MUSIC

NEXT COVER, SAME MOOD 02 : อ่านหนังสือเล่มไหนต่อดี เมื่ออินกับเพลงในอัลบั้ม ‘Your Girl’ ของ Violette Wautier

By: GEESUCH November 8, 2022

หนึ่งในรูปแบบ ‘อัลบั้มที่ดี’ สำหรับเรา คือการที่เพลงในนั้นมีหลาก Mood & Tone เพื่อที่จะสามารถเล่าเรื่องราวของคอนเซปต์อัลบั้มซึ่งถูกคิดเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน แล้วจากจุดนั้นเอง ดนตรีที่อะเรนจ์ เนื้อร้องที่ถูกเขียน ก็ต้องเกิดขึ้นจากศิลปินซึ่งเข้าใจตัวเองและจุดที่ว่าไปมาก ๆ และอัลบั้ม Your Girl เป็นแบบนั้น … นี่คือเพลง Pop ในยุคสมัยใหม่ ที่ประกอบด้วยซาวด์จากเครื่องสังเคราะห์เต็มไปหมด แต่กลับยังสามารถคงความประณีตในการเรียบเรียงได้เป็นอย่างดี ไปจนถึงเนื้อร้องที่เขียนเองก็เยี่ยมไม่แพ้กันเลย 

เคยฟังบทสัมภาษณ์ที่ไหนสักที่เมื่อนานมากแล้ว จำได้ว่าคุณวีชอบซีรีส์เรื่อง That 70’s Show มาก คือที่จำได้แม่นจนขึ้นใจเนี่ย เป็นเพราะมันบังเอิญมากว่าเราเองก็เป็นแฟนคลับของเรื่องนี้ด้วย และก็ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนที่ชอบเหมือนกันมาก่อน เรารัก Sit-Com ของเหล่าวัยรุ่นที่ใช้เวลาด้วยกันในห้องใต้ดิน ‘บ้านฟอร์แมน’ มาก ๆ ถึงขนาดว่าเมื่อดูซีซั่นสุดท้ายจบลงไปแล้ว ก็ติดตามอ่านชีวิตของนักแสดงแต่ละคน พร้อมดูคลิปวันสุดท้ายที่พวกเขายืนเรียงกันหน้ากระดานพร้อมกันเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอด 8 ปี ซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง และเสียใจเสมอที่ Topher Grace ที่รับบท Eric Forman เลือกจะไม่อยู่ในช่วงเวลานั้นด้วย 

เอ้า ๆ ต้องขออภัยด้วยนะครับที่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวเล่าเสียยืดยาว แต่ที่เล่าไปก่อนหน้านั้นเป็นเพราะเราเห็นจุดเชื่อมโยงจากซีรีส์ That 70’s Show (1998-2006) ถึงอัลบั้ม Your Girl ของคุณวีอยู่ คือเธอมีความเป็นตัวละครหลักหญิงจากในซีรีส์เรื่องต่าง ๆ อยู่ไม่น้อย เพลงของคุณวีในชุดนี้ทำให้เรานึกถึง Donna จาก That 70’s Show (1998-2006) หรือ Rory จาก Gilmore Girls (2000 – 2007) เป็นผู้หญิงเท่ มีความซุกซน และฉลาดยิ่งกว่าใคร ๆ และแน่นอนว่าเราก็เห็นตัวละครหญิงจากหนังสือในบทเพลงเหล่านั้นด้วย 

ใน 10 เพลงของอัลบั้ม Your Girl คือเรื่องเล่าของคุณวีในห้วงอารมณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ ของชีวิตตัวเอง อัลบั้มบันทึกช่วงเวลาตอนที่คลั่งรักมาก ๆ ช่วงเวลาอันอ่อนแอที่สุด ไปจนถึงการอยากเป็นคนรักที่ดีของใครสักคน แล้ว Your Girl จะเป็นใครบ้างนั้น เปิด Next Cover, Same Mood เข้าไปอ่านพร้อมกันเลย


