เทคโนโลยีไร้สายปัจจุบันนี้นับว่าเป็นสิ่งที่เริ่มก้าวเข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจน อย่างที่เราเห็นกันชัด ๆ คือช่องหูฟังที่ถูกตัดออกไปของ iPhone 7 เพื่อที่จะให้ผู้ใช้ได้หันไปใช้ระบบไร้สายแทนมากกว่าเทคโนโลยีเก่า 3.5mm ซึ่งก็ตรงกันกับที่เฮียมั่นคง และหลาย ๆ ฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ว่าในอนาคต ระบบไร้สายจะเข้ามาแทนที่อย่างแน่นอน หลังจากที่ UNLOCKMEN ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เจ้าพ่อหูฟังตัวจริงเบอร์ใหญ่อย่าง มั่นคงแก็ดเจ็ท กันไปแล้ว ทางทีมงานก็ไม่พลาดที่จะให้ทางมั่นคง PICK!! 5 หูฟังไร้สายตัวเจ๋ง ๆ ที่รูปลักษณ์ก็ดี คุณภาพก็เจ๋ง มาให้เพื่อน ๆ ชาว UNLOCKMEN ทุกท่าน BOSE QC35 Bose QuietComfort 35 หรือเรียกสั้นๆว่า QC35 นั่นเอง โดยรุ่นนี้จะมาในแบบ Fullsize เป็นหูฟังไร้สายที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงได้ดี มีเสียงที่ดี เบา และใช้งานง่าย ใส่สบาย รูปทรงไม่ใหญ่เทอะทะแปลกตา และทีเด็ดของรุ่น QC35 คือมี ‘ระบบตัด(หรือลดทอน) เสียงรบกวน’ หรือที่นิยมเรียกกันว่า ‘Noise Cancelling (NC)’ เข้ามาให้ การชาร์จไฟจนเต็มหนึ่งครั้งสามารถใช้งานได้ในระบบไร้สายยาวถึง 20
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าชีวิตเราทุกวันนี้เชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียแบบแยกไม่ออก ทั้งการใช้เพื่อความบันเทิง ไปจนถึงการใช้ที่เชื่อมต่อกับการทำงานและชีวิตจริง จนเรียกได้ว่าถ้าวันไหนขาดโซเชียลมีเดียคู่ใจ ไม่ว่าจะเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์ เราอาจจะต้องลงแดงกันไปข้าง แม้ข้อดีของโซเชียลมีเดียจะมีมากจนใช้สองมือสองเท้านับยังไงก็นับไม่หมด แต่โซเชียลมีเดียก็มีด้านดาร์ค ๆ ที่คนใช้ต้องรับมือกับมันอยู่เช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุผลให้ Daniel J. Wilson และ Martin Adolfsson สองศิลปินตัดสินใจว่า มา กูจะทำแอปพลิเคชันต่อต้านโซเชียมีเดียแบบคูล ๆ ซะหน่อย! minutiae แอปพลิเคชันจากมันสมองที่สร้างสรรค์จน UNLOCKMEN ต้องยอมใจ กฎมีอยู่ว่า ไม่มีโปรไฟล์ ไม่มีการกดไลก์ ไม่มีการคอมเมนท์! อ้าว แล้วมันมีวิธีการใช้งานอย่างไรล่ะ? วิธีการก็ไม่ยาก จนเอาไปให้ปู่ย่าตายายเล่นแก้เหงาชิล ๆ ได้ เพราะใน 1 วัน จะมีการแจ้งเตือนจาก minutiae จำนวนหนึ่งครั้งถ้วน (เป็นการแจ้งเตือนแบบแรนด้อมงง ๆ เราจะไม่มีทางรู้ล่วงหน้าหรือจับจังหวะได้เลยว่า พี่แกจะส่งสัญญานมาตอนไหน) เมื่อสัญญานเตือนเด้งขึ้นมา หน้าที่ของชาวแอนตี้โซเชียลมีเดียอย่างเราก็คือต้องถ่ายรูปตรงนั้น เดี๋ยวนั้น วินาทีนั้น ทันที!
