วันหยุดสุดสัปดาห์คือเวลาพักผ่อนหย่อนใจของคนทำงาน หนุ่ม ๆ จำนวนไม่น้อยเลือกใช้เวลาอยู่กับบ้านนั่งดูซีรีส์เรื่องโปรด บางคนชื่นชอบการออกไปเดินเล่นนอกบ้านพร้อมกับพาคนข้างกายหรือครอบครัวไปทานอาหารร่วมกัน และหนุ่มคนเมืองอีกจำนวนหนึ่งก็ยังต้องก้มหน้าก้มตาทำงานในช่วงวันหยุด UNLOCKMEN ได้ใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ทำสิ่งต่าง ๆ ในคาเฟ่เรือนกระจกย่านพระรามเก้าที่รอต้อนรับผู้มาเยือนทุกวัน ไม่ว่าใครจะอยากได้ที่นั่งทำงานบรรยากาศดี หรือต้องการรับประทานอาหารอร่อย ๆ ในสวนสไตล์ทรอปิคอล เราขอแนะนำให้มาที่ The Hub Cafe and Eatery คาเฟ่และร้านอาหารบรรยากาศดีอย่าง The Hub Cafe and Eatery ซ่อนตัวอยู่ในซอยพระรามเก้า 41 เลี้ยวเข้ามาจากถนนเสรี 9 ถึงแม้จะซ่อนตัวอยู่ในซอยแต่ก็ยังโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโมเดิร์นชั้นเดียว หลังคาทรงจั่วประกอบแผ่นไม้สีเข้มเข้ากับกระจกบานใหญ่ ตกแต่งสวนรอบคาเฟ่ด้วยพืชพรรณดิบชิ้นสไตล์ทรอปิคอลและต้นจามจุรีอายุกว่า 50 ปี ที่อยู่มาก่อนจะเกิดคาเฟ่จะทำให้บรรยากาศร่มรื่นเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ใช่แค่เรือนกระจกกับสถาปัตยกรรมโดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าร้านเท่านั้น แต่ภายในของ The Hub Cafe and Eatery ที่ดีไซน์ให้เพดานอาคารให้สูงกว่าปกติส่งให้บรรยากาศภายในโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด เรือนกระจกรับแสงแดดสามารถทำให้เราเห็นทัศนียภาพของสวนสไตล์ทรอปิคอลได้อย่างชัดเจน เพราะ Owner ของที่นี่บอกกับเราว่า เขาต้องการสร้างคาเฟ่ให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้าน The Hub Cafe and Eatery
‘ตลาดน้อย’ ถือเป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ในอดีตที่นี่โดดเด่นด้วยธุรกิจเซียงกง ตลอดสองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านจำหน่ายอะไหล่ ชิ้นส่วนประกอบ และเครื่องยนต์เก่าของรถที่ใช้แล้ว แม้ปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้จะถูกลดความนิยมลง แต่เซียงกงก็ยังคงมีให้เห็นและถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของย่านตลาดน้อยแห่งนี้ นอกจากตลาดน้อยจะรวบรวมเสน่ห์เมืองเก่าและบรรยากาศที่แฝงกลิ่นอายวัฒนธรรมจีนเอาไว้ ที่นี่ยังห้อมล้อมไปด้วยวิถีชีวิตของชาวจีนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่น่าหลงใหลไม่แพ้กัน ขณะที่เรากำลังเดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยของย่านนี้ ก็ต้องสะดุดตากับ ‘TAIGUAN CAFE’ ร้านกาแฟสไตล์จีนที่ตั้งอยู่ใกล้กับศาลเจ้าโจ๋วซือกง เป็นคาเฟ่ที่ดีไซน์แบบร่วมสมัย