ท่ามกลางการแข่งขันของรถยนต์ EV ที่กำลังร้อนแรง ซึ่งหลายคนต่างโฟกัสไปที่ราคา รวมไปถึงตัวเลขเร้าใจต่าง ๆ จากตารางสเปค แต่จริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อยนตรกรรมพลังไฟฟ้ามาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นชื่อชั้นของแบรนด์ ความพร้อมในการให้บริการหลังการขาย รวมไปถึงรางวัลระดับโลกที่สามารถการันตีความมั่นใจได้อีกขั้น และการมาของ IONIQ 5 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกจาก HYUNDAI ค่ายรถยักษ์ใหญ่แดนโสมที่พกพาเอาชื่อเสียง ความนิยม และรางวัลมากมาย พร้อมลุยตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ น่าจะทำให้หลายคนที่รอคอยการเป็นเจ้าของ mid-size CUV พลังไฟฟ้าคันนี้สมหวังกันถ้วนหน้า แต่สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าว่าจะควักกระเป๋าออกใบจองทันที หรือจะรอเก็บข้อมูลประกอบการตัดสินใจไปอีกสักพัก วันนี้ UNLOCKMEN จึงขออาสา สรุป 5 เหตุผล ที่ตอกย้ำว่า IONIQ 5 ควรค่าแก่การครอบครองมากขนาดไหน เริ่มต้นที่เหตุผลแรกกับงานออกแบบอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ IONIQ 5 ภายใต้คอนเซปต์ Retrofuturistic โดย Giorgetto Giugiaro นักออกแบบยานยนต์ชื่อดังชาวอิตาลีที่เคยร่วมงานกับ HYUNDAI ผู้กลับมาปลุกตำนานรถยนต์คลาสสิกอันโด่งดังให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในฐานะยนตรกรรมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต ด้วยการนำดีไซน์ของรุ่นคลาสสิกอย่าง HYUNDAI PONY ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกของค่ายที่ส่งออกทั่วโลกในปี 1975 มาผสานกับรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ
นับเป็นเวลากว่า 55 ปีที่ SEIKO 5 SPORTS ได้ส่งมอบความน่าเชื่อถือ, ความทนทาน, ประสิทธิภาพ รวมถึงมาตรฐานระดับสูง ให้แก่ผู้นิยมนาฬิกากลไกมาแล้วทั่วโลก และยังคงเดินหน้าพัฒนานาฬิกาที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด SEIKO 5 SPORTS FIELD ซีรีส์ยอดฮิตสำหรับแฟน ๆ เรือนเวลาสายลุย แนว ‘Trench Watch’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘นาฬิกาทหาร’ ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์คล่องแคล่ว แข็งแกร่ง และการบอกเวลาที่แม่นยำ ได้อัพเกรดความสามารถใหม่ในคอลเลกชัน SEIKO 5 SPORTS FIELD GMT ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของ FIELD series ที่ได้มีการหยิบฟังก์ชันเข็มบอกเวลาที่ 2 หรือ GMT มาใช้ เพื่อเสริมความสะดวกสบายในการใช้งานให้กับเหล่านักเดินทางชีพจรลงเท้าทุกท่าน ความโดดเด่นที่ถือเป็นไฮไลต์ของนาฬิการะบบอัตโนมัติ SEIKO 5 SPORTS FIELD GMT ขนาด 39.4 มม. เรือนนี้ คือเข็ม GMT
