MUSIC

NEXT COVER, SAME MOOD 03 : อ่านหนังสือเล่มไหนต่อดี เมื่ออินกับเพลงในอัลบั้ม ‘เรือนแพ ชุดที่ 6’ ของ Tattoo Colour

By: GEESUCH November 15, 2022

การกลับมาของอัลบั้มชุดที่ 6 (เลขจริงที่ไม่ได้ตั้งเอาชื่อมงคลแบบชุดที่ 8) ของวง POP ที่ม่วนที่สุดในค่ายห้องเล็ก Smallroom ชื่อ Tattoo Colour หลังจากที่หายจากการปล่อยอัลบั้มเต็มถึง 5 ปี แล้วก็ต้องบอกว่าพวกเขากลับมาอย่างสม ‘ศักดิ์ศรี’ จริง ๆ ทั้งการมีชื่อด้อมของตัวเองเป็นครั้งแรกว่า ‘ชาวนัวร์’ ไปจนถึงคอนเซปต์ของการทำอัลบั้ม ‘เรือนแพ ชุดที่ 6’ ที่ทั้ง 4 คนเช่าบ้านอยู่ด้วยกันเพื่อตกผลึกเพลงของทั้งอัลบั้ม จนทำให้กลายเป็นอัลบั้มที่สำหรับแฟน ๆ แล้ว ใช้คำว่า ‘ใช่’ ได้อย่างสิ้นเปลืองที่สุด 

ย้อนเวลากลับไปในปี 2008 ตอนที่อัลบั้ม ‘ชุดที่ 8 จงเพราะ’ กำลังโปรโมทซิงเกิล ‘จำทำไม’ อยู่นั้น มันเป็นตอนเดียวกับที่ผู้เขียนกำลังนั่งเรียนพิเศษเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามัธยมปลาย ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาว่ากันว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญและยากที่สุดในชีวิตวัยรุ่น แต่เราก็โชคดี ที่มีเพลงของ Tattoo Colour เป็นเหมือนซาวด์แทร็คประกอบชีวิต ชุบชูจิตวิญญาณของเด็กคนนั้นให้การเติบโตอย่างไม่ยากจนเกินไปนัก และในปัจจุบันที่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงานแล้ว ความเป็นเด็กของเราก็ยังถูกซ่อนไว้ในความทรงจำที่มีร่วมกับเพลงของพวกเขาเสมอ จะเปิดเพลงไหน เปิดเมื่อไหร่ ก็ยังสวยงาม 

 

ความรู้สึกหลังฟังอัลบั้ม ‘เรือนแพ ชุดที่ 6’ ในวัย 28 ปี ก็จะขอใช้คำว่า ‘ใช่’ ให้เปลืองอีกครั้งในฐานะแฟนเพลงอีกคนที่เติบโตมากับเพลงของพวกเขา ขอสปอยล์นิดเดียวว่าอะไรที่แฟนเพลงแทททูคิดถึงยังคงอยู่เหมือนเดิม และอะไรที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้เจอมาก่อน ก็ดีมากไม่แพ้กัน นี่คืออัลบั้ม Comfort Music ที่ทุกเพลงถูกอะเรนจ์อย่างดีจนกลายเป็นความปลอดภัยต่อทุกความรู้สึกของคนฟัง … ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร เปิด Next Cover, Same Mood เข้าไปอ่านพร้อมกันเลย


เพลง : ร้อนของ
หนังสือ : Scott Pilgrim VS The World / Bryan Lee O’Malley

“เราจะเป็นรักที่ดีสุดของเธอเองเว้ย ไม่ได้เก่งแต่ปาก แต่เก่งปฎิบัติด้วยครับ”

เพลงเปิดอัลบั้มที่มาพร้อมกับดนตรีมหากาพย์เปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ ร้อนแรง เชื่อเลยล่ะว่าพี่ ๆ ร้อนของอยากปล่อยอัลบั้ม ก่อนที่จะส่งเข้าพาร์ท Pop แบบแทททูที่พวกเราคุ้นเคยกันมาตลอด 