เพลง : ระวังเสียใจ (Warning) 
หนังสือ : Flipped / Wendelin Van Draanen

ขอเรียกเพลงแรกของอัลบั้มนี้ว่า ‘เพลงมัดใจ’ เป็นเพลงแบบที่แม้จะไม่ได้เป็นแฟนคลับของคุณวีมาก่อน เจอ First Impression ในมุมนี้เข้าไปก็โดนตกได้ง่าย ๆ เลย เป็นผู้หญิงแบบที่มั่นใจในตัวเอง แสดงออกในสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างตรงไปตรงมา และเป็น Positive Girl ที่ขอรุกในความรักครั้งนี้ของตัวเอง

Your Girl ของเพลงนี้สำหรับเราคือ Juli Baker เด็กสาวคลั่งรักในแบบที่ไม่เหมือนใคร แต่ถึงจะคลั่งรัก (ม๊ากกก) เธอจะไม่ยอมเป็นคนอื่นเพื่อใครเด็ดขาด เธอหนักแน่นในความคิดของตัวเอง ถึงดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นในตอนที่เททั้งใจให้หนุ่ม Bryce Loski ต้ังแต่แรกเห็น และใส่เกียร์เดินหน้าแบบไม่ลืมหูลืมตาก็ตาม    

จากนิยาย YA (Young Adult) ของ Wendelin Van Draanen ซึ่ง 9 ปีหลังจากหนังสือวางขาย ก็กลายเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันซึ่งได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน เหล่าวัยรุ่นในยุคนั้นคงจำกันได้ดีถึงเรื่องราวของการตกหลุมรัก Boy Next Door ตั้งแรกเห็นของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยม ก่อนที่เธอจะตั้งคำถามว่ารักแรกของเธอใช่รักที่ตามหาจริง ๆ รึเปล่านะ .. สำหรับเราที่อ่านและดูเวอร์ชั่นภาพยนตร์หลายครั้งแล้ว อยากจะบอกพ่อหนุ่ม Bryce เหมือนเดิมทุกครั้งเลยว่า มึงเสียใจแน่นอนครับ ถ้าไม่เลือก Juli ให้เข้ามาอยู่ในชีวิต 


เพลง : TOXIC 
หนังสือ : Normal People / Sally Rooney

นิยาย Normal People หรือชื่อไทยจากสำนักพิมพ์ Salmon Books ว่า ปกติคือไม่รัก บันทึกช่วงเวลาของคู่ (ไม่) รัก ระหว่าง Marianne กับ Connell ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปตามปัจจัยของกาลเวลา ประสบการณ์ที่ทั้งคู่ต้องเจอ ตั้งแต่ตอนมัธยมอันเป็นความ (ไม่) รักแบบที่ต้องปิดซ่อนเพราะอีกฝ่ายมีหน้ามีตาและไม่อยากให้ใครรู้ ตอนมหาวิทยาลัยกลายเป็นความ (ไม่) รัก แบบที่ไม่ได้กำหนดสถานะว่าเราคบกันแบบไหน 

เพลง TOXIC ของคุณวี แต่งขึ้นเพื่อขอบคุณคนรักเก่าที่ทิ้งกันไป-คนที่เคยสร้าง Toxic Relationship แบบที่เขาคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเอง จะมีความคล้ายกับ Normal People ในช่วงแรก ๆ ของหนังสือมาก แต่เอาจริง ๆ หนังสือมันก็ตรงกับเพลงแบบแทบจะทั้งเล่มเลยนะ คือความสัมพันธ์ที่ไม่พูดกันตรง ๆ ไม่ตกลงอะไรให้ชัดเจน แล้วทำเป็นเหมือนว่าโอเค ยังไงมันก็ Toxic เว้ยแก    

แนะนำให้ทุกคนอ่านเล่มนี้สุดใจครับ และขอพูดแบบเข้าข้างเลยว่าเราเชียร์ Marianne ให้ไปจาก Connell เถอะ เข้าใจนะว่าคนแบบที่เขาเข้าใจส่วนหนึ่งของเราแบบที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้นั้นวิเศษขนาดไหน แต่การที่เขาไม่ได้ดูแลเราอย่างที่ควรมันคือความ (ไม่) รักว่ะ 


เพลง : ไม่อยากคุย (Taxi) 
บทความ : On a Serpentine Road, With the Top Down / Doris Iarovici  

เพลงระหว่างขับรถ Road Trip ของคู่รัก ที่ขับรถเล่นในวันอากาศดี กดกระจกให้ลมอ่อน ๆ ได้พัดเข้ามากระทบหน้าจนเราทั้งคู่ทำตาหยีไปด้วยกัน ก่อนจะหัวเราะร่าโดยที่มีภาพของวิวทะเลและหาดทรายขนาบข้างตัวรถไป 

