สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจาก Coronavirus จบลง คือการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต มนุษย์จะเกิดการเรียนรู้และมีการเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่างไปอย่างถาวร หรือที่เรียกว่า New Normal นั่นเอง เช่นเดียวกับการออกแบบที่อยู่อาศัย ในอนาคตเราอาจจะต้องการบ้านที่ตั้งอยู่เป็นอิสระจากผู้คน เพื่อรองรับการทำ Social Distancing ที่อาจจะเกิดขึ้นบ่อยจากสารพัดไวรัสในอนาคต และคงไม่มีบ้านหลังไหนจะเหมาะกับการกักตัวอยู่อาศัยได้เท่า Lilypad Floating Villa หลังนี้ Lilypad คือ Private Floating Villa ทั้งที่อยู่อาศัยและเป็นแพลอยน้ำตั้งอยู่ใกล้ Australia’s Palm Beach ออกแบบโดย Chuck Anderson, Australian architect, Villa กลางน้ำขนาด 1 ชั้นครึ่ง ออกแบบอย่าง Minimal ด้วยวัสดุไม้น้ำหนักเบา ในโทนสีอ่อน กำแพงสีขาวที่ต่อเนื่องไปจนถึงเพดานช่วยทำให้ห้องดูใหญ่ขึ้น เพิ่มความเท่ด้วยการตัดลายเส้นบนขอบประตูกระจกและพื้นไม้สีดำ ไล่โทนให้อ่อนลงด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีน้ำตาล ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้ทุกครั้งที่ได้อยู่อาศัย ภายนอกล้อมรอบด้วยระเบียงสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น paddle boarding หรือจะนั่งตกปลา ชมวิวทะเล ทานอาหารเคล้าวิวธรรมชาติล้อมรอบของ New
การทำอาร์ตเวิร์กสวย ๆ หรือทำรูปสวย ๆ ในโซเชียลสักชิ้นในโซเชียลวันนี้ ขาดสกิลหลักอย่างการ “ไดคัต” ให้เนียนคงไม่ได้ แม้ช่วงก่อนหน้านี้จะมีเว็บไซต์ www.remove.bg เข้ามาให้ใช้ฟรี แต่ก็ยังขาดเรื่องขนาดความละเอียดภาพที่ต่ำกว่าการใช้งานที่เราต้องการ สำหรับใครที่ใช้เครื่องมือปากกา (Pen) ไม่เก่ง ส่วนมากถ้าพื้นคลีน ๆ เรามักจะใช้ Selection Tools แบบพอกล้อมแกล้มใน Photoshop แต่เอาเข้าจริงแม้จะอยู่ในพื้นสีตัดกัน บางจุดก็ยังเลือกออกมาไม่เนียนเท่าที่ควร ปลายแหลมอาจจะด้วน หรือรูปที่มีสีขาวอาจจะโดนกินเข้าไปในภาพที่เราต้องการแบบขาด ๆ เกิน ๆ UNLOCKMEN TUTORIAL วันนี้ขอเปิดคลาส Photoshop ทำมือที่แค่มีเม้าส์หนูกับโปรแกรม Photoshop CC 2020 ติดเครื่อง ก็สามารถสร้างภาพไดคัตดี ๆ คลีน ๆ เก็บความคมของภาพที่เคยด้วนไว้ได้ด้วย Selection Tools จากการใช้ Object Selection Tools ภายในไม่กี่ขั้นตอน เริ่มต้นที่การทำความรู้จักเครื่องมือชิ้นนี้ที่เรียกว่า Object Selection Tools ก่อน
