JEEP WRANGLER ได้ชื่อว่าเป็นรถ OFF-ROAD COMPACT-SIZE SUV ที่มีความดิบโหดชัดเจน ความแข็งแรงที่สืบทอดต่อมาจาก CJ-7 ซึ่งหยุดสายการผลิตไปในปี 1986 ก่อนจะถูก REDESIGN ครั้งใหญ่ในปี 2006 ได้รับความนิยมอย่างมากถึงขั้นเข้าข่ายระดับ ICONIC CAR ถูกใจคนชอบลุยป่า ฝ่าทะเลแบบไม่ต้องมีประตูและหลังคามาเนิ่นนานตั้งแต่รุ่นคุณปู่ยังหนุ่ม สำหรับคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับ JEEP WRANGLER มากนัก ว่าทำไมในตลาดโลกถึงได้ฮือฮากับการเปิดตัวใหม่ครั้งนี้เหลือเกิน เพราะเสน่ห์ของ JEEP WRANGLER คือการคงไว้ซึ่งจุดเด่นของดีไซน์ต้นแบบ ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลามากนัก ถ้านับจากรุ่น GENERATION แรก รหัส YJ ในช่วง 1987 – 1995 มาถึง GENERATION ที่สอง รหัส TJ ที่ออกมาโลดแล่นยาวนานถึง 9 ปี ตั้งแต่ช่วง 1997 – 2006 และ GENERATION ล่าสุดในรหัส JK
หากพูดถึงไอเทมเสื้อผ้าเครื่องกายสุดคลาสสิคที่เราเชื่อว่าผู้ชายทุกคนล้วนต้องมีติดตู้เสื้อผ้า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนสไตล์ไหน คงจะหนีไม่พ้นเสื้อยืดสีขาวเรียบอย่างแน่นอน เนื่องจากมันเป็นไอเทมสามัญประจำวันที่สามารถนำมาสสวมใส่ได้ตลอดทุกสถานการณ์ ซึ่งถ้าใครอยากจะรู้เรื่องราวแบบละเอียดเจาะลึกของเสื้อยืดเราขอแนะนำให้ไปที่ Content , Content2 เนื่องจากวันนี้เราจะขอมาอัพเดทวิธีการแต่งตัวโดยยึดเอาเสื้อยืดเป็นหลักในการออกมาเป็น outfit ต่าง ๆ ได้ในทุกฤดูกาล SUMMER สำหรับลุคแรกขอเริ่มจากสไตล์ง่าย ๆ ที่เหมาะสำหรับหนุ่มสายชิวไว้สวมใส่ในช่วงหน้าร้อน โดยเราจะทำอะไรให้มันเรียบง่ายเข้าไว้ โดยการนำเสื้อยืดทรง slim มาจับคู่กับกางเกงขายีนส์ผ้าดิบให้ดูลุคเหมือนกับ James Dean จากนั้นเลือกเป็นรองเท้าบู้ทหนังดี ๆ สักคู่ แม้จะดูเป็นลุคที่สุดแสนจะธรรมดา แต่รับรองว่าคูล เท่ อย่างแน่นอน WINTER หน้าหนาวจัดเป็นช่วงเวลาสนุกที่สุดของคนชอบแต่งตัว เพราะจะสามารถนำไอเทมต่าง ๆ มาสวมใส่แบบเลเยอร์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอากาศหนาวในบ้านเราก็ไม่ได้หนาวถึงขนาดใส่โค้ทได้ อาจจะเป็นเพียงเสื้อคาร์ดิแกน สีพื้น ๆ อาทิ เบจ กรม น้ำตาล เทา จากนั้นก็สวมใส่กางเกงยีนส์ผ้าฟอกกับรองเท้าผ้าใบ เท่านี้คุณก็จะได้ลุคเซอร์เหมือนกับ Kurt Cobain RAINY ในช่วงหน้าฝนถือเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อเอามาก ๆ เพราะไม่ว่าเราจะสวมใส่อะไรก็พาลจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปเสียหมด ดังนั้นเสื้อผ้าควรจะเป็นแบบที่มีคุณสมบัติกันน้ำ และมีน้ำหนักเบา ซึ่งเราจะเลือกเป็น lightweight
อ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน หลังจากได้เห็นร่าง Camo ของ ALL NEW 2018 MERCEDES-BENZ CLS ที่สื่อทั่วโลกต่างนำภาพขณะพรางตัวทดสอบ กับดีไซน์การออกแบบที่แตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน แม้จะใกล้เปิดตัวอย่างเป็นทางการอยู่วันสองวันนี้แล้วก็ตาม แต่ดูเหมือน Mercedes-Benz จะอดใจรอไม่ไหว ชิงปล่อยภาพหลุดทั้งหน้า หลัง และข้างในแบบชัดเจนเหมือนตั้งใจปล่อยให้เห็นกันแบบเต็มแล้วเรียบร้อย หน้าตาของ ALL NEW CLS นั้น ทำให้เสียงแตกเป็นสองฝั่งอย่างแรง ฝั่งนึงบอกว่าแบบเดิมยังดีกว่า ดูแพงและคลาสสิค มีรสนิยม ส่วนอีกฝั่งบอกว่า ด้านหน้าแบบนี้ก็เฟี้ยวดี ได้กลิ่นอายของ Mercedes-AMG GT R อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกระจังหน้า กันชนหน้า และแนวโคมไฟหน้า ดูสปอร์ตและทะมัดทะแมงขึ้นกว่าเดิมเยอะ ไฟท้ายด้านหลังที่ถูกปรับให้มีสันเหลี่ยมมากขึ้น ดูกลมกลืนกับแนวโค้งของฝากระโปรงหลัง ทำให้ชวนย้อนอดีตไปถึง 1st generation CLS W219 มากกว่ารุ่นที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ด้านท้าย แต่หมายถึงลายเส้นภายนอกโดยรวมทั้งคัน ภายในเป็นสไตล์เดียวกับ Mercedes-Benz e-class coupe และ
เดือนธันวาคมถือเป็นเดือนแห่งการพักผ่อนที่เต็มไปด้วยงานเทศกาลดนตรีต่าง ๆ มากมาย รวมถึงวันหยุดพักผ่อนให้เราได้สามารถชาร์จพลังเพื่อเริ่มต้นปีใหม่ด้วยชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุข สำหรับคนที่ยังไม่มีแพลนว่าจะเดินทางไปไหน เราขอบอกเลยเดือนว่าธันวาคมนี้ มีโปรแกรมเทศกาลงานดนตรีสุดเจ๋งที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น Big Mountain , Wonderfruit และอื่น ๆ อีกมากทั้งโบฮีเมี่ยนจ๋า ร็อค ยัน EDM ที่ชาว UNLOCKMEN สามารถเข้าไปเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ส่วนตัวว่าชอบแบบไหน ซึ่งความสนุกของการไปเฟสติวัลต่าง ๆ ที่นอกจากการไปดูคอนเสิร์ต มันเป็นโอกาสทองที่จะทำให้เราได้หลุดไปกับการแต่งตัวแบบจัดเต็มข้อ ล่อเต็มแข้ง ชนิดไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนมาว่า เพราะทุกคนก็แต่งกันแบบจัดเต็มเช่นกัน โดยเฉพาะคนโสดที่อาจจะใช้โอกาสนี้ แต่งตัวให้ดูคูล เท่ เพื่อเป็นการโปรโมตตัวเองให้สามารถดึงดูดเพื่อน ๆ รวมถึงเพศตรงข้ามเข้ามาหาได้ เพราะหากเลือกจะแต่ง same same เหมือนกันไปหมด คุณก็คงไม่มีจุดเด่นอะไรให้คนเข้ามาสนใจ วันนี้ UNLOCKMEN Style Guide จึงอยากจะช่วยปลดล็อคสไตล์การแต่งตัวของคุณด้วย โดยการนำ outfit สุดเท่ ที่เป็นส่วนผสมต่าง ๆ นำมามิกซ์แอนด์แมชท์ จนเหมาะสมเพื่อใช้ในงานเฟสติวัลชนิดเมื่อคนเห็นต้องเหลียวมองอย่างแน่นอน To Good at GoodBye Hawaii
“กูเนี่ยนะนอนกรน มึงอย่ามาอำ” เสียงประสานจากกลุ่มคนนอนกรน ที่มักไม่รู้ว่าตัวเองนอนกรน นอนคนเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อต้องแชร์ห้องนอนกับใครที่กรนแรงพอกัน ถึงเริ่มตระหนักว่ามันเป็นอุปสรรคในการนอนสำหรับคนอื่นมากแค่ไหน ถ้าคุณกำลังเป็นห่วงเพื่อนร่วมห้อง ห่วงแฟนสาว หรือภรรยา ที่แชร์เตียงนอนร่วมกันว่าจะต้องทนรับเสียงกรนของคุณทุกค่ำคืน โอกาสทำความดีมาถึงแล้ว รีบเข้าไปกดสั่งซื้อ BOSE SLEEPBUDS อุปกรณ์สกัดเสียงกรน สำหรับคนนอนหลับยากคู่นี้อย่างเร็วไว