เคยสงสัยกันไหมว่าเสื้อผ้าสุดอลังการที่เหล่าศิลปินใส่ขึ้นโชว์บนเวทีคอนเสิร์ตนั้น พวกเขานำกลับมาใส่อีกครั้งหรือไม่? สุดท้ายแล้วมันไปอยู่ที่ไหน? หรือถูกวางขายในตลาดมือสองสักแห่งไปแล้ว? ถึงจะมีศิลปินหลายคนที่ใส่เสื้อผ้าซ้ำในการทัวร์คอนเสิร์ต แต่สำหรับงานพิเศษ ๆ อย่าง Glastonbury หรือ Coachella ที่หนึ่งปีมีครั้งนั้น แน่นอนว่าพวกเขาพร้อมจะอวดโฉมกันแบบไม่มีใครยอมใคร เสื้อผ้าตั้งแต่หัวจรดเท้าของแต่ละคนจะต้องโดดเด่น และอาจสวมใส่เพื่องานนี้เท่านั้น โดยคุณจะไม่ได้เห็นมันที่ไหนอีก! วัฒนธรรม “Throwaway Fashion” หรือ “แฟชั่นใส่แล้วทิ้ง” กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกต่างวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก แต่แฟชั่นกับดนตรีก็นับว่าเป็นสองสิ่งที่ไม่มีวันแยกจาก ในเมื่อโลกเปลี่ยนแปลง ศิลปินก็มีการปรับตัวเช่นกัน เหล่าศิลปินที่ขึ้นโชว์ในงาน Glastonbury ปี 2019 นี้ จึงหันมารวมตัวกันทำสิ่งดี ๆ บริจาคเสื้อผ้าที่ใช้ขึ้นแสดงบนเวทีให้กับองค์กรการกุศลที่ชื่อว่า Oxfam เสียเลย ซึ่งมูลนิธินี้ต่อสู้กับ Throwaway Fashion มาอย่างยาวนาน โดยเสื้อผ้าที่ศิลปินบริจาคจะถูกนำไปวางขายหรือเปิดประมูลต่อ เพื่อนำรายได้เข้าสู่องค์กร และนำไปทำประโยชน์ต่อ ๆ ไป ว่าแต่จะมีใครบ้างที่ร่วมการบริจาคครั้งนี้เรามาดูกัน Kylie Minogue ป๊อปสตาร์ตัวแม่คนนี้เป็นเจ้าของตำแหน่ง Legend Slot งาน Glastonbury ประจำปีนี้ (หลังจากห่างหายจากงานไปยาวนานถึง 14 ปี) เธอได้บริจาคหมวกกันแดด (Sun
ในตอนนี้แบรนด์แฟชั่นหลากหลายเจ้าทยอยเปิดตัวกันมาแล้วเรื่อย ๆ กับคอลเลกชัน Fall/Winter 2019 และคราวนี้ก็ถึงตาของแบรนด์แฟชั่นสุดเท่สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง COMME des GARÇONS ที่เปิดตัวคอลเลกชันสำหรับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว จากการติดแม่เหล็กดึงดูดความสนใจของหนุ่ม ๆ ด้วยรองเท้าคู่พิเศษที่ร่วมทำกับ Jordan Brand การเจอกันระหว่าง COMME des GARÇONS แบรนด์ที่เกิดขึ้นจากความขบถของดีไซเนอร์กับแบรนด์กีฬาชื่อดังอย่าง Nike กระตุ้นความตื่นเต้นให้เหล่าผู้ชื่นชอบรองเท้าต้องเตรียมควักกระเป๋า ยิ่งมาเห็นหน้าตาของคอลเลกชันยิ่งสร้างเซอร์ไพรส์ได้เป็นอย่างดีเพราะพวกเขาส่งรองเท้าบูทหนังสุดวินเทจซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมนักบิดที่คงความเท่ไม่เสื่อมคลายนำมาตีความจนกลายเป็นรองเท้าเท่ ๆ ในรุ่น COMME des GARÇONS x Air Jordan 1 Retro High ถ้าพูดถึงกลุ่ม Biker ที่จะรวมตัวกันและออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วอเมริกาด้วยรถคู่ใจ สิ่งที่โดดเด่นออกมานอกจากมอเตอร์ไซค์คันเท่คงหนีไม่พ้นแฟชั่นเครื่องหนังของสิงห์นักบิดทั้งเสื้อกั๊กหนัง