ต้องยอมรับว่าเราเลือก Your Girl ของเพลงนี้อยู่นานมากก และตัดสินใจเลือกเรื่องราวที่มีความเชื่อมโยงของนักเขียนชื่อ Doris Iarovici ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เธอเขียนลงในคอลัมน์ชื่อ Modern Love ของ The New York Times คอลัมน์ความรักที่ถูกเอาไปสร้างเป็นซีรีส์ชื่อดังของ Amazon Prime ในชื่อเดียวกัน

เรื่องราวของ Doris Iarovici มีอยู่ว่า เธอเป็นจิตแพทย์ที่ขับรถรุ่น Alfa Romeo ตัววินเทจอายุเก่ากว่า 40 ปี แม้จะเก่าและมีปัญหามาโดยตลอดเธอก็ไม่ยอมขายทิ้งไปสักที เหตุผลเพราะอะไร? เรื่องราวเบื้องหลังก็คือ รถคนนี้เป็นของสามีเก่าของ Doris ที่เสียชีวิตไปแล้ว และพวกเขามีความทรงจำร่วมกันกับรถคันนี้มากมาย ทั้งออกเดท พาเธอไปโรงพยาบาลในวันที่คลอดลูก ไปจนถึงเป็นรถที่ลูก ๆ ช่วยกันตั้งชื่อ และฝึกหัดขับรถด้วย .. ทุกครั้งที่ขับรถคันนี้ Doris ก็จะนึกถึงเขาเสมอ นึกถึงวันที่เปิดประทุนลง และขับรับลมพร้อมเปิดเพลงดัง ๆ ตลอดทาง       


เพลง : ยื้อเพื่อ? (Be Honest)
ภาพยนตร์ : Ruby Sparks / Valerie Faris, Jonathan Dayton  

Next Cover ของเพลงนี้เราขอเปลี่ยนเป็นหนังแทนหนังสือบ้าง เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรจะเหมาะเท่ากับเพลงของคนที่เปลี่ยนไป แต่ก็ยังยื้อเขาเอาไว้อยู่ดีเท่านี้อีกแล้ว 

Calvin Weir-Fields เป็นนักเขียนนิยายชื่อดังใน L.A. ผู้เป็น Introvert โลกส่วนตัวสูงแบบขั้นสุดมาก ๆ นอกจากน้องชายชื่อ Harry แล้ว เพื่อนสนิทเดียวในชีวิตของ Calvin ก็มีแค่หมาที่ตัวเองเลี้ยงไว้ชื่อ Scotty (มาจากชื่อนักเขียน F. Scott Fitzgerald) เท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อ Calvin เขียนนิยายเรื่องใหม่ เกี่ยวกับผู้หญิงคนที่เขาเจอทุกวันในฝันอยู่นั้น จู่ ๆ เธอก็ปรากฎตัวมีจริงขึ้นมาอยู่ในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง เธอแนะนำตัวว่าชื่อ Ruby Sparks ช่างบังเอิญเหลือเกินที่เป็นชื่อเดียวกับตัวละครที่เขากำลังเขียนอยู่ แล้วเธอก็มีบุคลิกภาพแบบเดียวกันเป๊ะ ๆ และความรักครั้งใหม่ระหว่างนักเขียนกับตัวละครของตัวเองก็เริ่มขึ้น

ต้องบอกก่อนว่าเรารักหนังเรื่อง Ruby Sparks มาก แค่พล็อตเรื่องก็ซื้อใจของเหล่า Book Nerd ไปหมดแล้ว ไหนจะพาร์ทคลั่งรักที่ทำได้อย่างน่ารัก น่าฟัด และมีสไตล์ในเวลาเดียวกัน แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่อธิบายคำว่ารักในหนังเรื่องนี้ของเรา เพราะหนังเองเลือกที่จะเล่าในส่วนที่เรียกว่า ‘การล่มสลายของความสัมพันธ์’ ด้วย เมื่ออีกคนเรียกร้องให้อีกคนเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการทุกอย่างโดยไม่ต้องการอะไร ซึ่ง Your Girl ของเราในเพลงนี้ที่ชื่อ Ruby Sparks เจอเหตุการณ์แบบนั้นกับนักเขียนของเธอเอง .. อย่างที่ในหนังและหนังสือหลาย ๆ เรื่องมักพูดได้แบบเดียวกัน ถ้าเรารักษาความรักเอาไว้ไม่ได้ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้กันได้คือการปล่อยอีกคนไปมีความสุข


