ในวันเกิดครบรอบขวบปีที่ 100 ของ Seiko เรือนเวลาสัญชาติญี่ปุ่นตัวแทนสะท้อนคำว่า ‘เท่’ บนข้อมือของผู้ที่สวมใส่ แน่นอน สำหรับแบรนด์นาฬิกาที่มีอายุระดับ 1 ศตวรรษ การเฉลิมฉลองก็ต้องเป็นการเล่าเรื่องความสำเร็จ Heritage Story ของตัวเอง ผ่านเรือนเวลาในยุคปัจจุบันที่ดีไซน์เคารพช่วงเวลาหล่านั้น ขบวนแห่งการเฉลิมฉลองนี้ได้ถูกปูทางหางแถวเอาไว้แล้วตั้งแต่ปี 2023 ด้วย Seiko 5 Sports 55th Anniversary Limited Edition Re-creation Of The First 5 Sports Watch รหัส SRPK17K ที่ฉลองครบรอบ 55 ปี ของรุ่น Seiko 5 Sports หนึ่งในคอลเลกชั่นแห่งความสำเร็จที่สำคัญมาก ๆ บนเส้นทางของแบรนด์ Seiko และในปี 2024 เรือนเวลาในซีรีส์ “Heritage Design Re-creation” ก็ขอเข้าร่วมขบวนแห่งการเฉลิมฉลองนี้ ด้วยการรับดีไซน์สปอร์ตจากยุค 60s
ไม่ว่าเทรนด์แฟชั่นจะหมุนไวขนาดไหน แต่คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ‘ความคลาสสิก’ ยังคงเป็นเทรนด์ที่อยู่ในกระแสมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่หวือหวา แต่ทว่าเรายังพบเจอกับกลุ่มคนที่ชื่นชอบการแต่งตัวแบบคลาสสิกสไตล์อยู่เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือนาฬิกาที่สวมใส่ และในปี 2024 นี้ SEIKO 5 SPORTS ยังคงตอบโจทย์ชาวคลาสสิกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเล่าเรื่องผ่านความคลาสสิกระดับตำนานผ่าน 2 รุ่นใหม่อย่าง SEIKO 5 SPORTS “Retro Color” Special Edition ที่มาพร้อมสีหน้าปัดสุดเรโทร และขอบหน้าปัดลวดลาย Rally จากยุค 60s-70s มาให้สาวกทั้งหลายได้หายคิดถึง เพราะแฟนพันธุ์แท้ Seiko 5 Sports คงจะทราบกันดีว่า ขอบ Rally นี้ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นดังในอดีตอย่าง Seiko 5 Sports Rally Diver 70 ที่ขึ้นหิ้งเป็นหนึ่งใน Rare item ที่หลายคนตามหา เรียกได้ว่าการมาของ SEIKO 5 SPORTS “Retro Color” Special
เข้าสู่ช่วงปลายปีแบบนี้ ทาง SEIKO ก็ไม่พลาดที่จะมีของดีมายั่วใจนักสะสม และต้องบอกเลยว่าเรือนเวลารุ่นล่าสุดเรือนนี้นั้นไม่ธรรมดา เพราะถือเป็นเรือนส่งท้ายปีแห่งการเฉลิมฉลองวาระสุดพิเศษภายใต้ปีแห่งความภาคภูมิใจ ครบรอบ 55 ปี SEIKO 5 SPORTS กับ SEIKO 5 SPORTS YUTO HORIGOME LIMITED EDITION ที่ได้ร่วม Collab กับนักสเก็ตบอร์ดดาวรุ่งชื่อดังแห่งประเทศญี่ปุ่นอย่าง Yuto Horigome (ยูโตะ โฮริโกเมะ) อีกครั้ง ซึ่งความสามารถของ Yuto Horigome ได้เริ่มฉายแสงตั้งแต่วัยเด็ก โดยได้รับอิทธิพลความหลงใหลในสเก็ตบอร์ดมาจากคุณพ่อ และเริ่มหัดเล่นตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ก่อนที่จะขยับตัวเองให้ขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดของการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่น ได้ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นตอนต้น ๆ เท่านั้น ภายหลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลายในประเทศญี่ปุ่น Horigome ได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดินแดนที่ความสามารถและพรสวรรค์ของเขา ได้เฉิดฉายอย่างเต็มที่ เพราะหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกของเขาเมื่อปี 2017 ใน Street League Skateboarding (SLS) ซีรีส์การแข่งขันสเก็ตบอร์ดชั้นนำของโลกแค่เพียง 1 ปี