รองเท้าบูทไปยันถุงมือหนัง พร้อมกับเครื่องประดับ เช่น แหวนเหล็กและสร้อยข้อมือแบบโซ่ ดังนั้น เมื่อทั้งสองแบรนด์นำแรงบันดาลใจจากกลุ่มวัฒนธรรมดังกล่าวมาใช้ รองเท้าบูทคู่นี้จึงใช้วัสดุประเภทเครื่องหนังเป็นส่วนประกอบหลัก คัดสีพื้นฐานอย่างสีขาวและดำมาใช้เป็นหลัก โดยเฉพาะกับสีดำที่เป็นเหมือน DNA ของ COMME des GARÇONS ฐานของรูเชือกรองเท้าปรับให้สูงขึ้นพร้อมตกแต่งด้วยมหมุดสีเงินสามชิ้นเรียงต่อกัน
เพราะการแต่งกายไม่ได้เป็นเพียงเครื่องนุ่งห่ม แต่การแต่งกายบ่งบอกไลฟ์สไตล์ สะท้อนตัวตน ไปจนถึงแสดงวิธีคิดเบื้องลึกของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนาฬิกาซึ่งถือเป็นไอเทมคู่ใจ ใคร ๆ ก็มองเห็นได้ง่ายจึงสามารถบอกเล่าเรื่องราวของผู้สวมใส่ได้ไม่น้อย การจะเลือกนาฬิกาสักเรือนที่ตอบโจทย์สไตล์การแต่งตัว แต่ขณะเดียวกันก็มีแก่นและคอนเซปต์ชวนค้นหาจึงเป็นเรื่องสุดท้าทายสำหรับผู้ชายอย่างเรา ๆ โดยเฉพาะผู้ชายที่นิยมชมชอบวิถีมินิมัลและต้องการไอเทมที่มีดีไซน์เรียบง่าย แต่ก็ยังต้องการนำเสนอแก่นแท้และวิธีคิดสุดลึกล้ำเพื่อแสดงให้เห็นว่าภายใต้ความเรียบเท่ ตัวตนของเรามีเรื่องราวมากมายรอให้ค้นเจอ วันนี้เราจึงมีไอเทมสำหรับผู้ชายผู้หลงใหลความมินิมัลมาแนะนำ “ISSEY MIYAKE 1/6” นาฬิกาดีไซน์เรียบเท่ แต่อัดแน่นด้วยคอนเซปต์และไอเดียเบื้องหลังการดีไซน์สุดลึกล้ำที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Tradition Scale หรือ เครื่องมือวัดรุ่นเก่า อีกทั้งยังเป็นการร่วมงานครั้งสำคัญระหว่างแบรนด์ ISSEY MIYAKE WATCH Project และ Nao Tamura ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก แม้ปกติ Nao Tamura จะออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ไลต์ติ้งและอื่น ๆ มาไม่น้อย แต่ความพิเศษสำหรับงานดีไซน์ชิ้นนี้คือการออกแบบนาฬิกาทั้งเรือนครั้งแรกของเธอ จึงยิ่งทำให้มุมมองการดีไซน์นั้นเต็มไปด้วยความสดใหม่ ดึงดูดใจ และไร้กรอบแห่งความจำเจมาจำกัด “วินาทีที่นาฬิกาพาดอยู่บนข้อมือ มันเสริมสร้างตัวตนและเอกลักษณ์ให้กับผู้สวมใส่ด้วย อาจพูดได้ว่านาฬิกาคือที่ซึ่งอารมณ์และฟังก์ชันรวมอยู่ด้วยกัน” – Nao Tamura สำหรับ Nao Tamura นาฬิกาจึงเป็นพื้นที่แห่งฟังก์ชัน แต่ในขณะเดียวก็มีอารมณ์อันซับซ้อนซ่อนอยู่ เธอต้องการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นมากกว่านาฬิกาทั่วไป