เมื่อปฏิทินเปลี่ยนผ่านมาถึงหน้าสุดท้ายของปี ทุกคนคงสัมผัสได้ได้ถึงบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง กับเทศกาลแห่งการให้ ส่งต่อของขวัญแทนความรู้สึกแก่คนสำคัญ วันนี้เราจึงอยากแนะนำไอเดียของขวัญทรงคุณค่า อย่างเรือนเวลาสุดพิเศษจาก OMEGA ซึ่งแต่ละเรือนต่างมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร โดดเด่นด้วยตัวตน สไตล์ และวัสดุที่น่าหลงใหล เปรียบได้กับเกล็ดหิมะที่เมื่อขยายดูโครงสร้างภายในจะพบกับเสน่ห์ของรูปทรงที่แตกต่าง รับรองว่าแต่ละรุ่นแต่ละเรือนคือของขวัญที่เหนือกาลเวลา พร้อมเติมเต็มความสุขที่สมบูรณ์แบบทั้งผู้ให้ และผู้รับแน่นอน เริ่มต้นที่เรือนแรกกับ OMEGA Seamaster Diver 300M ตัวเลือกคลาสสิก ในฐานะของขวัญสำหรับผู้รักการเดินทางและการผจญภัย กับคุณสมบัติสุดแกร่งผสานดีไซน์งดงาม สามารถติดตามผู้สวมใส่ไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุม, งานเลี้ยง, ลุยป่าเขา หรือแม้กระทั่งในมหาสมุทร ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ทว่าพร้อมที่จะไปทุกแห่งหน นาฬิกาขนาด 42 มม. รุ่นตัวเรือนที่ผลิตจากสแตนเลสสตีลและทอง Sedna™ 18K นี้มาพร้อมกับหน้าปัดและขอบตัวเรือนที่ผลิตจากเซรามิกสีดำ โดดเด่นด้วยรายละเอียดระดับไอคอนิกอย่างลวดลายคลื่นอันโด่งดังและเข็มนาฬิกาแบบฉลุ สำหรับ OMEGA De Ville Prestige ที่ได้มีการปรับเส้นสายงานออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่บริสุทธิ์และเพรียวบางมากขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ก็ยังคงติดอันดับคอลเลกชันของขวัญที่เจิดจรัสอยู่เสมอมา ทั้งในรุ่นขนาด 34 มม. ที่ผลิตจากวัสดุสเตนเลสสตีลและทอง Sedna™ 18K มาพร้อมกับหน้าปัดเปลือกหอยมุกซึ่งดูคล้ายกับหิมะที่โปรยปราย รวมไปถึงเรือนเวลา De
ย้อนไปในปี 2013 เป็นปีที่นาฬิกา Constant Escapement L.M. หนึ่งใน Collection Bridges จาก Girard-Perregaux ได้อวดสายตาแก่ชาวโลก พร้อมเสียงตอบรับที่ดีมากมาย ทำให้สามารถคว้ารางวัล ‘Aiguille D’Or’ ของงาน GPHG (Grand Prix d’Horlogerie de Genève) ได้ในปีเดียวกัน ด้วยจุดเด่นของ Constant Force Escapement ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยจัดการพลังงานได้อย่างลื่นไหล สร้างความเสถียรแม่นยำให้กับอัตราการเดินอย่างน่าทึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจของ Constant Girard ช่างทำนาฬิกาชาวสวิสผู้อุทิศชีวิตให้กับความก้าวหน้าของโครโนมิเตอร์ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 กับการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายในภารกิจการพัฒนาโครโนมิเตอร์ ได้มีการสร้างนาฬิกาพกที่มีความแม่นยำสูงหลายเรือนพร้อมกลไก Tourbillon