และดึงดูดใจมากพอจะทำให้ก้าวเข้าไปแบบไม่ยั้งคิด TAIGUAN CAFE เปลี่ยนบ้านเก่าเก็บให้กลายเป็นคาเฟ่ร่วมสมัย จุดเริ่มต้นของ ‘TAIGUAN CAFE’ เกิดจากการนำบ้านจีนเก่าแก่อายุร่วม 200 ปี มารีโนเวตให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น แต่เดิมเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นคนจีนที่อพยพมาจากสิงคโปร์ เขาจึงสร้างบ้านให้เป็นทั้งที่พัก ลานจอดรถม้า และโกดังเก็บของ ด้วยแนวคิดที่อยากคงเสน่ห์ของความเก่าแก่เอาไว้ เจ้าของร้าน TAIGUAN CAFE จึงนำสไตล์ Modern Chinese เข้ามาตกแต่งตัวอาคาร แถมยังเหลือโครงสร้างเก่าอย่างประตูไม้อายุ 200 ปีไว้ให้ดูต่างหน้า ส่วนชื่อร้าน “TAIGUAN CAFE” ก็มาจากชื่อบ้านเดิม “ไทง้วนเอ้งกี่” ที่แปลว่าจุดกำเนิดรุ่นแรกของประเทศไทย ด้านหน้าของร้านดีไซน์ด้วยผนังสีขาว ยกโครงสร้างเป็นสองชั้นให้ดูเหมือนปราสาทเมืองจีน พร้อมประดับด้วยโคมไฟจีนสีแดงเด่น ส่วนภายในร้านเน้นใช้วัสดุไม้เป็นหลัก ดีไซน์ให้ดูอบอุ่นเหมือนบ้าน เพื่อให้เป็นจุดพบปะของเพื่อนฝูง เมนูเครื่องดื่มสุดครีเอตที่ถ่ายทอดรสชาติแบบจีนสมัยใหม่
อย่างที่รู้กันดีว่า Urban Men อย่างพวกเรา ชีวิตส่วนใหญ่ในแต่ละวันนั้นแทบจะหมดไปกับการทำงาน แม้จะอ่านบทความเกี่ยวกับ Work-Life Balance มาแล้วไม่รู้กี่อันต่อกี่อัน แถมยังบอกตัวเองทุกวันว่าจะแบ่งเวลาไปใช้ชีวิตด้านอื่น หรือรีบตื่นขึ้นมาออกกำลังให้สุขภาพฟิตปั๋งกับเขาดูสักตั้ง พอเอาเข้าจริง ๆ ด้วยรูปแบบการทำงานที่ไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาที่แน่นอนได้ บ่อยครั้งที่ต้องเลิกงานดึกดื่น จะให้ตื่นมาเสริมสร้างสุขภาพในตอนเช้าก็ยากเหลือเกินที่จะงัดร่างออกจากที่นอน จนทำให้หนุ่ม ๆ ทั้งหลายล้มเลิกแผนฟิตปรับชีวิตให้มีบาลานซ์ พับความตั้งใจอันแรงกล้าเก็บเข้าลิ้นชักมันเสียดื้อ ๆ แต่ถึงแม้จะต้องเผชิญกับข้อจำกัดชีวิตที่เหมือนจะถูกฟ้าลิขิตให้เป็นปรปักษ์ต่อความฟิตที่วาดหวัง ก็ใช่ว่าเป้าหมายในการมีสุขภาพดีนั้นจะต้องพังทลาย เพราะวันนี้ UNLOCKMEN ขอรับอาสา ทำหน้าที่เป็นไกด์พาไปเปิดโลกใหม่ของผู้ชายรักสุขภาพ กับพิกัดศูนย์รวมความฟิตซึ่งเรามั่นใจว่าจะสามารถตอบโจทย์โดนใจเหล่า Urban Men ทั้งหลาย ด้วยการจัดโซนพื้นที่บริการแบบ 24 ชั่วโมง ที่เรียกได้ว่าโคตรจะลงตัวกับตารางชีวิตอันแสนยุ่งเหยิงของผู้ชายอย่างเรา ๆ และที่สำคัญคือความสะดวกสบาย เดินทางง่าย ไปที่เดียวครบ เพราะมันไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล แค่ออกไป ‘สามย่านมิตรทาวน์ (SAMYAN MITRTOWN)’ ใกล้ ๆ ใจกลางเมืองนี่เอง สำหรับหนุ่ม ๆ งานยุ่ง ที่ไม่ค่อยได้ไปเดินห้าง อาจจะงง ๆ เล็กน้อยว่า ‘สามย่านมิตรทาวน์’ คืออะไร?