สรุปเพลงทั้งหมดด้วยคำโปรยข้างต้นจากเราเอง ในมุมมองของการเป็นเพลงรักที่อยากจับมือเธอคนนั้นไปสนุกสุดเหวี่ยงด้วยกัน แต่เอาจริง ๆ เพลงนี้ฟังแล้วรู้สึกว่ามันมีความหมายแฝงอยู่นะ ซึ่งเราเชื่อและคิดว่าทุกคนน่าจะคิดแบบเดียวกัน ว่า Massage จริง ๆ ของ ‘ร้อนของ’ คือวงต้องการส่งเพลงนี้ให้แฟนเพลงทุกคนเปิดฟัง เพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าพวกเขากลับมาแล้ว และรับรองว่าอัลบั้มนี้จะสนุกยิ่งกว่าที่ผ่านมาแน่นอน! 

เพราะความพยายามในการสื่อสารในข้างต้น มันทำให้เรานึกถึง Comic พลังวัยรุ่น ที่รวมทุกอย่างเท่าที่วัยรุ่นเนิร์ด ๆ หรือสมัยนี้อาจจะเรียกว่า ‘เบียว’ ที่สุดเท่าที่จะมีได้ อย่าง Scott Pilgrim VS The World (เรื่องเดียวกับที่กลายเป็นภาพยนตร์เวอร์ชั่น Edgar Wright นั่นล่ะ) คอมิคเล่าเรื่องของเด็กหนุ่มนาม Scott Pilgrim ผู้ชอบอ่านหนังสือการ์ตูน เป็นมือเบสในวงอินดี้ชื่อ sex bob-omb และบ้าวิดิโอเกม ในช่วงเวลาที่เขาตกหลุมรักสาวลึกลับชื่อ Ramona Flowers หลังจากเจอเธอได้เพียงไม่กี่วนาทีในปาร์ตี้แห่งหนึ่ง .. เรื่องราวต่อจากนั้นคือพ่อหนุ่ม Scott ของเราใส่เกียร์เดินหน้าเต็มกำลัง แต่การจีบ Ramona นั้นไม่ง่าย เพราะเขาต้องสู้กับ ‘แฟนเก่าทั้ง 7’ ให้ชนะครบทุกคนเสียก่อน ถึงจะมีสิทธิ์กุมหัวใจของเธอได้ (เบียวพอมั้ยล่ะ) 

อีกสิ่งที่เราเห็นในเพลงเปิดอัลบั้ม ‘เรือนแพ ชุดที่ 6’ คือพลังของวัยรุ่นกับความเล่นใหญ่ ก็บอกได้เลยว่า Scott Pilgrim กับ Tattoo Colour เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไม่ต่างกัน นั่นจึงทำให้เขาเหมาะจะเป็นตัวละครมาสคอตเปิดตัวของอัลบั้มนี้ที่สุดแล้ว


เพลง : Supper Car Care 
หนังสือ : Initial D / Shuichi Shigeno 

เพลงแรกในปี 2022 ของ Tattoo Colour ที่ดีจัดจนสร้างกระแสความไฮป์ ‘แทททูกลับมาแล้ว’ การกลับมาที่แนวดนตรีหน้าตาอาจจะไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ ด้วยกลิ่นอายความเป็น R&B มากขึ้น พร้อมกับการเป็นเพลงเดียวในอัลบั้มที่มีศิลปินอื่นมาร่วมแจมด้วย ก็คือคุณ d-gerrad กับพาร์ทแร็ปซึ่งสร้างความเป็นฮิปฮอปลงไปในเพลง จนเกิดเป็นเพลงจังหวะชวนโยกที่ถึงจะแปลกตา แต่ DNA ความเป็นแทททูนั้นเต็มเปี่ยมเลย  

