“ความสำเร็จ” เป็นคำที่มีนิยามความหมายแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่จุดหมายที่มีร่วมกันคงหนีไม่พ้นการได้เป็นที่สุดในด้านต่าง ๆ ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง เงินทอง หรือ ความสุข ส่วนนิยามความสำเร็จในมุมมองของ UNLOCKMEN เรามองว่าไม่ใช่แค่เพียงการเป็นที่สุดในด้านใดด้านหนึ่ง แต่มันคือการบาลานซ์ให้เราสามารถมีความสุขกับชีวิตได้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จเรื่องงาน และชีวิตส่วนตัว ซึ่งแนวคิดนี้ไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดลอย ๆ เพราะในวันนี้เรามี 2 ตัวแทนคนรุ่นใหม่มากความสามารถ ซึ่งยืนอยู่ในจุดที่ผู้คนต่างให้การยอมรับ พวกเขาจะมาแชร์มุมมองที่มีผลต่อความสำเร็จ และเคล็ดลับที่ทำให้ก้าวมาสู่จุดนี้ กับมิติของชีวิตซึ่งไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่ทำงาน หรือโฟกัสแค่เงินทอง และความสำเร็จส่วนตัวเพียงอย่างเดียว แต่มันคือการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และรักษาสมดุลระหว่างการทำงาน และชีวิตส่วนตัวได้อย่างพอดิบพอดี เริ่มต้นด้วยมุมมองของ แนท-วสุ วิรัชศิลป์ สถาปนิกหนุ่มผู้ก่อตั้ง VaSLab Studio (บริษัท แวสแล็บ) บริษัทที่ออกแบบสถาปัตยกรรมได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสร้างผลงานจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก กับอาชีพสถาปนิกที่เปรียบเทียบผลงานชิ้นหนึ่งเหมือนดั่งงานศิลปะแห่งการอยู่อาศัย แรงบันดาลใจเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใส่เข้าไปในผลงานทุก ๆ ชิ้นที่ทำลงไป สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือ Creativity ห้ามหมด ในการทำงานแต่ละครั้ง ความตั้งใจและความภาคภูมิใจจะต้องถูกใส่ลงไปในทุก ๆ process ในขณะเดียวกันเราก็ต้องทำจินตนาการในหัวให้สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานจริงที่ตัวเองและผู้เกี่ยวข้องรู้สึกดีกับมันได้ “แค่แรงบันดาลใจจากคนใกล้ตัว ก็สามารถสร้างผลงานระดับโลกได้” ถ้าเราอยากจะประสบความสำเร็จ เคล็ดลับคือต้องเป็นคนที่ไม่หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง
พลังของการเรียนรู้มีอยู่รอบ ๆ ตัวเรา ไม่ใช่แค่เพียงในหนังสือ มีหลายแนวคิดที่พยายามเน้นย้ำตลอดว่า เราควรรู้จักที่จะเรียนรู้ให้เยอะ ๆ เพื่อเพิ่มพูนความเป็นต่อให้กับชีวิตมากที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้แหละ จะเป็นตัวสร้างอนาคตให้เราแบบไม่รู้ตัว นี่เป็นอีกหนึ่งบทความที่ทาง UNLOCKMEN อยากจะบอกว่าการเรียนรู้อะไรสักอย่าง เราไม่จำเป็นต้องรอใคร เพราะเราทุกคนสามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้ด้วยตัวของเราเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง จะเป็นตัวช่วยสร้างอนาคต การรู้จักเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม อย่างที่ Jim Rohn นักธุรกิจแนวหน้าของอเมริกา เคยกล่าวไว้ว่า “Formal education will make you a