เราเชื่อว่าหนุ่ม ๆ นักท่องเที่ยวหลายคนคงไม่พลาดจะที่หาเวลาไปเยือนเมืองเกาะอย่างประเทศญี่ปุ่น เพื่อชื่นชมความงดงามของ ‘มหานครโตเกียว’ ที่เป็นเมืองหลวงและสัมผัสกับกลิ่นอายทางวัฒนธรรมที่สอดแทรกอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของสถานที่ท่องเที่ยว แต่คงมีผู้ชายน้อยคนที่จะรู้จัก ‘เกียวโต’ อดีตเมืองหลวงของประเทศนี้ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดแห่งขุนเขาของภูมิภาคคันไซ ที่นี่ไม่เพียงเป็นเมืองเก่าแก่ที่รวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และมรดกโลกเอาไว้ หากยังเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ช็อกโกแลตแบรนด์ดังใต้ชายคาบ้านเก่าสองชั้นที่มีอายุร่วมร้อยปี Fumihiko Sano Studio ได้สร้างร้านกาแฟควบช็อปช็อกโกแลตภายใต้แบรนด์ ‘Dandelion Chocolate’ ซึ่งถือเป็นบริษัทผลิตช็อกโกแลตอันโด่งดังที่มีสาขากระจายตัวอยู่ทั่วอเมริกาและญี่ปุ่น เมื่อเล็งเห็นเสน่ห์บางอย่างของเมืองเกียวโต แบรนด์ช็อกโกแลตรายนี้จึงเนรมิตบ้านเก่าสองชั้นที่มีอายุกว่าร้อยปี ให้กลายเป็นคาเฟ่บรรยากาศอบอุ่นและถอดแบบรสชาติช็อกโกแลตดั้งเดิมของซานฟรานซิสโกมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน Dandelion Chocolate ตั้งอยู่บนนถนนที่เงียบสงบในย่าน Ichinenzaka ของเมืองเกียวโต ภายในพื้นที่ 200 ตารางเมตร มีช็อปช็อกโกแลตขนาดย่อมสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อกลับบ้าน มีบาร์โกโก้ให้สั่งเครื่องดื่มหรือแอลกอฮอล์แกล้มกับช็อกโกแลตของทางร้าน แถมภายนอกยังรายล้อมไปด้วยบรรยากาศสวนแบบดั้งเดิมสไตล์ญี่ปุ่น การตกแต่งภายในร้านเลือกใช้ไม้ซีดาร์เป็นวัสดุหลักของตัวโครงสร้าง พร้อมวางต้นซีดาร์ไว้บริเวณจุดศูนย์กลางของร้าน เพื่อสะท้อนถึงความสอดรับกันของเมนูช็อกโกแลตและไม้ซีดาร์ ซึ่งต้องใช้ทักษะงานคราฟต์และส่วมผสมที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีจึงจะสร้างทั้งสองสิ่งนี้ขึ้นมาได้ นอกจากนั้นไม้ซีดาร์ที่ประดับประดาตามจุดต่าง ๆ ยังบ่งบอกเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย จากความตั้งใจอยากรื้อฟื้นบรรยากาศเมืองเกียวโตแบบดั้งเดิมและสอดแทรกความเป็นซานฟรานซิสโกเข้าไว้ด้วยกัน ทีมสถาปนิกจึงรีโนเวตพื้นที่ภายให้ดูร่วมสมัย แต่ก็ไม่ทิ้งโครงสร้างเก่าของตัวบ้านอย่างคานและเสา ออกแบบพื้นที่ให้โปร่ง โล่ง สบาย ด้วยบานหน้าต่างกระจกทรงสูงที่ประดับแนบผนังตามทิศต่าง ๆ ของร้าน ช่วยเชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกเข้าด้วยกัน แถมยังเป็นการสร้างสเปซกว้างขวางในพื้นที่ขนาดย่อมได้อย่างไร้ที่ติ Dandelion Chocolate