“เนื้อเพลงโคตรแทททูเลยว่ะ” เราเห็นด้วยมาก ๆ กับความคิดที่เกิดขึ้นในหัวตัวเองหลังฟังเพลงนี้จบ ใครมันจะกวนตีนถึงขนาดเขียนเพลงที่พูดถึงคนอยากมี Super Car ขับไปโฉบพิชิตใจสาว แต่ตัวเองไม่มีเงินจะซื้อรถ ก็ขอเป็น Super Car (care) ที่จะดูแลเธออย่างดีไปก่อนแล้วกัน เฉียบ!

หนังสือของเพลงนี้จะเป็นเล่มไหนไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่มังงะแข่งรถในตำนานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของ Drift King ของญี่ปุ่นอย่าง ‘Initial D ถนนสายนี้ข้าจอง’ กับ Takumi Fujiwara นักซิ่งดริฟต์สายฟ้าแห่งหุบเขาอากินะของเรานั่นเอง ถึงจะไม่มี Super Car (เหมือนกัน) แต่ TOYOTA AE86 ที่วิ่งด้วยเชื้อเพลิงแห่งความมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยมของเขาก็แรงไม่แพ้ใคร ถ้าเรามีความมุ่งมั่นแบบเดียวกับ Takumi แล้วล่ะก็ ในเรื่องของความรัก Super Car ก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอีกเลย


เพลง : ตั้งใจเรียน 
ภาพยนตร์ : Everybody Wants Some!! (2016) / Richard Linklater

เข้าเพลงที่ 3 ก็เจอเพลงที่ชอบที่สุดในอัลบั้มนี้เรียบร้อย แล้วก็ให้กลายเป็นเพลง College Love Song ที่ดีที่สุดในชีวิตเราไปเลย เพราะปกติจะเจอแต่เพลงที่เป็น High School Love Song พอได้เจอเพลงรักที่เกิดในรั้วมหาวิทยาลัยมันจึงว้าวมาก  

ธีมของเพลงนี้คือความรักที่เป็นเหมือนฝันตอนหลับ ตื่นขึ้นมากลับเหมือนว่าไม่มีอยู่จริง และเพราะมันรู้สึกดีมาก ก็เลยใช้คำว่า ‘ฝัน’ แบบนั้น สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ฟังเพลงนี้ บอกเลยว่าระวังโดนคาแรคเตอร์ของ ‘เธอ’ ในเพลงนีให้ดี เพราะเราโดนตกไปเรียบร้อยแล้ว ผู้หญิงบ้าอะไรชวนให้แพ้ขนาดนี้ นี่คือรุ่นพี่สาวขี้เล่น ที่มองความลับระหว่างเราเป็นเรื่องสนุก ๆ ทำได้ไงอ่าาา 

ข้อดีที่สุดของเพลงนี้คือการที่เป็นเพลงไทยที่เป็น College Love Song มันทำให้เราจิตนาการไปถึงภาพงานประจำปีอย่าง วิจิตรศิลป์ มช. หรือ งานอาจารย์ศิลป์ของศิลปากร แบบชัดมาก ๆ  เป็นเพลงรักที่เราเรียนคนละ Sec ตอนกลางวัน ตกกลางคืนก็เจอกันอีกครั้งในงานเทศกาลท่ามกลางผู้คนมากมาย  