ความเป็นเลิศของนาฬิกาเหล่านี้ได้รับการพัฒนาจนได้รับรางวัลมากมาย ในปี 1860 เขาได้ร่างภาพการออกแบบกลไกด้วยสะพานจักรกลที่ขนานกันสามแห่ง ซึ่งนาฬิกาพกนี้เปิดตัวในปี 1867 โดยสะพานจักรกลทั้ง 3 ชิ้นผลิตจากเงินนิกเกิล และได้รับรางวัลอันดับหนึ่งจากหอดูดาว Neuchâtel ในปีเดียวกัน ก่อนที่ในปี 1889 ได้มีการพัฒนาสะพานจักรกลทั้งสามส่วนโดยใช้วัสดุเป็นทองคำ เพื่อเอกลักษณ์ความงดงามมากขึ้น
“Dream Project #2” Ref. G-D001 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธีมการพัฒนาที่มีชื่อว่า “BREAK THE BOUNDARY” โปรเจ็กต์ใหม่นี้เดินตามรอย Dream Project ก่อนหน้านี้ที่เป็นที่ระลึกการครบรอบ 35 ปีของ G-SHOCK ออกแบบโดยใช้ AI เข้ามาช่วยปรับแต่งดีไซน์ภายนอก ตัวเรือน กรอบ และสายใช้วัสดุทอง 18K ผ่านการขัดเงาด้วยมืออย่างละเอียดและพิถีถันโดยช่างฝีมือชั้นเลิศ ซึ่งลงลึกไปถึงจุดที่ยากต่อการเข้าถึงทำให้ส่วนประกอบมีความเงางามอย่างน่าเหลือเชื่อ การออกแบบดีไซน์แบบ Generative ที่ใช้ประโยชน์จาก AI ถูกนำมาใช้กับกระบวนการออกแบบภายนอก ข้อมูลที่สะสมมานานกว่า 40 ของการพัฒนา G-SHOCK ที่อ้างอิงตามกรอบการออกแบบที่สร้างสรรค์โดยมนุษย์ ได้รับการป้อนเข้าสู่ระบบ AI เพื่อสร้างโมเดล 3 มิติที่เหมาะสำหรับปัจจัยต่างๆ รวมถึงความแข็งแรงของโครงสร้าง ลักษณะของวัสดุ และวิธีการที่จะใช้ มีการแก้ไขซ้ำด้วยมนุษย์เพิ่มเติมหลังจากที่ได้คำแนะนำจาก AI เพื่อสร้างส่วนประกอบภายนอกที่ให้สัมผัสของการออกแบบที่สร้างสรรค์และเป็นต้นฉบับรวมถึงการใช้งานที่เหนือกว่า ในฐานะที่เป็นวัสดุสำหรับส่วนประกอบภายนอกที่สำคัญ ทองคำ 18k ได้รับการนำมาใช้เพื่อให้ความแวววาวที่ลึกซึ้งและสวยงาม รูปแบบที่ซับซ้อน ดั้งเดิม และแม่นยำของกรอบและสายสร้างขึ้นด้วยกระบวนการหล่อแบบ Lost-wax ที่มักจะใช้ในการทำเครื่องประดับและเครื่องใช้ชั้นดีอื่นๆ
คงยากจะปฏิเสธว่าความเป็นปัจเจกคือคุณค่าที่มีราคาเฉพาะตัว และราคาที่ว่านั้นคือสิ่งที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ รวมถึงใครอีกหลายคนยอมควักกระเป๋าจ่ายหากพอใจ ยืนยันได้จากไอเทม Limited Edition มากมายในโลกหล้า ซึ่งถูกซื้อขายส่งต่อไปด้วยราคาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความพึงพอใจและความภาคภูมิใจของผู้ครอบครองล้วน ๆ โดยไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น และสำหรับวงการเรือนเวลา เหล่าผู้หลงใหลจักรกลบอกเวลาทั้งหลายคงรู้กันดีว่าเป็นอีกวงการที่นอกจากจะให้คุณค่ากับคุณภาพการผลิต, เทคโนโลยีบอกเวลาอันแม่นยำซับซ้อน รวมถึงชื่อชั้นประวัติศาสตร์ความเป็นมาของแบรนด์ และเรื่องราวอันเป็นที่กล่าวขานของคอลเลคชันต่าง ๆ อีกสิ่งหนึ่งซึ่งถือเป็นปัจจัยสร้างคุณค่าให้กับนาฬิกาแต่ละรุ่นแต่ละเรือน คงหนีไม่พ้นโมเดลพิเศษ Limited Edition ต่าง ๆ ที่จำกัดสิทธิ์การครอบครองไว้สำหรับไม่กี่คนในโลก แต่ถ้าคิดว่าการได้ครอบครองรุ่น Limited คือที่สุดแล้ว วงการนี้ยังไปได้สุดทางยิ่งกว่า เพราะยังมีอีกทางเลือกสำหรับสาย Customized ที่ช่วยสร้างความเป็นปัจเจกเสริมเอกลักษณ์ให้นาฬิกาหรูเรือนโปรดของพวกเรา ให้กลายเป็นไอเทมพิเศษไม่เหมือนใครในฐานะ ‘เรือนเดียวในโลก’ เราเชื่อว่าใครที่เล่นนาฬิกาน่าจะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของ BLAKEN สำนักแต่งเรือนเวลาจากประเทศเยอรมันกันมาบ้างพอสมควร กับเรื่องราวงานปรับแต่งนาฬิกาแบรนด์หรูหลากรุ่นเพื่อสร้างคุณค่าด้วยเอกลักษณ์ที่แตกต่างให้เรือนเวลารุ่นนั้น ๆ มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของ BLAKEN โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในส่วนกลไกบอกเวลา เพื่อเคารพและยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิกของเทคโนโลยีที่แบรนด์ต้นกำเนิดภาคภูมิใจ โดยการ Customized ขั้นสูงที่ทำให้ BLAKEN โดดเด่นและแตกต่าง ทำให้ซีรีส์พิเศษจาก BLAKEN ที่ผลิตมาเพียงไม่กี่เรือนในโลกนั้นต่างเป็นที่ต้องการของนักสะสม อีกทั้งยังเป็นที่ไว้วางใจในการสั่งผลิตแบบ Personalized เรือนเดียวในโลก
อัพเดท Hot Item ส่งท้ายปี กับซีรีส์เรือนเวลารักษ์โลกขวัญใจสายสตรีท รวมถึงชาวแฟชั่นนิสตาทั้งหลาย อย่าง AIKON #tide จาก MAURICE LACROIX ที่ได้เวลาปล่อยของ ออกคอลเลกชันใหม่ AIKON #tide Camo ที่แรกเริ่มเดิมที มีไอเดียในการหยิบลาย Camo หรือลายพรางมาใช้เพื่อให้ได้ฟีลกลมกลืนไปกับธรรมชาติ แต่ท้ายที่สุดต้องบอกเลยว่า เมื่อรูปทรงสปอร์ตของตัวเรือน มาเจอกับลวดลาย Camo และสีสันที่หลากหลาย ทำให้ AIKON #tide Camo กลายเป็นความกลมกลืนที่เฉิดฉาย สะท้อนสไตล์สนุกจัดจ้านของเหล่า City Girls, City Guys ให้โดดเด่น โดดเด้งขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยนาฬิกา AIKON #tide Camo รุ่นใหม่ มาพร้อมตัวเรือนขนาด 40 มม. จัดเต็มสีสัน 4 สี 4 สไตล์ ลงตัวกับ Total Look ทุกรูปแบบ
เปิดตัวพร้อมเติมเต็มทุกสไตล์เท่ CITIZEN The “TSUYOSA” Collection (NJ015) คอลเลกชันเรือนเวลาเรียบหรูผสานความแกร่งสมชื่อ “TSUYOSA” ที่สื่อความหมายถึง “ความแข็งแกร่ง” ในภาษาญี่ปุ่น ตัวเรือนขนาด 40 มม. รังสรรค์ขึ้นจากสเตนเลสสตีลดีไซน์โค้งมน หล่อลงตัวกับสายสเตนเลสขัดเงา หน้าปัดปิดทับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ พร้อมเลนส์ขยายหน้าต่างวันที่สุดคลาสสิก สำหรับเม็ดมะยมของ CITIZEN The “TSUYOSA” Collection ถูกจัดวางในตำแหน่ง 4 นาฬิกา ซึ่งโดดเด่นแตกต่างจากนาฬิกาข้อมือทั่วไป ด้านหลังตัวเรือนสวยสะกดใจด้วยฝาหลังขันเกลียวแบบเปลือยโชว์ให้เห็นกลไกอัตโนมัติยอดนิยม Caliber 8210 