วิกฤตเศรษฐกิจโลกตอนนี้ พยากรณ์กันว่าสหรัฐฯ จะแย่กว่าตอนเจอวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เพราะ Social Distancing สร้างปรากฏการณ์ Economic Distancing ตามมา คนไม่ได้ตกงานจากการเลิกจ้างแต่มาจากการกักกัน ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแบ่งเป็นระลอกคลื่น 4 ลูก ได้แก่ สภาวะสังคมแช่แข็งกะทันหัน, คนตกงาน, คนเกษียณบั้นปลายพัง และอุตสาหกรรมการลงทุนที่โดนตัดแขนขา ตามลำดับ ไทยอยู่ในเฟสแจกเงิน แต่หากเป็นไปตามการพยากรณ์ที่เทียบกับสหรัฐฯ การแจกเงินให้คนไปเก็บไว้ ไม่ได้ทำให้คนหายตกงานและคนจะไม่ออกมาใช้เงิน ธุรกิจขนาดเล็กและ SMEs ที่โดนก่อนอาจจะไม่รอด จึงควรมีมาตรการด้านอื่นช่วยส่งเสริมและธุรกิจเหล่านี้ก่อนลูกโซ่ของโดมิโนตัวแรกจะล้มลง เมื่อถึงคราวอัดฉีดเงินหลังไวรัสจากไป รัฐควรมีส่วนสนับสนุนและอัดฉีดเพื่อให้กราฟที่ดิ่งเด้งขึ้นในเร็ววัน หากสถานการณ์ยืดเกินเดือน พ.ค. ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายประเทศคาดการณ์ว่าอาจยาวได้ถึงปลายปี ก็มีโอกาสสูงที่บาดแผลนี้จะยิงยาวไป 4-5 ปี เมื่อไม่กี่วันก่อน เรามีโอกาสได้ออกไปข้างนอกซื้อของเข้าบ้าน เห็นชัดว่าธนาคารสีชมพูสาขาใกล้บ้านมีคนมาอออยู่หน้าธนาคารเพียบ มั่นใจได้ว่าช่วงนี้คงไม่ได้ออกันเพื่อเอาเงินเข้า แต่เป็นยืนรอถอนเงินออกเพราะไม่มั่นใจว่าสภาวะนี้เงินสดในมือจะพอใช้หรือเปล่า หรือถ้าวันไหนเกิดธนาคารปิด ถอนเงินออกมาไม่ได้เราจะเอาอะไรกินกัน? แล้วไวรัสหรือข้าวปลา อันไหนที่น่ากลัวกว่ากัน ? เศรษฐกิจตอนนี้มันตกหรือกระทบกันแค่ไหน UNLOCKMEN ขอสรุปเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าง่าย ๆ ที่เราย่อยมาจากบทความสัมภาษณ์ Mark Zandi หัวหน้าเศรษฐศาสตร์ของ
ชีวิตการลงทุนมันโหดร้าย จนมีคนไปทำเป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง แล้วทำไมเราถึงจะไม่ศึกษาจากสิ่งรอบตัวหละ
เมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้องค์กรหลายแห่งต้องเลือกชีวิต สุขภาพ และความปลอดภัยของคนทำงานมาเป็นอันดับหนึ่ง บริษัทหลายแห่งจึงประกาศนโยบาย Work From Home กันทั่วหน้า นั่นหมายถึงว่าการสื่อสารภายในองค์กร ภายในทีม หรือแม้แต่ระหว่างคนทำงานด้วยกันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากการสื่อสารที่เคยคล่องตัวและตรงไปตรงมา แค่เดินไปหาก็พูดคุยได้ไม่ผิดพลาด สงสัยอะไรตรงไหนก็เจอตัวกันทันที หรือการประชุมแบบพร้อมหน้าพร้อมตาที่เห็นกันชัด ๆ ว่าจะไม่มีใครพลาดเรื่องสำคัญไป นำไปสู่วิธีการสื่อสารที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้าช่วย แต่อีกทางนี่คือโอกาสอันดีที่แต่ละองค์กรจะได้ทดสอบประสิทธิภาพของระบบเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มที่ใช้สื่อสารกันว่าจะเชื่อมผู้คนถึงกันได้มากแค่ไหน แต่สิ่งที่คนทำงานไม่ว่าระดับไหนควรรู้ไว้คือการสื่อสารเมื่อทุกคนต่างทำงานจากทุกหนทุกแห่งอาจเป็นอีกความท้าทายที่เราทุกคนควรเตรียมตัวให้พร้อม UNLOCKMEN จึงเอาวิธีการสื่อสารให้ทรงพลัง ในวันที่เราต้องทำงานไกลกัน เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดจากการเข้าใจผิด การพูดไม่เคลียร์ งานของเราจะได้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอไม่ว่าจะทำงานจากที่ไหนบนโลกใบนี้ก็ตาม เมื่อไม่ได้ประชุมต่อหน้า “คำพูดที่ไม่ได้พูด” คือหัวใจสำคัญ ไม่ว่าองค์กรของคุณจะเลือกใช้แพลตฟอร์มใดเป็นตัวกลางในการประชุมหรือสื่อสาร สิ่งสำคัญของการไม่ได้เข้าประชุมพร้อมหน้าพร้อมตากัน คือการสังเกตสิ่งที่ซ่อนไว้จากคำพูดที่ไม่ได้พูดให้ดี มนุษย์มีแนวโน้มจะระวังตัวและควบคุมตัวเองเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในห้องประชุมอันเป็นทางการ ต่างจากการวีดีโอคอนเฟอเรนซ์จากที่บ้าน หรือการพิมพ์คุยงานผ่านแชตที่จะรู้สึกว่าอยู่ในพื้นที่ของตัวเองและเป็นตัวเองมากกว่า เมื่อรู้สึกผ่อนคลายในพื้นที่ของตัวเอง ภาษากาย สายตา หรือแม้แต่การเว้นจังหวะการพิมพ์ที่สื่อสารออกมา (โดยไม่ควบคุมตัวเองมากนักนั้นสำคัญ) ดังนั้นถ้าคุณคือผู้บริหารหรือคนนำการประชุมในแต่ละครั้ง นอกจากแค่รอฟังว่าองค์ประชุมแต่ละคนจะพูดอะไรออกมาโต้ง ๆ ก็อาจหมายรวมถึงการคอยสังเกตปฏิกิริยา ภาษากายของผู้เข้าร่วมประชุมคู่กันไปด้วย เนื่องจากบางคำที่พลาดไป บางเรื่องที่อาจสื่อสารได้ไม่ครอบคลุม ผู้เข้าร่วมประชุมอาจไม่ได้ยกมือถามได้ง่าย ๆ เหมือนตอนประชุมอยู่ต่อหน้ากัน รวมถึงระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่อาจทำให้หัวข้อดีเลย์ การเป็นผู้นำการประชุมที่คอยสังเกตสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น “เลือกแพลตฟอร์มให้ตรงกับประเภทข้อมูล”
Publicis Group (ปับลิซีส กรุ๊ป) เผยผลสำรวจความวิตกกังวลของผู้บริโภคไตรมาส 1 นี้ พบว่ากังวลกับโควิด-19 สูงถึง 92% ส่งผลให้ผู้บริโภคลดพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตในที่สาธารณะ ใช้ชีวิตในบ้าน ซื้อของและสั่งอาหารทางออนไลน์มากขึ้น แนะปรับใช้สื่อในบ้านทั้งโทรทัศน์และสื่อออนไลน์เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด นายอติพล อิทธิวัฒนะ, เฮด ออฟ มีเดีย – ปับลิซีส กรุ๊ป (Head of Media – Publicis