Everybody Wants Some!! ภาพยนตร์ปี 2016 ของ Richard Linklater คือเพลงนี้สำหรับเราเลยว่ะ ถึงบริบทจะต่างกัน แต่ไทม์ไลน์คือซ้อนชัดเป็นภาพเดียวกันเลย .. หนังพูดถึง Jake Bradford เด็กหนุ่ม Freshmen ปี 1 นักกีฬาเบสบอล กับ Beverly เด็กสาวปีเดียวกันที่เขาได้เจอในวันแรกที่มาถึงมหาวิทยาลัย ในช่วงวันท้าย ๆ ของการปิดเทอมฤดูร้อน แน่นอนว่าวันสุดท้ายก่อนเปิดเรียนของอเมริกายุค 70s ย่อมมีปาร์ตี้ประจำบ้านมากมายนับไม่ถ้วน ในช่วงระหว่างที่ Jake ตะลุยใช้ชีวิตปาร์ตี้นั้น เขาก็ได้เจอกับ Beverly เรื่อย ๆ ตลอดคืน ได้คุย ยิ้ม หัวเราะ ทำเรื่องบ้า ๆ ด้วยกัน ก่อนที่จะใช้เวลาก่อนรุ่งสางจบปาร์ตี้ด้วยการคุยกันจนถึงเช้า เพื่อพบว่าเมื่อแสงแดดแยงตา เขาทั้งคู่กำลังจะเข้าเรียนวันแรกสายแล้ว       

เป็นหนังอีกเรื่องที่บันทึกเรื่องราวแบบ  One Night Miracle ในโลกภาพยนตร์ผ่านสายตา Richard Linklater นอกจาก Before Trilogy ได้อย่างงดงาม และเพลง ‘ตั้งใจเรียน’ ก็ดูจะเป็นซาวด์แทร็คของหนังได้ดีทีเดียว : ) 


เพลง : อย่าอยู่เลย
หนังสือ : การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก / Haruki Murakami

เพลงอีกด้านของ ‘ฝากที’ (อัลบั้ม Hong Ser) กับเหตุการณ์สุดกระอักกระอ่วน เมื่อเจอคนรักเก่าในช่วงเวลาที่แย่ที่สุด อุตส่าห์พยายามลืมแกมาตลอด แต่แกก็ดันหวังดีเดินเข้ามาทักกันเสียได้ แบบนี้ก็ตายดิครับ แค่เจอในความทรงจำทุกวันก็ใจสลายจะแย่แล้ว : (

เพลงแทททูโหมดเศร้านี่มันเพราะสัส ๆ ทุกเพลง ถึงเนื้อหาจะใจร้ายแต่ก็หยุดฟังได้ยากมาก แล้วเพลงของคน Move On เป็นวงกลมซ้อนทับ 100 ชั้นแบบนี้ ก็เหมาะเหลือเกินกับนิยายของ Haruki Murakami เรื่อง ‘การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก’ (South of the Border, West of the Sun) หนังสือเล่มที่ถูกจัดเข้าเพลย์ลิสต์อ่านในช่วงฤดูฝนเมื่อคนเหงาตลอดกาล และเหล่าแฟน ๆ ลุงมูรู้กันดี ว่าอ่านเล่มนี้ตอนฝนพรำ ๆ ยามดึก หัวใจของคนเหงาจะเป็นยังไง 

เรื่องย่อ : Hajime ชายหนุ่มที่ในสายตาของคนทั่วไป ได้ถูกแปะป้ายชื่อคำว่า ‘ประสบความสำเร็จ’ เอาไว้ที่อกขวา ด้วยการมีครอบครัวที่ดี และเป็นเจ้าของบาร์แจ๊ซชื่อดัง ซึ่งเป็นอาชีพที่เขาใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งมันยังสร้างความมั่นคงทางการเงินให้เขาอย่างมหาศาล แต่ หัวใจที่อยู่ในอกข้างซ้ายของ Hajime นั่นมีรูขนาดใหญ่อยู่ บางสิ่งบางอย่างขาดหายไป และเขารู้ดีว่ามันคือ Shimamoto คนที่สร้างความรักในวัยเยาว์ที่เขาไม่เคยลืมได้เลย แต่แล้วจู่ ๆ คืนหนึ่งในวันที่ฝนตก เธอก็มาปรากฎตัวต่อหน้าของ Hajime อีกครั้ง โดยไร้สัญญาณล่วงหน้าใด ๆ มาก่อน ไม่มีเลยหลังจากทุกอย่างในอดีตผ่านมาไกลถึง 36 ปี … 