living; self-education will make you a fortune.” การศึกษาในระบบจะทำให้คุณเลี้ยงชีวิตได้ แต่การศึกษาด้วยตัวเองจะเป็นตัวทำให้คุณสร้างอนาคต. เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การมีทักษะเรียนรู้ด้วยตัวเองไว้ติดตัว มันจะช่วยให้เราสามารถเป็นต่อและก้าวไวกว่าคนอื่นได้เท่าที่เราต้องการ เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้เป็นสองเท่า การที่เราศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเอง จะช่วยให้เราสามารถควบคุมชีวิตและพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายที่เราต้องการได้ โดยอย่างการศึกษา StackOverflow ที่ผ่านมา พบว่า 69.1% ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ดูเหมือนจะเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งนั้น ตัวอย่างเช่น
ใคร ๆ ก็รู้ว่าการออกกำลังกายนั้นดีต่อร่างกาย ดีต่ออารมณ์ หรือแม้กระทั่งดีต่อการจัดระบบระเบียบนิสัยของตัวเราเองในระยะยาว แต่รู้ขนาดนี้ เราก็ยังอิดออดหาข้ออ้างในการไม่ออกกำลังกายอยู่ร่ำไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้าการออกกำลังกายส่งผลต่อขนาดของสมองเราด้วย? นี่เป็นเหตุผลมากพอให้เราออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอได้แล้วหรือยัง? งานวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสาร Neurology เปิดเผยว่าคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายช่วยวัยมีแนวโน้มที่จะมีขนาดสมองที่เล็กกว่าคนที่ออกกำลังกาย งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,583 คน โดยมีทั้งเพศหญิงและเพศชายที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อมหรือโรคหัวใจ กลุ่มตัวอย่างเหล่านี้จะถูกบันทึกพฤติกรรมการออกกำลัง จากนั้น 20 ปีต่อมา กลุ่มตัวอย่างเหล่านี้ก็ทำการทดสอบด้านการออกกำลังอีกครั้ง รวมถึงมีการสแกนสมองด้วย ผลการทดสอบพบว่าคนกลุ่มที่ออกกำลังกายน้อยกว่า (โดยวัดเอาจากอัตราการเต้นของหัวใจจากการออกกำลังกายในการทดสอบครั้งล่าสุด) พบว่ามีแนวโน้มที่จะมีขนาดของสมองที่เล็กมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ออกกำลังกายมากกว่า รวมถึงคนที่มีความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจสูงในขณะที่ออกกำลังกาย ก็มีแนวโน้มที่จะมีขนาดของสมองเล็กตามไปด้วย นั่นเป็นเพราะว่าความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจสูงบ่งบอกว่าขาดการออกกำลังกาย ไม่เพียงเท่านั้นการออกกำลังกายยังมีส่วนช่วยในเรื่องความจำ และลดความเสี่ยงที่จะเป็นอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย การออกกำลังกายจึงไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย มีแต่ได้กับได้ แถมช่วยเพิ่มขนาดของสมองด้วย ดีขนาดนี้ก็อย่ารอช้าอยู่เลย ไป ไปออกกำลังกายกันเถอะ! SOURCE
