นัดรวมตัวกันแต่ละที ยากเย็นยิ่งกว่าอะไร กว่าจะรวมกันได้กว่าจะถึงวันจริง ผู้คนล้มหายตายจากไประหว่างทางเกินครึ่ง พอวันจริงก็มาไม่ครบ ขอวีซ่าไม่ผ่านบ้าง นัดแปดมาสิบเอ็ด นัดเจ็ดมาเก้า สารพัดปัญหาของการรวมตัวกันจะมากองกันในวันเดียว ช่างแม่งแล้วโว้ย! ลุยเดี่ยวก็ได้ UNLOCKMEN ขอแนะนำเทคนิคดี ๆ ให้เราลุยเดี่ยวโดยไม่ต้องรอใครให้วุ่นวาย EARLY BIRD มาแล้วครับ แม้ว่าปกติเวลาเราจะออกไปดริงค์ต้องรอเลิกงาน หรือแต่งตัวนัดแนะกันให้พร้อมเสียก่อน กว่าล้อจะหมุนก็ปาเข้าไปช่วงหลังสามทุ่มอยู่แล้ว คนยิ่งเยอะยิ่งรอกันนาน พอไปถึงก็เครื่องติด พร้อมที่จะยกเบียร์มากระดกแก้กระหายจากวันทำงานทั้งสัปดาห์ที่ผ่าน แต่ในกรณีนี้ที่เราลุยเดี่ยว เราทำอย่างนั้นไม่ได้น่ะสิ ยิ่งเราไปเร็วเท่าไหร่ เรายิ่งดื่มคนเดียวได้ง่ายเท่านั้น เพราะมานั่งแรก ๆ คนยังน้อยอยู่ คนที่อยู่ก็อาจจะคิดว่าเรามารอเพื่อน ต่อให้นั่งไปอีกนาน ๆ ก็ไม่มีใครมาสนใจแล้วว่าเราจะนั่งกับใครหรือเปล่า และยังมีโอกาสได้เลือกที่ดี ๆ ที่ไม่เป็นที่สังเกตสำหรับคนเหงาอีกด้วย เลือกบาร์ที่คนไม่พลุกพล่าน แม้ปกติจะชอบไปบาร์ยอดฮิตเพื่อไปเหล่สาวรอบโต๊ะ แต่วันนี้ต้องของดไปก่อน อย่าลืมว่าคุณฉายเดี่ยว ถ้าหากเดินพรวดพราดเข้าไปคนเดียวท่ามกลางเดอะแก็งที่ยกพวกกันมาเมาเต็มที่ คนที่จะรู้สึกแปลก ๆ จะไม่ใช่แค่พวกเขา เรานี่แหละที่จะรู้สึกก่อนใครเลย ในกรณีนี้ควรเลือกบาร์สงบ ๆ โต๊ะน้อย วิวดี ๆ ให้เราได้เบนความสนใจไปที่วิวรอบตัวบ้าง อีกอย่างคือ พอคนน้อยเราจะได้เลิกสนใจสายตาคนอื่น
เมื่อเอ่ยถึง Heineken® เครื่องดื่มประจำตัว ของโปรดประจำตู้เย็นของใครหลายคน นอกจากภาพจำของขวดสีเขียว และสัญลักษณ์ดาวแดงอันเป็นเอกลักษณ์ เชื่อว่าอีกสิ่งหนึ่งที่แทบทุกคนเป็นต้องนึกถึงนั่นคือเรื่องราวที่น่าสนใจของประวัติศาสตร์ชื่อเสียงด้านคุณภาพ และความสำเร็จของแบรนด์ที่ได้ยินกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งในวันนี้เรื่องราวความสำเร็จทั้งหลายตั้งแต่ยุคอดีตที่พวกเราเคยได้ยินคำบอกเล่า หรือเคยได้อ่าน ได้เห็นผ่านตาตามสื่อต่าง ๆ นั้นกำลังจะถูกนำมาให้ได้สัมผัสเหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์แต่ละช่วงเวลา ผ่านการบอกเล่าของ Heineken® ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องราวตัวจริง ด้วยความตั้งใจของ Heineken® ที่อยากนำเอาบันทึกจากหน้าประวัติศาสตร์ทุกช่วงเวลาการเดินทางสู่ความสำเร็จของแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้นจนกลายเป็นเบียร์ที่ครองใจคนทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน มาถ่ายทอดให้สาวกดาวแดงอย่างพวกเราได้อินไปกับเรื่องราวแบบถึงแก่น เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความตั้งใจ รวมถึงความใส่ใจในการผลิตเบียร์คุณภาพระดับโลกนับจากวันแรก ซึ่งยังคงมุ่งมั่นรักษาคุณภาพ และความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ต่อไปในอนาคต จากความตั้งใจนี้ จึงกลายเป็นที่มาของงาน Heineken® Presents Star Venture The Immersive Theatrical Experience ซึ่งเนรมิตพื้นที่ของ ไปรษณีย์กลาง บางรัก ให้กลายเป็น Heineken® Brewery พื้นที่สำหรับสร้างสรรค์สุดยอดประสบการณ์การเล่าเรื่องราวในรูปแบบ Immersive Theatrical Experience โดยได้ร่วมมือกับทีมงานมืออาชีพระดับโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยได้ร่วมงานกับ Sleep no more จาก New York City พร้อมจัดเต็มด้วยทีมนักแสดงคุณภาพ แสง สี เสียงผ่านเทคโนโลยีมัลติมีเดียยิ่งใหญ่เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยภายในงานจะมีการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาผ่านการแสดงที่แบ่งออกเป็น 4
ชีวิตนี้ มันต้อง Work Hard, Play Harder คำปลุกใจชวนให้ออกไปใช้ชีวิตสุดพลังหลังเลิกงานที่สุดแสนจะคลาสสิค อาจจะทำให้หลายคนไม่พักผ่อน ไม่ยอมกลับบ้าน จัดหนักให้สุดทางทั้งด้านทำงานและด้านปาร์ตี้ แต่ย้อนไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เราก็ได้ยินอีกประโยคที่น่าสนใจและคิดว่าใช่มากกว่า นั่นคือ Work Half, Play Half การบาลานซ์ไลฟ์สไตล์เข้ากับชีวิตประจำวันที่เหมาะสม เป็นการ Work and Play ที่ผ่านการปรับปรุงมาจนกลมกล่อมของ BLEND 285 “Work แบบไม่ต้อง Hard เกินไปจนไม่ได้ Play” และ “Play แบบไม่ต้อง Hard เกินไปจน Work ไม่ไหว” น่าจะเป็นการใช้ชีวิตที่ดีกว่า สมกับสโลแกนที่แบรนด์นี้เน้นว่า #ชีวิตดีเรามีได้ สิ่งที่น่าสนใจคือ ความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบประสบการณ์ หลังจาก BLEND 285 อยากให้คนหันมาตระหนักว่า ชีวิตดีเรามีได้ ไม่จำเป็นต้องเอียงไปข้างไหนมากเกิน เราจะสังเกตเห็นความพยายามบาลานซ์ทั้งความมันส์และความสะดวกสบายให้ทุกคน แทนที่จะเน้นปาร์ตี้สุดพลังแล้วจบไป ถือเป็นผู้นำในการเอาใจใส่ทุกคนที่มาเยือนได้อย่างน่าสนใจ ทั้งด้านความสนุกและความสบาย เราจะพาไปย้อนดูว่า ที่ผ่านมา BLEND 285 ได้เพิ่มเติมอะไรเข้าไปในประสบการณ์ความมันส์ของเค้าบ้าง เริ่มตั้งแต่การจัดเตรียมพรีเมียมจากทาง BLEND
