ครั้งก่อนเราได้พูดถึงเรื่อง Fashion จากยุค Mid-Century ที่ยังทรงคุณค่าความคลาสสิคตั้งแต่ยุค 1950s ถึงปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะความฮิตในหมู่คนรุ่นเก๋าอย่าง Baby Boomer เท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมอย่างมากในคนรุ่นใหม่กลุ่ม Millennial ที่เกิดช่วง 80s – 90s ดูง่าย ๆ ก็แฟชั่นจาก James Dean, Steve McQueen หรือ The Beatles ที่เรายังมีรูปติดอยู่เต็มกำแพงบ้าน ล้วนเป็นรายละเอียดที่แสดงถึงคาแรคเตอร์ ตัวตน ความมั่นใจในการเลือกใช้ของดี ความกล้าตัดสินใจของคนรุ่นใหม่ และเป็นการตอกย้ำสัญลักษณ์รอยต่อของความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์เอาไว้ถึงปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ด้านแฟชั่น คำว่า Mid-Century ในด้านงานสถาปัตยกรรมก็มีความหมายที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน มันคือยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นรากฐานของสถาปัตยกรรมปัจจุบัน โดยมีการนิยามสไตล์งานออกแบบ ตกแต่ง สถาปัตยกรรม รวมไปถึงงานดีไซน์ทุกชนิดที่ยึดรากฐานจากยุค 1933s ถึง 1980s รวมกันว่า Mid-Century Modern หลัง World War 2 จบลง การสร้างสรรค์ที่มองไปไกลถึงอนาคต การเปลี่ยนแปลงและการค้นพบวัตถุดิบก่อสร้างหลายอย่าง
“Logo หรือ ตราสัญลักษณ์” เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่หลายองค์กรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นกว่าจะได้ Logo มาหนึ่งอัน ต้องผ่านขั้นตอนการออกแบบจากมันสมองของ Designer มืออาชีพมากมาย ที่ได้พยายามกลั่นกรองจนตกตะกอนมาแล้วเป็นอย่างดี กว่าจะได้ Logo ที่ดีออกมามีความหมายครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ สวยงามลงตัว จดจำได้ง่าย และที่สำคัญมันต้องซ่อนความหมายและตัวตนที่แท้จริงเอาไว้เสมอ อย่างเช่น BWM Logo จากค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมนี ที่ใครต่อใครเห็นตรา Logo ฟ้า-ขาว แม้ตาบอดสีก็รู้แจ้งได้ในทันทีว่า มันคือ Logo ของแบรนด์รถยนต์ที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านสมรรถนะและความหรูหรา หลายต่อหลายคน จดจำมันได้เป็นอย่างดี เห็นแค่เสี้ยวเดียวก็รู้ทันทีว่ามันคือแบรนด์ BMW แต่ความหมายที่แท้จริงของมันนี่สิ ที่เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ หรืออาจจะเข้าใจผิดมาตลอดว่า Logo ทรงกลมที่มีช่องสีฟ้า-ขาว นั้น มันเป็นสัญลักษณ์ของใบพัดเครื่องบินที่ตัดกับท้องฟ้า ถูกนำมาใช้เพื่อที่จะทำให้ทุกคนหวนกลับไปนึกถึงรากเหง้าที่แท้จริงของบริษัท ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการผลิตเครื่องยนต์เครื่องบิน แต่ทว่าเรื่องดังกล่าวนั้น กลับเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดอันยาวนานเท่านั้น!! เราจะพาไปไขความลับ เกี่ยวกับเรื่องราวของตราสัญลักษณ์ BMW ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน ถึงจุดกำเนิดที่มาของโลโก้ BMW ตั้งแต่รูปทรงกลม ตำแหน่งตัวหนังสือ รวมไปถึงสีฟ้าขาวด้านใน