Group) ในฐานะผู้บริหารสูงสุดธุรกิจกลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณา ประกอบด้วย บริษัท สตาร์คอม บริษัท สปาร์ค ฟาวดรีย์ และ บริษัท ซีนิท เผยว่าเนื่องจากตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2563 ประเทศไทยได้เกิดประเด็นสาธารณะที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ภูมิอากาศและสุขภาพ ทำให้สังคมตื่นตัวและเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต แผนก Data Science Analytic & Consumer Research ของบริษัทฯ
ช่วงนี้คนที่กำเงินไปลงทุน หัวใจคงเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะเห็นชัดว่าเศรษฐกิจขาลงสุด ๆ พอร์ตก็แดง บิตคอยน์ก็ร่วงหลายกิจการได้รับผลกระทบเรื่องโควิด-19 จนเซกันเป็นแถวไม่ทางตรงก็ทางอ้อม UNLOCKMEN เชื่อว่าทุกคนคงเกิดคำถามและพยายามหาคำตอบว่าควรตั้งหลักอย่างไรกับเงินที่มีและการลงทุนช่วงนี้ ยิ่งวันนี้ SET ลงแตะ 1,100 จุดแล้ว เบรกแตกจนไม่รู้ว่าจะแหกโค้งไปถึงไหน! เพื่อไขข้อสงสัยด้านการลงทุน จะมีอะไรดีไปกว่าการถามกูรูการลงทุนหนุ่มเจ้าของหมวกกันน็อกที่ปิดบังหน้าตา แต่เป็นเจ้าของหนังสือและสื่อออนไลน์ที่วิเคราะห์ด้านการลงทุน “ลงทุนแมน” กับ 4 คำถามที่เราเชื่อว่าหลายคนสงสัยไม่ต่างกัน Q1: มนุษย์เงินเดือนที่อยากลงทุนตอนนี้ ควรลงทุนด้านไหนถึงจะดี หรือควรเก็บเงินสดไว้ในมือก่อน ลงทุนแมน: ทุกช่วงเวลา มีโอกาสลงทุนได้เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเรามีความเข้าใจในสิ่งที่เราลงทุนมากแค่ไหน การลงทุนที่เหมาะสมของแต่ละคนอาจต่างกัน บางคนรับความเสี่ยงได้น้อย บางคนรับความเสี่ยงได้มาก หลายคนคิดว่าลงทุนต้องให้ผลตอบแทนมากที่สุด แต่จริง ๆ แล้วการลงทุนเราต้องได้ผลตอบแทนภายใต้สิ่งที่เราสบายใจด้วย ต่อให้ได้ผลตอบแทนเป็น 100% แต่ถ้านอนไม่หลับ เครียด มานั่งวิตกรายวัน ไม่แนะนำ เพราะสภาพจิตใจของเราสำคัญกว่าตัวเงินเสียอีก ความสบายใจในการลงทุนของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ขึ้นกับความเข้าใจในสิ่งที่ลงทุน ในธุรกิจเดียวกันบางคนอาจเข้าใจเป็นอย่างดี แต่บางคนอาจไม่เข้าใจเลย ดังนั้นคำตอบของเรื่องนี้ก็คือ ต้องถามกลับว่าเราเข้าใจในสิ่งที่เราจะลงทุนมากแค่ไหน สินทรัพย์นั้นคืออะไร ทำธุรกิจอะไร โครงสร้างรายได้คืออะไร กรณีเลวร้ายที่สุดของธุรกิจนั้นคืออะไร ถ้าเราเข้าใจดีแล้ว
