ผ่านพ้นไปที่เรียบร้อยสำหรับงาน MTV Video Music Awards ประจำปี 2018 ซึ่งถือเป็นเวทีใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมเพลงทางฝั่งอเมริกา สำหรับเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยอิน แล้วสงสัยว่า MTV เพราะเกิดมาในยุคที่วิดีโอทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ใน YouTube หรือ Vimeo แต่ทว่าคนวัย 25 อัพล้วนเติบโตมากับยุคของ MTV ที่ต้องเฝ้ารอมิวสิควิดีโอจากศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ โดยในปีนี้ศิลปินที่เข้าชิงรางวัลมากที่สุดได้แก่ Cardi B ด้วยจำนวนทั้งหมด 13 รางวัล ซึ่งงานนี้ถือเป็นการปรากฎตัวครั้งแรกต่อสาธารณะชน หลังจากเธอให้กำเนิดลูกสาวเมื่อเดือนกรกฎามที่ผ่านมา วันนี้ UNLOCKMEN ขอนำเสนอ Music Video ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในสาขาต่าง ๆ มาให้ทุกคนได้ติดตามกัน Video of the Year Camila Cabello (featuring Young Thug) — “Havana” Artist of the Year Camila Cabello Song of the
คนรวย คนไม่รวยวัดกันที่ตรงไหน? ถ้าบอกว่าวัดกันที่การแต่งกาย ของใช้ที่มองเห็นภายนอกนี่อาจจะเป็นวิธีวัดที่เก่าไปแล้ว เพราะสำหรับเรื่องล่าสุดที่เพิ่งมีงานวิจัยออกมาเผยแพร่คือเขาสามารถใช้สิ่งที่มองไม่เห็นอย่างเสียงเพลง หรือแนวเพลงที่เราชื่นชอบนำมาใช้จำนวนวัดเงินในกระเป๋าของเราได้ แต่ก่อนจะไปอ่านผลวิจัย…ลองซื่อสัตย์กับตัวเองด้วยการคิดคำตอบในใจกันก่อนว่าคุณชอบฟังเพลงแนวไหน และเมื่ออ่านจบอย่าลืมบอกเราอีกครั้งด้วยว่าตรงหรือเปล่า เริ่มต้นที่เศรษฐีอเมริกันส่วนใหญ่มักจะฟังเพลงคลาสสิก ซึ่งแน่นอนว่ายังคงมีศิลปินไม้ตายอย่าง บีโทเฟน โมสาร์ต และบาช อยู่ใน track ที่เปิดเสมอ งานนี้แม้พวกเราอ่านไปแล้วจะเริ่มส่ายหน้าเพราะฟังดูเหมือนเรื่องอุปโลกน์ที่เดาขึ้นมาแบบส่ง ๆ แต่มันก็เป็นจริงแล้ว และรับรองได้ มาจากผลการสำรวจของกลุ่มคน millennials จำนวน 1,500 คนที่จัดทำขึ้นโดย TDAmeritrage งานนี้แม้จะเป็นการสำรวจจากกลุ่มคนจำนวนไม่มากเพียงช่วงวัยเดียว แต่เหล่านักวิจัยก็ยังยืนยันว่าผลลัพธ์สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบกับช่วงวัยอื่นได้ รักเพลงแนวไหน รายได้เท่าไหร่ หลายคนคงเริ่มอยากรู้แล้ว ลองดูกันว่าแนวเพลงที่เราชอบกันหน่อย ว่าตรงกับสิ่งนี้ไหม แนวเพลงคลาสสิก – $114,000 หรือ 3,730,071.29 บาท แนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ – $92,000 หรือ 3,010,232.97 บาท แนวเพลงแร็ป / ฮิปฮอป – $69,000 หรือ 2,257,674.73 บาท แนวเพลงยุค 80 และ 90 – $67,000 หรือ 2,192,234.88