อ้วน กับ น้ำหนักเกิน เป็นสองคำที่แตกต่างกันและมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทั้งสองภาวะนี้ล้วนเกิดมาจากสาเหตุเดียวกันนั้นคือการที่เรารับอะไรเข้าไปในร่างกาย แต่ไม่สามารถเผาผลาญออกมาได้เท่ากับที่รับเข้าไป ทำให้เกิดภาวะไขมันเกินในร่างกาย อย่างที่ทุกคนทราบว่าความอ้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยของโรคภัยต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดัน โดยองค์การอนามัยโลกได้ให้คำนิยามไว้ว่าหากค่า BMI ( Body Mass Index ) *วิธีการหาค่า BMI ให้เอาน้ำหนัก ( กิโลกรัม ) หารด้วยส่วนสูง ( เมตรยกกำลังสอง) และหากเกิน 25 คือภาวะน้ำหนักเกิน และหากเกิน 30 แปลว่าคุณเข้าข่ายคนอ้วน ไขมันของร่ายกายมนุษย์เกิดจากการแปรรูปพลังงานเหลือใช้ไปเก็บในรูปแบบไขมัน และไขมันที่ร่างกายสะสมนี้ก็จะรอเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ต่อ หากมีการเผาผลาญในระดับที่สมดุลก็จะไม่มีการสะสมจนเกิดเป็นภาวะที่เรียกว่าน้ำหนักเกินหรืออ้วน จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่มีผลต่อความอ้วนคือการใช้พลังงานของตัวเรานั่นเอง ซึ่งขึ้นอยู่กับนิสัยการใช้ชีวิต หรือไลฟ์สไตล์การกิน อารมณ์ และภาวะของร่างกายต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบเผาผลาญ เช่น ฮอร์โมน เป็นต้น ดังนั้นหนุ่ม ๆ พอเราเริ่มที่จะมีอายุมากขึ้น สิ่งที่ละเลยไม่ได้ก็คือการกินและออกกำลังกาย เราจะมานั่งทำตัวเหมือนเด็ก ๆ อีกไม่ได้อีกต่อไป
“ดวงตาคนเรานั้นเปรียบเสมือนประตูแห่งจิตวิญญาณ” ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายพูดกันอยู่เสมอว่าดวงตาคนเราสามารถบ่งบอกได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก ความคิดที่อยู่ในหัว รวมไปถึงสุขภาพภายในร่างกายของเรา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ดวงตา น่าจะเป็นเพียงอย่างเดียว ที่ไม่สามารถควบคุมให้มันโกหก ปิดบัง หรือเก็บอาการจากความรู้สึกใด ๆ เอาไว้ได้เลย ดังนั้นคงจะดีไม่น้อย ถ้าเราสามารถเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากการอ่านดวงตาของคนได้ จะได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว คนที่อยู่เบื้องหน้าของเรานี้ มีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้ร่างกายที่อาจจะไม่แสดงอาการอะไรออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนแปลกหน้า ที่เราไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของคนคนนั้นเลยว่า จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนยังไง เป็นคนร้ายที่ไม่ประสงค์ดีกับเรา แต่แกล้งทำเป็นเดินเข้ามาหารึเปล่า ซึ่งวันนี้เราก็ไปเจอวิธีการสังเกตสายตาของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งจะว่าเป็นอันตรายต่อตัวเราและต่อสังคมเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือกลุ่มคนติดยาเสพติด แน่นอนว่าที่เราได้ยินมานั้น สายตาขอคนที่ใช้ยาเสพติด จะมีความแตกต่างจากคนปกติทั่วไป แต่เพียงเท่านั้นเราจะสามารถรับรู้ได้จริง ๆ หรือ ? วันนี้เราได้นำวิธีการสังเกตดวงตาแบบทะลวงลึกเข้าถึงภายใน จนคุณสามารถบอกได้เลยว่าคนที่กำลังยืนคุยอยู่กับคุณในตอนนี้ ใช้สารเสพติดผิดกฎหมายอะไรมาบ้างในการปาร์ตี้เมื่อคืน หากคุณอ่านสายตาของคนเหล่านี้ออก คุณจะได้ประโยชน์ทั้งในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของตัวคุณเองอีกด้วย เรื่องแบบนี้รู้ไว้บ้างก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลยจริงไหม? We asked a medical expert, and then snapped some photos of people on