เพลง : เซาเถอะ
หนังสือ : The Morning Flight To Sad Francisco / ธนชาติ ศิริภัทราชัย   

เพลงสุดม่วนในแบบฉบับแทททู ที่ตอกย้ำคอนเซปต์ความสนุกสนานของอัลบั้ม และเนื้อหาตรงข้ามกับเพลงเมื่อกี้ด้วยการเป็นเพลงของการ Move On ถ้าหากว่ารักมันเศร้า เค้าไม่รักเรา ก็ลืม ๆ มันซะแล้วมาเต้นกันให้ยับไปเลย

เพลงสนุกลืมโลกแบบนี้ ก็ต้องเจอกับหนังสือของนักเขียนที่อารมณ์ตลกเหลือร้าย และจิกกัดสังคมได้สนุกที่สุดคนหนึ่งของไทย อย่าง ‘เบนซ์ ธนชาติ’ ที่เราเคยแนะนำหนังสือของเขาไปใน Next Cover, Same Mood 01 ในตอนนี้เรามาในเล่มที่ชื่อ The Morning Flight To Sad Francisco รวมเรื่องสั้นเอาแต่ใจ ที่อุดมด้วยตอนอันเอาแต่ใจจนเราไม่อยากเก็บไว้คนเดียว เพราะอยากหาคนที่อ่านจบแล้วรู้สึกอยากเขกหัวคนเขียนไปด้วยกัน พร้อมกับขอแนะนำตอนเด็ดเหล่านี้ให้ทุกคนมาม่วนอย่างสะใจไปด้วยกันครับผม

02 A Family Day : ‘พิรัญดา’ เกิดเป็นลูกหลานตระกูลคนจีนที่ต้องเช้งเม้งเป็นประจำทุกปี แต่เธอไม่ได้ชอบการที่จะต้องมาเจอญาติที่ปกติก็ไม่ได้คุยกันอยู่แล้ว เพื่อทำตัวเหมือนสนิทกัน แต่การเชงเม้งปีนี้จะไม่เหมือนเดิม เพราะพิรัญดาจะไม่ทนกับคำถามงี่เง่าที่ว่าทำงานอะไร, เงินเดือนเท่าไหร่, สักทำไม อีกต่อไป    

09 A Watch Man : ‘อรชุดา’ นักข่าวสายลงพื้นที่ผู้ได้รับงานทำรายการเยี่ยมบ้านไฮไซ ในเทปแรกเธอต้องสัมภาษณ์ไฮโซชื่อ ‘นพชัย’ ที่วงในปรามาศกันว่าเป็นเพลย์บอยตัวฉกาจ ทำตัวรวยเหลวแหลกไปวัน ๆ แน่นอนว่าอรชุดามาด้วยใจอคติแบบที่คนอื่นคิด แต่เมื่อจบการสัมภาษณ์ อรชุดาก็พบว่าวงการไฮโซไม่ได้แย่อย่างที่คิด (มั้ง?) 

11 A Super Omakase : ‘ชานนท์’ กับ ‘พิชญาภา’ ฉลองวันครบรอบ 5 ปี ที่ร้านโอมากาเสะอาหารอีสานชื่อดังใจกลางเมือง ประสบการณ์โอมากาเสะในครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตคู่ของพวกเขาให้ไม่เหมือนเดิมอีกตลอดไป


เพลง : สงครามเย็น
หนังสือ : ควันใต้หมวก / วิศุทธิ์ พรนิมิตร

โห สะใจมากกก เพลงร็อกที่สุดในอัลบั้มนี้ และน่าจะร็อกที่สุดครั้งนึงของ Tattoo Colour ระดับเปิด distrotion ให้เสียงร้องแบบวงโปรเกรสซีฟ King Crimson กันไปเล้ยยย แล้ว solo พี่รัฐคือกระเสร่าเป็นกีตาร์ฮีโร่สะใจเว้ย!