มหกรรมแสดงสินค้าซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เกมระดับโลกอย่าง TOKYO GAME SHOW 2019 เพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ โดยงานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 กันยายนที่ผ่านมา เรียกได้ว่าทำหัวจิตหัวใจหนุ่มเกมเมอร์อย่างเราไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะหนุ่มบางคนยังอารมณ์ค้างและตกตะลึงกับความเจ๋งของเกมสุดมันส์ในงานนี้ TOKYO GAME SHOW 2019 ได้รวบรวมเกมเด็ดจากค่ายดังของญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกัน นำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเกมสุดล้ำ แถมยังเปิดโอกาสให้หนุ่ม ๆ ได้ลองเล่นจริงก่อนจะเลือกซื้ออีกด้วย แม้งานเกมจะจบลงแล้ว แต่เชื่อว่าอารมณ์ของหนุ่ม ๆ หลายคนยังไม่จบ! UNLOCKMEN เลยไม่พลาดที่จะมาอัปเดตเกมเจ๋ง ๆ จากงาน TOKYO GAME SHOW 2019 จะมีเกมไหนน่าเล่นและควรค่าแก่การเสียเงินซื้อบ้าง ไปดูกันครับ! 9 เกมมันส์จากงาน TOKYO GAME SHOW 2019 Final Fantasy VII Remake Final Fantasy VII Remake เกม role-playing ในตำนานจากค่าย
ต้องยอมรับว่าหนังสำหรับผู้ใหญ่ (Adult Video) หรือที่เราเรียกกันจนชินปากว่า หนัง AV เป็นภาพยนตร์ที่ผู้ชายทุกคนเคยดูอย่างน้อยหนึ่งครั้งแน่นอน ด้วยความใกล้ชิดระหว่างชายหนุ่มกับหนัง AV โดยเฉพาะที่มาจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้ UNLOCKMEN อยากพาทุกคนไปสัมผัสถึงเบื้องหลังของกลุ่มคนที่มีส่วนขับเคลื่อนวงการนี้ในอาชีพที่เรียกว่า “แมวมองดารา AV” กันบ้าง เพราะถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีใครเฟ้นหานักแสดงมาเล่น และถ้าไม่มีนักแสดงก็จะไม่มีหนัง AV มาให้เราดูอย่างทุกวันนี้ วงการหนัง AV ของญี่ปุ่นถือเป็นอุตสาหกรรมบันเทิงขนาดใหญ่ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาลกว่าพันล้านเยน เพราะไม่ใช่แค่จับหญิงชายมามีอะไรกันหน้ากล้องแล้วจบ แต่หนังผู้ใหญ่ญี่ปุ่นแตกแขนงไปหลากหลายประเภทเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้ชม หนัง AV บางเรื่องมีหลายตอนเหมือนซีรีส์ ปูเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวพระนางมานานเพื่อให้คนดูมีอารมณ์ร่วมมากยิ่งขึ้น บางเรื่องมีฉากโหดที่บางคนอาจรับไม่ได้ หรือบางเรื่องต้องใช้ฝีมือการแสดงของตัวละครหลักมากกว่าลีลาบนเตียง สิ่งที่ตามความหลากหลายมาคือค่าใช้จ่ายแสนแพงที่ผู้จัดจะต้องหามาจ่ายปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะกับนักแสดงที่ยิ่งดัง ยิ่งเล่นเก่ง สวมได้ทุกบทบาท รู้ทุกมุมกล้อง ทำให้ค่าตัวของพวกเธอสูงมากจนผู้จัดบางเรื่องต้องส่ายหน้า เมื่อผู้จัดไม่มีงบมากพอจะจ้างนักแสดง A-List ผลคือต้องลดสเปกจากดาราดังมาเป็นหญิงสาวธรรมดาทั่วไป อาจไม่ต้องดราม่าเจ้าน้ำตาได้เก่งเกินใครหรือรู้มุมกล้องเป็นอย่างดี ขอแค่เพียง “สดใหม่ไร้เดียงสา” ก็พอแล้ว ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ในย่านฮาราจูกุเต็มไปด้วยอาชีพหนึ่งทีเรียกว่า แมวมองนักแสดงหนัง AV “ฮาราจูกุ” ย่านที่กลายเป็นเส้นแบ่งขาวดำของสังคมญี่ปุ่น เหล่าแมวมองจากบริษัทหนังต่าง ๆ ต้องแข่งกันหาหญิงสาวที่มีบุคลิกและรูปร่างหน้าตาให้ตรงตามใบสั่งจากบริษัทมากที่สุด แมวมองบางคนโดนสั่งให้หาเด็กนักเรียน บางคนต้องหาสาววัยทำงาน หรือผู้หญิงวัยแม่บ้าน