เชื่อว่ามนุษย์สายครีเอทีฟ หรือสายงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หลาย ๆ คนคงเคยเจอกับปัญหา ‘สมองตื้อ คิดงานไม่ออก’ กันเป็นประจำ หลายครั้งที่เราต้องขยับตัวออกจากเก้าอี้เพื่อไปหาบรรยากาศใหม่ ๆ สร้าง Inspiration ให้กับตัวเองนอกโต๊ะทำงาน ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ สวนสาธารณะ หรือ co-working space แต่บ่อยครั้ง ไอเดียที่ดีที่สุด กลับมาปรากฏตัวในขณะที่เรากำลัง ‘เข้าห้องน้ำ’ อยู่ที่บ้านซะงั้น เพราะงานวิจัยบอกว่า ในขณะที่เรากำลังทำพฤติกรรมซ้ำซากจำเจ ทำไปตามอัตโนมัติ โดยไม่ผ่านการคิดที่ซับซ้อน ในสถานที่ ๆ คุ้นเคย และบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง เช่น ‘การอาบน้ำ’ จะทำให้สมองของเรารู้สึกผ่อนคลาย และไร้ความกดดัน โมเมนต์เหล่านี้จะช่วยให้สมองปล่อยคลื่นแห่งความสุข และเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดความคิดสร้างสรรค์นั่นเอง แล้วเราต้องจัดบรรยากาศห้องน้ำแบบไหนล่ะ ให้เวิร์คที่สุดสำหรับการปลดปล่อยไอเดียเจ๋ง ๆ IDEA 1 : STAY CLOSE TO NATURE เราจะรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เพราะฉะนั้นหากตกแต่งห้องน้ำ ด้วยสีโทนธรรมชาติ จะทำให้ดูอบอุ่น สะอาดตา ไม่ว่าจะเป็นสีของผนังหรือเครื่องใช้ต่างๆ หากเป็นสีขาว สีครีม
วิถีแห่งงานดีไซน์ คือการนำเอาเรื่องของศาสตร์ และ ศิลป์ เข้ามารวมกันไว้ได้อย่างกลมกล่อม โดยมีจินตนาการและแรงบันดาลใจทำหน้าที่เป็นตัวผสานชั้นยอด ซึ่งเมื่อมองในแง่ของการออกแบบผลิตภัณฑ์ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่างานออกแบบที่สวยงามนั้นมีผลต่อการตัดสินใจ ไม่แพ้อรรถประโยชน์ที่จะได้รับจากชิ้นงานนั้น ๆ TOYOTA คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับศาสตร์แห่งการดีไซน์มาโดยตลอด และได้มีการสื่อสารเรื่องราวของปรัชญาการออกแบบในแนวทางของ TOYOTA ผ่านแคมเปญ PAST FORWARD โดยจัดเป็นรูปแบบของกิจกรรมต่อเนื่อง ซึ่งทาง UNLOCKEN มีโอกาสได้เข้าร่วมซึมซับปรัชญาด้านการออกแบบของ TOYOTA ที่เล่าย้อนไปถึงความเป็นมาเมื่อครั้งอดีต พร้อมส่งต่อจิตวิญญาณแห่งดีไซน์ผ่านแนวคิดเพื่ออนาคต จากกิจกรรมที่ผ่านมาทั้ง 2 เฟส อย่าง BEGIN: Design Culture (Behind the Design) นำเสนอ History of TOYOTA’s Sport Car Design จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ควบคู่ไปกับ History of Sneakers ในเรื่องราว และแนวคิดของการออกแบบรองเท้า Sneakers วัฒนธรรมที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น ต่อเนื่องมาจนถึงเฟส 2 BEYOND: Design for
คนทำงานสายครีเอทีฟดีไซน์ไม่ควรพลาด บทเรียนจากเจ้าพ่อ sneaker แห่งค่าย Nike
เฟอร์นิเจอร์สวยงามหนึ่งชิ้นที่เราเห็นกันนั้น เบื้องหลังต้องผ่านกระบวนการออกแบบ และขั้นตอนการผลิตที่ละเอียดอ่อน ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ดี ๆ แต่ละชิ้นนั้น แม้จะมีราคาที่สูง แต่มันมีอายุการใช้งานที่ยาวนานข้ามยุคสมัยได้ ทั้งในด้านความทนทานและการออกแบบ เช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ที่เราชอบมาก แต่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นชื่อกันมากนัก เราจึงอยากแนะนำให้รู้จักกับแบรนด์ Republic of Fritz Hansen แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ระดับโลกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ผลงานการออกแบบที่ไร้ซึ่งกาลเวลาของแบรนด์รวมเอาทั้งงานเฟอร์นิเจอร์ โคมไฟไฟ และแอคเซสซอรี่ สุดคลาสสิค และร่วมสมัยเข้าไว้ด้วยกัน Republic of Fritz Hansen ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศเดนมาร์กตั้งแต่ปี ค.