มิตรภาพระหว่างผู้ชายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่เสมอ เรียกว่าถ้าเป็นเพื่อนกันแล้วก็ย่อมไม่ทิ้งกัน แต่คำว่าเพื่อนนั้นก็มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนแท้, เพื่อนเที่ยว, เพื่อนกิน, เพื่อนสนิท รวมไปถึงเพื่อนของแฟนก็ถือว่าเป็นเพื่อนของเราเช่นกัน แต่คุณเคยมีเพื่อนที่คุณรู้สึกว่า คุณเกลียดทุกครั้งเวลาที่เพื่อนของคุณอ้าปาก บ่นเรื่องการทำงานที่แสนยากลำบากของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน โดยที่ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของคุณ แถมยังไม่เปิดโอกาสให้คุณได้พักหูเลยแม้แต่วินาทีเดียวบ้างรึเปล่า? หรือจะเป็นเพื่อนที่คุณรู้สึกว่า ไม่อยากจะให้มันเจอกับผู้หญิงคนที่คุณกำลังสนใจอยู่ เพราะคุณรู้สึกไม่ไว้ใจมันเอาซะเลย ด้วยท่าทีที่มันเหมือนว่ามันพร้อมจะแทงหลังคุณอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงเพื่อนที่ปล่อยให้คุณเดินไปไหนมาไหน ทั้ง ๆ ที่มันเองก็เห็นอยู่ว่า มีทั้งผักทั้งเมล็ดงาดำติดอยู่ที่ฟันของคุณอุบาทว์สุด ๆ แต่แทนที่มันจะบอกให้คุณรู้ตัว จะได้จัดการเก็บซากเหล่านั้นไปให้เรียบร้อย แต่กลายเป็นว่า มันดันเงียบไม่บอก เก็บไว้หัวเราะเยาะในตอนที่คุณต้องไปคุยกับคนอื่น ลองถามตัวคุณเองดูสักหน่อยไหมว่า คุณมั่นใจแล้วหรือ ที่จะเรียกคนเหล่านี้ว่าเพื่อน วันนี้เราจึงได้นำเอา 9 สัญญาณ ที่จะบอกให้คุณรู้ว่า เพื่อนของคุณคนไหนที่เป็นเพื่อนที่ดี และคนไหนเป็นได้แค่กากเพื่อน หรือเพื่อนที่ห่วยแตกสุดๆ เพื่อให้คุณนำไปพิจรณาดูว่า มีเพื่อนที่อยู่ล้อมรอบตัวคุณเข้าข่ายสิ่งเหล่านี้บ้างรึเปล่า? Self-Absorbed ถ้าหากคุณมีเพื่อนที่ทำงานแสนสบาย แถมยังมีรายได้งดงาม แต่ทุกครั้งที่เจอกัน มันกลับซัดกระหน่ำความดราม่าของชะตาชีวิตตัวเองอยู่ทุกครั้งไปล่ะก็ ถือว่าชัดเจนเลยทีเดียว เพราะเพื่อนประเภทนี้ จะไม่เคยสนใจอะไรเกี่ยวกับตัวคุณเลย ไม่แม้แต่จะถามสารทุกข์สุขดิบ ทุกที่ที่คุณเจอกับเพื่อนเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นบาร์เหล้า ร้านอาหาร หรือสนามกีฬา มันจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มันอัพเดทความน้อยใจในโชคชะตาของมันล้วน
ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรตั้งแต่ก้าวข้ามวัยเรียนขึ้นมาเป็นวัยทำงานรู้สึกว่าเวลาที่ตื่นนอนในตอนเช้าแล้วมักจะมีอาการปวดหัวมึนงงเหมือนนอนยังไม่สุด ซึ่งอาการที่ว่านี้นอกจากจะพาลให้ต้องหงุดหงิด ยังส่งผลให้เช้าวันนั้นกลายเป็นวันนอยด์ ๆ ไปอีก หากจะปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ เราจึงดั้นด้นไปหาข้อมูลถึงเหตุผลว่าทำไมถึงมีอาการปวดหัวในตอนเช้า จนพบสาเหตุหลัก ๆ ได้ 7 ประการ และอยากนำมาฝากชาว UNLOCKMEN กัน ปวดหัวเพราะดื่มมา เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งปกติอยู่หากคุณได้ทำการดื่มไม่ว่าจะน้อย