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่เป็นสาวกรองเท้าจากค่าย Nike โดยเฉพาะโมเดล Air Max 1 คงต้องเตรียมเงินกันให้พร้อม ถ้าได้เห็นภาพต้นแบบ “TINKER” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากภาพร่างดั้งเดิมของรองเท้า Air Max 1 ที่ Tinker Hatfield เคยวาดไว้ตั้งแต่ปี 1984 ซึ่งมีภาพหลุดออกมาถึง 3 สีด้วยกัน หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าชายที่ชื่อ Tinker Hatfield เป็นใครหรือมีความสำคัญกับ Nike มากขนาดไหน แต่สำหรับสาวกของค่าย Swoosh คงทราบกันดีว่าเขาคือชายที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบรองเท้ามากมายในค่าย Swoosh ไล่ตั้งแต่ Air Jordan 3-15 รวมถึง Air Jordan XX, XXlll และ XXV รวมไปถึงรองเท้ากีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามอย่าง Air Max 90 และ Air max 1 แต่ใครจะรู้ว่าภาพร่างของเขาที่วาดเอาไว้เมื่อ 35 ปีที่แล้วจะกลายมาเป็นแรงบันดาลในการออกแบบแคปซูล
Michael Fassbender ถือเป็นนักแสดงชายแถวหน้าของฮอลลีวูด ด้วยผลงานแสดงมากมากมายไม่ว่าจะเป็นบท Bobby Sands จากเรื่อง Hunger ไปจนถึงบทสุดท้าทายเกี่ยวกับชายหนุ่มติดเซ็กซ์ในเรื่อง Shame หรือบทเจ้าของฟาร์มโรคจิต 12 Years A Slave หรือบทที่ทุกคนจำเขาได้แม่นกับ Magneto ในแฟรนไชส์ X-Men และก็เคยมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสองครั้งจากบทบาทการแสดงที่หลากหลายของเขา หลังจากที่เห็นผลงานด้านการแสดงมามากแล้ว ทำให้ UNLOCKMEN ต้องการสำรวจแฟชั่นของหนุ่มมาดเท่คนนี้ว่าแต่ละสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป Michael Fassbender จะเป็นชายที่มีสไตล์การแต่งตัวแบบไหน แฟชั่นเสื้อโปโลในวันสบาย ๆ Michael Fassbender คือชายหนุ่มที่อยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่วัยรุ่น ทำให้เราเห็นสไตล์การแต่งตัวที่หลากหลายจากเขา อย่างเช่นปี 2011 หรือประมาณ 8 ปีก่อนในงาน International Film Festival ก็จะเห็น Michael หนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวเซอร์ ๆ ด้วยเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนสีน้ำเงิน กับแหวนเงินเท่ ๆ และแว่นกันแดด แต่เมื่อเวลาผ่านไปสไตล์การแต่งตัวของเขาก็เปลี่ยนไปตามวัย Michael Fassbender มักแต่งตัวสบาย
ผู้ชายอย่างเราคงทราบกันดีว่า “รองเท้า” คือหนึ่งในไอเทมสุดไฮป์ที่สำคัญต่อการแต่งตัวในทุกสไตล์ ด้วยตัวเลือกของรุ่นและงานดีไซน์ที่มีมากมาย ขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องแต่งกายที่ศิลปินหลายคนเลือกใช้เป็นแบบในการละเลงความคิดสร้างสรรค์ด้วยการดัดแปลงเอกลักษณ์จากสิ่งที่ชอบก่อนถ่ายทอดลงสู่รองเท้าโดยหลายครั้งก็ทำออกมางดงามจนรู้สึกว่าควรมีวางขายจริง เช่นเดียวกับผลงานดีไซน์ชุดล่าสุดที่ศิลปินหนุ่มชาวยูเครนเลือกใช้ “อากาศยาน” มาเป็นคอนเซ็ปต์ในการออกแบบรองเท้าทั้ง 3 รุ่นจากค่าย Swoosh Danya Shulipa ศิลปิน Illustrator สัญชาติยูเครน ได้เผยแพร่ผลงานผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ด้วยการนำเสนอรองเท้าจาก