บนโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงและก้าวหน้าตลอดเวลา เราไม่นิ่งเฉยและพร้อมก่าวสู่มิติใหม่ในแบบของเราเอง ด้วยคอลเล็กชั่นแว่นตาล่าสุดจาก Oakley® Encoder™ Extension ที่จะฉีกกรอบรูปแบบดั้งเดิมโดยทำลายขีดจำกัดของการออกแบบและเทคโนโลยี ด้วยการมอบนิยามใหม่บนแว่นตาที่ทั้งโดดเด่นด้านดีไซน์และยังคงเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหัวใจหลัก คอลเล็กชั่นนี่ได้หยิบเอาแว่นตาในกลุ่ม performance รุ่น Encoder ซึ่งเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน มายกระดับขึ้นไปอีกขั้นจากการนำแว่นต่ากีฬาและดีไซน์ของเลนส์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาปรับโฉมสู่ 2 สไตล์ใหม่ในคอลเล็กชั่น Encoder Extension นั้นคือ Encoder Ellipse และ Encoder Squared ที่นำเสนอรูปทรงเลนส์แว่นแบบดั้งเดิมของรุ่น Encoder เพิ่มเติมฟังก์ชันการระบายอากาศช่วยมอบลุคอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์ที่โดดเด่นแต่เรียบง่ายนำเสนอ รูปทรงเลนส์บนสองรูปแบบในสไตล์ที่น่าสนใจและไม่เคยเห็นมาก่อน รุ่น Encoder Ellipse – มีให้เลือกในกรอบสี Matte Black, Matte Navy, และ Silver ชวนให้นึกถึงรูปทรงของโลโก้ Oakley อันเป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่ Encoder Squared – มีให้เลือกในกรอบสี Sky Blue, Matte Black และ Matte Carbon
ภาพจำของเหล่าไบค์เกอร์ (Biker) หรือนักบิดมอเตอร์ไซค์ของทุกคนเป็นอย่างไร? เราเชื่อว่าภาพที่มีคงไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ ชายสวมแจ็คเก็ตหนังดำ เสื้อเชิ้ตดำ แว่นตาสีดำ รองเท้าหนังหุ้มข้อ และแน่นอน ‘กางเกงยีนส์’ (ไม่ว่าจะสีดำหรือสีน้ำเงินก็ตาม) ในบทความนี้เราจะขอเล่าความเป็นมาของวัฒนธรรมการขี่มอเตอร์ไซค์ของเหล่าไบค์เกอร์ และแฟชั่นที่ปรับไปตามบริบทของสังคมพร้อมกับยุคสมัย แต่ไม่ว่าอะไรจะแปรเปลี่ยนนิยามคำว่า ‘เท่’ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป วัฒนธรรมที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับคอลเลกชั่นล่าสุดของแบรนด์เดนิมอันดับต้นของโลกอย่าง Wrangler ที่ชื่อว่า “Biker Collection” แต่ ! สิ่งที่ UNLOCKMEN อยากให้ทุกคนรู้เป็นอย่างแรก คือเหตุผลว่าทำไม Wrangler ถึงต้องมาจับคู่กับไบค์เกอร์ ผ่านคำตอบที่อยู่ในไทม์ไลน์ของแบรนด์เสียก่อน จริง ๆ แล้วประวัติศาสตร์การเดินทางของ Wrangler ในความเป็น American Jeans เริ่มต้นเมื่อ C.C. Hudson ตัดสินใจทำตามความฝันของตัวเองในยุคสิ่งทอกำลังรุ่งเรือง ปี 1897 ออกจากบ้านเกิดรัฐ Tennessee มุ่งหน้าสู่ North Carolina โดยเริ่มต้นจากเป็นพนักงานเย็บกระดุมที่ได้ค่าแรงเพียงวันละ 25 เซ็นต์ ทำงานจนกระทั่งโรงงานปิดตัวลงในปี 1904 เขาและน้องชาย Homer
De Bethune กับการสร้างสรรค์คอลเลกชันไม่ซ้ำใครในรุ่น “Cempasúchil II” เรือนเวลาที่โฉบไปมาระหว่างชีวิต และความตายด้วยสัมผัสแห่งอารมณ์ขันอันแสนซุกซน เป็นภาพเดียวกับการเฉลิมฉลองเทศกาล Dia de Muertos ของชาวเม็กซิกันที่สนุกสนานและมีสีสัน! และยังเหมาะกับเดือนฮาโลวีนเดือนนี้เลยทีเดียว “Cempasúchil II” หน้าปัดที่ถูกแปลงเป็นฟลอร์เต้นรำสำหรับ Calaveras สองตัว เพื่อระบุชั่วโมงและนาที ในอีกด้านหนึ่งของนาฬิกา มีการตกแต่งโดยเฉพาะ (โดยปกติจะซ่อนอยู่หลังฝาครอบลับ) แสดงให้เห็นภาพ ‘การกระทำ’ ของ Calaveras ทั้งสองอันแสนซุกซนของเรา ภายใต้การแสดงโกศหัวเราะซึ่งคู่ควรกับ La Catrina มีกล้องและคันโยกมากมายที่เคลื่อนไหวและทำให้ตัวละครทั้งสองมีชีวิตขึ้นมา เคลื่อนไหวตามความต้องการด้วยกลไกที่ซับซ้อนสูง ด้วยการกดปุ่มที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ฉากร่าเริงสื่อถึงความสนุกสนาน และความชั่วร้าย งานแกะสลักทั้งหมดบนหน้าปัดทั้งสองข้างเป็นการยกย่องให้กับช่างแกะสลักชาวเม็กซิกันผู้ชาญฉลาด José Guadalupe Posada ศิลปินผู้สร้างสรรค์การเต้นรำแบบไร้ชีวิตชีวาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับ Denis Flageollet และ Michèle Rothen ในปี 2020 ในการออกแบบ DW5 Cempasúchil ด้วยการสร้างสรรค์ครั้งใหม่นี้
“ช่วงเวลาดี ๆ มักผ่านไปรวดเร็วเสมอ” คำกล่าวนี้ชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อแบรนด์อสังหาฯ ชั้นนำอย่าง SC Asset ที่เพิ่งคว้ารางวัล The Most Powerful Real Estate Brand มาหมาด ๆ เมื่อปีที่ผ่านมา กำลังเดินทางเข้าสู่ขวบปีที่ 20 อย่างภาคภูมิในปี 2566 นี้ ต้องบอกว่าช่วงเวลาดี ๆ จาก SC Asset ไม่ได้เป็นแค่ช่วงเวลาที่กำลังจะผ่านเลยไป เพราะนอกจากจะมีการเตรียมจัดงาน “20 Years of Good Mornings” เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ทาง SC Asset ยังเลือกใช้โอกาสนี้เป็นหมุดหมายใหม่สำหรับก้าวต่อไปในการเดินหน้าสร้างสรรค์ช่วงเวลาดี ๆ ถ่ายทอดผ่านประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ลงตัวในทุกมิติ เพื่อสร้างเช้าที่ดี จุดเริ่มต้นดี ๆ ในชีวิตให้กับทุกคน ตามวิสัยทัศน์ For Good Mornings ที่ SC Asset
ความเดิมจาก Part 1 (ใครยังไม่ได้อ่านกดตรงนี้) : เราคุยกับพี่ ‘ต้อย ก็มาดิคร้าบ’ ย้อนกลับไปในวันที่เขาเป็นเพียง ‘ธงชัย คะใจ’ ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เอาตัวเองกระโจนไปในเรื่องราวมากมายอย่างสนุกสนาน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และสู้กับทุกอุปสรรคในชีวิตจนสามารถเคลียร์ได้ทุกสเตจ ซึ่งเรียงไทม์ไลน์ไว ๆ ได้ตามนี้ โดนเศรษฐกิจฟองสบู่แตกปี 2540 – ขายอาหารตามสั่งติดกับตึก Workpoint – ได้เป็นคนคุมกองเชียร์ของ Workpoint – ลาออกไปอยู่ Triple Two – ตามเมียไปอยู่อเมริกา – ตัดสินใจทำรายการออนไลน์กับ ‘ตั๊ก-บริบูรณ์’ – กลายเป็นผู้กำกับรายการตลกที่ดังที่สุดรายการหนึ่งของไทยตอนนี้ ก็มาดิคร้าบ ใน Part 2 อย่างที่เคยเกริ่นเอาไว้ (คนที่ยังไม่ได้อ่านต้องกดตรงนี้แล้วนะ) เราอยากพาชาว UNLOCKMEN ไปรู้จักกับพี่ต้อยให้มากขึ้น เพราะในบทสัมภาษณ์ก่อนหน้าเป็นเพียงบทหนึ่งของชีวิตเขา ถ้าตัดชีวิตการทำงานพาร์ท ‘ผู้กำกับ’ ออกไป พี่ต้อยคือผู้ชายที่หลงใหลในมอเตอร์ไซต์ฮาร์เลย์ เพราะว่าชีวิตผูกพันธ์กับฮาร์เลย์ตั้งแต่จำความได้ และจะขอมีฮาร์เลย์อยู่ในชีวิตตลอดไป ! ลูกชายคนโตพี่เอง ชื่อ
แฟน ๆ ดาบพิฆาตอสูร ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ เตรียม Hype ไปกับ Demon Slayer x Crocs collection งาน Collab ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของ 4 คาแรคเตอร์หลักอย่าง Tanjiro / Nezuko / Inosuke / Zenitsu ลงบนรองเท้า Crocs Classic Clog และ Echo Clog โดย Echo Clog จะมาพร้อมธีมของ Tanjiro โดดเด่นด้วยสีสันดำ / เขียว ที่คุ้นตา ส่วนอีก 3 ตัวละครอย่าง Nezuko, Inosuke และ Zenitsu นั้นถูกส่งต่อตัวตนลงบนโมเดล Classic Clog ที่มาพร้อมสีชมพู น้ำเงิน และสีเหลือง พร้อม