หรือมาก หากก่อนนอนคุณไม่ได้ทำการเติมวิตามิน เกลือแร่ หรือน้ำที่สูญเสียไปจากการดื่มแอลกอฮอล์แล้วละก็ อย่างไรซะสารพิษในแอลกอฮอล์จะไปมีส่วนกับการขยาย หดตัวของหลอดเลือด ซึ่งจะทำให้เกิดการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ ในตอนเช้านั้นเอง ปวดหัวเพราะกรน ที่คนนอนกรนต้องประสบปัญหาอาการปวดหัวตึง ๆ หรือ มึน ๆ ในตอนเช้าก็เพราะพวกเขาได้รับออกซิเจนเข้าไปไม่เพียงพอขณะหลับ เนื่องจากระบบหายใจส่วนบนถูกอุดตัน ทำให้การนอนของไม่ได้คุณภาพ ไม่ต่างจากการนอนน้อย ดังนั้นผู้ที่นอนกรนจะสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน และทำให้มีอาการปวดหัวในตอนเช้า พักผ่อนไม่เพียงพอ ไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันเป็นอะไรที่ไม่สอดคล้องต่อการให้พักผ่อนเพียงพอเลยสักนิด ไหนจะทำงาน ฝ่ารถติด พอถึงบ้านก็อยากที่จะดูหนัง เล่นเฟซบุ๊ค กว่าจะได้นอน แถมต้องตื่นเช้าเพื่อมาฝ่ารถติดใหม่ สิ่งที่ตามมาคือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จนเกิดเป็นอาการปวดหัวในตอนเช้า นอนเยอะเกินไป นอนน้อยก็ไม่ดี นอนเยอะไปก็ไม่ดีเช่นกัน เพราะเมื่อคุณนอนเกิน 8 ชั่วโมง มันจะเป็นการทำร้ายสมองให้เฉื่อยชา และเชื่องช้า
// พูดได้ว่ากีฬาวิ่งถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งในปัจจุบันงานวิ่งมีรูปแบบงานที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงการออกกำลังกายอย่างเดียว แต่เริ่มที่จะเพิ่มธีมงานหรือจัดกิจกรรมสนุก ๆ สอดแทรกเข้ามาสร้างสีสันให้กับงานวิ่ง เรียกให้นักวิ่งหรือคนที่ไม่เคยมาวิ่งต้องมาสมัครเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่กันสักครั้ง ซึ่งงานวิ่งลักษณะนี้มีจัดกันทั่วโลก เรียกว่าถ้าพูดชื่อออกมา หลายคนต้องร้องอ๋อ เช่น The Color Run งานวิ่งสาดสีอันโด่งดัง ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากสหรัฐอเมริกา, งาน One Piece Run งานวิ่งในธีมการ์ตูนเรื่องดังอย่างวันพีช และล่าสุด งานวิ่งที่เพิ่งจบไปเมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ‘LEO Runไตร’ งานวิ่งที่รวบรวมเอาความสนุกของการวิ่ง การเต้น และการร้องมาผสานรวมกันอย่างลงตัว จะว่าไปแล้ว LEO Runไตร ถือเป็นงานวิ่งครั้งแรกของไทยที่ดึงเอาความมันส์ของการวิ่ง การเต้นและการร้อง มาผสานรวมกันอย่างลงตัว ให้นักวิ่ง (และคนที่ไม่ใช่นักวิ่ง แต่เป็นสายร้อง สายเต้น) ได้ออกมาปลดปล่อยความมันส์กันอย่างเต็มที่ งานสนุกๆ แบบนี้มีหรือที่ทีมงาน UNLOCKMEN จะพลาดไปสัมผัสประสบการณ์การวิ่ง เต้น และร้องในงานเดียวกันครั้งแรกของไทย และยังเก็บภาพบรรยากาศมาฝากคนที่พลาดจากงานนี้ด้วย • RUN DANCE SING • ตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในสนามข้าง ๆ แอร์พอร์ตลิงก์
คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์เครื่องกีฬาชื่อก้องโลกอย่าง Nike และถ้ารู้จักแบรนด์อย่าง Nike แล้วก็คงจะไม่พลาดสโลแกนคุ้นหูที่เอาไปปรับใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตอย่าง ‘JUST DO IT’ แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าสโลแกนดังนี่เองเป็นหนึ่งในหลักทางธุรกิจที่ Phil Knight ผู้ก่อตั้ง Nike ใช้เป็นหนทางในการดำเนินธุรกิจของตัวเองมาด้วย ไม่ใช่แค่เป็นสโลแกนเท่ ๆ สำหรับแบรนด์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ‘JUST DO IT’ ไม่ได้เป็นหลักการทางธุรกิจเดียวที่ผู้ก่อตั้ง Nike ยึดถือ แต่เขายังมีบทเรียนทางธุรกิจอื่น ๆ ที่เขาเรียนรู้มาตลอดชีวิตของเขาและแชร์ลงในหนังสือ ‘Shoe Dog: A Memoir by the Creator of Nike’ ซึ่งตอนนี้ก็ถูกย่อขนาดมาให้อ่านง่าย ๆ ไว้ทำตามได้ 10 ข้อด้วยกัน มา มาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน 1.ใช้อายุช่วง 20 ให้คุ้ม ออกเดินทาง ค้นหา และเรียนรู้ซะ Phil Knight ใช้เวลาหลังเรียนจบไปกับการออกเดินทางเที่ยวรอบโลก ตอนนั้นเขาอายุ
หากอเมริกามี Supreme และญี่ปุ่นก็มี EVISEN เป็นแบรนด์สเก็ตบอร์ดสำหรับประเทศของพวกเขา ในขณะที่อังกฤษก็ยังมีอีกแบรนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลกไม่แพ้ใคร อย่าง Palace Skateboards ที่เป็นหัวหอกตัวชูโรง โด่งดังในวงการแฟชั่นอยู่ในขณะนี้ ทั้งที่เพิ่งก่อตั้งแบรนด์มาได้เพียงไม่กี่ปี ทำให้วันนี้ UNLOCKMEN รู้สึกสนใจ และอยากนำประวัติของแบรนด์สเก็ตบอร์ดจากเกาะอังกฤษมาฝากกัน Palace Skateborad ก่อตั้งในปี 2009 โดยมีนาย Lev Tanju นักสเก็ตบอร์ดสังกัดแก๊งค์ “Palace Wayward Boys Choir “ ซึ่งเป็นกลุ่มสเก็ตบอร์ดที่ดังที่สุดกลุ่มหนึ่งในประเทศอังกฤษ พวกเขาหลงใหลในวัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดอย่างบ้าคลั่ง เขาสร้างแบรนด์ขึ้นด้วยความตั้งใจว่าอยากจะนำเงินจากการขายของไปให้ผองเพื่อนสามารถมีเงินในการไปไถลสเก็ตที่ไหนบนโลกก็ได้ตามใจต้องการ ซึ่งที่มาของชื่อ Palace มาจากสถานที่รวมตัวของบรรดาสเก็ตเตอร์ย่านเซาท์แบงค์ในลอนดอน ประเทศอังกฤษบวกกับชื่อแก๊งค์ของเขาทำให้ Lev Tanju คิดเริ่มที่จะสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง หลังจากที่ Lev Tanju รู้ตัวแล้วว่าต้องการที่จะมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง สิ่งที่ต้องตามมาและจะขาดไม่ได้คือโลโก้ที่สะท้อนตัวตนความเป็น Palace Skateboard ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น Lev Tanju ตัดสินใจว่าหากต้องมีโลโก้สักอันมันต้องผ่านการคิดจากมืออาชีพผู้มีประสบการณ์ เขาจึงเดินเข้าไปหา Fergus Purcell กราฟิกดีไซน์เนอร์ผู้ใช้นามว่า Fergadelic ซึ่งเคยผ่านงานมากับแบรนด์ชั้นนำมากมาย