ไม่ได้ออกนอกบ้านก็ใช่ว่าจะต้องปล่อยให้หยากไย่มันมาเกาะกล้องตัวโปรดของเราเสมอไป สถานการณ์นี้เราคงต้องบอกว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายก็ได้เพราะว่าตอนนี้หลายเพจดัง ๆ แห่เปิดสอนสกิลออนไลน์ฟรีเพียบ เพื่อให้คนที่อยู่บ้านทั่วโลกสามารถเข้าไปเรียนเสริมทักษะด้านต่าง ๆ ได้ และแน่นอน “นิกร” ของเราเองก็เปิด NIKON SCHOOL ให้เรียนฟรีผ่านคลิปจากเซียนกล้องระดับพระกาฬเฉพาะในเดือนนี้เท่านั้น! ย้ำว่าเฉพาะเดือนนี้ ชาว UNLOCKMEN สายนิกร นับนิ้วกันไปว่าเหลืออีกกี่วัน ในเว็บไซต์เปิดหมดเปลือกเรื่องเทคนิคให้เราได้ปัดฝุ่นหยิบมาทำตาม บอกเลยว่าพอรู้ข่าวนี้ มือที่กำ NIKON ไว้มันสั่นไปหมด มีโปรแกรมอะไรลองเล่นบ้าง ไป challenge มันด้วยกันเลย Creator’s Mindset: Creating Video Content with Z 50 ผู้สอน: KITTY PETERS งานดีมันต้องเริ่มตั้งแต่หลักคิด ดังนั้นใครที่เคยตันตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวคอร์สนี้ถือเป็นคอร์ส Beginning ชั้นดีที่ทำให้คุณสามารถสร้างวิดีโอด้วยกล้อง Nikon ได้ง่าย ๆ สำหรับอุปกรณ์ที่สาวสวยอย่าง Kitty Peters. เลือกมาใช้สอนในคอร์นี้คือ Z 50 ใครมีในบ้านก็หยิบมาลองตามได้เลย สิ่งที่จะพบในคอร์ส วิธีสร้าง storytelling
ต่อให้ไทยเป็นประเทศอู่ข้าวอู่น้ำที่อุดมสมบูรณ์และมีวัตถุดิบมากมายให้เลือกสรรมาทำอาหารหลากเมนู แต่ต้องยอมรับว่าบางทีเราเองก็ดันรู้สึกเบื่ออาหารไปเสียดื้อ ๆ ข้าวผัด ผัดไทย หรือผัดกะเพรา ไม่ว่าจะกินอะไรก็ไม่อร่อยทั้งนั้น แถมเมื่อต้องนั่งกินข้าวคนเดียวอย่างตอนนี้ ก็ยิ่งทำให้เหงาและเบื่ออาหารหนักไปกว่าเดิมอีก UNLOCKMEN เลยอยากพาหนุ่ม ๆ มารู้จัก ASMR Eating สไตล์เกาหลี หรือ Mukbang (ม็อกบัง) คลิปวิดีโอกินอาหารโชว์อย่างเอร็ดอร่อยบนโลกออนไลน์ที่อาจช่วยเรียกน้ำย่อย คลายเหงา หรือทำให้หนุ่มบางคนรู้สึกอยากอาหารมากขึ้นก็ได้ ‘ASMR’ เสียงธรรมดาที่สร้างความรู้สึกพิเศษ ‘ASMR’ ย่อมาจาก Autonomous Sensory Meridian Response นิยามถึงการตอบสนองทางความรู้สึกอันเนื่องมาจากที่เราได้มอง ได้ฟัง หรือได้สัมผัสอะไรบางอย่าง เสียง ASMR ที่ว่านี้ทำให้ใครหลายคนรู้สึกผ่อนคลาย หลับง่ายขึ้น และมีสมาธิจดจ่ออยู่กับอะไรได้นานเป็นพิเศษ แม้กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะอินกับเสียง ASMR และปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงของบางคนก็ต่างกัน บ้างรู้สึกขนลุกซู่ราวกับมีใครมากระซิบข้างหู หรือคนที่ฟังเสียงนี้แล้วผล็อยหลับไปก็มีเหมือนกัน ส่วน ASMR Eating สไตล์เกาหลี หรือ Mukbang (ม็อกบัง) เป็นเพียงหนึ่งในสับเซตของ ASMR ที่ผสมผสานระหว่างคำว่า ‘กิน’ (muk-da)