คงต้องบอกว่าในปัจจุบันนั้นเป็นไปได้ยากที่จะมองหาร้านกาแฟเท่ ๆ สักร้าน ที่มีอะไรมากกว่าแค่คาเฟอีนขมเข้มและความอิ่มท้องจากอาหารว่าง เราเชื่อเสมอว่าความต้องการของผู้ชายสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ผู้ชายบางคนอาจอยากไปร้านกาแฟที่มีพื้นที่ธรรมชาติ บ้างปรารถนาเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ นอกจากกาแฟ บางคนอยากให้ร้านกาแฟมีเสื้อผ้า ของกิน และของใช้ที่ซื้อไปเอาใจแฟนสาวได้ แต่หนุ่มบางพวกก็อาจอยากนั่งเงียบ ๆ คนเดียว แล้วปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์โลดแล่นอวลกลิ่นกาแฟและบรรยากาศของงานศิลปะ ขณะที่เรากำลังขับรถตามหา ‘ร้านกาแฟ’ ที่มีอะไรมากกว่า ‘กาแฟ’ ก็แทบไม่รู้ตัวเลยว่าดันขับรถเลยย่านสาธรมาแล้ว แถมยังมาโผล่บนถนนนางลิ้นจี่ที่ไม่คุ้นตา แต่ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลนักจากย่านก่อนหน้า ระหว่างที่กำลังเสาะหาร้านกาแฟตามถนนนางลิ้นจี่ที่ถอดยาว เราเผลอสะดุดตากับร้าน AGO CAFE หรือ AGO – Designed Selected Shop ที่เป็นร้านกาแฟควบช็อปเซรามิกสุดเท่ จึงรีบเลี้ยวรถเข้าซอยนางลิ้นจี่ 4 และเดินดุ่มเข้าไปในร้านโดยไม่รีรอ AGO CAFE เริ่มต้นจากงานดีไซน์ ก่อนขยายไปสู่กาแฟ เมื่อไถ่ถามบาริสต้าประจำร้านจนได้ความ ก็พอทราบคร่าว ๆ ว่านี่เริ่มต้นจากช็อปซีเล็คเต็ดที่ผนวกงานคราฟต์ งานอาร์ต และงานดีไซน์เข้าด้วยกัน โดยนำเสื้อผ้ามือหนึ่งและสองจากฝีมือดีไซเนอร์ชาวไทย สมทบด้วยของใช้ เครื่องประดับ และเครื่องเขียนมาจัดวางตกแต่งร้าน ก่อนจะยกคอฟฟี่แมชชีนมาสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มหลากชนิด ภฤศธร สกุลไทย
“ไก่” ถ้าทอดมาร้อน ๆ หนังกรอบ ๆ กลิ่นหอม ๆ เคี้ยวนุ่ม ๆ ไม่แห้ง รสไม่ชืดเป็นกระดาษ ยังไงก็ต้องยกให้เป็นหนึ่งในเมนูประจำโต๊ะของผู้ชายทุกคน เพราะเมนูนี้มันกินแกล้มกับเบียร์ง่าย หรือถ้าอยากกินจริงจัง ซื้อข้าวเปล่าสักถุงมากินด้วยกันก็รู้สึกว่าอิ่มท้องพอดี ทันทีที่รู้ว่า Lido Connect มีไก่ทอดไต้หวันร้านใหม่ชื่อ “Oh sh_t not you again” มาเปิด แถมเป็นสูตรของเชฟหลิน กั๋ว เหวิน (Lin Kuo Wen) เชฟระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาวจากไต้หวันเป็นคนคิดค้น UNLOCKMEN จึงไม่พลาดมาพิสูจน์รสชาติถึงที่ และแน่นอนว่างานนี้ต้องได้คุยกับเชฟเจ้าของสูตรแบบ Exclusive ก่อนใครด้วย ใช่ นี่คือเชฟ Lin Kuo Wen เชฟมิชลินตัวเป็น ๆ เจ้าของสูตรตัวจริง ไม่ใช่สแตนดี้หน้าร้าน ที่มาหมัก ทอด หั่น โรยสูตรความอร่อยจากไต้หวันให้เรากินก่อนและเผยความพิเศษของสูตรให้เรารู้ “ผมใช้เวลา 18 ปีฝึกฝนตัวเอง