โลกใบนี้สรรค์สร้างมนุษย์เราให้มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามชาติพันธุ์ เรามักจะติดภาพความรักสนุกที่ติดอยู่ใน DNA ของมนุษย์ผมบลอนด์ แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะด้วยวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่ทำให้ชาวหัวบลอนด์มักจะเป็นคนรักความสนุก ใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง แต่สำหรับชาวหัวแดงที่เป็นส่วนน้อยของโลกใบนี้ที่มักถูกเรียกด้วยชื่อเล่นอย่าง “GINGERS” ล่ะ จะร้อนแรงเหมือนกับสีผมจริงมั้ย UNLOCKMEN จะพามาหาคำตอบกัน HOT LIKE GINGERS ใช่แล้วล่ะ อย่างที่ผลวิจัยบอกไว้ว่าสาวผมแดงเนี่ย มีเซ็กซ์บ่อยกว่าสาวผมบลอนด์และน้ำตาลซะอีก ผลวิจัยจาก Werner Habermehl PhD จาก Hamburg Research Institute ในประเทศ Germany เขาศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของสีผมกับเซ็กซ์ในชีวิตประจำวันจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิงกว่าร้อยคน ในงานวิจัยระบุไว้ว่า สาวผมแดงมักจะกระตือรือร้นในชีวิตเซ็กซ์มากกว่าผมสีอื่น และมีเซ็กซ์ที่ร้อนแรงกับคู่รักมากกว่าผมสีอื่นด้วย เขาเสริมไว้อีกนิดหน่อยว่าสำหรับคนที่ย้อมผมสีแดงมักจะเป็นคนที่ต้องการส่งสัญญาณให้คนทั่วไปรู้ว่าเขากำลังมองหาคู่รักอยู่ แม้แต่คนที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยราบรื่นนักกับคู่รักของเขา ถ้าลองย้อมผมเป็นสีแดง สามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ ทำไมผมแดงจึงร้อนแรง ? ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาวผมแดง โดยเฉพาะแดงตามธรรมชาติเนี่ย มีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ แค่มองจากด้านหลังเธอก็สวยเหมือนภาพวาดยุค Renaissance อย่างไรอย่างนั้น เรื่องนี้ไม่ได้คิดเองเออเองแต่อย่างใด แต่มันเบสออนวิทยาศาสตร์ Dr. Jonathan Rees จาก The University of Edinburgh
ผู้ชายหลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า WHITE NOISE ผ่านหูมาบ้าง หรือบางคนอาจไม่เคยได้ยินเลยและสงสัยว่ามันคืออะไร? WHITE NOISE คือเสียงประเภทหนึ่งที่มีความถี่ต่าง ๆ กันไปแต่มีความเข้มข้นเท่ากัน เสียงที่เราได้ยินจึงมีผลต่อการทำงานของสมองในหลาย ๆ ทาง WHITE NOISE ช่วยให้เราฟังเพลิน ๆ จนหลับได้ดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ รวมถึงช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในวันที่ตึงเครียด แถมช่วยในเรื่องสมาธิให้เราโฟกัสกับงานได้มากขึ้นอีกด้วย เหมือนจะดีงามครอบจักรวาลขนาดนี้ มันจะดีและได้ผลกับเราจริงไหม UNLOCKMEN รวม 5 แอปพลิเคชันสร้าง WHITE NOISE มาไว้ให้โหลดไปลองฟังชิล ๆ White Noise ความดีงามของเจ้า White Noise App คือมันไม่ได้มีแค่ WHITE NOISE แต่ยังมี PINK NOISE BROWN NOISE และอีกสารพัด NOISE ที่เป็นเสียงธรรมชาติ นอกจากนั้นยังมีความยืดหยุ่นโดยสามารถฟัง 5 เสียงได้ในการฟังครั้งเดียว โดยมีเสียงให้เลือกมากถึง 40 เสียง เช่น เสียงพัดลมเพดานพัดเอื่อย