ศ. 1872 ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประวัติอันยาวนาน และผลิตชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์สำคัญ ๆ มากมาย ที่เป็นผลงานออกแบบร่วมกับนักออกแบบชื่อดังระดับโลก เพื่อทำให้คอนเซ็ปต์งานดีไซน์ของพวกเขามีชีวิตขึ้นมา และเป็นความจริงขึ้นมา CLASSIC COLLECTION สำหรับ Classic Collection ของ Republic of Fritz Hansen มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นพิเศษที่ทำขึ้นโดยสถาปนิก และดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์กหลายต่อหลายคน อาทิเช่น Egg™, Swan™ และ เก้าอี้ Series 7™
ถ้าคุณเป็นคนที่รักศิลปะและชอบสะสมปกอัลบั้มสวยๆ ขอแนะนำให้ลองดูกับ 3 อัลบั้มที่เราเลือกมาให้ได้ชมกัน
ถ้าพูดถึง Graphic Designer ตอนนี้ คงไม่มีใครจะมาแรงไปกว่า Alex Trochut, Designer มือทองประจำมหานคร New York ที่เราเคยแนะนำไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ สำหรับคนที่อาจจะยังไม่คุ้นกับชื่อนี้ Alex Trochut คือ World-Class Designer ทั้งด้าน Graphic Design, illustration และ Typography ด้วยแนวความคิดว่า การออกแบบที่ดีต้องสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ครบถ้วน และสามารถสื่อสารความหมายที่ต้องการให้คนดูสามารถเข้าใจได้ ไม่เว้นแม้แต่ตัวหนังสือ ซึ่งไม่ใช่แค่การอ่านข้อความ แต่ยังถ่ายทอดอารมณ์ผ่านรูปแบบตัวอักษรได้ด้วย ผลงานของ Alex Trochut การันตีด้วยรางวัลระดับโลกมากมายตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปี ไม่ว่าจะเป็นรางวัลศิลปินรุ่นใหม่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกอันดับที่ 4 และผลงานร่วมกับแบรนด์สินค้าระดับโลกมากมาย ไปจนถึงการทำงานในด้าน Entertainment กับการออกแบบปกระดับโลก ที่ได้รางวัล 58th Grammy Awards สาขา Best Recording Packaging กับวง ALAGOAS, ปก
ช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ถ้าใครได้ขับรถผ่านซอยทองหล่อ อาจจะได้เห็นที่ตั้งโครงการคอนโดมิเนียมชื่อ KHUN By YOO บริเวณทองหล่อ 12 ที่แค่ชื่อก็ติดอยู่ในหัวของเราได้อย่างรวดเร็ว หลังจากพยายามตีความหมายให้หายข้องใจอยู่นาน ผวนคำไปมาก็ยังไม่น่าใช่ เลยตัดสินใจหาข้อมูลดูจึงรู้ว่า นี่คือโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรูที่เน้น Design Concept แนว Industrial Heritage สุดเท่ เป็นการจับมือกันระหว่าง Sansiri และ YOO Design Studio บริษัทออกแบบชั้นนำของโลก ร่วมกันสร้างผลงาน Iconic Piece แบบ Design + Art of Living โดยได้ Philippe Starck, Co-Founder และ Head Designer ชาวฝรั่งเศส ผู้ประสบความสำเร็จด้านงานออกแบบทั้ง Interior Design, Product Design, Industrial Design ไปจนถึง Architecture Design ตั้งแต่ปี 1980
หลายครั้งที่ “เวลา” คือกุญแจสำคัญที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชิ้นงาน