ย้อนกลับไปราว ๆ 20 ปีก่อน ชายหนุ่มสองคนนาม ‘ตุ่น’ และ ‘เอ’ เป็นเพื่อนรักกัน พวกเขาต่างหลงใหลอะไรคล้าย ๆ กัน นั่นก็คือการสะสมแผ่นเสียงและของเล่น ทุกครั้งที่พวกเขาเดินทางไปที่ใด เป็นต้องหิ้วของที่น่าสนใจติดไม้ติดมือกลับมาทุกที โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ที่พวกเขายกย่องให้เป็นแหล่งซื้อแผ่นเสียงชั้นยอด อุดมไปด้วยของดีมีคุณภาพให้เลือกสรร ในราคาไม่แพง อีกทั้งดินแดนอาทิตย์อุทัยยังเต็มไปด้วยคอลเลกชันของเล่นเท่ ๆ มากมายที่ยากจะหามาจับจอง จากการซื้อเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ยิ่งนานวันของสะสมของสองเพื่อนเกลอก็ยิ่งเพิ่มพูน แน่นอนว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของนักสะสมก็คือ ‘สถานที่เก็บของ’ กระทั่งในที่สุดโชคชะตาก็นำพาให้พวกเขาค้นพบทำเลเข้าตาย่านรามอินทราเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เดิมทีที่นี่เป็นร้านอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่ง พวกเขาจึงเนรมิตสถานที่แห่งนั้น ให้กลายเป็น Vinyl & Toys ร้านอาหารกึ่งบ้านของสองนักสะสม ที่ UNLOCKMEN มาเยี่ยมเยือนในวันนี้นั่นเอง VINYL & TOYS สิ่งแรกที่เราคิดเมื่อเหยียบย่างเข้ามาในร้าน บอกเลยว่าคนรักเสียงเพลงแบบเราถึงกับดีใจจนเนื้อเต้น เพราะภายในร้านถูกตกแต่งไปด้วยแผ่นเสียงมากมายวางเรียงราย แบ่งเป็นโซนโชว์และโซนสำหรับขายแผ่นเสียงจริง ๆ ไหนจะสารพัดไอเทมวินเทจ เช่น ของเล่น ตุ๊กตา เกมโบราณ
ถ้าเทียบกับส่วนอื่น ๆ ของประเทศ ย่าน “เมือง” จะเป็นที่แรก ๆ ที่โดนเปลี่ยนแปลงก่อน แถมยังต้องปรับเปลี่ยนหน้าตาบ่อย ๆ เพื่อพัฒนาพื้นที่ตอบโจทย์คนมาใหม่และคนที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม หนึ่งในพื้นที่นั้นคือ “สามย่าน” โซนความเจริญที่มีแหล่งร้านอาหารเพียบ เลยไปหน่อยก็เจอหัวลำโพง ใกล้ MRT มีวัด ขยับไปอีกด้านมีห้าง มหาวิทยาลัย ศูนย์รวมความทันสมัยมากมายที่พวกเราต่างไปที่นั่นกันบ่อย ๆ แล้วนอกจากพื้นที่สาธารณะล่ะ? พื้นที่ส่วนตัวประเภทที่อยู่อาศัยมีอะไร เขาอยู่กันแบบไหน ทั้งก่อนและหลังการเปลี่ยนผ่านไปเป็นพื้นที่ใหม่? Art of Ars ครั้งนี้เราขอชวนชาว UNLOCKMEN ที่กำลังกระหายศิลปะกับความรู้สึกแปลกใหม่ กำลังอยากเติมไอเดียไปดูนิทรรศการในสามย่านที่ The Shophouse 1527 พื้นที่ทดลองแห่งใหม่จากความร่วมมือของ Cloud Floor, If และ soi | ซอย ที่เพิ่งเปิดตัวนิทรรศการแรกเล่าความสัมพันธ์กับคนและสถาปัตยกรรม โดยใช้ชื่อว่า Resonance of Lives at 1527 คุณเคยเห็นตึกเก่า คุณเคยเห็นตึกใหม่ที่โดนรีโนเวตแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเห็นตึกนั้นตอนเปลี่ยนแปลง นี่คือคอนเซ็ปต์ตั้งต้นของ Resonance
คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘การเดินทางท่องเที่ยว’ คืออีกหนึ่งความสุขของผู้ชายเรา ไม่ว่าจะดำลงทะเลแหวกว่ายดูปลา ก้มหน้าเดินขึ้นเขาเพื่อรอชมดาวและทะเลหมอก สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิดด้วยการล่องแพสุดหวาดเสียว หรือนอนโง่ ๆ บนเตียงในโรงแรมสักแห่งของโลกที่ห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศไม่คุ้นตา เราเชื่อว่าผู้ชายทุกคนมีเหตุผลของการไปเที่ยวที่ต่างกัน บางคนอยากพักผ่อนหลังจากเหนื่อยล้ากับการทำงาน