การอยู่ในคอมฟอร์ทโซนก็เป็นเรื่องที่ทำให้เราสบายอกสบายใจดีอยู่แล้ว จะให้เราก้าวออกไปเสี่ยงเพื่อจะต้องเจอกับความผิดหวังอันน่าเจ็บปวดไปทำไม? แต่ชีวิตเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำสิ่งที่ถูกตลอดเวลา การลองผิดลองถูก การเผชิญหน้ากับความผิดหวัง การกระโจนเข้าไปเสี่ยง ไปเจอกับความผิดหวังก็เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต ไม่ใช่แค่การเติบโตของชีวิตเท่านั้น แต่รวมถึงหน้าที่การงานและธุรกิจด้วย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ก็อยากเสี่ยง แต่ยังเกร็ง ๆ วันนี้ UNLOCKMEN รวม 3 TED Talks ที่ฟังจบแล้วต้องตะโกนออกมาว่า “รู้ว่าเสี่ยง ก็คงต้องขอลอง!” Success is a continuous journey Richard St. John คือนักธุรกิจที่ผ่านทั้งความสำเร็จ และความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน และเขาเลือกใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเองเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราทุกคน แรงบันดาลใจที่จะบอกว่า เฮ้ย ความล้มเหลวมันไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิตสักหน่อย เขาเชื่อว่าความสำเร็จมันคือการเดินทางที่ต่อเนื่องยาวนาน การที่เราผิดหวังหนึ่งครั้ง หรือสมหวังหนึ่งครั้ง ไม่ได้บอกว่าเราหมดโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ แต่เมื่อไหร่ที่เราหยุดก้าวไปข้างหน้า หยุดพยายามนั่นแหละ ที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ความล้มเหลว Don’t regret regret Kathryn Schulz บอกว่าคนเรามักถูกสอนให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เสียจนความผิดหวัง ความเสียใจดูเป็นเรื่องเลวร้าย ดูเป็นสิ่งต้องห้าม แต่เธอจะมาบอกเราว่ามันจริงเสมอไปหรือที่ชีวิตคนเราจะต้องมีแต่ความสุข? TED Talks ครั้งนี้เธอจึงจะมาเล่าเรื่องความผิดหวังเสียใจของตัวเอง
เกิดเป็นคนนอนดึก ตื่นสาย มันน่าน้อยใจเหลือเกิน เพราะต่อให้เราทำงานได้ดีตอนกลางคืนแค่ไหน แต่ตื่นไปไม่ทันเวลาที่เขากำหนดไว้ เราก็กลายเป็นผู้ร้าย ไม่มีความรับผิดชอบไปทันที คงจะดีไม่น้อยถ้ามีคนรับฟังเราบ้างว่าจริง ๆ แล้วแต่ละคนก็มีเวลาที่เหมาะสมต่อการทำงานของตัวเองที่ต่างกันไป แถมบางทีการนอนดึกตื่นสายอาจจะมีอะไรมากกว่าที่คนอื่นคิดด้วยซ้ำ มาที่งานวิจัยแรกที่ Satoshi Kanazawa นักจิตวิทยาได้ศึกษาพฤติกรรมการนอนจากวัยรุ่น 20,745 คน ก่อนจะตีพิมพ์ออกมาเป็นงานที่ชื่อว่า Why night owls are more intelligent การทดลองก็คือ Satoshi Kanazawa เจอกับกลุ่มตัวอย่างในครั้งแรกแล้วให้พวกเขาทำแบบทดสอบเพื่อวัดระดับสติปัญญา จากนั้นก็เว้นว่างไป 