“รู้เท่าไม่ถึงการณ์” คือการ์ดยอดฮิตติดอันดับของมนุษย์ผู้ทำผิดพลาด แล้วไม่รู้จะรับมือกับความผิดพลาดนั้นอย่างไร แม้จะมีคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วทำผิดพลาดอยู่จริง (ซึ่งถ้าพลาดครั้งแรก สังคมก็พร้อมรับฟังและให้โอกาส) แต่ก็มีมนุษย์บางจำพวกที่พูดคำว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” เป็นรอบที่สิบ ไม่ว่าผิดกี่ครั้ง ไม่ว่าพลาดกี่หนก็พูดพล่อย ๆ เพื่อเอาตัวรอดให้พ้น ๆ ไป แล้วก็ปล่อยความผิดพลาดยุ่งเหยิงนั้นให้ยังอยู่ต่อไป ผู้ชายอย่างเรา ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่ทุกวัน ก็ย่อมต้องผิดพลาดบ้างเป็นธรรมดา หรือบางครั้งเราไม่ใช่คนพลาด แต่คนในปกครองหรือคนในความรับผิดชอบทำพลาด เราเองก็ต้องเป็นคนออกหน้า ในฐานะที่เราก็เบื่อคนพูดว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” เต็มทน เพราะเหมือนพูดแบบขอไปที UNLOCKMEN ขอเสนอคำพูดที่ผู้ชายอย่างเราใช้รับมือเมื่อเจอภาวะวิกฤต หรือทำผิดพลาด โดยเป็นคำพูดหรือวิธีการที่ดูเป็นรุ่นใหญ่ใจนิ่ง แถมดูเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่แค่ปัดความรับผิดชอบให้พ้น ๆ ตัว โลกยุค 5G ทุกอย่างต้องแสดงออกเร็วนะ! หากเกิดทันยุคที่ข้อมูลข่าวสารทุกอย่างมาจากหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์เท่านั้น เราจะเข้าใจได้ทันทีว่าข้อมูลในยุคนี้ไหลเร็วขนาดไหน ไม่ใช่ระดับเวลาเช้า-เย็น เหมือนข่าวภาคเช้าและภาคค่ำอีกต่อไป แต่ข่าวนั้นเชี่ยวกรากกันเป็นระดับนาที! ดังนั้นเมื่อเราทำพลาดและมีคนพบข้อผิดพลาดนั้นแล้ว ให้รีบ Take Action ให้เร็วที่สุด แต่ละนาทีที่เราปล่อยเวลาให้ผ่านไป หมายถึงคอมเมนต์คาดเดาไปสารพัด หมายถึงการบอกกันปากต่อปาก
ไม่ไป ไม่เอาโคโรนา ไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลานับตั้งแต่รู้ข่าวมาแค่ 2 เดือน คนไทย บริษัทไทยหลายแห่งก็เตรียมสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะจากที่เข้าใจว่าเฉพาะการท่องเที่ยวเท่านั้นที่ไวรัสเล่นงาน มาวันนี้อุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องทยอยร่วงตามเป็นแถบ ๆ “ไม่เอาโคโรนา ไม่ไปไหน ไม่ใช้เงิน” อันนี้ว่าลำเค็ญ แต่ไอ้ที่ใช้ไปแล้ว แต่ขอเลื่อนใช้เพราะวิกฤต ตามงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต หรือการออกบูธสินค้า ก็ไม่รอดเหมือนกัน แต่ท่ามกลางการถอยทัพของเจ้าอื่น ข่าวโปรโมตเที่ยว Commart X Pro 2020 ที่ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 5-8 มี.ค. 63 เวลา 10.00-21.00 น. ก็ยังมาตามนัดเดิม เราลองมาเจาะดูกลยุทธ์ไปพร้อมกันว่าวันที่รู้ทั้งรู้ว่าสู้ยากแต่ยังอยากสู้ต่อ ทั้งที่ 2 พาร์ตเนอร์หลักด้านไอที อย่าง Banana IT กับ Advice IT ถอยทัพขอไม่ไปงานนี้แล้ว กลยุทธ์ที่ผู้จัดงาน Commart X Pro 2020 จะใช้พยุงงานอีเวนต์ต่อคืออะไร เผื่อมันจะเหมาะใช้กับแบรนด์ของคุณบ้าง โยกที่ว่าง