เพลง : โลกร้าย (Sick)
หนังสือ : วันที่เหมาะกับขนมปัง ซุป และแมว / มูเระ โยโกะ 

ฟังมาถึงเพลงนี้เรามั่นใจกับตัวเองแล้วว่าชอบดนตรีแบบไหนในอัลบั้ม Your Girl ก็คือชอบความ Minimal ที่น้อยแต่มากนี้มาก ๆ เหมือนคุณวีและทีมตั้งใจอะเรนจ์เพื่อเว้น Space ให้เมโลดี้ของคำร้อง และเนื้อเพลงได้เติมเต็มช่องว่างนั้น แล้วเพลงนี้ก็ให้เสียงร้องของคุณ Patrick Ananda มาช่วยเติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์

‘ในวันที่โลกโหดร้ายกับเรา เราอยากให้เธอมาหา เพื่อให้รู้ว่ามีใครอีกคนบนโลกนี้อยู่ด้วยกัน’ 

เพลงนี้ทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาที่อ่านนิยายญี่ปุ่นชื่อยาวเรื่อง ‘วันที่เหมาะกับขนมปัง ซุป และแมว’ ที่พูดถึงผู้หญิงวัยสามสิบกว่า ๆ ชื่อ อากิโกะ ผู้ลาออกจากบริษัทที่มั่นคง เพื่อเปิดร้านอาหารที่ขายอาหารฝรั่งอย่างซุปเป็นหลัก ท่ามกลางเสียงคำถามปนสงสัยจากเพื่อบ้านว่า “จะไหวหรอ?” ซึ่งตัวเธอเองก็แอบหวั่น ๆ บ้างเหมือนกัน แต่ในช่วงเวลานั้นเอง เหมือนโลกได้ส่งใครอีกคนมาอยู่ข้างกัน อากิโกะได้เจอกับ ทาโร่ เจ้าแมวจรที่มาเดินขออาหารกินตั้งแต่วันเปิดร้านวันแรก และเจ้าทาโร่นี่เองจะคอยเป็นที่ชาร์จพลังจากวันที่เหนื่อยล้าของอากิโกะ   


เพลง : อย่าใจร้ายกับตัวเอง (It’s Okay)
หนังสือ : Solanin / Inio Asano 

มันดีมากเลยนะที่มีเพลงแบบนี้บนโลกเยอะ ๆ เพลงที่เป็นเหมือน ‘เจของเกา’ ในชีวิตเรา เปิดฟังเมื่อไหร่ก็เหมือนได้คนที่เข้าใจความเหนื่อยที่เราต้องเจอทั้งวัน เดือน และปี ในเวลาไม่ถึง 4 นาทีเท่านั้น

“เธอไม่จำเป็นต้องใจร้ายกับตัวเอง เธอไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนกับใคร ..  แล้ววันหนึ่งเธอจะได้พบสิ่งที่หวัง

Your Girl ของเราจากเพลงนี้ชื่อว่า Meiko เธอคือสายซัพตัวจริง ที่มีความฝันเดียวในชีวิตคือการได้เห็นแฟนของตัวเอง Naruo ประสบความสำเร็จกลายเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น ผ่านการเดินทางอย่างยาวนานตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย จนถึงทำงานในชีวิตจริง และนั่นคือเรื่องราวใน Solanin มังงะดนตรีที่ดีที่สุดเรื่องนึงในชีวิตเรา

ความงดงามของ Solanin คือคนเขียนเข้าใจในส่วนของชีวิตที่คนเราพยายามตามหาความฝันของตัวเองมาก ๆ และใช้ ‘นักดนตรี’ อาชีพของคนทำงานศิลปะ ซึ่งดูเหมือนว่าปลายทางแห่งความสำเร็จนั้นจะเรือนลางกว่าอาชีพอื่นเหลือเกินมาเล่า บางคนที่บ้านก็ไม่เข้าใจถูกมองว่าเป็นงานอดิเรกมากกว่าอาชีพ ไหนจะค่าอุปกรณ์ที่แสนแพง ค่าห้องซ้อมในแต่ละครั้ง และการทำเพลงในแบบที่เป็นตัวเองในขณะเดียวกันก็ต้องทำให้คนฟังชอบเพื่อมีรายได้เข้ามา … การได้มี Meiko สักคนในชีวิตเดินไปด้วยกันบนเส้นทางสายนี้คงจะเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อย