หลายคนใช้เสียงเพลงเป็นสื่อบันเทิง ให้ความเพลิดเพลินไปกับเนื้อร้อง ทำนองที่ผ่อนคลาย หรือหนักหน่วง เร้าใจ ที่เราเลือกมาแล้วใน Playlist หลายคนใช้เป็นหนทางหลีกหนีไปสู่อีกโลกหนึ่งทุกครั้งที่กดปุ่ม Play ไปสู่โลกที่เราไม่ต้องคิดอะไร ไม่ว่าเราจะเลือกใช้มันเป็นอะไรก็ตาม พวกเขา “STOIC” เลือกที่จะใช้เสียงเพลงบอกเล่าเรื่องราวที่พวกเขาเจอมาในชีวิตในรูปแบบที่สื่อถึงตัวตนของพวกเขาที่สุด ใช้เพลงสื่อสารกับคนฟังอย่างเรา ๆ ให้รับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเนื้อเพลงและทุกตัวโน้ตที่พวกเขาตั้งใจเรียบเรียงขึ้นมา สำหรับคอเพลงอินดี้อาจจะคุ้นเคยกับเพลงของพวกเขาอย่าง เพลง “วิวรณ์” และเพลงล่าสุดอย่างเพลง “วัฎจักร” ที่เพิ่งปล่อย Official MV ไปเมื่อหลายวันก่อน UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับวง STOIC ถึงเรื่องราวของวงและผลงานที่ใคร ๆ ต่างก็รู้สึกถึง Touching กับทุกเพลงของพวกเขา โดยวง STOIC ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน คือ แพ็ค (กีต้าร์-ร้องนำ), หนึ่ง (กีต้าร์), ยู (เบส), เปรียว (กลอง), ฟลุ๊ค (เชลโล) ซึ่งตอนนี้ทางวงยังไม่อยู่ในสังกัดของค่ายไหน กว่าจะรวมตัวเป็น STOIC แพ็ค : ประมาณสองปีที่แล้วครับ
หากให้แนะนำหนังดีที่ควรดูสักเรื่องหลายคนและหลาย Page Facebook กูรูคอหนังต่าง ๆ “INCEPTION” ของผู้กำกับสติเฟื่องอย่าง Christopher Nolan ต้องติดอยู่ในลิสต์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่ล่ะ เพราะหนังมันช่างล้ำเกินกว่าจะดูรอบเดียวจบได้ ต้องมีซ้ำเก็บรายละเอียด บวกกับพล็อตเรื่องชวนพิศวงตามสไตล์ของโนแลน ยิ่งทำให้เรื่องนี้ถูกพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ และหนึ่งในนั้นคือตอนจบของเรื่อง ที่ยังคงถกเถียงกันตลอดมาว่ามันจบอย่างไรกันแน่ ฟังความเห็นจากกูรูหนังกันมาเยอะแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN จะบอกว่าจริง ๆ แล้วนักแสดงในเรื่องอย่าง Michael Caine ที่รับบทเป็นพ่อของ Dom Cobb ตัวเอกในเรื่องที่รับบทโดย Leonardo DiCaprio แอบเฉลยให้เรารู้ไว้ตั้งนานแล้ว! Spoil Alert !! เนื้อหาในบทความนี้ มีการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์บางส่วน ใครที่ยังไม่ได้ดู กลัวเสียอรรถรส แนะนำให้ดูก่อนแล้วค่อยมาอ่านทีหลังก็ยังไม่สาย ตอนจบของภาพยนตร์ดังอย่าง Inception ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงตั้งแต่เข้าโรงจนถึงทุกวันนี้ก็เกือบสิบปีแล้ว ว่าสุดท้ายแล้วตัวเอกของเรื่องของ Dom Cobb (Leonardo DiCaprio) กำลังติดอยู่ในความฝันหรือว่าภาพที่เห็นนั้นคือเรื่องจริงของเขา ซึ่งคือภาพของเขาอยู่กับลูก ๆ อย่างมีความสุข และตัดมาที่ Totem
วันเวลาที่บังคับให้ชีวิตเดินไปข้างหน้าแบบไม่มีหยุดพัก แม้จะชั่วโมง นาที หรือวินาที เราและโลกใบนี้ที่ก้าวไปพร้อมกัน เคยสังเกตไหมว่าในตอนเริ่มเดินทาง เรามีสิ่งที่ติดตัวมาเท่าไหร่ พอเดินทางมาได้สักพักแล้ว เราเหลืออะไรอยู่กับเราบ้าง ไม่ว่าการเดินทางของคุณจะเป็นยังไง วันนี้เพื่อนในวันวานที่หายไประหว่างทางอย่าง “CLASH” ได้กลับมาเดินทางพร้อมกันทั้งห้าคนอีกครั้ง แม้เขาจะหยุดพักระหว่างทางไปถึง 7 ปี แต่สิ่งที่ไม่เคยหายไปเลยแม้จะหยุดเดินทางนั่นคือ “มิตรภาพ” ของพวกเขา