บ้างกำลังวิ่งหนีและหาวิธีรักษาสภาพหัวใจที่ไม่สู้ดี แต่ไม่ว่าคุณจะออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่ออะไร โปรดรู้เอาไว้ว่ามันจะสร้างความทรงจำและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับคุณเสมอ แล้วถ้าโชคดีกว่านั้นการเดินทางอาจเรียกคืนความสุขที่คุณเผลอทำหล่นหายในระหว่างเส้นทางการใช้ชีวิตก็เป็นได้ ถ้าความคิดที่อยากไปเที่ยวดันแวบเข้ามาในหัวคุณ แต่ไม่ได้รับการตอบสนองเพราะไม่รู้จะไปที่ไหนดี นิตยสาร TIME เพิ่งจัดอันดับ 100 จุดหมายปลายทางแห่งปี 2019 ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากไปเยือน และ UNLOCKMEN ก็คัดเลือก 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่คิดว่าเจ๋งและเหมาะกับหนุ่มนักเดินทางอย่างคุณที่สุดมาไว้ให้แล้ว! Camp Adventure (Ronnede, Denmark) เดินทางจากเมือง Copenhagen เพียง 1 ชั่วโมง คุณก็จะได้พบกับ Camp Adventure สถาปัตยกรรมนาฬิกาทรายชื่อดังที่ตั้งอยู่ในป่า Gisselfeld Klosters Skove ของเดนมาร์ก ด้วยความสูงจากพื้นราว 45 เมตร ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าที่นี่จะน่าตื่นเต้นและหวาดเสียวมากขนาดไหน ตัวทางเดินที่ดีไซน์มาเป็นวง ๆ จะเชื่อมต่อไปยังยอดสูงสุดของแคมป์
‘เสียงหัวเราะ’ เป็นอีกหนึ่งสัญญาณความสุขที่พ่วงมากับรอยยิ้มโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว แล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันช่วยขับเคลื่อนความสุขแทบทุกอณูของชีวิตและปลอบประโลมหัวใจอ่อนแอของผู้ชายในวันที่เหนื่อยล้าและท้อแท้ได้อย่างดี หลังจากฟาดฟันกับกองงานมหึมามาร่วม 8 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าก็ค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ระยะเวลาการทำงานจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือนอาการเหนื่อยล้าที่ว่ายังไม่ทุเลาลงสักนิด ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลของเราตอนนี้ ดันไปประจวบเหมาะพอดีกับบรรยากาศโดยรอบของย่าน ‘พร้อมพงษ์’ เพราะที่นี่ทั้งแออัด วุ่นวาย และรีบเร่ง ไม่แปลกเลยถ้ามนุษย์ออฟฟิศในย่านนี้จะเหน็ดเหนื่อยหลังเลิกงาน แน่นอนว่าเราคงหมดหวังที่จะได้ยินเสียงหัวเราะจากย่านแห่งนี้ มาปลอบประโลมจิตใจในวันที่เราเองก็เหนื่อยล้าไม่แพ้กัน ท่ามกลางความวุ่นวายของย่านธุรกิจใจกลางเมืองหลวง น่าแปลกที่จู่ ๆ เราดันได้ยินเสียงหัวเราะดังกึกก้องมาจากซอยสุขุมวิท 26 ไม่รอช้า เราตัดสินใจเดินลัดเลาะไปตามถนนแสนร่มรื่นเส้นนี้ เพื่อหวังค้นหาต้นตอของเสียงหัวเราะ จนท้ายที่สุดเราก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า ‘SERIAL LAUGHTER’ บาร์เหล้าที่เป็นจุดเริ่มต้นของเสียงหัวเราะต่อเนื่องที่เราตามหา SERIAL LAUGHTER บาร์สงบส่วนตัวกลางใจเมืองที่วุ่นวาย Serial Laughter เป็นบาร์เหล้าที่ตั้งอยู่ใน Marigold ร้านอาหารไทยใต้จากเกาะสมุย ทั้งสองร้านถูกแบ่งโซนเพียงประตูบานเล็ก ๆ คั่นกลาง