Nike จำนวน 3 โมเดลได้แก่ Air Force 1 Utillity, SF Air Force 1 และ Air Max 97 โดยรองเท้าแต่ละคู่จะถ่ายทอดเอกลักษณ์สำคัญของอากาศยานสุดคูลที่ตัวเขาชื่นชอบ ซึ่งจะสวยงามมากน้อยแค่ไหนต้องมาชมด้วยตาคุณเอง เริ่มกันที่คู่แรกกับ Air Force 1 Utillity ที่เลือกใช้ยานอวกาศขนส่งของน่าซ่าอย่าง OV-103 Discovery มาเป็นแบบ โดย OV-103 ถูกยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกระสวยขนส่งอวกาศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด จากการปฏิบัติภารกิจสำเร็จถึง 39 ครั้ง Danya Shulipa เลือกใช้โทนสีขาวดำแบบเดียวกันกับตัวกระสวยในอัปเปอร์และแถบคาดสีดำที่มีโลโก้ของนาซ่าติดไว้ ก่อนปักคำว่า
ตลาดรองเท้าทั่วโลกกำลังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้คนหันมาพิถีพิถันกับเครื่องแต่งกายชิ้นนี้มากขึ้น ทำให้แต่ละปีมีโมเดลรองเท้าทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ รวมถึงงานคอลแลปส์จำนวนมากปล่อยออกมาเรียกเงินในกระเป๋าของหนุ่ม ๆ อย่างเราไปไม่น้อย แต่ท่ามกลางรองเท้าจำนวนมากกลับมีเพียงไม่กี่โมเดลเท่านั้นที่เรารู้จัก ยิ่งโมเดลที่สามารถยืนระยะยาวนานในทุกยุคทุกสมัยยิ่งมีน้อยลงไปอีก แต่ถ้าจะให้ยกสักโมเดลในตำนานจาก Nike ชื่อของ Air Force-1 (AF-1) คงเด่นชัดขึ้นมาในใจของใครหลายคน และนี่คือเรื่องราวความเป็นมา รวมถึงเหตุผลที่ทำให้เสน่ห์ของมันไม่เคยเสื่อมคลายไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย จุดกำเนิดของตำนาน Air Force 1 “Air In a Box“ คือสโลแกนที่ Nike ใช้เปิดตัวผลิตภัณฑ์รองเท้ารุ่นใหม่ของพวกเขาเมื่อปี 1982 โดยถือเป็นครั้งแรกที่คนทั้งโลกได้รู้จักโมเดลรองเท้าที่ดีไซน์แบบ High-Top ซึ่งมีเอกลักษณ์จากอัปเปอร์วัสดุหนังสีขาวยาวหุ้มข้อ มีแถบคาดที่ทำจากผ้าโทนสีเดียวกัน ก่อนตกแต่งเอาต์โซลและโลโก้ Swoosh สี Neutral Grey พร้อมส่วนโซลขนาดใหญ่ที่เป็นจุดเด่น ก่อนตั้งชื่อให้มันว่า Air Force 1 ตามชื่อเรียกเครื่องบินส่วนตัวของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยรองเท้าคู่นี้เป็นฝีมือการออกแบบของสุดยอดดีไซน์เนอร์อย่าง Bruce Kilgore ในเวลานั้น Air Force 1 เปิดตัวออกมาในฐานะรองเท้าบาสเกตบอลคู่แรกของค่าย Swoosh ที่ใช้เทคโนโลยี “AIR” เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายและรองรับแรงกระแทกเพื่อให้เหมาะสมกับกีฬายัดห่วง โดยเปิดตัวแคมเปญโฆษณาชิ้นแรกพร้อมสตาร์จาก NBA
ถือเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งสำหรับวงการสนีกเกอร์และแฟชั่นเครื่องกีฬา จากเหตุการณ์การฟ้องร้องระหว่างแบรนด์รองเท้าชื่อดังอย่าง Adidas กับ Skechers ที่ทำให้หลายคนจับตามอง ซึ่งหลังจากขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาหลายครั้งในที่สุดบทสรุปของคดีความเรื่องการถือครองลิขสิทธิ์บนภาคพื้นยุโรปก็ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะคนในวงการรองเท้ากีฬา วงการแฟชั่น หรือคนอื่น ๆ ก็คงมีความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ Adidas แถบสามขีดหรือที่เรียกกันว่า Three-Bar Logo และเมื่อเห็นแถบสามขีดบนรองเท้าคนส่วนใหญ่ก็จะรู้ทันทีว่ามันคือรองเท้าของ Adidas อย่างไรก็ตามดูเหมือนความเข้าใจของคนทั่วโลกก็อาจจะไม่หนักแน่นพอสำหรับการขึ้นศาลยุโรปของแบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดัง การฟ้องร้องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในปี 2018 เมื่อแบรนด์สนีกเกอร์ Skechers ถูกฟ้องร้องโดย Adidas ว่ารองเท้ารุ่นหนึ่งของแบรนด์มีแถบด้านข้างที่คล้ายกับแถบสามขีดที่เป็นสัญลักษณ์ของ Adidas มากจนเกินไป กรณีการฟ้องร้องของ Adidas ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ย้อนไปอีกพักใหญ่ แบรนด์ Payless เคยถูกฟ้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ปี 2008 โดยใช้แถบสี่ขีดคล้ายกับ Three-Bar Logo ทำให้ Adidas ได้เงินจากการฟ้องครั้งนั้นไปถึง 305 ล้านดอลลาร์ หรือกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว ส่วน Macr Jacobs โดนฟ้องในปี 2015 ต้องยกเลิกการขายผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์เครื่องกีฬาบอกว่าคล้ายคลึงกับสัญลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนี้ Thom Browne ก็เคยถูก Adidas ฟ้องมาแล้วเหมือนกันเพราะลายเสื้อมีแถบสามขีดจนทำให้
การแข่งม้าสำหรับอังกฤษอาจไม่ใช่การแข่งม้าธรรมดาเหมือนอย่างบ้านเรา แต่เป็นงานสังคมของชนชั้นสูง ตามที่หลายคนมักชอบพูดกันว่า “ชาวบ้านเป็นคนเลี้ยงม้า แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของม้า” เพราะค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงม้าเป็นอะไรที่สูงมาก แถมยังต้องมีเนื้อที่เพียงพอสำหรับทำคอกม้าอีก ดังนั้นกีฬาที่เกี่ยวกับม้าอย่างโปโลหรือการแข่งขันความเร็วของม้าจึงเป็นเสมือนที่รวมตัวและออกงานของผู้มีอันจะกิน ด้วยความหรูหราและค่านิยมที่แตกต่างของการเข้าไปชมกีฬาแข่งม้าของบ้านเรากับอังกฤษ ทำให้ UNLOCKMEN อยากพาทุกคนไปดูสไตล์ธรรมเนียมและเรื่องราวของ Royal Ascot การแข่งขันม้าที่โด่งดังที่สุดของเกาะอังกฤษ ที่จะทำให้เห็นว่าไม่ได้มีแค่ม้าเท่านั้นที่เป็นตัวเอกแต่ยังมีอะไรให้เห็นมากกว่าที่คิด สำหรับการแข่งม้า Royal Ascot จากเดิมที่เป็นแค่การแข่งขันปัจจุบันกลายเป็นเทศกาลหนึ่งของอังกฤษไปแล้ว และถือว่าเป็นการแข่งม้าที่หรูหราและยิ่งใหญ่ที่สุดของเกาะอังกฤษที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1711 