หนัง SEXY มีฉากเร่าร้อนผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็ปลื้ม แต่บางทีไปดูในโรงหนังพร้อมคนเป็นสิบเป็นร้อยมันก็กระอักกระอ่วนปลดปล่อยอารมณ์ให้ไหลไปได้ไม่เต็มที่ ยิ่งโรงไหนมีพ่อแม่อุตริพาเด็กมาดูยิ่งเจื่อนกันแบบบอกไม่ถูก สู้ดูที่บ้านก็ไม่ได้ โชคดีที่สมัยนี้เรามี NETFLIX ที่อำนวยความสะดวกให้เราดูทั้งหนังทั้งซีรีส์อยู่บ้านได้แบบฉ่ำใจ และนี่คือหนัง SEXY ทั้ง 5 เรื่องที่หาดูได้จาก NETFLIX Blue Is the Warmest Colour Blue Is the Warmest Color ขึ้นชื่อเรื่องฉากโคตร SEXY เป็นอย่างมาก เอาเป็นว่ารวมหนังฉากวาบหวามทีไรเรื่องนี้เป็นต้องติดอันดับอยู่เนือง ๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางกายระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงที่ฉายยาวกว่า 10 นาที! (โดยหารู้ไม่ว่าของจริงเขาถ่ายทำนานถึง 10 วัน) ใครที่เคยสัมผัสหนังเรื่องนี้จากในโรงแล้วยังไม่ฉ่ำใจเชิญเปิดดูได้จาก NETFLIX ให้ไวเลย Eyes Wide Shut Eyes Wide Shut ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่ SEXY สุดสะเด่าเร้าใจจนผู้ชายคนไหนก็ห้ามพลาด ยิ่งถ้าดูที่บ้านชวนสาวมาดูด้วยเรารับรองว่ายิ่งซี้ด อายุผู้ชมระดับ 20+ ก็คงการันตีได้ประมาณหนึ่งว่าหนังเรื่องนี้จะถึงพริกถึงขิงแค่ไหน เอาเป็นว่างดงามทั้งฉาก SEXY เนื้อเรื่อง
“เมื่อเราใกล้เกินกว่าที่จะพูดคำใด ๆ ออกไป , ก็เป็นเพราะกลัวไม่เป็นเหมือนวันก่อน” เเค่ลองเริ่มอ่านตามประโยคก่อนหน้านี้ คุณก็จะฮัมมันออกมากเป็นเพลงได้อย่างง่ายดาย วันนี้เราจะพาไปคุณพบปะพูดคุย กับ Scrubb วงดนตรีที่เดินทางมายาวนานกว่า 18 ปี มาอัปเดตชุดความคิด ความเป็นไป เเละมุมมองต่าง ๆ ของพวกเขากันเลย วันนี้เรานัดพี่บอล พี่เมื่อยมาที่ร้าน Vanilla Cafe เอกมัย 12 เราเริ่มเซ็ตฉากสำหรับถ่ายภาพกันก่อนพี่ ๆ เขามาพักหนึ่ง ไม่นานเราก็เห็นรถตู้เข้ามาจอด มองผ่านพุ่มไม้ไปก็เห็นพี่เมื่อยเดินลงมาจากรถก่อน เราตรงเข้าไปทักทายทันที พี่เมื่อยยิ้มสวัสดีเรากลับด้วยท่าทีเป็นกันเองมาก ๆ “วันนี้เราต้องคุยกันใช่ไหม” พี่เมื่อยพูดกับเรา พี่เมื่อยเดินเข้าไปในร้านเเละมองไปรอบ ๆ เเล้วพูดกับพวกเราว่า “ที่นี่เเม่งควรจะหนาวว่ะ ไม่เหมือนในกรุงเทพเลยบรรยากาศ” ไม่นานเราก็เข้าไปทักทายพี่บอล เราพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันนิดหน่อย จากนั้นจึงพาพี่ ๆ ทั้งสองมาถ่ายภาพ ด้วยความเป็นกันเองจากการถ่ายภาพทำให้เราเริ่มคุ้นเคยกับพี่
