิบ ที่ใคร ๆ ก็อยากฟาดปากด้วยขึ้นมาทันที เรียกว่า Win-Win กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว และล่าสุดก็เป็น Manny Pacquiao ที่อยากจะทิ้งทวนชีวิตนักมวย ด้วยการคว้าเงินรางวัลเข้ากระเป๋าให้ตุงฟูแบบ Floyd บ้าง ด้วยการเริ่มต้นปั่นกระแสผ่าน Instagram ให้แฟนมวยสงสัยเล่นว่า “Happy Thanksgiving @TheNotoriousMMA Stay fit my friend. #realboxingmatch #2018” ที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ Pacman อยากมาแซวเรียกร้องความสนใจจาก McGregor เพราะก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ทั้ง McGregor
หากใครยังไม่รู้เดือนพฤศจิกายนนี้ในหลาย ๆ ประเทศถูกจัดให้เป็นเดือน MOVEMBER หรือ เดือนแห่งการไว้หนวด ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของคนที่อยากทำความดี และช่วยเหลือสังคมด้วยวิธีง่าย ๆ แบบผู้ชายแมน ๆ สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักชื่อนี้มาก่อนเลยอาจจะสงสัยว่ามันคือเดือนอะไรมีความสำคัญอย่างไร ซึ่งเราต้องย้อนไปยังจุดเริ่มต้นโครงการนั่นมาจาก ชาวเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ที่ตั้งกลุ่มกันเพื่อไว้หนวดในช่วงเดือน พฤศจิกายน จึงเป็นที่มาของคำว่า MOVEMBER จากการผสานคำระหว่าง Moustache (หนวด) และ November (พฤศจิกายน) เข้าด้วยกัน โดยการรวมกลุ่มนี้ก่อให้เกิดเป็นกิจกรรมที่เหล่าชายหนุ่มซึ่งเรียกตัวเองว่า MO BROS เข้าร่วมแข่งขันไว้หนวดภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน เพราะกลุ่มผู้ก่อตั้งเชื่อว่าหนวดเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ของเพศชาย เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มักคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง ไม่ค่อยเจ็บป่วย ทำให้ละเลยในเรื่องของสุขภาพ องค์กรการกุศลที่ใช้ชื่อว่า MOVEMBER มองเห็นเรื่องโรคภัยเป็นสิ่งที่สำคัญจากการที่ผู้ชายชาวออสเตรเลียต้องประสบปัญหาเสียชีวิตจากโรคมะเร็งจำนวนมาก องค์กรการกุศลนี้จึงอยากเป็นตัวกลางที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ชายในการต่อสู้กับมะเร็งต่อมลูกหมากและอัณฑะ รวมไปถึงสุขภาพด้านอื่น ๆ สำหรับวิธีการก็ง่าย ๆ คนที่อยากจะเข้าร่วมโครงการนี้ เริ่มจากการเตรียมพร้อมด้วยใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน และต้องเลี้ยงหนวด ห้ามตัด เล็มเป็นอันขาดจนกว่าจะถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน หลังจากนั้นจะเปิดให้ผู้ใจบุญเข้ามาบริจาคเงินกับความพยายามของหนุ่ม ๆ เหล่านี้ เพื่อนำเงินสมทบทุนไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ประสบปัญหาเกี่ยวมะเร็งต่อมลูกหมากและอัณฑะที่ขาดแคลนในเรื่องทุนทรัพย์ต่อไป ซึ่งมันเป็นแฟชั่นการกุศลที่ฮิตมาก ไม่เฉพาะในประเทศ