ต้องบอกว่าการฉลองครบรอบ 55 ปีของแบรนด์ Seiko นั้น มีไฮไลต์อยู่ตรงจุดที่แบรนด์จะพาทุกคนไป Nostalgia ให้รู้สึกถึงความสำเร็จอันงดงามในอดีตของ Seiko ด้วยเรือนเวลาคู่ไหนกันนะ ? และ Seiko 5 Sports “Retro Color” Special Edition เองก็ไม่ต่างกัน เตรียมตัวซึมซับความรู้สึกเรโทร (Retro) ที่มีความหมายตามพจนานุกรมของ Seiko ว่า ‘สไตล์’ ที่มีเรื่องราวและกลิ่นอายจากยุค 60s-80s อย่างเต็มเปี่ยม ผ่านงานดีไซน์ และประวัติศาสตร์ของแบรนด์ เป็นที่รู้กันว่าหลังจากนาฬิกาคอลเลกชั่นแรกสุดของ Seiko 5 Sports ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1969 เราก็เข้าสู่ยุคทองของซีรีส์ที่ว่าโดยทันที และในปี 1969 นั่นเอง ก็มีรุ่นจักพรรดิ์ตัวท็อปมากถึง 3 รุ่นที่ผู้ใส่ไม่เคยลืมเลย Seiko 5 Sport 5126-8130 (Rally Diver) / Seiko 5 Sport 6119-6050
เรียกว่าเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองนาฬิกาที่ไม่มีใครเท่เกินกว่านี้อีกแล้ว สำหรับ Seiko 5 Sports ซีรีส์เรือนเวลาสุดภาคภูมิใจของแบรนด์ Seiko นั่นเอง ! แต่ก่อนจะพูดถึงนาฬิกาที่เป็นเนื้อหาหลักของบทความนี้ เรามารีแคปภาพของความเจ๋งรุ่นนี้กันอีกสักครั้ง Seiko 5 Sports เปิดตัวครั้งแรกในปี 1963 เป็นนาฬิกาบอกวันที่แบบอัตโนมัติเรือนแรกของประเทศญี่ปุ่น ในตอนแรกนั้น Seiko ใช้ชื่อเรียกรุ่นนี้ว่า Seiko 5 ก่อนที่ในปี 2019 จะเปิดตัวใหม่อีกครั้ง แล้วเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Seiko 5 Sports พร้อมกับปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้มีความทันสมัย แต่ก็ไม่ทิ้งฟังก์ชั่นสุดแข็งแกร่ง 5 ประการของรุ่น เพื่อเป็น Everyday Watch ของทุกคน และในปี 2023 นี้ Seiko ก็ได้ส่งนาฬิกาอีกหนึ่งรุ่นเข้าร่วมเทศกาลแห่งการฉลองครบรอบการเดินทาง 55 ปี ของซีรีส์ Seiko 5 Sports รุ่นที่มีชื่อว่า Seiko 5 Sports 55th Anniversary Limited Edition
การเปิดตัว Seiko 5 Sports SKX Series 38mm Mid-Size เรือนเวลาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาดำน้ำที่เท่และฮิตที่สุดของ Seiko ในยุค 80’s ต่อยอดความอมตะของสีสันและงานดีไซน์ สู่เรือนเวลาของปี 2023 ที่โมเดิร์นยิ่งกว่าใคร ! ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ ยังมีขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง SEIKO 5 SPORTS 55th Anniversary กับการเดินทางที่เกินกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว และจะเดินหน้าอย่างเข้มแข็งต่อไป เพื่อ Represent ฟังก์ชั่นสุดแข็งแกร่งหัวใจหลักทั้ง 5 อันประกอบไปด้วย Automatic movement, Day-date display, Water Resistance, Recessed Crown and Durable Case และ Bracelet สิ่งแรกที่ UNLOCKMEN อยากให้ทุกคนจำให้แม่นก่อนจะรู้จักกับเรือนเวลารุ่นนี้ให้ละเอียดในบรรทัดต่อไป คือความงามแบบไทม์เลสจากยุค 80’s ของเรือนเวลารุ่นนี้ อยู่ที่หน้าปัด 4 สีใหม่ อันสะท้อนตัวตนของผู้ใส่ที่ต่างกัน ประกอบไปด้วย
นาฬิกาทุกเรือนบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างในตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจจากสิ่งที่นักออกแบบตกหลุมรัก หรือความหลงใหลถึงบางสิ่งบางอย่างของเจ้าของแบรนด์ และบางครั้งก็ส่วนตัวถึงขนาดว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้ใครสักคนในชีวิตจริง นาฬิกา SEIKO 5 Sports Super Cub Limited Edition คือเรือนเวลาที่บอกเล่าเรื่องราวหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์รถจักรยานยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก อย่างซีรีส์ Super Club ของ Honda และก็เป็นนาฬิกาที่เปรียบดั่งจดหมายรักเปิดผนึกถึงพวกคุณทุกคน ที่เติบโตมากับจักรยานยนตร์ผลงานมาสเตอร์พีซที่สุดของผู้ชาย 2 คนที่ชื่อ Honda Soichiro และ Fujisawa Takeo ผู้ให้กำเนิด Honda Motor Company นั่นเอง เพราะว่าถูกเรียกอย่างติดปากถึงในปัจจุบันว่า Japanese Retro Style งานออกแบบ Honda Super Club จึงล้ำนำสไตล์พลิกงานดีไซน์จักรยานยนตร์ตั้งแต่โมเดลแรกที่ผลิตออกมาในปี 1958 .. เป็นที่รู้กันดีว่าปี 1958 คือช่วงเวลาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เพิ่งจะสิ้นสุดลงไปได้ไม่นานนัก (ค.ศ.1945) ในตอนที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัว ผู้คนกำลังที่จะลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง พร้อมกับที่ Tokyo Tower สัญลักษณ์สำคัญของความหวังและความฝันส่องสว่างสมชื่อแดนอาทิศอุทัยเพิ่งสร้างเสร็จในปีเดียวกัน
หลังจากปี 2021 ที่ Seiko 5 Sports ได้เปิดตัว Field/Military Collection เรือนเวลาคอลเลกชันแห่งนักผจญภัย ที่ไม่ว่าจะสาย Camping / Hiking / Trekking ก็สามารถคอมพลีทลุคอัพสไตล์สายลุยระดับไฮคลาส พร้อมกับฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ต่อทุกการใช้งาน เป็นที่ประทับใจของสายแคมป์เปอร์ทั่วโลกมาแล้ว มาในปี 2023 นี้ เรือนเวลาคอลเลกชั่นตัวเก่งตัวเดิม Seiko 5 Sports กลับมาอีกครั้ง ! ด้วย Seiko 5 Sports Field Mid-Size “Outdoorsy Style” เรือนเวลารุ่นล่าสุดของนักผจญภัยที่สายแคมป์ปิ้งพลาดไม่ได้ ด้วยคอนเซปต์ Chillaxing (มีที่มาจาก Chill และ Relax) ตอบโจทย์ในคนรักกิจกรรมเอาท์ดอร์ กับเรือนเวลา 5 เรือน ที่ดีไซน์ทั้งประโยชน์ใช้สวยและประโยชน์ใช้สอย เดี๋ยว UNLOCKMEN จะมาเล่าทีละเรือนให้ฟังในบรรทัดต่อไป เริ่มกันที่นาฬิกา 3 รุ่นแรกที่ปรับขนาดหน้าปัดใหม่เป็น 36