หลายคนกล่าวถึงความเลวทรามของโลกอาชญากรรมว่าเป็นสิ่งที่ต่ำตมไร้เกียรติ แต่บางคนก็มีมุมมองที่แตกต่างกันและคิดว่าอาชญากรรมที่ฉาวโฉ่ก็ซ่อนสิ่งสวยงามที่โรแมนติกเอาไว้ด้วยเช่นกัน รวมถึงโลกสีดำของประเทศญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยมาเฟียที่เรียกว่า ยากูซ่า ในครั้งนี้ UNLOCKMEN จะพูดถึงวงโคจรที่ไม่อาจก้าวออกมาได้ของหญิงสาวในโลกสีดำที่เหล่าผู้ชายไม่เคยเห็นหรือเคยนึกถึงมาก่อน โดยเล่าผ่านมุมมองและภาพถ่ายของ Chloe Jafe ช่างภาพสาวผู้สร้างคอลเลกชันรูปถ่ายชื่อว่า “命預けます” หรือ “I Give You My Life” ตามคำนิยามที่เธอเขียน ผู้หญิงไม่สามารถเป็นยากูซ่าได้ ดังนั้นโลกของมาเฟียญี่ปุ่นจึงเต็มไปด้วยผู้ชายเสียส่วนใหญ่ แม้กระนั้นบทบาทหน้าที่ที่ไม่ชัดเจนของเหล่าสตรีในโลกสีดำกลับเต็มไปด้วยความน่าสนใจ บางครั้งผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งที่เป็นสาวธรรมดา ๆ ไม่ได้เป็นแฟนของยากูซ่าแต่ทำงานอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า “Grey Area” หรือพื้นที่สีเทา จำพวกบาร์ ร้านเหล้า โรงแรมที่ต้อนรับกลุ่มยากูซ่า ก็จะได้คลุกคลีและพบเจอกับโลกสีดำอยู่บ่อย ๆ และยังมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ก้าวผ่านเขตสีเทาไปยังสีดำอย่างเป็นภรรยาของยากูซ่า และสำหรับบางแก๊ง ผู้หญิงเก่งก็ถือเป็นนายหรือสุดยอดปรมาจารย์ที่ชายผู้มีรอยสักให้การยกย่องถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ถูกเรียกว่ายากูซ่าอย่างเป็นทางการก็ตาม เรื่องราวของพวกเธอหลบซ่อนอยู่ในซอกหลืบ ทำให้ Chloe Jafe ตระหนักว่าหากต้องการรูปถ่ายของพวกผู้หญิงก็จะต้องพบกับหัวหน้าของยากูซ่า เพราะในตามหลักแล้วผู้หญิงจะไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ เธอเลือกไม่ได้ว่าเธออยากถูกถ่ายภาพไหม และคนที่ตัดสินใจทุกอย่างคือผู้เป็นสามี แต่มันไม่ง่ายนักที่จะเข้าพบกับบอสใหญ่ ความยากนี้ทำให้เธอเกือบถอดใจเตรียมล้มคอลเลกชันภาพที่อยากทำ แต่แล้ววันหนึ่งในงานเทศกาลมีผู้ชายเดินเข้ามาหาและชวนเธอดื่ม ซึ่งชายคนนั้นคือคนที่ทำให้โปรเจกต์ภาพของเธอขยับเข้าสู่ความสำเร็จอีกขั้น เพราะเขาเป็นทายาทที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของตระกูลยากูซ่าที่ทรงอิทธิพล ชายคนดังกล่าวแนะนำให้ Chloe Jafe รู้จักกับภรรยาของเขา การพบกันในครั้งนี้ทำให้ช่างภาพสาวเริ่มเข้าสู่วงสังคมยากูซ่า เธอพบว่าผู้หญิงที่แต่งงานกับคนลำดับสูงของกลุ่มจะมีบอดี้การ์ดหญิงส่วนตัว และเธอก็ยังได้พูดคุยกับบอดี้การ์ดสาวนามว่า