เป็นสิ่งที่ยังคงเหนียวแน่นและไม่เคยจางหายไปตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ครั้งนี้ไม่ได้กลับมารวมตัวกันเฉย ๆ เท่านั้น แต่พวกเขากลับมาอีกครั้งเพื่อคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ในรอบ 7 ปีของพวกเขาในคอนเสิร์ต “Leo Presents CLASH AWAKE Concert” วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2561 เวลา 20:00 น. มาดูกันว่ากว่าจะกลับมารวมตัวกัน เรื่องราวระหว่างทาง มิตรภาพที่ยังเหนียวแน่น และเสียงเพลงที่ยังคงยึดพวกเขาไว้ด้วยกัน จากวันนั้นจนถึงวันนี้พวกเขาเดินทางมาไกลแค่ไหนกันแล้ว ช่วงเวลาที่หายไป เมื่อช่วงต้นปี 2554 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แฟน ๆ เพลงหรือแม้จะไม่ใช่แฟน ๆ ก็ตามต่างต้องช็อกกับข่าวคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของวง CLASH อย่าง “CLASH
นับตั้งแต่ Mission: Impossible ภาคปฐมบทเข้าฉายในปี 1996 จนถึงวันนี้เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 22 ปีแล้วแต่สายลับมาดเท่นาม Ethan Hunt ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะวางมือจากวงการง่าย ๆ เพราะตอนนี้ Mission: Impossible – Fallout ภาพยนตร์ลำดับที่ 6 ในซีรีส์นี้กำลังจะเข้าฉายให้เหล่าสาวกได้ตื่นเต้นไปกับภารกิจสุดระห่ำที่เป็นไปไม่ได้อีกครั้ง นักแสดงที่มารับบทเป็น Ethan Hunt ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Tom Cruise เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ถึงแม้อายุจะปาไป 56 กะรัตแล้วแต่ก็ยังฟิตปั๋งอยู่ แต่ในส่วนผู้กำกับของภาคนี้มีการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์นิดหน่อยเพราะโดยปกติซีรีส์ MI จะเปลี่ยนตัวผู้กำกับทุกภาค ไม่เคยใช้ผู้กำกับซ้ำกัน แต่ในภาคนี้ผู้รับหน้าที่กุมบังเหียนกำกับคือ Christopher McQuarrie คนเดิมจากภาค Mission: Impossible – Rogue Nation เมื่อดู Trailer แล้วในภาคนี้ความระห่ำของ Ethan Hunt ก็ยังจัดหนักจัดเต็มไม่แพ้ภาคก่อน ๆ ดังนั้นก่อนที่เราจะไปสนุกกับ Mission: Impossible – Fallout UNLOCKMEN ขอพาไปย้อนดูในภาคก่อน ๆ ว่าพ่อหนุ่ม Ethan Hunt เคยผ่านการเสี่ยงตายอะไรกันมาบ้าง
‘แชร์ลูกโซ่’ คำ ๆ นี้อยู่คู่กับประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ถ้าพูดถึงจุดกำเนิดคงต้องย้อนไปเมื่อพ.ศ.2520 กับคดี ‘แชร์แม่ชม้อย’ ซึ่งกวาดเงินไปมากกว่า 4 พันล้านบาท ด้วยจำนวนเงินมหาศาลนี้เองทำให้แชร์ลูกโซ่ไม่เคยหายไปไหน อาจจะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนวิธีการ แต่ปลายทางสุดท้ายก็ไม่ต่างกัน และปัจจัยสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยในแชร์ลูกโซ่นั่นคือ ‘ความโลภ’ แน่นอนว่าความโลภเป็นสิ่งสากล ดังนั้นขบวนการแชร์ลูกโซ่จึงไม่ได้มีแค่ในประเทศไทยเท่านั้น และไม่ได้เกิดจากการหลอกคนจนเท่านั้น คนรวยเองก็ตกเป็นเหยื่อของความโลภไม่ต่างกัน วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักกับ Billionaire Boys Club บริษัทแชร์ลูกโซ่ที่สามารถเสกเงินพันล้านขึ้นมาได้ในพริบตา อื้อฉาวจนถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันซึ่งกำลังเข้าโรงฉายอยู่ในตอนนี้ Joseph Henry Gamsky เรื่องราวการฉ้อฉลบันลือโลกนี้เริ่มต้นจากชายชื่อ Joseph Henry Gamsky หรือ Joe Hunt นักลงทุนชาวอเมริกันในยุค 80 เขาฉลาดเป็นกรด ทะเยอทะยาน และเชื่อมั่นในตัวเองอย่างสูง เรียกว่าเขามีคุณสมบัติและลักษณะนิสัยที่คนจะประสบความสำเร็จควรมี (ผู้เขียนคิดว่า Joe Hunt และ Jordan Belfort หมาป่าแห่ง Wall Street ที่เรื่องราวของเขาเคยถูกนำมาทำหนังเป็นภาพยนตร์เช่นกันในชื่อ The Wolf
UNLOCKMEN แนะนำลิสต์หนังไว้มากมายนับไม่ถ้วน แต่ส่วนใหญ่เรามักเสนอหนังที่สร้างพลังใจและแรงบวกที่จะทำให้ผู้ชายอยากปะทะกับชีวิต แต่ UNLOCKMEN เชื่อว่าชีวิตจริงเราไม่อาจพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต วันนี้เราเสนอหนัง 5 เรื่องที่ล้วนอิงจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นจริงด้วยน้ำมือมนุษย์ โดยบางเรื่องก็สร้างมาจากเรื่องจริงเลย แต่บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นโดยอิงกับเหตุการณ์จริง แต่ทุกเรื่องที่เราเอามาฝากนอกจากทำให้หดหู่จนคอตก ยังเป็นบทเรียนให้เรามวลมนุษยชาติไม่กลับไปเผชิญแผลเดิมอันแสนเจ็บปวดอีก The Boy in the Striped Pajamas ใคร ๆ ต่างก็ออกปากว่าดู The Boy in the Striped Pajamas แล้ว หดหู่ไปหลายวัน โดยหนังเรื่องนี้สร้างมาจากนวนิยายที่เล่าเรื่องนาซีที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว แม้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่มนุษย์ทำต่อมนุษย์ จะทำให้เรามองโลกโหดร้ายไปหลายอาทิตย์ แต่การที่ The Boy in the Striped Pajamas ใช้ตัวละครหลักของเรื่องเป็นเด็กผู้ชายซึ่งไร้เดียงสามาเป็นตัวดำเนินเรื่อง และมีมิตรภาพอันดีต่อกัน โดยไม่รู้เลยว่าเด็กคนหนึ่งคือฝ่ายที่ต้องถูกฆ่าและอีกคนหนึ่งคือฝ่ายที่ลงมือฆ่า เรื่องราวหดหู่สุดขีดจะจบลงแบบไหน ? UNLOCKMEN บอกได้แค่ว่าต้องดูจริง ๆ The Flowers of War นี่เป็นหนังอีกเรื่องที่ดัดแปลงมาจากนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง 13 Flowers
พอเปิดประเด็นหนังปราบผีขึ้นมา หลายคนคงคิดว่าจะมีแต่คุณพ่อหน้าตาเฉิ่ม ๆ เนิร์ด ๆ ในชุดบาทหลวงเต็มยศ มาพร้อมของคู่ใจอย่าง ประคำไม้กางเขนและน้ำมนต์ ออกมายืนอ่านคัมภีร์งึมงัม ๆ ไม่แปลกหรอก เราเองก็เคยชินกับภาพแบบนั้นเหมือนกัน แต่ UNLOCKMEN อยากจะชวนมาเปลี่ยนความคิดชุดนั้นออกไป มาเจอกับ 5 หนังปราบผี-ปีศาจแบบคนมาดเท่เขาทำกัน เอาความคูลมาขับไล่วิญญาณร้ายไปพร้อมกับพระเอกหน้าหล่อเหล่านี้พร้อม ๆ กัน Constantine (2005) Director : Francis Lawrence ความเท่ของการปราบผีระดับตำนาน เรื่องราวของ John Constantine (Keanu