สมัยนี้อะไรก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนคนมักใช้เงินสดในการจับจ่ายซื้อของ แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนมาเป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรกันมากกว่า ด้วยความสะดวกและปลอดภัยกว่าการพกเงินสดไปไหนมาไหนเยอะ ๆ แต่ว่าการพกบัตรหลาย ๆ ใบ บางครั้งมันก็มีข้อเสียแบบที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือจำนวนบัตรที่มีเยอะจนล้นกระเป๋าตังค์ เพราะการมีบัตรหลายใบ แม้จะง่ายต่อการใช้งานก็จริง แต่เฉพาะแค่บัตรประชาชน ใบขับขี่ บัตร ATM หลายธนาคาร แค่นี้ก็ปาเข้าไปสิบกว่าใบ นี่ยังไม่รวมพวกบัตรสมาชิก บัตรส่วนลดร้านประจำอีกบานตะไท ถ้าจะบอกว่าให้เก็บบัตรใบที่ไม่ได้ใช้เอาไว้ที่บ้านสิ ตอนมันไม่ได้ใช้ มันก็ไม่เท่าไหร่ แต่เวลาจำเป็นจะต้องใช้แล้วไม่มีเนี่ยมันโคตรขัดใจ ถ้าจะให้พกบัตรแยกในกระเป๋าอีกใบก็ดูจะผิดธรรมชาติของผู้ชายอย่างเรา ๆ ไปสักหน่อย ทำให้หลายคนต้องจำยอมพกบัตรหลายใบ จนล้นกระเป๋าอยู่ดี แต่ปัญหาที่ดูไร้ทางออกแบบนี้ กลับมีทางสว่างให้เรามีหวัง เพราะล่าสุดบริษัท BrilliantTS จากประเทศเกาหลีใต้ ได้พัฒนาบัตรสมาร์ทการ์ดรูปแบบใหม่ที่มีความสามาถเหลือล้น ตอบโจทย์นโยบายการรณรงค์ให้ใช้บัตรแทนเงินสดของประเทศเกาหลีใต้ที่ออกมาได้อย่างพอดิบพอดี Fuze Card เป็น Smartcard อัจฉริยะรูปแบบใหม่ ที่สามารถรวมบัตรต่าง ๆ เอาไว้ได้ในบัตรใบเดียว ไม่ว่าจะเป็นบัตรของขวัญ, เครดิตการ์ด, บัตรเดบิตการ์ด, บัตร ATM, บัตรสมาชิกสะสมคะแนนต่าง ๆ โดยข้อมูลของตัวบัตรทั้งหมด จะถูกเก็บไว้ในซิปที่ออกแบบมาเป็นพิเศษแบบ EMV ที่จะมีการเข้ารหัสไว้อย่างปลอดภัย และช่วยให้เราสามารถจัดเก็บข้อมูลได้สูงสุดที่ 30
หากพูดถึงรองเท้าที่เป็นตำนาน และสามารถคงดีไซน์เดิมไว้ได้กว่า 100 ปี โดยที่ไม่มีการปรับเปลี่ยนรูปทรง แถมยังสามารถได้รับความนิยมตลอดเวลา ต้องถือเป็นปรากฎการณ์ที่เหนือกว่าคำว่าแฟชั่นใด ๆ ซึ่งเจ้ารองเท้าคู่ที่ว่านั่นเราเชื่อว่าชาว UNLOCKMEN คงจะเดาได้ไม่ยาก เพราะที่เข้าข่ายก็มีเพียง Converse Chuck Taylor All Star เพียงคู่เดียวเท่านั้น หากให้เราไล่เรียงความเป็นมาของเจ้ารองเท้า Converse Chuck Taylor เริ่มต้นเมื่อนักบาสเก็ตบอลในชื่อเดียวกัน เข้ามาพบเห็นรองเท้ารุ่นใหม่จากทาง Converse นั้นคือ All Star เมื่อปี 1917 และนำไปสวมใส่ หลังจากนั้นรองเท้าคู่นี้ก็ได้กลายเป็นขวัญใจที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่นักบาสเก็ตบอล และวัยรุ่นอเมริกันทั่วไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ในปี 1923 บริษัท Coverse จึงนำชื่อ Chuck Taylor’s ไปปรากฏร่วมกับโลโก้ที่ติดอยู่บริเวณส่วนที่หุ้มข้อเท้าพร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น Converse Chuck Taylor All Star เพื่อยกย่องเป็นเกียรติให้กับ Chuck Taylor อย่างไรก็ตาม Converse Chuck Taylor All Star