บางคนอาจจะคุ้นกับเทคโนโลยีคล้าย ๆ กัน ภายใต้ชื่อบริษัท HUSH ที่เคยเปิดตัวในงาน CES2016 แล้วเงียบหายไป ที่จริงแล้วไม่ได้หายไปไหน แต่ถูก BOSE ซื้อไปนั่นเอง ก่อน BOSE จะนำสินค้าไปออกแบบใหม่ให้สวยกว่าเดิม และเปิดตัวให้ตื่นเต้นกว่าตามประสาสินค้า category ใหม่ ด้วยการให้คนที่สนใจเข้าไประดมทุนสั่งซื้อ BOSE SLEEPBUDS ผ่านทาง Indiegogo BOSE SLEEPBUDS คือ gadget สำหรับคนนอนหลับยาก ซึ่งโดยธรรมชาติของคนกลุ่มนี้ แค่เสียงหมาเห่า เสียงลมพัด ก็ยากจะหลับแล้ว ยิ่งถ้าบ้านอยู่ริมถนนใหญ่ อยู่ใกล้ BTS หรือสนามบิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง และที่หนักสุดคือคนนอนร่วมเตียงกรนดังสนั่น กว่าจะหลับแต่ละทีนี่ทรมานสุดชีวิต
ผู้ชายอย่างเราเติบโตมากับคำพูดที่ว่า Work Hard Play Hard ไม่ว่าจะหน้าที่การงานในออฟฟิศที่ต้องไปให้สุดในทุกทาง บอสสั่งงานวันนี้อยากได้พรุ่งนี้ ก็ต้องทำให้ได้ เพื่อนร่วมงานที่ขอให้ช่วยงานรายวัน ก็ต้องทำ หรือต่อให้พ้นอาณาเขตออฟฟิศ เป็นฟรีแลนซ์ ก็ไม่วายต้องทำงานข้ามวันข้ามคืน รับงานมือเป็นระวิง ยิ่งเป็นเจ้าของธุรกิจยิ่งแล้วใหญ่ เพราะความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่นั้นวางอยู่บนบ่า จนเรียกว่าผู้ชายอย่างเรา Work Hard สมกับที่ฟังมาตั้งแต่ยังไม่เติบโตอย่างแท้จริง เรื่องเล่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผู้ชายอย่างเราล้วนเต็มที่ไม่มีหยุด เพราะเกิดมาทั้งทีมีชีวิตเดียวต้องเอาให้ถึงขีดสุด งานที่ล้นมือก็ทำ แต่การเล่นให้เหมือนชีวิตไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป ก็ต้องไม่ทิ้ง ยิ่งเพื่อนรบเร้าให้ออกไปกินดื่มเที่ยวตลอด ยิ่งพลาดไม่ได้ เพื่อไม่ให้เสียเพื่อนฝูงไป ก็เรียกว่า Play Hard ไม่แพ้กัน แต่เดี๋ยวก่อน เราเคยหยุดพักนิ่ง ๆ แล้วถามตัวเองไหม ว่าไลฟ์สไตล์สุด ๆ เสี่ยง ๆ แบบนี้มันตอบโจทย์ชีวิตของเราจริง ๆ หรือเปล่า? เราเหนื่อยบ้างไหมกับไลฟ์สไตล์แบบนี้? เคยทำงานหนักจนไม่ได้เที่ยว หรือเที่ยวหนักจนทำงานไม่ได้หรือเปล่า? จะดีแค่ไหนถ้าเราทำงานได้ เล่นได้ โดยไม่ต้องสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ทำทั้งสองอย่างให้กลมกลืนแล้วเหลือพื้นที่ตรงกลางไว้หยุดพัก ก็เพราะชีวิตมีแค่ครั้งเดียว เราถึงต้องใช้ให้ดี และเราเชื่อว่า “ชีวิตดีเรามีได้”
หากพูดถึงความเกี่ยวข้องระหว่างนาฬิกา OMEGA กับองค์การบริหารการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกาอย่าง NASA เชื่อว่าสาวกเรือนเวลาแทบทุกคนคงจะเคยรับรู้ถึงกิตติศัพท์ของตำนาน Moonwatch กับการที่นาฬิกา OMEGA Speedmaster ได้ถูกสวมใส่อยู่บนข้อมือนักบินอวกาศในการลุยภารกิจพิชิตดวงจันทร์กันมาบ้างแล้ว แต่เมื่อมีชื่อของอีกหนึ่งตัวละครหลักอย่าง Snoopy ตัวการ์ตูนสุนัขบีเกิ้ลที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งมักจะปรากฎตัวอยู่ในเรือนเวลารุ่นพิเศษรำลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง OMEGA และ NASA เข้ามาร่วมด้วย งานนี้คงมีอีกหลายคนนึกสงสัยในใจว่าเหตุใด Snoopy ถึงได้มีบทบาทในวาระสำคัญต่าง ๆ ของ OMEGA และ NASA มาโดยตลอด และในวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจถึงที่มาที่ไปของความความผูกพันระหว่าง SNOOPY, NASA และ OMEGA ที่มีมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษให้ชาว UNLOCKMEN และเหล่าผู้หลงใหลในเรือนเวลา ที่อาจยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ได้กระจ่างกัน SNOOPY ไอคอนแห่งโลกการ์ตูน สู่สัญลักษณ์ภารกิจพิชิตดวงจันทร์ และรางวัลแห่งเกียรติยศ ถ้าจะต้องเล่าเรื่องราวสายสัมพันธ์สุดพิเศษระหว่าง Snoopy และ NASA คงต้องย้อนไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 60 เมื่อ Charles M. Schulz ได้วาดการ์ตูนที่มีสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลนาม Snoopy สวมชุดอวกาศพร้อมเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการ Apollo
การรวมตัวของ Segway และ Skateboard เมื่อข้อดีจากทั้งสองสิ่งถูกรวมเข้าไว้ด้วยกัน ความมันส์ของ Skateboarding ที่ติดตรงต้องออกแรงไถไปตลอดทาง เจอทางลาดชันเมื่อไหร่ก็จบข่าว กับความง่ายจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ Segway ที่แค่เอียงตัว ก็เคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่ต้องการได้อย่างสบาย ไม่ต้องออกแรงแม้แต่หยดเดียว เราคิดไว้ไม่ผิดว่าต้องมีคนเอา 2 สิ่งนี้มารวมกันเข้าสักวัน และมันก็เกิดขึ้นจริงแล้วในชื่อ ‘StarkBoard’ เหมือนได้แรงบันดาลใจมาจากความไฮเทคของ Tony Stark เราจะเรียก StarkBoard ว่าเป็น Skateboard อัจฉริยะก็ไม่ผิด เพราะรูปทรงของมันยังคงเป็น Skateboard อย่างชัดเจน แต่มีการเพิ่ม weight sensor และ motion sensor เข้าไป ทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้จากการโน้มตัวเช่นเดียวกับที่ใช้ใน Segway ดังนั้นต่อให้เล่น Skateboard ไม่เป็นเลย ก็ไม่มีปัญหา เรียนรู้แค่ไม่กี่นาทีก็เพียงพอที่จะออกไปผจญภัยบนถนนได้ทันที StarkBoard เคลื่อนไหวด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง สามารถเดินทางได้ 20 km ซึ่งเหลือเฟือสำหรับการเดินทางไปมาในเมือง ด้วยความเร็วสูงสุด 32 km/h มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังสามารถส่งกำลังพาเราขึ้นทางลาดชันได้ถึง
ไม่รู้ว่าชาว UNLOCKMEN ที่อายุเกิน 25 ขึ้นไป ยังพอจำการ์ตูนบาสเก็ตบอลเรื่อง Slam Dunk ได้บ้างหรือเปล่า เพราะเมื่อไม่นานมานี้ทีมงานได้นำมันกลับมาปัดฝุ่นอ่านอีกหนึ่งรอบเพื่อระลึกความหลังในวัยเยาว์ แต่เชื่อหรือไม่ว่าแม้การ์ตูนเรื่องนี้จะผ่านเวลามานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่เนื้อหาภายในเรื่องก็ยังเต็มไปด้วยมนต์ขลังที่สามารถนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่าน แถมสนุกเพลิดเพลินชนิดที่ไม่ตกยุคเลย นอกเหนือจากเนื้อหาที่สนุกเร้าใจ สมจริง ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมากภายในเรื่อง นั่นคือ sneakers ที่อาจารย์ ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ เลือกใช้ก็ครองใจวัยรุ่นไปตาม ๆ กัน และเราเองก็เชื่อว่า sneakerhead รุ่นเก่าส่วนใหญ่ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาการ์ตูนเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการย้อนวันเวลา เราจะขอนำเสนอรองเท้า sneakers คู่เด็ดย้อนวัยไปในมังงะ Slam Dunk ว่ามีอะไรโดนใจเราบ้าง Converse ERX 360 สำหรับรองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าที่ตัวละคร อาคางิ ทาเคโนริ ผู้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์กัปตันทีมโชฮาคุ สวมใส่ ซึ่งมันเป็นรองเท้าบาสรุ่นคลาสสิคของ Converse ที่ในปัจจุบันหาได้ยากแล้ว Converse ERX 360 เป็นรองเท้าสาย power ที่จะเน้นหนักในเรื่องการกันกระแทก โดยการใส่
ปัจจุบันอาชีพขายรองเท้ารีเซลนับว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เนื่องจากเม็ดเงินที่สามารถทำกำไรให้กับผู้ขายรวมแล้วมีรายได้ดีกว่าการเล่นหุ้นหรือซื้อทองเสียอีก จึงทำให้มีพ่อค้าแม่ค้ามากมายต่างกระโดดลงมาร่วมวงในตลาดนี้อย่างคึกคัก โดยเรื่องนี้ถือเป็นแง่ร้ายสำหรับ Sneakershead มือใหม่ที่อาจจะไม่ได้มีเงินทองมากมาย เพราะต้องมาต่อสู้แย่งชิงกับพลังเงินของพ่อค้าแม่ค้ามืออาชีพที่พร้อมทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้รองเท้ารุ่นลิมิเตดมาไว้เก็งกำไรขายต่อ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งสำหรับ Sneakerhead ที่มีกำลังทรัพย์ ซึ่งอาจจะไม่ได้มีเวลามานั่งเข้าแคมป์ ต่อแถวจับฉลากเหมือนกับคนอื่น ก็จะมีช่องทางสามารถหาซื้อรองเท้าได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยแลกกับการจ่ายเงินที่แพงกว่าราคากลางเสียเล็กน้อย อันนี้ก็เป็นดุลยพินิจของแต่ละคนไป เนื่องจาก Demand กับ Supply มันไม่เท่ากัน ดังนั้นในวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จะขอมาแนะนำร้านรองเท้า Resell ต่าง ๆ ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อที่จะให้ทุกคนได้ไปจับจ่ายใช้สอยรองเท้ารุ่นลิมิเตดกันอย่างจุใจ NICEFEET รองเท้าสตรีทแวร์น้องใหม่อีกหนึ่งร้านที่ตั้งอยู่ในสยามสแควร์ ซึ่งร้านนี้ค่อนข้างโด่งดังในหมู่นักสะสมรองเท้า เพราะว่าพวกเขาเคยรับหิ้วรองเท้ารุ่นหายากทางช่องทางออนไลน์ มาก่อนหน้าที่จะมาเปิดร้าน เป็นของตัวเอง ดังนั้นหากคุณไป ร้าน NICEFEET แน่ใจได้เลยว่ารองเท้าทุกคู่ที่มาวางขายในร้านจะต้องเป็นรุ่นที่หายากสุด ๆ อย่างแน่นอน Facebook : Nicefeetth Yo! Khris ร้านสนีกเกอร์สุดแนวที่ตั้งอยู่ใจกลางสยามสแควร์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมรองเท้ารีเซลที่ทีมงาน UNLOCKMEN คิดว่าน่าจะมีจำนวนมากที่สุดแล้วในปัจจุบัน เพราะในร้านมีรองเท้าโมเดลต่าง ๆ ไม่ต่ำกว่า 1,000 คู่