เพลง : กักตัว
หนังสือ : Lunar Lunatic คุณคือดวงจันทร์ ฉันสิคนบ้า / ฉัตรรวี เสนธนิสศักดิ์

เพลงรักบันทึกช่วงเวลาของ Covid ที่มีความคลั่งรักสูงมากกก จนเราคิดถึงหนังสือที่ถูกตั้งชื่อด้วยความคลั่งรักสูงไม่แพ้กัน ของนักเขียนหญิงอีกคนที่เราชอบมากที่สุด ‘คุณป่าน ฉัตรรวี เสนธนิสศักดิ์’

ในเล่ม Lunar Lunatic คุณคือดวงจันทร์ ฉันสิคนบ้า จะมีอยู่บทนึงที่ใช้ชื่อว่า ‘หากสุดท้ายแล้วไม่มีใคร จะไปเป็นนักนางนวล’ เล่าเรื่องโดยผู้หญิงคนนึงที่ตั้งคำถามกับตัวเองหลังดูหนัง The Lobster (2015) ของผู้กำกับ Yorgos Lanthimos จบ “ถ้าหาคู่รักไม่ทันจะขอเป็นสัตว์ชนิดไหนดีนะ?” ซึ่งบทสนทนานั้นถูกถกคุยกับคู่รักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน แล้วตัวเลือกแรกของเธอก็คือ ‘ตั๊กแตนตำข้าว’ สัตว์ที่หลังมีเซ็กส์จบก็จะกินตัวผู้อีกตัวให้กลายเป็นคู่รักที่มีเธอคนเดียวได้ครอบครอง ..

ที่พิมพ์ไปในบรรทัดก่อนอาจจะดูรุนแรงไปบ้าง แต่เชื่อเถอะและขอเชียร์นะว่าให้หาเรื่องสั้นเล่มนี้มาอ่าน เพราะภาษาและการเล่าเรื่องของคุณป่าน ทำให้ Your Girl ในตอนนี้ของเรามีความโรแมนติกมาก ๆ แม้เธอจะอยากกินคู่รักของตัวเองก็ตาม  


เพลง : This Is Our Life
หนังสือ : Breakfast at Tiffany’s / Truman Capote 

อีกเพลงที่มีการ Featuring กับศิลปินอื่นในอัลบั้มเกิดขึ้น และครั้งนี้เป็นการรวมพลังของ Girl Power กับ คุณ Zom Marie ที่เราแอบได้ยินคุณ Ink Waruntorn ถูกเรียกเข้ามาในเนื้อเพลงด้วย

เนื้อหาของเพลงนี้ดีมาก ธีมคือให้เราออกไปใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการเถอะ ถึงมันจะมีล้มไปบ้างแต่ให้รู้ไว้ว่าไม่มีใครไม่เคยล้มมาก่อน จนทำให้เรานึกถึง Holly Golightly เป็น Your Girl ตัวเลือกเดียวในเพลงนี้ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วเป็นเพราะคาแรคเตอร์ซน ๆ สวย ๆ ของ Audrey Hepburn ด้วยแหละ ถึงทำให้เธอเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดแล้ว 

Breakfast at Tiffany’s (ชื่อไทย มื้อเช้าที่ทิฟฟานีส์ โดยสำนักพิมพ์ Library House) เล่าเรื่องราวของ Holly Golightly เธอเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีในแมนฮัตตัน ตอนปี 1943 ทั้งปาร์ตี้อย่างสุดเหวี่ยง เลือกแฟชั่นแบบไม่สนใจใคร และท่องเที่ยวไปทุกที่ที่อยากจะไป คบกับใครเป็นเพื่อนก็ได้โดยไม่ต้องมีเรื่องของเพศเข้ามายุ่งเกี่ยว และโดยที่ผู้ชายหรือความรักไม่ได้มีอิทธิพลในชีวิตของเธอเลยถ้าตัวเองไม่ได้ต้องการแบบนั้น