ถ้าพูดถึงญี่ปุ่น พวกคุณนึกถึงอะไร? ความเรียบง่าย ศาลเจ้าเก่า บ่อออนเซ็น ฟูจิ แฟชั่นวัยรุ่น ราเมนจานยักษ์ หรือเมนูซูชิ ? เรารู้จักญี่ปุ่นในฐานะประเทศที่เจริญแล้วแห่งทวีปเอเชียและผู้นำด้านเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่หลังฉากของประเทศมินิมัลที่ใครหลายคนอยากมาเยือน ก็นำเสนอมุมมืดของความอนาจารและสื่อลามกอย่างโจ๋งครึ่ม มันอยู่เหนือบรรทัดฐานใด ๆ ทางสังคมและหยั่งรากลึกแฝงตัวลงในวิถีชีวิตของคนที่นี่ แม้ประมาณ 2 ปีก่อนจะมีข่าวและงานวิจัยจำนวนมากบอกว่าญี่ปุ่นได้วางมือจากเรื่องเซ็กซ์และเหนื่อยหน่ายกับกามตัณหาแล้ว แต่เมื่อได้กลับมาเยือนประเทศอาทิตย์อุทัยแห่งนี้อีกครั้ง ทำให้เราไม่เชื่อที่งานวิจัยอ้างไว้สักนิด ด้านสีเทาของประเทศเมืองเกาะ เชื่อว่าจินตนาการภาพของแดนปลาดิบที่แวบเข้ามาในหัวหนุ่ม ๆ คงต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่มุมมองอีกด้านของประเทศแห่งนี้ เซ็กซ์และเสรีทางเพศอันแสนเปิดกว้างขโมยความสนใจเราไปได้เต็มเปา แม้กำแพงวินัยและความรับผิดชอบจะถูกสร้างขึ้นอย่างแข็งกล้า แต่ด้านหลังกลับซุกซ่อนความกระเหี้ยนกระหือรือและการปลดปล่อยความใคร่อยาก ผ่านวัฒนธรรมทางเพศที่ไม่มีศีลธรรมจรรยามาคอยกุมบังเหียน เซ็กซ์เสรีและการแสดงออกที่เปิดเผย แรงขับเคลื่อนทางเพศอันแข็งกร้าวถูกแสดงออกผ่านป้ายโฆษณาลามก แหล่งชอปปิงที่เรียงรายด้วยร้านเซ็กซ์ช็อป ร้านคาราโอเกะเบื้องหน้าที่ซ่อนความน่าค้นหาเบื้องหลัง และแม้จักรวาลมังงะกับการ์ตูนแอนิเมชันญี่ปุ่นจะทรงพลังมากแค่ไหน ก็ยังมีที่ว่างมากพอให้การ์ตูนโป๊เปลือยโดจินแทรกตัวเข้าไปอยู่ดี ไม่ต้องพูดถึงรายการโทรทัศน์ที่อัดแน่นด้วยเกมโชว์ติดเรต เปิดสงครามให้หนุ่ม ๆ แข่งขันความอึด ว่าใครจะอดกลั้นต่อความเสียวและสำเร็จความใคร่ได้เป็นลำดับสุดท้าย ยังไม่นับบุฟเฟต์ซูชิบนเรือนร่างหญิงสาวที่สร้างอรรถรสในการกินและเปลี่ยนความอยากกระหายให้กลายเป็นอิ่มท้องได้อย่างน่าแปลกใจ มีเหตุผลมากมายที่ทำให้หลายคนรวมทั้งตัวเราเองคิดว่าประเทศนี้เปิดกว้างเรื่องเพศ นำมาสู่ความสงสัยใคร่รู้ว่าเหตุใดแดนปลาดิบแห่งนี้จึงถูกขนานนามว่าเป็น “ประเทศฟรีเซ็กซ์” งานศิลปะส่อเพศในอดีต? การเปิดเผยเรื่องเซ็กซ์หาได้เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับคนญี่ปุ่น ย้อนไปในปี 1772 ภาพพิมพ์ ‘Shunga’ งานศิลป์สื่อเซ็กซ์ได้ปรากฏขึ้นบนหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ ‘Shunga’ เป็นภาพที่มีเนื้อหาส่อไปทางเพศอย่างอล่างฉ่าง ว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศจนนำมาซึ่งการสำเร็จความใคร่ของคนในสมัยก่อน แม้คำว่า