Reeves) เขาไม่ได้เป็นนักบุญ แต่เขาคือผู้ที่เคยผ่านความตาย และมีพรสวรรค์ในการเห็นสิ่งใด ๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์ เขาใช้ชีวิตเพื่อกำจัดพวกเกเรกลับนรกไม่ให้เหลือซาก จนเขาได้ไปเจอกับตำรวจสาวที่ขอร้องให้เขาช่วยสืบเกี่ยวกับคดีการฆ่าตัวตายของน้องสาวฝาแฝดของเธอ แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น เมื่อความตายของสาวคนนั้นเป็นเพียงปมเล็ก ๆ ของเรื่องราวอันยุ่งเหยิงระหว่างปีศาจ ลูกตัวแสบของลูซิเฟอร์ที่อยากจะขึ้นมาป่วนโลกนี้แบบเต็มที ใครที่ชื่นชอบปีศาจแบบตามศาสนา ไม่ใช่ผีแบบ Ghost ล่ะก็ แนะนำเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ เพราะเรื่องนี้จะเต็มไปด้วย ปีศาจ ศาสนา ลูซิเฟอร์ นรก
การ์ตูนมักถูกมองว่าเป็นสื่อให้ความบันเทิงสำหรับเด็กมาโดยตลอด แต่จริง ๆ แล้วนั่นคือความเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะการ์ตูนหลายเรื่องมีเนื้อเรื่องเข้มข้น จริงจัง มืดมนยิ่งกว่าภาพยนตร์รางวัลแนวดราม่าเสียอีก และมีการ์ตูนจำนวนไม่น้อยที่แฝงเรื่องการเมืองเอาไว้ โดยเฉพาะการต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ ที่อ่านแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้เขียนได้มาเก็บข้อมูลจากโลกนอกการ์ตูนแน่นอน ดังนั้นวันนี้ UNLOCKMEN นำเอา 5 การ์ตูนเกี่ยวกับเผด็จการเรื่องเยี่ยมที่อยากให้ทุกคนรีบไปหาอ่านกัน ก่อนที่อาจจะหาอ่านไม่ได้ในอนาคต One Piece Written by Eiichiro Oda เนื้อเรื่องหลักอาจจะดูเหมือนการ์ตูนแอ็กชั่นพลังมิตรภาพตามสไตล์โชเน็นทั่วไป ว่าด้วยการเดินทางผจญภัยในท้องทะเลของโจรสลัดหมวกฟาง มังกี้ ดี ลูฟี่ และผองเพื่อนโดยมีเป้าหมายคือการเป็นจ้าวแห่งโจรสลัด แต่แท้จริงแล้ว One Piece เป็นการ์ตูนที่แฝงเรื่องการเมืองไว้เยอะมาก ชัดเจนที่สุดเลยคือประเด็นเรื่อง ‘เผ่ามังกรฟ้า’ เผ่ามังกรฟ้าคือมนุษย์ชนชั้นสูงที่สุดในโลก One Piece ลักษณะเด่นของเผ่านี้คือจะสวมหน้ากากใส ๆ เอาไว้ตลอดเวลาเพราะไม่อยากหายใจร่วมกับมนุษย์ที่ต่ำต้อยกว่า มีสัตว์เลี้ยงเป็นมนุษย์ด้วยกัน ฆ่ามนุษย์ชั้นต่ำเหมือนมดปลวกโดยไม่มีความผิด ส่วนสถานที่อยู่อาศัยของพวกเขาก็อยู่บนนครศักดิ์สิทธิ์ลอยฟ้านามว่า ‘แมรี่จัวร์’ ไม่ได้อาศัยร่วมกับมนุษย์ธรรมดาบนพื้นโลก สาเหตุที่เผ่ามังกรฟ้าสามารถทำได้ขนาดนี้เนื่องจากมีรัฐบาลโลกซึ่งควบคุมกำลังรบ คอยให้การสนับสนุนอยู่ พวกเขาสามารถสั่งการรัฐบาลโลกให้หันซ้ายหันขวาได้ตามใจ เรียกว่าควบคุมโลกทั้งใบไว้ในกำมือก็ว่าได้ ต่อให้เป็นโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขนาดไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าเผ่ามังกรฟ้าก็ยังต้องยอมสยบ ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ลูฟี่พระเอกของเรานี่เอง ที่ครั้งหนึ่งเคยโชว์วีรกรรมสุดห้าวปล่อยหมัดซัดใส่เผ่ามังกรฟ้าเต็มหน้าจนกระเด็นไปไกล สร้างชื่อให้โจรสลัดหมวกฟางเลื่องลือถึงรัฐบาลโลก