ลองสังเกตไปที่รอบ ๆ ตัวคุณว่าช่วงนี้คุณเห็นอะไรอยู่บ่อย ๆ จนคุ้นตาบ้าง อะไรที่หลายแบรนด์ต่างปรับลุคให้เข้ากับเทรนด์นี้ หากพูดถึงคาเฟ่ก็คงเป็นไฟนีออนสีชมพูดสดใสที่หนุ่ม ๆ หลายคนคงต้องเคยรัวชัตเตอร์ให้แฟนสาวกับเจ้าไฟสีชมพูนี้กันมาบ้าง แล้วถ้าหากมองในงานดีไซน์ สิ่งที่มาแรงไม่แพ้กันคือ “Gradients” การไล่เฉดสีที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบเดิม ๆ อีกต่อไป เพราะในวันนี้มันมีสารพัดแบบ และหลายแบรนด์ต่างเต็มใจที่จะเอามันมาเป็นหนึ่งในเทรนด์ของงานดีไซน์ UNLOCKMEN จะพามาดูกันว่า Gradients นี้มีอะไรบ้างที่มาแรง เผื่อได้ไอเดียเจ๋ง ๆ เอาไว้ใช้กับงานของคุณ เมื่อ Gradients วนกลับมาอีกครั้ง ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ เราอาจจะเห็นหลาย ๆ แบรนด์มีงานดีไซน์ที่สีสันสดใสมากขึ้น และถ้าสังเกตดี ๆ มันเป็นการรวมสีแบบ Gradients ที่ยิ่งทำให้ความสดใสของแต่ละสีโดดเด่นขึ้นมาเท่า ๆ กัน ไม่มีอะไรเด่นไปมากกว่ากัน ได้แบบสมูธ เพราะมันคือการไล่เฉดสีและทำให้ทุกอย่างดูนัว ๆ เบลอ ๆ ไว้ก่อน จริง ๆ Gradients มีมานานมากแล้ว เพราะมันคือฟังก์ชั่นพื้นฐานที่เราจะเจอได้ในโปรแกรมที่ใช้ออกแบบทั่วไป แต่เทรนด์มันก็วนไปวนมาอย่างนี้เสมอ เมื่อสักหลายปีก่อน Gradients อาจเป็นอะไรที่เชยระเบิด จนเราชอบเอามาล้อกันอยู่บ่อย ๆ แต่สำหรับวันนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป ตอนนี้ Gradients ตีตลาดได้กระจุย
เมื่อเดือนเมษายนกำลังคืบเคลื่อนมาถึงพร้อมหอบลมระอุแห่งฤดูร้อนมาด้วย ก็เป็นที่รู้กันดีว่านอกจากวันหยุดยาว เทศกาลสงกรานต์และการพักผ่อนแล้ว สิ่งที่มาพร้อม ๆ กับเดือนเมษายนของทุกปีคือ “งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ” และปีนี้ก็เช่นกัน โดยงานมีระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 8 เมษายน 2561 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่ถ้าผู้ชายคนไหนยังงง ๆ ไม่รู้จะอ่านอะไรดี เรามีหนังสือ 5 เล่มที่ผู้นำประเทศต่าง ๆ แนะนำให้อ่านกัน Barack Obama : The Power Barack Obama อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ที่มักเจียดเวลามาอ่านหนังสืออยู่เสมอและมักแนะนำหนังสือที่เขาอ่าน เผื่อใครอยากจะอ่านตามบ้างให้เป็นประจำ สำหรับหนึ่งในหนังสือที่เขาแนะนำในปี 2017 ที่ผ่านมาคือ The Power ของ Naomi Alderman ไม่ต้องกลัวว่าจะเครียดเกินไปเพราะ The Power เป็นวรรณกรรม sci-fi ฝีมือนักเขียนชาวอังกฤษ ที่ว่าด้วยอำนาจที่เรามักเคยชินว่ามันอยู่ในมือผู้ชาย แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้หญิงสามารถพัฒนาความสามารถจนสามารถปล่อยไฟฟ้าออกมาจากนิ้วมือได้ และกลายเป็นเพศที่มีอำนาจควบคุม! แค่จินตนาการก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ? แต่ภายใต้ความเครียดผู้ชายอย่างเราต้องได้ขบคิดอะไรบางอย่างแน่นอน ถ้าไม่อยากพลาดความสนุกและประเด็นเรื่องอำนาจและความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างเพศก็ไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้เช่นกัน