ก่อนจะมีตัวเลข 08 หรือ 09 นำหน้าเลขหมายโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน เท่าที่จำความได้และเกิดทัน เราเคยใช้เลขหมายโทรศัพท์บ้านเริ่มต้นด้วย 02, 03, 05 และ 07 และใช้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือมือถือด้วย 01 นับแล้วตอนนั้นจำทั้งหมด 9 หลัก แต่พอมาวันนึง จำนวนคนมากขึ้นเลยทำให้เลขหมายที่มีอยู่ไม่พอและเพิ่มเลขแทรกเข้ามาอีกหนึ่งหลักของมือถือ จนวันนี้เราต้องจำ 10 หลักเพื่อโทรศัพท์หากัน ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศหนึ่งที่กำลังเจอกับเหตุการณ์เลขกำลังจะหมดเกลี้ยง ไม่เหลือให้ใช้แล้วเหมือนกัน ดังนั้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์นั้น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจึงวางแผนเพิ่มเลขหมายจากเดิม 11 หลักเป็น 14 หลัก ซึ่งจะทำให้ตัวเลขใหม่ทั้งหมดเพิ่มขึ้นจำนวนกว่าหนึ่งหมื่นล้านเลขหมายภายในปี 2021 โดยนโยบายนี้ได้รับการยอมรับจากผู้ให้บริการมือถือ 3 รายหลัก ได้แก่ NTT Docomo Inc., KDDI Corp. และ SoftBank Corp. เหตุผลของการเพิ่มครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องการขยายตัวของประชากร แต่อีกแง่หนึ่งมันเกิดจากการใช้อุปกรณ์ประเภท IoT ที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งในญี่ปุ่นอุปกรณ์เหล่านี้มันจำเป็นต้องผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ จึงทำให้เลขหมายหมดไว ยิ่งปีหน้าเมื่อญี่ปุ่นเตรียมเปิดใช้ 5G ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จำเป็นจะต้องใช้เลขหมายมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ศิลปะมีไว้เพื่อจรรโลงใจ มีไว้เพื่อบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ที่น่าประทับใจ และผลงานศิลปะบางส่วนก็มีไว้เพื่อสะท้อนและเสียดสีสังคม โดยเฉพาะผลงานของศิลปินญี่ปุ่นคนหนึ่งที่มักจะสร้างสรรค์ผลงานเจ็บ ๆ ไว้ให้ระลึกถึงสภาพสังคมแต่ละวันที่เราต้องเผชิญ ว่าเหตุการณ์ทุกคืนวันที่ดำเนินไปมันดีจริง ๆ หรือว่าเรากำลังหลอกตัวเองว่าดีกันแน่ ? บางคนอาจมองว่าตัวเองมีอิสรภาพ แต่สำหรับ Tetsuya Ishida ศิลปินชื่อดังของญี่ปุ่น เจ้าของผลงานภาพวาดที่เต็มไปด้วยการเสียดสีสังคมกลับมองต่างออกไป เขามองว่าถึงแม้แต่ละคนจะมีอิสรภาพแต่มันก็ไม่ใช่อิสรภาพที่แท้จริง เพราะเราทุกคนล้วนถูกจำกัดอยู่ในกรอบเสมอ รวมถึงต้องเคยสูญเสียอิสรภาพไม่ว่าจะด้วยความสมัครใจหรือไม่ด้วยกันทั้งนั้น การสร้างสรรค์ผลงานของ Tetsuya จะเป็นศิลปะแบบลัทธิเหนือจริงหรือที่เรียกกันว่า Surrealism เต็มไปด้วยความเสียดสีประชดประชัน เผยให้เห็นมุมมองที่เจ็บปวดของผู้คนในสังคมญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลางอย่างมนุษย์เงินเดือน เด็กนักเรียน ท่ามกลางบรรยากาศทั่วไปที่ทุกคนจะนึกภาพตามได้ง่าย ทั้งห้องพักรูหนู บ้านขนาดกลาง สถานีรถไฟฟ้า