เพื่อชิงเงินรางวัลกว่า 7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 274 ล้านบาท) ด้วยจำนวนเงินรางวัลที่เย้ายวนทำให้ภายในงานที่ดำเนินมา 300 กว่าปี เต็มไปด้วยเหล่าม้าแข่งสายพันธุ์ดีที่มาจากทั่วโลก และจัดการแข่งขันทั้งหมด 5 วันด้วยกัน เนื่องจากงานแข่งม้า Royal Ascot มีผู้เข้าร่วมมากมายทั้งราชินีอังกฤษ เจ้าชาย เหล่าเชื้อพระวงศ์ไปจนถึงคนธรรมดาอย่างเรา ๆ แต่วัฒนธรรมดั้งเดิมที่จัดต่อเนื่องมาหลายร้อยปีรวมถึงการมีผู้ชมชนชั้นสูงเข้าร่วม จึงทำให้ทางผู้จัดจำเป็นที่จะต้องออกข้อบังคับเรื่องการแต่งตัวของผู้ที่จะมาร่วมชมงานแข่งม้าในสนามนี้ โดยจะแบ่งการแต่งตัวออกเป็น 3 กลุ่ม ตามโซนที่นั่งเรียงจากราคาที่แพงที่สุดคือ Royal Enclosure ตามมาด้วย Queen Anne Enclosure
Nike Air Max 95 ถือเป็นสนีกเกอร์ยอดนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งของ Nike ที่มักโผล่มาพร้อมสีสันจัดจ้านแตกต่างกันให้เห็นอยู่เสมอ โดยล่าสุดแบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดังก็ไม่ทำให้ผิดหวังปล่อย Air Max 95 ที่อัดแน่นด้วยสีสันสดใสให้เหล่าผู้ชื่นชอบสนีกเกอร์ตาลุกวาวเป็นที่เรียบร้อย ขอเกริ่นถึงที่มาของสนีกเกอร์กันเสียหน่อยก่อนพูดถึง Air 95 ตัวล่าสุด หนุ่ม ๆ ที่เป็นคอสนีกเกอร์คงพอจะรู้ความแตกต่างของตัวเลขที่อยู่ท้ายรุ่นกันอยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนอาจจะยังไม่รู้ แท้จริงแล้วตัวเลข 95 คือตัวเลขที่บ่งบอกถึงปีจำหน่ายรองเท้าโมเดลนี้ รวมถึงความแตกต่างที่เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยทั้งด้านการออกแบบ วัสดุ และเทคโนโลยีที่ใช้ เพื่อเปลี่ยนให้สนีกเกอร์แต่ละรุ่นตอบโจทย์ตามการใช้งานหลากหลายสถานการณ์มากขึ้น แม้ว่าสนีกเกอร์ตระกูลนี้จะมีมากมายหลายแบบจนนับแทบไม่ไหวและมีความโดดเด่นต่างกันไป แต่จุดเด่นร่วมที่เหมือนกันของ Nike Air Max ทุกรุ่นคือเอกลักษณ์ของพื้นรองเท้าที่นำเทคโนโลยี Air Sole Unit มาใช้เพื่อการรับแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยมขณะวิ่ง Nike Air Max 95 คู่นี้เป็นรองเท้าที่มีหน้าตาแตกต่างจากรุ่นก่อน ๆ ที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน เพราะเขาพัฒนานวัตกรรมและดีไซน์ปรับให้สอดคล้องกับสรีระของมนุษย์ยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าจึงทำให้ได้รับความนิยมสูง ดังนั้น ถ้าไปไล่ดูตัว Air Max 95 จะพบว่าดีไซน์นับร้อยแบบ และสำหรับสีล่าสุดของรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวนี้ทาง Nike ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการส่งสนีกเกอร์ที่รวมสีสันสดใสเข้าด้วยกัน Nike Air