จากความสำเร็จอย่างล้นหลามที่ผ่านมา ภายใต้รูปโฉมใหม่ในโทนสีน้ำผึ้ง ของ Maurice Lacroix AIKON Venturer จนมาถึงวันนี้ แบรนด์มอริส ลาครัวซ์ได้เผยโฉมนาฬิกาตัวเรือนบรอนซ์ใหม่ภายใต้เอกลักษณ์ของ Venturer Bronze ที่ผลิตขึ้นเพียง 288 เรือน โดยรังสรรค์ขึ้นมาอย่างสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับภูมิภาคเอเชียเพียงเท่านั้น AIKON Venturer Burgundy Asia Limited Edition ออกแบบภายใต้ตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43 มม. ทำจากบรอนซ์ ที่จับคู่มากับหน้าปัดสีเบอร์กันดีอันโดดเด่น ซึ่งเผยให้เห็นเหลือบสีที่ตอกย้ำถึงโทนสีทองแดงของบรอนซ์ และบางครั้งก็ยังปรากฏเป็นสีทอง ภายใต้แสงที่ต่างกัน การผสมผสานของสีเหล่านี้ได้ผ่านการออกแบบขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน โดยสีแดงนั้นมีความหมายเชื่อมโยงถึงพลังเชิงบวกและความมีชีวิตชีวา ความโชคดีและสนุกสนาน ที่มากไปกว่านั้น ก็ยังเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีได้อีกด้วย ด้วยบุคลิกที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกายในทุกไลฟ์สไตล์ท่ามกลางการผจญภัยของชีวิตเมือง ! เหลือบสีทองของนาฬิกายังเชื่อมโยงถึงพลังและความรุ่มรวย ที่ทำให้มั่นใจได้ว่า ไอคอน เวนเชอเรอร์ เบอร์กันดี เอเชีย ลิมิเต็ด เอดิชั่นนี้จะสร้างความโดดเด่นได้ในทุก ๆ ที่เสมอ หน้าปัดสีเบอร์กันดีถ่ายทอดความเรืองรองของแสงสะท้อนด้วยลวดลาย sunray ขณะที่เข็มชี้ เครื่องหมายขีดหรืออินเด็กซ์ และช่องหน้าต่างแสดงวันที่ยังนำเสนอด้วยโทนสีทองหรูหรา โดยทั้งเข็มชี้และเครื่องหมายอินเด็กซ์ ตกแต่งไว้บนเส้นสายด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova)
การร่วมงานกันครั้งแรกของสองแบรนด์นาฬิกาสุดหรู ผลงานศาสตร์และศิลป์สุดซับซ้อน ความแหวกแนวเริ่มต้นจากหน้าปัดแบบ double-faced chronograph front / back หน้าปัดด้านบนเป็นกระจก sapphire โชว์ movement มีโลโก้ Akrivia โดยตัว V ถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ LV emblem ซึ่งถือเป็นจุดที่น่าสนใจและเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะ LV ไม่เคยถูกนำไปรวมเป็นส่วนนึงของโลโก้ใดมาก่อน เมื่อพลิกด้านหลังจะพบกับหน้าปัด White Grnad Feu enamel เน้นความคลาสสิคสะท้อนจุดเริ่มต้นของเรือนเวลาจาก Louis Vuitton การดีไซน์หน้าปัดแบบ double-faced chronograph นั้นเป็นงานที่ยากมาก ๆ กลไกขับเคลื่อนด้วย tourbillon movement ที่สร้างขึ้นใหม่โดย Rexhep Rexhepi และยังเป็นครั้งแรกที่ออกแบบให้มีเสียง Sonnerie หรือระฆังบอกเวลา ซึ่งเป็นเสียงจากกลไก chronograph function ที่จะดัง “gong” ทุกครั้งที่จับเวลาครบ 1 นาที เรียกว่าซับซ้อนบนซับซ้อนไปอีกขั้น LVRR-01 นอกจากที่สุดของ
เผยโฉมครั้งแรกย้อนไปในปี 1925 Longines Flyback Chronograph เป็นหนึ่งในเรือนเวลาที่น่าเก็บสะสมมาเสมอ และในรุ่นใหม่พิเศษด้วยเคสผลิตจาก Grade 5 Titanium ซึ่งนิยมใช้ในนาฬิการะดับ high-end หน้าปัดขนาด 42mm หนา 17mm เหมาะกับข้อมือผู้ชาย กระจก sapphire ทรงโดม หน้าปัด Sunray Antracite มาพร้อม 30-minute counters และ 60-seconds Sub-dials เคลือบสาร SuperLumiNova ที่ Indexes ล้อมรอบด้วยขอบ ceramic สีดำแบบ bi-directional rotating ด้านหลังโชว์กลไก Caliber L791.4 COSC-certified กันคลื่นแม่เหล็ก กันน้ำได้ 100 เมตร สำรองพลังงานได้ถึง 68 ชั่วโมง Longines Spirit Flyback Chronograph in Titanium