เจริญกรุง อีกหนึ่งย่านเก่าแก่อันที่ยังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ แต่ขณะเดียวกันย่านเก่าแก่แห่งนี้ก็แฝงบาร์ คาเฟ่และร้านอาหารหลากหลายบรรยากาศจนกลายเป็นอีกโซนที่หนุ่ม ๆ หลายคน เลือกเป็นสถานที่สำหรับแฮงเอ้าท์หลังจากช่วงเวลาเลิกงานรวมทั้งคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ To More หนึ่งในบาร์ค็อกเทลย่านเจริญกรุง ที่แม้โลเคชั่นของร้านอาจจะเป็นสถานที่คุ้นเคยของหนุ่มหลายคนผู้เคยมาเยือน Soul Bar ในอดีต ปัจจุบันถูกเปลี่ยนแปลงเป็นบูทีคบาร์ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากโรงละครมูแลงรูจ (Moulin Rouge) เติมเต็มอารมณ์ด้วยพื้น ผนังไม้สีดำและผ้าม่านสีแดงที่ประดับประดาไว้อย่างลงตัว สร้างความรู้สึกเสมือนหลุดเข้ามาในโรงละครตามความตั้งใจของหุ้นส่วนร้านทุกคน ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงจากบาร์แจ๊สรูปแบบเดิมสู่บาร์ค็อกเทลที่สามารถดูโชว์และดนตรีได้อย่างใกล้ชิด ทำให้ไม่ว่าคุณจะหอบกันมาเป็นหมู่คณะหรืออารมณ์เปลี่ยวอยากมาจิบคนเดียวก็รู้สึกเอนจอยกับรสชาติของเครื่องดื่มจากแก้วในมือและการแสดงต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไม่เขินอาย นอกจากสไตล์อันเป็นเฉพาะตัวของร้านและโชว์ที่มีไม่ซ้ำกันของแต่ละวันแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญแน่นอนว่าคือค็อกเทลสูตรเฉพาะของ To More ที่รังสรรค์โดยเฮดบาร์เทนเดอร์และหนึ่งในหุ้นส่วนของร้านอย่างพี่เบิ้ล-ปรัชญา ไชยเมือง ที่มาโชว์ฝีมือในการปรุงค็อกเทลแก้วพิเศษให้เราได้ลิ้มชิมรสกันในคืนนี้ King And I เริ่มต้นกันที่แก้วแรกสำหรับหนุ่ม ๆ ผู้ต้องการค็อกเทลรสเข้มมาเป็นแก้วเปิดวันกับ King And I ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เราตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมส่วนผสม ที่มีทั้งซินนาม่อนและใบซิการ์ซึ่งสร้างกลิ่นรัญจวนใจในทันทีที่เผาไหม้ส่งกลิ่นควันหอมอบอวลคลุ้งไปทั่วบาร์ จนเราแอบอดใจที่จะลิ้มลองรสชาติของแก้วนี้ไม่ไหว แต่ไม่นานหลังจากนั้น เมื่อวินาทีที่รอคอยการปรุงแต่งรสชาติและหน้าตาสิ้นสุดลง ความรู้สึกคุ้มค่ายืนยันด้วยกลิ่นสโมคของใบยาสูบจากซิการ์และซินนามอนที่ผสมเข้ากันได้อย่างลงตัวกับกลิ่นของมะพร้าวและเบสจากรัม ก่อนออนท็อปด้วยน้ำส้มสดเพื่อตัดรสชาติไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป จนเกิดเป็นความเข้มและหนักแน่นในแบบของผู้ชาย ผนวกรวมเข้ากับความสดชื่นได้อย่างลงตัว Cinderella ต่อกันด้วยค็อกเทลสีขาวนวลที่ดูก็รู้ว่าเหมาะจะสั่งให้กับสาวที่มาด้วยกันซึ่งเข้ากันเป็นอย่างดีกับแสงเทียนละมุนตา Cinderella มาพร้อมเบสหลักเป็นจินกับไฮเนทไซรัปและน้ำมะนาวสร้างสีสันเรืองสวยเด่น ก่อนออนท็อปด้วยเปลือกเลมอน ทันทีที่เรายกแก้วขึ้นมาเพื่อสัมผัสรสชาติก็รู้ได้ทันทีว่าสุภาพสตรีทุกคนจะต้องตกหลุมรักค็อกเทลแก้วนี้จากรสชาติเปรี้ยวที่มอบความสดชื่นของมัน
ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่หลากบริษัทเริ่มใช้นโยบาย Work From Home ให้พนักงานสามารถทำงานได้จากที่บ้าน เชื่อว่าคงมีหนุ่มสาวชาวออฟฟิศไม่น้อยหมกตัวอยู่ในบ้าน และปัดนิ้วสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์กันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เผลอคิดว่าคนหิวโหยอย่างเราควรสั่งเมนูไหนดี ที่จะไม่ต้องต่อแถวรอนานหรือสู้รบฟาดฟันกับหลากออเดอร์ของมนุษย์ทำงานคนอื่น ซึ่งเมนูที่อร่อย ทำง่าย ทำไว และจัดเป็นอาหารจานโปรดในใจใครหลายคน ต้องยกให้กับ ‘ข้าวมันไก่’ เมนูนี้ เวลาที่คิดไม่ออกว่าจะกินอะไร ‘ข้าวมันไก่’ เป็นเมนูแสนธรรมดาจานแรก ๆ ที่ผุดขึ้นในหัว นอกจากจะหากินง่าย ยังเป็นเมนูที่กินได้ทุกเวลา ทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน หรือแม้แต่มื้อดึก แถมในย่านของกินที่มีร้านอาหารอร่อยเรียงรายเต็มตลอดสองข้างทาง ต้องมีร้านข้าวมันไก่สักร้านอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน ข้าวมันไก่ไม่ใช่แค่เมนูข้างทางธรรมดาที่คนไทยกินไม่รู้จักเบื่อ แต่จริง ๆ แล้วถือเป็นหนึ่งในสามจานเด็ดของอาหารจีนไหหลำ ที่แพร่ขยายไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนดัดแปลงสูตรและเลือกสรรวัตถุดิบให้ถูกปากกับคนในพื้นที่นั้น ๆ ต่อให้คุณจะคุ้นชินกับข้าวมันไก่ต้ม ข้าวมันไก่ตอน หรือข้าวมันไก่ทอด แต่ประเภทหลัก ๆ ของข้าวมันไก่แบ่งได้เป็นสามแบบคือ ข้าวมันไก่ไหหลำ ข้าวมันไก่สิงคโปร์ และข้าวมันไก่เบตง ซึ่งแต่ละแบบล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งนั้น ข้าวมันไก่ไหหลำจะใช้ข้าวมัน ไก่เนื้อนุ่ม และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว ข้าวมันไก่สิงคโปร์เสิร์ฟข้าวแยกกับเนื้อไก่ มีน้ำราดบนไก่เนื้อนุ่ม ๆ พร้อมน้ำจิ้มสีแดงสด ส่วนข้าวมันไก่เบตงจะใช้ข้าวที่แห้งหน่อย ไก่บ้านเนื้อแห้ง
“จะดีแค่ไหน หากเรามี SPACE ที่สามารถออกแบบการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ?” ความต้องการข้อนี้ ถือเป็นความท้าทายของเหล่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กับหน้าที่สำคัญในการสร้างจุดเด่นที่แตกต่างของพื้นที่ใช้สอยให้สอดรับกับ Pain Points ของกลุ่มผู้อยู่อาศัย จากโจทย์ข้อนี้ จึงเป็นที่มาในการพัฒนาห้อง Duo Space นิยามเฉพาะของห้องเพดานสูงจากโครงการ Knightsbridge Space Ratchayothin และ Knightsbridge Space Rama 9 โดย Park Luxury ภายใต้แบรนด์ Origin ซึ่งโดดเด่นด้วยนวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่เน้น Volume of Vertical Space ขยายพื้นที่ใช้สอยแนวสูงภายในห้องให้เพิ่มมากขึ้นด้วยเพดานสูงถึง 4.2 เมตร ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่ง และมีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่มากกว่า จนสามารถออกแบบปรับเปลี่ยน SPACE ให้เป็นพื้นที่ชีวิตที่ต้องการได้สุดแล้วแต่จินตนาการจะพาไป และถ้าจะหาใครสักคนมารับหน้าที่ถ่ายทอดคอนเซปต์ของโครงการ Knightsbridge Space Ratchayothin และ Knightsbridge Space Rama 9 ออกมาได้อย่างชัดเจน คงไม่มีใครสามารถส่งต่อแนวคิด SPACE สำหรับคนรุ่นใหม่ฉลาดเลือก ซึ่งพร้อมให้ออกแบบพื้นที่การใช้ชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด ได้ดีไปกว่า ‘ออกแบบ – ชุติมณฑน์
เมื่อปฏิทินวนมาถึงเดือนมีนาคมที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูร้อนบ้านเรา ถึงคราวที่พระอาทิตย์จะได้แผลงฤทธิ์เดชอย่างเต็มที่และสาดแสงแรงกล้าพุ่งทะยานมายังพื้นโลกแบบไม่เกรงใจใคร จริงอยู่ที่ฤดูร้อนนั้นเป็นเรื่องแสนธรรมดาที่เราต้องเจอกันอยู่ทุกปี แต่ต้องยอมรับว่าสภาพอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ มีผลต่ออารมณ์และอาจทำให้ผู้ชายหลายคนกายร้อน ใจร้อน หรือหัวร้อนจนพาลหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องได้อย่างง่าย ๆ หนุ่มบางคนอาจเลือกดับร้อนด้วยการกระโจนลงน้ำ บ้างปรับอุณหภูมิให้ลดต่ำและนอนตากแอร์โดยไม่ก้าวเท้าออกไปไหน แต่สำหรับเราวิธีคลายร้อนที่ง่ายที่สุดคือการหอบเรือนร่างกำยำออกไปหาไอศกรีมเย็น ๆ กินให้ชื่นใจ ยอมโดนความเย็นสุดขั้วจู่โจมจนปวดหัวจี๊ดหลับตาปี๋ ดีกว่าทนร้อนเหงื่อซ่กไปทั่วทั้งตัว จริงไหมครับ? วันร้อน ๆ แบบนี้ UNLOCKMEN เลยขอชวนคุณมาลิ้มชิมเมนูของหวานเพื่อดับกระหายคลายร้อนกันที่ร้าน ‘ถ้วยถังไอติม’ ‘ถ้วยถังไอติม’ ร้านที่เสิร์ฟไอศกรีมแบบจีนคู่กับซาลาเปาไร้ไส้ หัวมุมถนนจุดตัดระหว่างซอยจุฬาลงกรณ์ 12 และถนนบรรทัดทอง เป็นที่ตั้งของ ‘ถ้วยถังไอติม’ ร้านของหวานแนวใหม่ที่เสิร์ฟไอศกรีมหวานเย็นชื่นใจหลากรสชาติคู่กับหมั่นโถว ซาลาเปาไร้ไส้ของจีนที่แทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะเข้ากันได้ลงตัว ตัวร้านดีไซน์ออกมาแปลกตาและค่อนไปทางโบราณ ตกแต่งด้วยหน้าต่างกระจกทรงสูง ประตูกระจกขอบหนา และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ภายใน ที่ทำให้เรานึกถึงภาพโรงน้ำชาเก่าฉากหลังของภาพยนตร์จีนสมัยก่อน แปลกที่เมื่อก้าวเข้าไปในร้านกลับรับรู้ถึงความทันสมัยของโคมระย้าที่พุ่งลงมาจากเพดานคล้ายสไตล์ลอฟต์ มีตัวอักษรจีนสีนีออนติดผนังเป็นจุดนำสายตา (และอาจเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตของที่นี่) ส่วนโซนที่นั่งก็มีให้เลือกทั้งด้านนอกที่เป็นบาร์ไม้ทอดยาว และด้านในที่มีโต๊ะน้อยใหญ่ไว้รองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เมนูของที่นี่จะแบ่งเป็นสามจานหลัก คือหมั่นโถว พุดดิ้ง และไอศกรีม โดยลูกค้าสามารถเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์ไอศกรีมรสโปรดกับท็อปปิงหรือหมั่นโถวแต่ละแบบได้ตามชอบ แถมยังมีไอศกรีมรสชาติแปลก ๆ ให้เลือกอีกมากมาย ตั้งแต่ไอศกรีมรสเกาลัด ถั่วตัด นมชมพูถั่วแดง น้ำเต้าหู้งาดำ ไมโลโรงเรียน หรือแม้แต่รสชานมไต้หวันก็ยังมี
“ยานัตถุ์หมอมี แก้ฝีแก้หิด ยานัตถุ์หมอชิตแก้หิดแก้ฝี” ประโยคทดสอบการอ่านที่เราพูดเล่นกันมาตั้งแต่เด็กประโยคนี้ คงทำให้ผู้ชายหลายคนพอคุ้นชื่อ “หมอมี” กันอยู่บ้าง แม้ยานัตถุ์จะไม่ได้มีสรรพคุณช่วยแก้หิดหรือแก้ฝี แต่หมอมีที่ปรากฏในประโยคชวนลิ้นพันนี้มีตัวตนอยู่จริง หมอมีคือหมอยาชื่อดังผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาสมุนไพรจีนในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งตอนนี้บ้านเก่าแก่อายุร่วม 125 ปีของเขา ถูกเนรมิตให้กลายเป็นร้านอาหารไทยชาววังที่ซ่อนบาร์ลึกลับเอาไว้ในชั้นใต้ดิน Philtration สปีกอีซี่บาร์ในห้องปรุงยาเก่าของหมอมี ใต้โครงสร้างบ้านไม้สีขาวของร้านอาหารบ้านหมอมี เป็นที่ตั้งของ ‘Philtration’ บาร์ลับในห้องใต้ดินที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของหมอมีและศาสตร์แห่งการปรุงยาของเขา ก้าวแรกที่ผลักประตูไม้เก่าเข้าไปด้านในก็สัมผัสได้ถึงความมืดมิดและแสงไฟสลัวรางที่รอต้อนรับเราบริเวณทางเดินทรงเกือกม้า แต่เมื่อเดินงมไปตามแสงไฟส้มริบหรี่จนสุดทางกลับไม่พบประตูทางเข้าแต่อย่างใด พบเพียงชั้นไม้ปริศนาที่ดูมีเงื่อนงำ เรายืนนิ่งพินิจพิเคราะห์อยู่สักพักและใช้เวลาไม่นานนักก็หาวิธีเข้าไปข้างในได้สำเร็จ ภายในร้านเป็นห้องโถงไม้เก่าแก่ที่ดูลึกลับไม่ต่างจากทางเข้า โดดเด่นด้วยแสงไฟสีเหลืองอมส้มส่องสว่างท่ามกลางความมืด พื้นห้องมีกระเบื้องลายแปลกที่นำเข้าจากอิตาลีเมื่อหลายร้อยปีก่อนทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า บวกกับผนังบางส่วนที่บอกร่องรอยแห่งกาลเวลาได้อย่างดีเยี่ยม