5 ปีเต็ม ก่อนจะให้กลุ่มตัวอย่างกลับมาอีกครั้ง แล้วถามเรื่องพฤติกรรมการนอน ว่าตื่นกี่โมง นอนกี่โมง ทั้งในวันธรรมดาและวันปกติ ผลปรากฏว่าบรรดาเด็กที่นอนดึกมีแนวโน้มที่จะมี IQ สูงกว่า ไม่เพียงเท่านั้น คนนอนดึกอย่างเรา ๆ มักจะโดนบ่นว่านอนดึกตื่นสายอย่างนี้ จะไปทำมาหากินอะไรทันเขาประสิทธิภาพงานก็ด้อยกว่าคนอื่นน่ะสิ เพราะตอนเช้าใคร ๆ เขาทำะไรล่วงหน้าไปเยอะแล้วนะ อย่าห่วงไป มีคนที่พร้อมจะเข้าใจสายนอนดึกด้วยการไปทำงานวิจัยมาแล้วเช่นกัน Christina Schmidt และ Philippe Peigneux คือนักวิทยาศาสตร์จาก
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าชีวิตเราทุกวันนี้เชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียแบบแยกไม่ออก ทั้งการใช้เพื่อความบันเทิง ไปจนถึงการใช้ที่เชื่อมต่อกับการทำงานและชีวิตจริง จนเรียกได้ว่าถ้าวันไหนขาดโซเชียลมีเดียคู่ใจ ไม่ว่าจะเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์ เราอาจจะต้องลงแดงกันไปข้าง แม้ข้อดีของโซเชียลมีเดียจะมีมากจนใช้สองมือสองเท้านับยังไงก็นับไม่หมด แต่โซเชียลมีเดียก็มีด้านดาร์ค ๆ ที่คนใช้ต้องรับมือกับมันอยู่เช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุผลให้ Daniel J. Wilson และ Martin Adolfsson สองศิลปินตัดสินใจว่า มา กูจะทำแอปพลิเคชันต่อต้านโซเชียมีเดียแบบคูล ๆ ซะหน่อย! minutiae แอปพลิเคชันจากมันสมองที่สร้างสรรค์จน UNLOCKMEN ต้องยอมใจ กฎมีอยู่ว่า ไม่มีโปรไฟล์ ไม่มีการกดไลก์ ไม่มีการคอมเมนท์! อ้าว แล้วมันมีวิธีการใช้งานอย่างไรล่ะ? วิธีการก็ไม่ยาก จนเอาไปให้ปู่ย่าตายายเล่นแก้เหงาชิล ๆ ได้ เพราะใน 1 วัน จะมีการแจ้งเตือนจาก minutiae จำนวนหนึ่งครั้งถ้วน (เป็นการแจ้งเตือนแบบแรนด้อมงง ๆ เราจะไม่มีทางรู้ล่วงหน้าหรือจับจังหวะได้เลยว่า พี่แกจะส่งสัญญานมาตอนไหน) เมื่อสัญญานเตือนเด้งขึ้นมา หน้าที่ของชาวแอนตี้โซเชียลมีเดียอย่างเราก็คือต้องถ่ายรูปตรงนั้น เดี๋ยวนั้น วินาทีนั้น ทันที!
มิตรภาพระหว่างผู้ชายเป็นสิ่งยิ่งใหญ่เสมอ เรียกว่าถ้าเป็นเพื่อนกันแล้วก็ย่อมไม่ทิ้งกัน แต่คำว่าเพื่อนนั้นก็มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนแท้, เพื่อนเที่ยว, เพื่อนกิน, เพื่อนสนิท รวมไปถึงเพื่อนของแฟนก็ถือว่าเป็นเพื่อนของเราเช่นกัน แต่คุณเคยมีเพื่อนที่คุณรู้สึกว่า คุณเกลียดทุกครั้งเวลาที่เพื่อนของคุณอ้าปาก บ่นเรื่องการทำงานที่แสนยากลำบากของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน โดยที่ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของคุณ แถมยังไม่เปิดโอกาสให้คุณได้พักหูเลยแม้แต่วินาทีเดียวบ้างรึเปล่า? หรือจะเป็นเพื่อนที่คุณรู้สึกว่า ไม่อยากจะให้มันเจอกับผู้หญิงคนที่คุณกำลังสนใจอยู่ เพราะคุณรู้สึกไม่ไว้ใจมันเอาซะเลย ด้วยท่าทีที่มันเหมือนว่ามันพร้อมจะแทงหลังคุณอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงเพื่อนที่ปล่อยให้คุณเดินไปไหนมาไหน ทั้ง ๆ ที่มันเองก็เห็นอยู่ว่า มีทั้งผักทั้งเมล็ดงาดำติดอยู่ที่ฟันของคุณอุบาทว์สุด ๆ แต่แทนที่มันจะบอกให้คุณรู้ตัว จะได้จัดการเก็บซากเหล่านั้นไปให้เรียบร้อย แต่กลายเป็นว่า มันดันเงียบไม่บอก เก็บไว้หัวเราะเยาะในตอนที่คุณต้องไปคุยกับคนอื่น ลองถามตัวคุณเองดูสักหน่อยไหมว่า คุณมั่นใจแล้วหรือ ที่จะเรียกคนเหล่านี้ว่าเพื่อน วันนี้เราจึงได้นำเอา 9 สัญญาณ ที่จะบอกให้คุณรู้ว่า เพื่อนของคุณคนไหนที่เป็นเพื่อนที่ดี และคนไหนเป็นได้แค่กากเพื่อน หรือเพื่อนที่ห่วยแตกสุดๆ เพื่อให้คุณนำไปพิจรณาดูว่า มีเพื่อนที่อยู่ล้อมรอบตัวคุณเข้าข่ายสิ่งเหล่านี้บ้างรึเปล่า? Self-Absorbed ถ้าหากคุณมีเพื่อนที่ทำงานแสนสบาย แถมยังมีรายได้งดงาม แต่ทุกครั้งที่เจอกัน มันกลับซัดกระหน่ำความดราม่าของชะตาชีวิตตัวเองอยู่ทุกครั้งไปล่ะก็ ถือว่าชัดเจนเลยทีเดียว เพราะเพื่อนประเภทนี้ จะไม่เคยสนใจอะไรเกี่ยวกับตัวคุณเลย ไม่แม้แต่จะถามสารทุกข์สุขดิบ ทุกที่ที่คุณเจอกับเพื่อนเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นบาร์เหล้า ร้านอาหาร หรือสนามกีฬา มันจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มันอัพเดทความน้อยใจในโชคชะตาของมันล้วน
ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรตั้งแต่ก้าวข้ามวัยเรียนขึ้นมาเป็นวัยทำงานรู้สึกว่าเวลาที่ตื่นนอนในตอนเช้าแล้วมักจะมีอาการปวดหัวมึนงงเหมือนนอนยังไม่สุด ซึ่งอาการที่ว่านี้นอกจากจะพาลให้ต้องหงุดหงิด ยังส่งผลให้เช้าวันนั้นกลายเป็นวันนอยด์ ๆ ไปอีก หากจะปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ เราจึงดั้นด้นไปหาข้อมูลถึงเหตุผลว่าทำไมถึงมีอาการปวดหัวในตอนเช้า จนพบสาเหตุหลัก ๆ ได้ 7 ประการ และอยากนำมาฝากชาว UNLOCKMEN กัน ปวดหัวเพราะดื่มมา เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งปกติอยู่หากคุณได้ทำการดื่มไม่ว่าจะน้อย หรือมาก หากก่อนนอนคุณไม่ได้ทำการเติมวิตามิน เกลือแร่ หรือน้ำที่สูญเสียไปจากการดื่มแอลกอฮอล์แล้วละก็ อย่างไรซะสารพิษในแอลกอฮอล์จะไปมีส่วนกับการขยาย หดตัวของหลอดเลือด ซึ่งจะทำให้เกิดการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ ในตอนเช้านั้นเอง ปวดหัวเพราะกรน ที่คนนอนกรนต้องประสบปัญหาอาการปวดหัวตึง ๆ หรือ มึน ๆ ในตอนเช้าก็เพราะพวกเขาได้รับออกซิเจนเข้าไปไม่เพียงพอขณะหลับ เนื่องจากระบบหายใจส่วนบนถูกอุดตัน ทำให้การนอนของไม่ได้คุณภาพ ไม่ต่างจากการนอนน้อย ดังนั้นผู้ที่นอนกรนจะสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดสมองอุดตัน และทำให้มีอาการปวดหัวในตอนเช้า พักผ่อนไม่เพียงพอ ไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันเป็นอะไรที่ไม่สอดคล้องต่อการให้พักผ่อนเพียงพอเลยสักนิด ไหนจะทำงาน ฝ่ารถติด พอถึงบ้านก็อยากที่จะดูหนัง เล่นเฟซบุ๊ค กว่าจะได้นอน แถมต้องตื่นเช้าเพื่อมาฝ่ารถติดใหม่ สิ่งที่ตามมาคือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จนเกิดเป็นอาการปวดหัวในตอนเช้า นอนเยอะเกินไป นอนน้อยก็ไม่ดี นอนเยอะไปก็ไม่ดีเช่นกัน เพราะเมื่อคุณนอนเกิน 8 ชั่วโมง มันจะเป็นการทำร้ายสมองให้เฉื่อยชา และเชื่องช้า