ใช้ผนังสีน้ำตาลผสมผนังกระเบื้องขาวโพลนเป็นหลัก สอดแทรกเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์ มีโคมระย้าเป็นจุดกำเนิดแสงไฟที่จัดวางไว้กึ่งกลางโต๊ะอาหาร สร้างบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองด้วยโทนสีดินและพื้นปูนเปลือย ซึ่งเข้ากันดีกับสไตล์อาหารไทยของทางร้าน ส่วนบาร์เหล้า Serial Laughter นั้นดีไซน์มาให้มีขนาดกะทัดรัด เพื่อให้เข้าถึงง่ายและสร้างสเปซเล็ก ๆ ให้แขกรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว
เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า หลากหลายอุตสาหกรรมที่พัฒนา บวกกับการแข่งขันทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชายวัยทำงานอย่างเราต้องรีบเร่งกับแทบทุกเรื่องในชีวิต ตั้งแต่ตื่นนอน อาบน้ำ กินข้าว ไปทำงาน หรือแม้แต่ต้องรีบนอนเพื่อรีบตื่นให้ทันใช้ชีวิตอีกวันหนึ่ง หากมองไปตามถนนสายธุรกิจหรือโครงการรถไฟฟ้าที่เป็นตัวยืนยันว่าส่วนนี้ของเมืองถูกพัฒนาแล้ว แต่ที่นั่นกลับแออัดยัดเยียดไปด้วยผู้คนวัยทำงานและมวลความเร่งรีบที่กระจายตัวอยู่แทบทุกอณู ยิ่งถ้าเป็นย่านใจกลางเมืองอย่างแถบบีทีเอสช่องนนทรีแล้วละก็ คงไม่ต้องจินตนาการเลยว่าจะมากไปด้วยผู้คนและซุกซ่อนความวุ่นวายของชีวิตเอาไว้มากขนาดไหน คงต้องบอกว่าการใช้ชีวิตที่แข่งขันกับเวลาและโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กความเร็วแสง ถือเป็นเบ้าหลอมที่ทำให้คนในยุคนี้ไม่รู้จักการรอคอย ตลอดจนทำให้ทักษะการรอของผู้ชายบางคนถดถอยลงเรื่อย ๆ ขณะที่เราเดินเตร่อยู่กลางใจเมืองพร้อมสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตรีบเร่งที่รายล้อม แวบหนึ่งก็หันไปเห็น ‘ANALOX FILM CAFE’ ร้านกาแฟเล็ก ๆ ชิดติดริมถนนใหญ่ที่บรรยากาศขัดกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ เพราะมันไม่ได้แข่งขันกับเวลาหรือโกลาหลวุ่นวายอะไร หากเนิบช้า มีเอกลักษณ์ และดึงดูดใจมากพอจะทำให้เราเดินเข้าไปอย่างไม่ยั้งคิด ANALOX FILM CAFE เสน่ห์ของร้านกาแฟควบล้างฟิล์มที่ไม่เหมือนใคร เพียงก้าวแรกก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศของโลกกล้องฟิล์มและอบอวลหวนหอมด้วยกลิ่นกาแฟ ถึงจะเคยได้ยินมาก่อนหน้าว่าการมาของกล้องดิจิทัลทรงประสิทธิภาพ ทำให้ความหลงใหลในกล้องแอนะล็อกยุคเก่าของผู้ชายบางคนเลือนรางไป แต่พอได้เข้ามาที่นี่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะ ANALOX FILM CAFE ได้รวบรวมกล้องฟิล์มโบราณเอาไว้จำนวนไม่น้อย ทำให้เราคิดได้ว่าจริง ๆ แล้วกล้องฟิล์มนั้นเป็นอมตะและไม่เคยเลือนหายไป ใต้ฉากหลังของร้านกาแฟเล็ก ๆ ริมถนนใหญ่ ซ่อนร้านล้างฟิล์มขนาดกะทัดรัดเอาไว้ เมื่อไถ่ถามเจ้าของร้านจนได้ความก็ทราบว่าที่นี่เกิดขึ้นจากความหลงใหลรูปและเสียงของกล้องฟิล์ม ที่มีมากพอ ๆ กับการหลงรักรสและกลิ่นของกาแฟ เขาจึงผนวกทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันในฐานะร้านกาแฟมรดกของวง Cocktails