หรือโรงพยาบาล และนำสิ่งไม่มีชีวิตจากงานอุตสาหกรรมมาผสม เช่น โถส้วม รถไถ บันไดเลื่อน เปรียบคนเหมือนกับวัตถุ พยายามบอกเล่าอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในภาพและลดทอนความเป็นมนุษย์ เรื่องราวส่วนมากในผลงานของ Tetsuya จะเป็นช่วงเวลาที่ประเทศญี่ปุ่นเกิดความวุ่นวายทางด้านเศรษฐกิจ หลายบริษัทปลดพนักงานจำนวนมาก บางครั้งก็วาดภาพเด็ก ๆ ที่ต้องรับความกดดันจากครอบครัว ชีวิตที่ตายซากจากการทำอะไรซ้ำ ๆ จนกลายเป็นความเฉยชา แสดงให้เห็นว่าการดิ้นรนเอาตัวรอดจากระบบทุนนิยมบางครั้งก็โหดร้ายกับเรามากเหลือเกิน แม้ว่าผลงานทั้งหมดของเขาจะเสียดสีสังคมญี่ปุ่น แต่พื้นเพครอบครัวของ Tetsuya นับว่าดีกว่าหลายคนมาก เพราะพ่อของเขาเป็นสมาชิกรัฐสภา
ยุคสมัยเฮเซที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1989 เพิ่งผ่านพ้นไป การก้าวเข้าสู่ยุคสมัยเรวะของญี่ปุ่นครั้งนี้มีหลายสิ่งที่สื่อทั่วโลกต่างพูดถึงโดยหนึ่งในนั้นคือเรื่องราวแสนโรแมนติกของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะกับสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ UNLOCKMEN ก็เองก็สนใจในเรื่องราวหอมหวานนี้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อทิ้งท้ายกับยุคสมัยเก่าเราจึงอยากเล่าเรื่องรักแรกและรักเดียวที่ต้องก้าวข้ามผ่านอุปสรรคของทั้งสองพระองค์ที่กินใจคนทั่วทั้งโลก ช่วงสมัยที่จักรพรรดิโชวะผู้เป็นบิดากำลังครองราชย์ ตามลำดับการสืบสันตติวงศ์ของญี่ปุ่นเจ้าชายอากิฮิโตะทรงเป็นทายาทอันดับหนึ่งของราชบัลลังก์เบญจมาศตั้งแต่ประสูติ และทรงเข้ารับพระราชพิธีสถาปนาเป็นมกุฎราชกุมารเมื่อปี 1951 แต่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักที่จับใจคนทั้งโลกเริ่มต้นขึ้นที่สนามเทนนิสเมื่อปี 1957 เจ้าชายอากิฮิโตะทรงโปรดการเล่นกีฬาเทนนิสเป็นอย่างมาก และกีฬานี้ก็ทำให้พระองค์พบกับรักแรกกับหญิงสาวคนหนึ่งบนคอร์ดเทนนิสในเมืองคารุอิซาวะ เธอคนนั้นมีชื่อว่าโชดะ มิชิโกะ บุตรสาวของตระกูลนักธุรกิจที่อยู่ในเครือ Nisshin Seifun Group หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชื่อดังที่คนไทยเห็นผ่านตาอยู่บ่อย ๆ หลังจากที่ทั้งสองได้พบเจอกันที่สนามเทนนิสก็เริ่มคบหาดูใจกัน สื่อต่างสนใจเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองและเรียกว่า ‘Romance of thr tenis court’ เจ้าชายอากิฮิโตะทรงต้องการสานสัมพันธ์จริงจังกับมิชิโกะ และมีครั้งหนึ่งที่พ่อของมิชิโกะได้รับสารจากมกุฏราชกุมารเพื่อขอลูกสาวแต่เขาตอบกลับไปแค่ว่า “ลูกสาวของหม่อมฉันไม่คู่ควรกับพระองค์” เจ้าชายอากิฮิโตะทรงทราบว่าพ่อของมิชิโกะไม่อยากให้เธอเข้าสู่รั้ววังเพราะกังวลเรื่องฐานันดรและความกดดันที่เธอจะได้รับ เพราะถึงแม้ว่าโชดะ มิชิโกะมาจากตระกูลนักธุรกิจที่รำ่รวย