สงครามเย็นของเพลงนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับสงครามเวียดนาม แต่มันคืออาการ Love As First Sight แบบคลั่งรักหนักอย่างรุนแรง สบสบตากันครั้งเดียว สงครามโลกครั้งที่ 3 ก็บังเกิดจนถล่มหัวใจย่อยยับ ให้หัวใจมันส่งคำสั่งว่า ‘รัก’ อย่างเดียวเลย 

ไม่แน่ใจว่าด้วยพาร์ทดนตรี หรือพาร์ทเนื้อร้อง หรืออาจเป็นเพราะทั้ง 2 อย่างผสมมาด้วยกัน เพลงนี้ทำให้เรานึกถึง Graphic Novel เรื่อง ‘ควันใต้หมวก’ ของ วิศุทธิ์ พรนิมิตร มันเป็นหนังสือที่เล่าเรื่องของเด็กชายคนหนึ่ง ที่ตกหลุมรักหญิงสาวอายุมากกว่า ตั้งแต่ที่เจอเธอครั้งแรก แล้วเรื่องราวก็ค่อย ๆ ไซไฟขึ้นเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับความสะเปะสะปะของลายเส้นที่ถูกสาดให้มีความยุ่งเหยิงราวกับควันของบุหรี่ … เอาจริง ๆ เมื่อตกหลุมรักใครสักคนอย่างรุนแรง การอธิบายว่าเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้อง หรือเหมือนหัวใจถูกบีบด้วยมือของใครสักคน ก็ไม่ใช่ภาพที่ชัด 100% ของอาการทั้งหมดหรอก เพราะการคลั่งรักไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ทั้งหมด แต่หนังสือเล่มนี้อธิบายสิ่งที่เราไม่สามารถพูดออกมาได้ถูกอยู่ไม่มากก็น้อย


เพลง : อย่าร้องอายเค้า
หนังสือ : เอ่ยชื่อคือคำว่ารัก / André Aciman

กลับเข้าสู่โหมดฟูมฟายกันอีกครั้ง กับเพลงที่แทททูตบบ่าเบา ๆ แล้วนั่งเป็นเพื่อนไปกับคุณตลอด 03:48 นาที (ถ้ายังไม่หายเศร้าก็เปิดวนเอา) แล้วบอกกับคุณว่า ‘ร้องไห้อีกกี่ครั้ง เขาก็ไม่กลับมาอยู่ดี’ หยุดร้องเหอะ สู้เข้มแข็งเพื่อมีชีวิตต่อไปดีกว่า     

ภาพยนตร์เรื่อง Call Me By Your Name (2017) ที่แจ้งเกิดให้กับน้อง Timothée Chalamet โด่งดัง ถูกดัดแปลงจากวรรณกรรมในชื่อเดียวกันของนักเขียน André Aciman เล่าเรื่องราวความรักที่ค่อย ๆ ก่อตัวระหว่าง Elio เด็กหนุ่มอายุ 17 ที่ไปตกหลุมรัก Oliver ผู้ช่วยชั่วคราวของพ่อตัวเอง ณ ช่วงเวลาของฤดูร้อนปี 80s ผ่านฉากหลังอันงดงามของประเทศอิตาลี ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย ไม่มีการเร่งเร้า และเป็นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ในสุดท้ายจะพบว่าเป็นสิ่งที่ ‘ชั่วคราว’ เท่านั้น … ใครที่ได้ดูเวอร์ชั่นภาพยนตร์คงไม่มีทางลืมฉาก End Credit ที่ Elio ร้องไห้ได้ลงแน่ ๆ เพราะนั่นคือสิ่งที่ยืนยันถึงทฤษฎีข้างบนของแทททูได้ชัดเจน ว่าต่อให้ร้องไห้อีกกี่ครั้งเขาก็ไม่กลับมาอยู่ดี 