ตลอดเช้าวันนี้ไม่มีข่าวการลงทุนไหนดังเท่า BDMS (Bangkok Dusit Medical Services PCL) หรือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) แล้ว จากข่าวเสนอซื้อหุ้นบำรุงราษฎร์ราคาระหว่าง 8 หมื่นกว่าล้าน – แสนกว่าล้าน ซึ่งตอนนี้ BH (บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์) โต้ออกมาแล้วว่า “ผู้บริหารของ BH ไม่คาดคิดและไม่เคยทราบเรื่องการทำคำเสนอซื้อโดยสมัครใจมาก่อน เนื่องจากในอดีต BH และ BDMS ต่างดำเนินธุรกิจอย่างอิสระต่อกันและปราศจากการประสานความร่วมมือทางธุรกิจใดๆ” คนที่ไม่ได้อยู่ในด้านการลงทุน อาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่า BDMS หุ้นโรงพยาบาลในนี้มีอะไรบ้าง แต่ถ้าบอกว่ามีกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลเป็น กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล กลุ่มโรงพยาบาล BNH กลุ่มโรงพยาบาลรอยัล และกลุ่มโรงพยาบาลอื่น ๆ ในเครือ โลโก้แบบนี้พอจะคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างไหม ? UNLOCK CORP ครั้งนี้ เราคงไม่พูดถึงเรื่องความเสี่ยงเรื่องการลงทุน หรือแนะนำการลงทุน เพราะสื่อหลายแห่งให้ข้อมูลด้านนี้เยอะแล้ว แต่เราขอเล่าเรื่องบุคคลที่เป็นเจ้าของหุ้นใหญ่ของ BDMS
ข่าวฉาว อาชญากรรม อุทกภัย โรคร้าย มากกว่าเรื่องข้าวยากหมากแพงที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเรา ดูเหมือนอุตสาหกรรมที่จะโดนอัดหนักที่สุดเสมอมักจะเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะคนในไม่ค่อยเที่ยว คนนอกก็ไม่ต้องพูดถึง จากสถานการณ์ COVID-19 ตอนนี้เราอาจยังมองไม่ออกเลยว่าจะคลี่คลายจนการท่องเที่ยวกระเตื้องกลับมาอีกทีได้ช่วงไหน แต่ภาพรวมกินเวลายาว ๆ อย่างน้อย 3-5 เดือนแน่นอน เพื่อรับมือวิกฤตที่เกิดขึ้น UNLOCK DEBT จึงอยากแชร์หนทางก้าวผ่านเรื่องหนี้สินครัวเรือนทั้งหลายด้วย 5 ทางออกของการชะลอหนี้ที่รวบรวมข่าวสารมาจากภาครัฐและภาคเอกชนมาเผยแพร่ต่อเพื่อพี่น้องที่ทำธุรกิจนี้ด้วยตัวเองหรือมีคนรู้จักกำลังทำงานประจำในสายงานนี้ ผู้ประกอบการ ติดตามข่าวสารสถาบันการเงินที่เราเป็นลูกหนี้ ชาวโฮมสเตย์ รีสอร์ต โลจิสติกส์ หรือสารพันที่จะเกี่ยวข้องกับวงจรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ใครที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อของสถาบันการเงินแห่งไหน เราแนะนำให้กลับไปดูก่อนข้อมูลข่าวสารจากที่นั่นเป็นจุดแรก เพราะสมาคมธนาคารไทยได้จัดประชุมพูดคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้ว และออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเรื่องหนี้สินไว้ ล่าสุด SCB ได้ออกมาตรการช่วยเหลือชะลอหนี้ผู้ประกอบการ พักชำระเงินต้นให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะเวลาสูงสุด 12 เดือน ใครเข้าข่ายก็สามารถเข้าไปดำเนินการติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ อย่างน้อย ๆ นี่จะเป็นหนทางให้ลดภาระครัวเรือนที่เกิดขึ้นได้บ้างเมื่อเราขาดรายได้ สำหรับธนาคารอื่น ๆ ให้ลองเช็กข้อมูลประกาศจากธนาคารดูได้ VOUCHER ทางออกเพื่อเงินสดหมุนเวียน อีกหนทางที่เจ้าของธุรกิจต้องเล็งไว้ในใจและอาจต้องเร่งลงมือทำในช่วงนี้คือการจัด Promotion ขาย Voucher แม้การออกโปรโมชั่นขาย Voucher ราคาย่อมเยาจะทำให้รายรับของเราน้อยลง แต่วิธีนี้คืออีกหนทางการช่วยเหลือตัวเอง ดึงกระแสเงินสดเข้ามาประคองในช่วงที่ยังไม่มีลูกค้าได้ ออกบูธกระตุ้นการท่องเที่ยว การตลาดออนไลน์เป็นทางหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถขาย
ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร การต่อกรระหว่างคนขายของกับคนซื้อของก็ยังเกิดขึ้นวันยันค่ำ โดยที่คนคิดโฆษณาและการตลาดต้องก้าวให้ไวกว่าก้าวหนึ่งเสมอ เราชินกับการขายภาพลักษณ์ที่สวยงามให้แบรนด์ ถ้าเป็นอาหารทุกอย่างจะถูกเซตยัดไส้มาอย่างดีให้ฟูนุ่ม เนื้อแน่นน่ากิน ถ้าเป็นบ้านผู้คนต้องขวักไขว่ รถไฟฟ้าต้องจ่อถึงหน้าบ้าน สารพันจะยัดประสบการณ์ด้านบวกมาใส่ไว้ทุกอณูการขาย ทุกคนจะได้สัมผัสสิ่งที่ดีที่สุดผ่านสายตาตั้งแต่ของชิ้นนั้นยังไม่ถึงมือ แต่วันนี้เกมการตลาดแบบเดิมกำลังเปลี่ยนไป เพราะวิธีขายของด้วยภาพลักษณ์ลบ ๆ กลายเป็นการฉีกแนวช่วยกระตุ้นการขายได้ดีกว่าที่คิด แถมความแปลกของรูปแบบที่นำเสนอยังช่วยสร้าง Word of Mouth ได้เป็นอย่างดี Case Study ที่ยกมาให้เห็นภาพชัด เรายกมาจากแคมเปญโฆษณาต่างประเทศและในประเทศไทยแบรนด์ที่หลายคนรู้จักกัน คือ Burger King และ Greyhound แต่อาจจะยังไม่เคยรู้ว่าเขากล้าขายด้วยวิธีนี้ BURGER KING: The Beauty of no artificial preservatives โฆษณา Timelapse ของเบอร์เกอร์นับตั้งแต่แรกเสิร์ฟจนถึงวันเน่าบูด ราขึ้นเต็มชิ้น จนเห็นแล้วอยากจะเขวี้ยงลงถังขยะ บางคนเห็นแวบแรกคงไม่คิดว่าเป็นการโฆษณาแต่น่าจะเป็นการ discredit มากกว่า เพราะมันดูไม่น่ากินเอาเสียเลย แต่จริง ๆ แล้วใครจะคิดว่า “บูด” เป็นจุดขาย 33 วันนับตั้งแต่วันแรกที่ปรุงสุกพร้อมเสิร์ฟไม่ใช่แค่ทำให้เราเห็นภาพลบของอาหารที่ไม่น่ากิน แต่ขณะที่มันกำลังบูด มันก็โชว์ความงามและคุณค่าของอาหารฟาสต์ฟู้ดหนึ่งชิ้นที่อยู่ตรงหน้าเรา