จบปริญญาตรีสาขาวรรณคดีอังกฤษด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และศึกษาต่อในหลักสูตระยะสั้นที่ฮาร์วาร์ดและออกซฟอร์ด แต่ถึงจะฉลาดและมีความสามารถมากแค่ไหนเธอก็คือสามัญชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ตามธรรมเนียมปฏิบัติยาวนานหลายร้อยปีของราชวงศ์ญี่ปุ่น สมาชิกราชวงศ์มักจะอภิเษกสมรสกับเครือญาติเพื่อรักษาเชื้อสายราชวงศ์ ก่อนที่เจ้าชายอากิฮิโตะจะพบกับมิชิโกะ พ่อของมิชิโกะคงไม่คิดว่าอยู่มาวันหนึ่งเจ้าฟ้าชายจะมาตกหลุมรักลูกสาวเขา ในช่วงปี 1950 จึงได้หาคู่ดูตัวให้กับลูกสาว หมายมั่นปั้นมือให้ลูกสาวของเขาแต่งงานกับมิชิมะ ยูกิโอะ นักเขียนชื่อดังที่เรียกตัวเองว่าเป็นซามูไรคนสุดท้าย ถึงแม้ว่าครอบครัวทางฝ่ายโชดะยังกังวลหลายเรื่องที่เจ้าชายอากิฮิโตะและมิชิโกะคบหากัน แต่พระองค์ก็ไม่ย่อท้อกับความรักครั้งนี้ ทั้งสองติดต่อหากันอยู่บ่อยครั้งด้วยการเขียนจดหมายพร้อมกับคำหวานจับใจความได้ว่า “หากไม่ได้อยู่กับมิชิโกะ ชาตินี้คงนอนตายตาไม่หลับ” ความรักครั้งนี้ทำให้ผู้คนในเวลานั้นต่างคาดเดากันไปต่าง ๆ
จากที่เคยเป็นเหมือนวัฒนธรรมไกลตัว แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ‘ไอดอล’ ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยอย่างสมบูรณ์แล้ว แน่นอนว่าเมื่อมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบเป็นธรรมดา แต่ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์อะไรเราก็อยากให้ทุกคนรู้จักกับวัฒนธรรมนี้จริง ๆ เสียก่อน ภาพยนตร์สารคดีที่เราหยิบมาพูดถึงในวันนี้อาจจะมีคำตอบให้ใครหลายคนได้ว่าไอดอลคือใคร? พวกเธอมีบทบาทหน้าที่อย่างไร? หรือแท้จริงแล้วพวกเธอเป็นเพียงวัตถุทางเพศที่อุ้มชูวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่เท่านั้น? Tokyo Idols และเรื่องราวของริโอะ Tokyo Idols เลือกที่จะเล่าเรื่องราวของ ‘ริโอะ’ ไอดอลสาวใต้ดินวัย 19 ที่ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่โด่งดังมากนักแต่ก็มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นพอสมควร แต่อย่าเพิ่งเข้าใจว่านี่คือสารคดีตามติดชีวิตไอดอล เพราะถึงแม้ตัวหนังจะโฟกัสที่ตัวริโอะเป็นหลัก ถ่ายทอดให้ผู้ชมได้เห็นภาพว่าเธอทุ่มเทกับอาชีพนี้ขนาดไหน ถึงขนาดปั่นจักรยานไปทั่วประเทศญี่ปุ่นเพื่อพบปะแฟนคลับ แต่ก็มีอีกหลายมุมมองจากหลายฝ่ายที่น่าสนใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของไอดอลเด็ก, ไอดอลระดับชาติอย่าง AKB48, ความคิดเห็นของนักหนังสือพิมพ์และนักวิเคราะห์, หรือแม้กระทั่งเหล่าโอตะที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก ตัวหนังพยายามจะตั้งคำถามถึงวัฒนธรรมไอดอลตลอดเวลา