เพลง : ใจเกเร
หนังสือ : สิ่งที่เรียกว่าครู่ยามหนึ่ง / สิลิ (สิรินารถ อินทะพันธ์)  

เพลงของคนนอนไม่หลับ พยายามหลับตาฝันทุกคืนว่าใครคนนั้นจะกลับมาหา-เพลงนี้บันทึกความทรงจำที่ฟุ้งกระจายในช่วงเวลากลางคืนที่ความคิดถึงเพ้อเจ้อได้อย่างครบถ้วน ทั้งความเมามายของวันเก่า ๆ ที่ทำให้ภาพของเราโรแมนติกและทำร้ายในเวลาเดียวกัน ไปจนถึงใจที่มันเกเรอยากจะทำสิ่งที่บ้าบอที่สุดอย่างการทักไปหาเขาอีกครั้ง  

เราอยากแนะนำหนังสือที่เหมาะกับช่วงเวลากลางคืนอีกเล่ม สิ่งที่เรียกว่าครู่ยามหนึ่ง ผลงานจากปลายปากกาของคุณ ‘สิลิ’ รวม 12 เรื่องสั้น และ 9 เรื่องแทรก หนังสือซึ่งบันทึกความรัก ความคิดถึง ความสับสน และการตั้งคำถามจากวัยเยาว์ ในเล่มจะมีตอนที่ชื่อว่า ‘หัวใจสีหม่น’ ตอนซึ่งพูดถึงความรักของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ไปผู้ตกหลุมรักชายหนุ่มสูบบุหรี่จัด ก่อนที่สุดท้ายทั้งคู่จะเลิกรากันไป แต่แล้วจู่ ๆ คืนหนึ่งเธอก็เกิดความคิดถึงเขาเหลือเกิน ความรู้สึกในครั้งนี้มันมากกว่าคืนไหนที่เธอเคยใช้เวลาไปกับการคิดถึง ดังนั้น เธอจึงเลือกที่จะบรรเทาความรู้สึกที่ไม่มีเขาอยู่โดยการลองสูบบุหรี่บ้าง และจากวันนั้นเอง ควันของบุหรี่ที่เป็นตัวแทนของชายหนุ่ม ก็ค่อย ๆ กลายเป็นสิ่งที่ชำระล้างความคิดถึงที่มีต่อเขาไปเรื่อย ๆ


เพลง : แล้วแต่แม่คุณ
หนังสือ : Touch / Mitsuru Adachi 

ถ้าใครเป็นแฟนของซีรีส์ Sitcom ตัวยง จะต้องเคยได้ยินชื่อคาแรคเตอร์ของคู่ตัวละครที่ถูกเรียกว่า The Will-They-Won’t-They Couple หรือเรียกกันง่าย ๆ ว่า ‘คู่ที่จะสมหวังมั้ยนะ’ เป็นคู่ตัวละครที่คนดูต้องคอยลุ้นตลอดให้สมหวัง เพราะดูโชคชะตา (จากมือคนเขียนบท) จะคอยกลั่นแกล้งทั้งคู่เหลือเกิน อย่างในเรื่อง Friends (1994-2004) ก็มีคู่ Ross กับ Rachel หรือในหนังเรื่อง When Harry Met Sally (1989) ก็เล่นเอาเชียร์คู่พระนางจนเหนื่อยเลย 

‘แล้วแต่แม่คุณ’ ก็เป็นเพลงแบบนั้น-เพลงประกอบจังหวะอันไม่ตรงจังหวะของคู่ที่ใช่ ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก และเหมือนว่าจะมีความรู้สึก (ที่เก็บซ่อนไว้) ให้กันมาโดยตลอด การฟังเพลงนี้ทำให้เรานึกถึงภาพของ ‘ทัชซึย่า’ กับ ‘มินามิจัง’ ในมังงะเรื่อง Touch (1981) ผลงานที่โด่งดังที่สุดของ Mitsuru Adachi นักเขียนการ์ตูนกีฬาเบสบอลที่ทั้งโลกหลงรัก ผู้ที่ก็เก่งในการสร้างความสัมพันธ์ให้ตัวละครแบบ The Will-They-Won’t-They Couple มาก ๆ ด้วย 