ทุกครั้งที่อ่าน Breakfast at Tiffany’s เราก็จะปรบมือชื่นชม Truman Capote  ผู้เขียนอยู่ในใจเสมอ ในความเป็นคนหัวสมัยใหม่ และถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหนังสือของเขาถึงประสบความสำเร็จ Timeless ตลอดมา  


 เพลง : จินตนาการ
หนังสือ : Best Before / Tunadunn   

‘ถ้าเราขึ้นไทม์แมชชีนไปดูอนาคต แล้วพบว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าตัวเองจะถูกคนรักบอกเลิก เราจะอยู่กับสิ่งนั้นได้มั้ย?’

ในหนังสือ Best Before เล่าเรื่องของ เอียน (ขออนุญาตเป็น Your Guy แทน) ซึ่งบังเอิญได้ขึ้นไทม์แมชชีนเพื่อพบว่าในอีก 6 อาทิตย์หลังจากนั้น เขาจะถูก มาร์โก้ แฟนของตัวเองบอกเลิก โดยที่เขาไม่ต้องพยายามจินตนาการเลยว่า ถ้าเลิกกับเธอไปตัวเองจะเจ็บปวดขนาดไหน เพราะมันกำลังจะเกิดขึ้นกับเขาแล้ว สิ่งเดียวที่ต้องพยายามคือการไม่ให้มันเกิดขึ้นจริง … 

การเลิกกันเจ็บปวดเสมอไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพลงของคุณวีและเรื่องราวใน Best Before ทำให้เรากลัววันนั้นของตัวเอง การ Move On ดูจะเป็นอะไรที่เล็กน้อยไปเลย เทียบกับในท้ายที่สุดแล้ววันเวลาแสนมีความสุขที่ผ่านมา จะกลายเป็นเพียงฝุ่นผงของอดีต


 เพลง : ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข (This Time)
หนังสือ : Heartstopper / Alice Oseman 

ฮือออ รักเนื้อร้องของเพลงนี้จัง ภาพของ Slice Of Life ความเล็กน้อยในชีวิตคู่ที่แสนพิเศษมาเต็ม เป็นเพลงของคนที่ในที่สุดแล้ว ความรักดี ๆ ก็โบกมือมาทักทายเสียทีนะ คนนี้ล่ะคือหน้าตาของความสุขของฉัน เพราะฉะนั้น ในส่วนนี้เราจะไม่ขอใช้คำว่า Your Girl เพื่อที่อยากจะให้เพลงนี้เป็นเพลงที่ทุกคนจะได้ใช้เปิดเป็น Soundtrack ของชีวิตจริง ๆ และกราฟิกโนเวลเรื่อง Heartstopper เองก็เป็นเรื่องราวแบบนั้น

Heartstopper หรือ หยุดหัวใจไว้ที่นาย (ชื่อไทยโดยสำนักพิมพ์ Amico) พูดถึงความรักในวัยมัธยมที่ค่อย ๆ ก่อตัวระหว่าง ‘ชาร์ลี สปริง’ กับ ‘นิโคลัส เนลสัน’ ตัว ชาร์ลี นั้นเป็นคนที่ได้รับความรักแย่ ๆ มาโดยตลอด และถูกมองด้วยสายตาบางอย่างจากสังคม ในวันที่เขาเลือกเปิดตัวเองเป็น LGBTQ+ จนกระทั่งนิคกลายมาเป็นความสุขในชีวิต – ส่วน นิค หนุ่มนักกีฬาผู้เป็นที่รักของเพื่อน ๆ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาตัวเองอาจจะไม่ได้เป็นเพศอย่างที่คิดเมื่อได้มาเจอกับชาร์ลี และใช้เวลาร่วมกันพร้อม ๆ กับที่ค่อย ๆ ตามหาว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นอะไร และรู้สึกอย่างไรกับชาร์ลีจริง ๆ กันแน่

ความรักใน Heartstopper มีความพิเศษต่อคนอ่านเพราะเราได้เห็นว่า แม้อุปสรรคในชีวิตจริงจะยากเย็นขนาดไหน ถ้าเราไม่มีความคิดที่จะปล่อยมือจากกัน ยังไงซะ ความรักก็จะเป็นฝ่ายที่ชนะเสมออยู่ดี

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line