รองรับการสำรองพลังงาน 40 ชั่วโมง กันน้ำได้ที่ระดับ 50 เมตร พร้อมให้สวมใส่ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะใส่หล่อออกงาน หรือใส่ชิลในวันสบาย ๆ และไฮไลต์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องราวของสีสันอันสดใส ที่ตอกย้ำให้ CITIZEN The “TSUYOSA” Collection เป็น Everyday Watches ที่ลงตัวกับทุกสไตล์ที่แตกต่าง ด้วยหน้าปัดหลากสี มีให้เลือกเท่ไม่ซ้ำวัน NJ0151-88M – Tiffany
เข้าสู่ช่วงปลายปีแบบนี้ ทาง SEIKO ก็ไม่พลาดที่จะมีของดีมายั่วใจนักสะสม และต้องบอกเลยว่าเรือนเวลารุ่นล่าสุดเรือนนี้นั้นไม่ธรรมดา เพราะถือเป็นเรือนส่งท้ายปีแห่งการเฉลิมฉลองวาระสุดพิเศษภายใต้ปีแห่งความภาคภูมิใจ ครบรอบ 55 ปี SEIKO 5 SPORTS กับ SEIKO 5 SPORTS YUTO HORIGOME LIMITED EDITION ที่ได้ร่วม Collab กับนักสเก็ตบอร์ดดาวรุ่งชื่อดังแห่งประเทศญี่ปุ่นอย่าง Yuto Horigome (ยูโตะ โฮริโกเมะ) อีกครั้ง ซึ่งความสามารถของ Yuto Horigome ได้เริ่มฉายแสงตั้งแต่วัยเด็ก โดยได้รับอิทธิพลความหลงใหลในสเก็ตบอร์ดมาจากคุณพ่อ และเริ่มหัดเล่นตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ก่อนที่จะขยับตัวเองให้ขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดของการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่น ได้ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นตอนต้น ๆ เท่านั้น ภายหลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลายในประเทศญี่ปุ่น Horigome ได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดินแดนที่ความสามารถและพรสวรรค์ของเขา ได้เฉิดฉายอย่างเต็มที่ เพราะหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกของเขาเมื่อปี 2017 ใน Street League Skateboarding (SLS) ซีรีส์การแข่งขันสเก็ตบอร์ดชั้นนำของโลกแค่เพียง 1 ปี
บ่งบอกเอกลักษณ์ให้ชัดเจนไปอีกขั้น พร้อมฉลองครบรอบ 40 ปี G-Shock ด้วยโมเดลที่เหมาะสำหรับการสะสมที่สุดแห่งปี “Full Metal Polychromatic Accent Series” ดีไซน์ไล่ระดับสีที่ออกแบบอย่างประณีตทุกขั้นตอน ตั้งแต่กรอบโครงสร้างภายนอก ผ่านขั้นตอนการขัดเงาด้วยเทคนิคพิเศษแบบ Hairline สุดพิถีพิถันบน GMW-B5000 และ GM-B2100 FULL METAL ที่ใช้วัสดุโลหะทั้งตัวเรือน G-Shock FULL METAL Series ขึ้นชื่อเรื่องการเลือกใช้วัสดุที่ทันสมัยและทนทาน โครงสร้าง shock-resistant structure และ water resistance กันฝุ่นกันน้ำ ผ่านกระบวนการออกแบบเฉพาะที่เรียกว่า CMF (Color, Material, and Finish) เสริม Resin กันสะเทือนระหว่างตัวเครื่องกับขอบ bezel อีกชั้น ข้อต่อ joint เชื่อมสายกับเคสด้วยระบบ tripod structure เสริมประสิทธิภาพกันกระแทกได้ทั่วทั้งเรือน กันน้ำได้ลึกถึง 20 ATM (200