ทั้งในแง่ความหมิ่นเหม่ทางศีลธรรมเรื่องเพศ, ความเกี่ยวข้องกันระหว่างไอดอลกับวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่, ความเหงาที่ดูเหมือนจะส่งเสริมวัฒนธรรมนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น, หรือแม้กระทั่งการวิพากษ์เหล่าโอตะว่าเป็นตัวปัญหาของสังคม ซึ่งด้วยมุมมองแบบนี้ของตัวหนัง Tokyo Idols จึงเป็นสารคดีที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะคิดเห็นเกี่ยวกับไอดอลว่าอย่างไรก็ตาม ความรักที่บริสุทธิ์หรือแค่ความเพ้อฝันจอมปลอม? สำหรับบางคนความรักของโอตะที่มีต่อไอดอลอาจจะดูเพ้อฝันหรืออาจจะถึงขั้นน่าขยะแขยง แต่สำหรับ ‘โคจิ’ ดูเหมือนว่ามันจะมีความหมายและยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก โคจิคือหนุ่มใหญ่วัย 43 กะรัต เขาเคยมีชีวิตที่เพียบพร้อม เคยมีคนรักและถึงขั้นเกือบจะได้ลั่นระฆังวิวาห์ แต่แล้วทุกสิ่งก็ไม่เป็นไปตามที่คิด เขาจึงเลือกหันหลังให้กับความรักในชีวิตจริงและใช้เงินเก็บทั้งชีวิตเปย์ให้ริโอะ ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจติดตามเธอไปทุกที่ บ้าหรือเปล่า? ไม่แปลกที่คนภายนอกจะมองโคจิว่าเพ้อฝัน เพราะต่อให้เปย์ยังไงริโอะก็ไม่มีทางหันมามองเขาหรอก อย่างไรก็ตามคำอธิบายของโคจิก็ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น เขาเล่าว่าชีวิตเขานั้นมันพังทลายลงไปแล้ว
ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนเรามั้ย แต่เวลาว่าง ๆ เราชอบเปิดรูปบ้านดีไซน์สวย ๆ จากทั้งในและต่างประเทศขึ้นมาดูเล่น ๆ ไม่มีเหตุผลอะไรพิเศษ ไม่ใกล้เคียงกับการเก็บเป็นไอเดียไว้สร้างบ้านในอนาคต เพราะที่อยู่ปัจจุบันยังเช่าเขาอยู่เลย แต่เอาเป็นว่าดูแล้วมันสบายใจ รู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะดีไซน์บ้านจากประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ สถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างบอกไม่ถูก มีความ Minimal ไม่ฉูดฉาดหวือหวา แต่เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกแบบเรา และด้วยความที่ประเทศญี่ปุ่นหนาแน่นไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะในโตเกียวที่มีประชากรมากถึง 38 ล้านคน หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศไทยเลยทีเดียว จึงทำให้บ้านแต่ละหลังยิ่งต้องใส่ไอเดียเข้าไป เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุดในพื้นที่จำกัด Vice ได้รวบรวม 10 บ้านดีไซน์สุดคูลในย่านโตเกียวจนถึงฟุกุโอกะจากหนังสือ 411 of Japan’s Most Incredible Modernist Houses. เขียนโดย Naomi Pollock เราจึงอยากนำมาแบ่งปันให้กับชาว UNLOCKMEN เก็บไว้เป็นไอเดียเผื่อว่าใครกำลังมีแผนจะสร้างบ้านใหม่ เราว่าถ้ามีบ้านแบบนี้ในไทยน่าจะเจ๋งไม่น้อยเลย KHT House IRA, Kahoku, Yamagata Prefecture House Snapped, Naf Architect, Saitama, Saitama Prefecture