ในเรื่อง Touch คุณ Adachi วางให้ตัวละครทัชซึย่าเป็นอัฉริยะที่ขี้เกียจ มีพรสวรรค์ในการเล่นเบสบอลแต่ไม่สนใจมันเลย ให้เป็นเพื่อนบ้านติดกันกับมินามิจัง ผู้เพียบพร้อมไปด้วยทุกอย่าง ทั้งเรียนเก่ง กีฬาเด่น แถมยังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่หนุ่ม ๆ ในโรงเรียนมัธยมปลายอีกต่างหาก สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือทั้งคู่ก็มีใจให้กันมาโดยตลอด แต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดมันออกไป .. แต่ก็อย่างที่เรารู้ว่าคู่แบบนี้จะมาพร้อมบทสรุปที่ทำให้คนเชียร์ยิ้มแก้มปริเสมอ คุ้มค่ากับที่เหนื่อยเชียร์มาตลอดทางล่ะ


เพลง : เรือนแพ 
หนังสือ : ยังไงฉันก็จะเลิกงานตรงเวลาค่ะ / อาเกโนะ คาเอรุโกะ   

เพลงเดียวกับชื่ออัลบั้ม ที่ย้ำ Key Message ที่อยากมอบให้กับแฟนเพลงส่งท้าย ให้ทุกคนปล่อยทุกอย่าง หยิบเครื่องดื่มเย็น ๆ แล้วมาสนุกไปด้วยกัน สร้างช่วงเวลาของเรา ให้ความทุกข์ที่ผ่านมาจบไป แล้วให้เพลงของ Tattoo Colour และอัลบั้มชุดที่ 6 นี้เป็นเพื่อนที่จะนั่งดูพระอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ไปกับคุณ  

“แค่เราได้ทิ้งตัวข้ามผ่านความทุกข์ด้วยกัน ได้ผ่านคืนวันที่ร้าวราน”

ไม่มีอะไรแสดงภาพการพักผ่อนแบบแทททูได้ดีเท่ากับ ‘เครื่องดื่มเย็น ๆ’ อีกแล้ว ในนิยายญี่ปุ่นชื่อโดนใจเหล่าคนทำงานทั้งหลาย ‘ยังไงฉันก็จะเลิกงานตรงเวลาค่ะ’ เล่าเรื่องของ ‘ฮิงาชิยามะ ยุย’ พนักงานหญิงแห่งบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัล ที่มีความหลังฝังใจกับพ่อผู้บ้างาน จนเธอตั้งปณิธาณเลยว่าตัวเองจะต้องเลิกงานตรงเวลาให้ได้ และหลังเลิกงานเธอก็จะให้เครื่องดื่มเย็น ๆ ฮีลใจอันเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันด้วย!  

“ป๊อก!” (เสียงเปิดฝาเครื่องดื่ม) ในวันที่ทุกข์ใจไม่ว่าจากเรื่องอะไร ให้เสียงเพลงในอัลบั้ม ‘เรือนแพชุดที่ 6’ ที่มีเสียงกีตาร์หวาน ๆ ของพี่รัฐ เสียงร้องชวนฝันของพี่ดิม ไลน์เบสแกะยากของพี่จั๊ม และกรูฟกลองสุดสนุกจากพี่ตง เปิดคู่เครื่องดื่มเย็น ๆ ไปด้วยกัน อย่างที่วงบอกเอาไว้ว่า “ทิ้งทุกอย่างไว้ในเรือนแพ”

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line