เชื่อว่าชาว UNLOCKMEN หลายคนต่างเติบโตมา พร้อมความสุขบนหน้าจอ ที่เต็มไปด้วยฉากชวนตื่นตาตื่นใจระหว่างรับชมการต่อสู้ของฮีโร่ร่างยักษ์ซึ่งทำหน้าที่พิทักษ์โลกจากเหล่าสัตว์ประหลาดไคจูตัวร้าย พร้อมเอาใจช่วยด้วยความลุ้นระทึกกับเงื่อนไขเวลาจำกัดของพระเอกขณะที่อยู่ในร่างยอดมนุษย์นามว่า Ultraseven โดยเรื่องราวของ Ultraseven นักรบผู้ผดุงความยุติธรรมจากดวงดาวแห่งแสงใน Nebular M78 ที่ออกอากาศเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1967 – 1968 ได้กลายเป็นตำนานสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนรุ่นสู่รุ่นมายาวนานกว่า 55 ปี เช่นเดียวกันกับเรือนเวลา SEIKO 5 SPORTS ซึ่งยืนหยัดในฐานะ Automatic Day-Date Watch รุ่นแรกของญี่ปุ่น ที่มาพร้อมราคาคุ้มค่า คุณภาพน่าเชื่อถือ และดีไซน์ที่ถูกพัฒนาให้ร่วมสมัยสำหรับหนุ่มสาวหัวใจสปอร์ตมาเป็นเวลา 55 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 1968 ด้วยช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดิบพอดี ทำให้ยอดมนุษย์ Ultraseven และเรือนเวลาชั้นยอดอย่าง SEIKO 5 SPORTS มีโอกาสได้โคจรมาเจอกันในคอลเลกชั่น SEIKO 5 SPORTS 55th ANNIVERSARY ULTRASEVEN LIMITED EDITION เรือนเวลารุ่นพิเศษ ตัวแทนการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 55 ปีของทั้งคู่ ที่บอกเลยว่าแฟน
“หลายคนอาจมองว่าเราเป็นคนทำงาน Street Art ที่ประสบความสำเร็จ แต่พูดตรง ๆ คือ เราไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงจุดนั้นหรือเปล่า แค่รู้สึกว่าถ้าเรามีโอกาส ได้รับโอกาสอะไรมา เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด งานมันต้องพัฒนาเรื่อย ๆ เราอยากรู้สึกตื่นเต้นกับงานที่ทำ ณ ปัจจุบันให้มากที่สุด อยากรู้สึกเหมือนตอนทำงานกำแพงแรก ที่เราผ่านอะไรมามากมายจนสุดท้ายก็ทำสำเร็จ เราว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลย” Quote ข้างต้นคือมุมมองการสร้างงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วย Passion จากปากของชายที่เรา และใครอีกหลายคนทั้งในไทยรวมถึงต่างประเทศ ต่างให้การยอมรับว่าเขาคือหนึ่งในศิลปินเบอร์ต้น ๆ ที่นำพาผลงาน Street Art ไทย ให้ดังไกลถึงต่างแดน แม้เจ้าตัวจะไม่มั่นใจว่าได้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางของความสำเร็จแล้วหรือยัง แต่เชื่อว่าผลงานมากมายของ ‘รักกิจ สถาพรวจนา’ หรือ ที่หลายคนรู้จักในชื่อ RUKKIT น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว จากจุดเริ่มต้นของเด็กชายธรรมดาที่มีใจรักในการวาดรูป แต่การคว้ารางวัลประกวดวาดภาพระดับอนุบาลมาครอง กลับกลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้เด็กชายรักกิจ มุ่งมั่นในเส้นทางศิลปะต่อเนื่องและเริ่มต้นทำงานประจำในสาขากราฟิกดีไซน์เนอร์ จนกระทั่งสิ่งที่เรียกว่า “โอกาส” ที่ถูกหยิบยื่นให้ได้เปิดเส้นทางใหม่ให้ผู้ชายคนนี้ได้รู้จักกับงาน Street Art และใช้ชีวิตกับศิลปะแขนงนี้มาจนถึงปัจจุบัน “หลังจากจบมหาวิทยาลัยก็ไปทำงานกราฟิกดีไซน์ก่อน จากนั้นมีรุ่นพี่ชวนไปทำงาน Street Art เป็นงานพ่นกำแพงที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ (BACC) เริ่มทำครั้งแรกก็รู้สึกชอบเลย