ทว่ามีเพดานทรงโค้งแบบสมัยใหม่เข้ามาช่วยรับน้ำหนักของโครงสร้างเดิม และเสริมกลิ่นอายร่วมสมัยจากเฟอร์นิเจอร์หนังและบาร์ไม้ทอดยาวที่ตั้งตระหง่านกลางร้าน จากตำรายาสมุนไพรสู่สูตรค็อกเทลที่ไม่เหมือนใคร เมนูค็อกเทลของ Philtration ถ่ายทอดตัวตนของหมอยาเลื่องชื่อคนนี้ออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน เพราะทางร้านจะเน้นเสิร์ฟ herb cocktails ที่ครีเอตขึ้นจากสมุนไพร เครื่องเทศ และผลไม้เป็นหลัก ปริมาณเหล้าที่ใช้จึงไม่ได้หนักแน่นหัวรุนแรงมากนัก หากสร้างสมดุลให้รสเหล้าและหลากวัตถุดิบอย่างลงตัว เพื่อให้ค็อกเทลแต่ละแก้วคงสรรพคุณทางยาที่เอื้อประโยชน์ต่อสุขภาพของนักดื่ม เราประเดิมแก้วแรกด้วย ‘Sam Kok’ ค็อกเทลวรรณกรรมเพชรน้ำเอกของโลกที่ได้ Saint James Rum เป็นเบส สมทบด้วยบรั่นดีรสเข้ม Giffard Apricot
ก่อนโบกมือลาจากเดือนกุมภาพันธ์แห่งความรักไป UNLOCKMEN อยากชวนมาละเลียดรสแอลกอฮอล์เข้มขมที่หนุ่มนักดื่มทุกคนหลงใหล พลางฟังดนตรีแจ๊สลื่นหู ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกของ ‘Crimson Room’ บาร์เหล้าย้อนยุคที่จะพาคุณย้อนวันวานหวาน ๆ ผ่านแอลกอฮอล์แก้วขมปนอร่อย Crimson Room บาร์แจ๊สสไตล์ Gatsby แห่งปี 1920 เมื่อแหวกผ้าม่านสีแดงสดและเลี้ยวสลับซ้ายขวาไปตามทางแคบ คุณจะพบกับบาร์เหล้าที่ถอดแบบงานดีไซน์ของโรงละครและโถงแสดงดนตรีหรูหรามาได้อย่างแนบเนียน บรรยากาศภายในตระการตาราวกับบาร์แห่งนี้หลุดมาจากยุคใดยุคหนึ่ง จริง ๆ แล้ว Crimson Room ได้แรงบันดาลใจมาจากยุค Gatsby ในช่วงปี 1920 ซึ่งเป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู ผู้คนในตอนนั้นจึงหลงใหลแสงสี ความสนุกสนาน และมองหาความสุขเพื่อทุเลาประสบการณ์เลวร้ายจากภัยสงคราม ยุคนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นยุคแห่งเสรีและดนตรีแจ๊สไปโดยปริยาย โซนที่นั่งแบ่งเป็นบาร์เครื่องดื่ม บาร์ยาวด้านบน ไล่ไต่ระดับลงมาถึงโซนโต๊ะหินอ่อนครึ่งวงกลม และโต๊ะชิดติดเวทีแสดง นอกจากพรมปูพื้นและเบาะนั่งกำมะหยี่สีแดง ยังมีราวเหล็กทองเหลืองที่เลื้อยวนไปตามโต๊ะต่าง ๆ เสริมบรรยากาศภายในร้านให้หรูหรามีระดับ ผนังของร้านออกแบบด้วยส่วนเว้าโค้งที่รับกันกับเสียงดนตรี อาจทำให้คุณด่ำดิ่งลงไปในบทเพลง หรือฟังดนตรีแจ๊สได้อย่างไพเราะยิ่งขึ้น แถมตามผนังและระหว่างทางเดินยังประดับประดาแสงไฟสลัวราง เหมาะแก่การสั่งค็อกเทลหนัก ๆ สักแก้วมานั่งละเลียดจนหมดคืน จากค็อกเทลดั้งเดิมสู่ซิกเนเจอร์ค็อกเทลยุคใหม่ไม่เหมือนใคร Crimson Room มีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย ตั้งแต่แชมเปญ