หากพูดถึงแบรนด์ที่หาซื้อจับจองเป็นเจ้าของยากแบบสุด ๆ ชนิดหากบ้านไม่ได้อยู่ใกล้ช็อป หรือไปนั่งเข้าคิวรอซื้อเป็นวัน ๆ นอกเหนือจาก Supreme แล้ว เราขอยกให้กับแบรนด์สตรีตแวร์จากเกาะอังกฤษที่มาแรงพอ ๆ กันอย่าง Palace ซึ่ง UNLOCKMEN เคยเขียนถึงประวัติความเจ๋งของแบรนด์นี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ทุกคนสามารถกลับไปตามอ่านได้ที่ (Content) สาเหตุที่ทำให้แบรนด์ Palace เติบโตอย่างรวดเร็ว แถมเป็นที่นิยมของสาวกสตรีตแฟชั่น น่าจะมาจากดีเอ็นเอความเป็นตัวตนบวกกับเอกลักษณ์อันชัดเจน ที่แสดงออกถึงความเป็นอินดี้ฮาร์ดคอร์ จนถูกใจวัยรุ่นทั่วโลก และขอบอกเลยว่าอัตราการจับจองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะเมื่อสินค้า Palace วางจำหน่าย ก็ Sold Out แทบทันที ไม่ต้องพูดถึงออนไลน์ หากอินเตอร์เน็ตของคุณไม่ได้เร็วเหนือแสง ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกดออนไลน์แย่งกับใครได้ แต่โอกาสมาถึงทุกคนอีกครั้ง เมื่อล่าสุด Palace เตรียมปล่อยคอลเลกชั่นใหม่ Autumn 2018 ที่อัดแน่นไปด้วยสินค้ามากมาย และต่อให้คุณไม่ใช่สายสเก็ตบอร์ด ก็น่าจะชื่นชอบเสื้อผ้าเซ็ตใหม่นี้ได้ไม่ยาก สำหรับคอลเลคชั่น Autumn 2018 จาก Palace นี้ประกอบไปด้วยสินค้ามากกว่า 100 ชิ้น ซึ่งมีตั้งแต่เสื้อแจ็คเก็ตกันลม, เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์, ฮู้ดดี้, คาร์ดิแกน,
หากพูดถึงโมเดลรองเท้าสักคู่ที่ได้รับอิทธิพล และติดภาพมาจากภาพยนตร์ จนกลายมาเป็นสนีกเกอร์ในฝัน ที่เหล่านักสะสมล้วนถวิลหาอยากจะได้มาไว้เป็นคอลเลคชั่นส่วนตัว หนึ่งในนั้นต้องมี Nike Cortez จากภาพยนตร์ Forrest Gump อย่างแน่นอน ปรากฎการณ์ความดังของภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผล แค่เพียงในจอเงินเท่านั้น ทว่ายังได้สร้างอิมแพคต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นอีกด้วย เพราะรองเท้าที่ได้ปรากฎตัวบนแผ่นฟิล์ม พร้อมฉากชายผู้ไม่สมประกอบออกวิ่งด้วยรองเท้า Nike Cortez ไปทั่วสหรัฐอเมริกา กับวลีอมตะ “Run Forrest Run” ได้กลายเป็นฉากคลาสสิคตลอดกาลต่อวงการภาพยนตร์โลก นอกเหนือจากนี้ ด้วยคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นบวกกับความสวยงามของตัวรองเท้า Nike Cortez ทำให้มันกลายเป็นรองเท้าสามัญประจำตู้ถูกเก็บขึ้นหิ้ง แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็ยังอยากที่จะมีไว้สวมใส่ครอบครอง วันนี้ UNLOCKMEN จะขอนำเรื่องราวของรองเท้าในตำนานคู่ดังกล่าวที่ได้กลับมาวางขายอีกครั้งในบ้านเรามาเล่าสู่กันฟัง หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าแต่เดิม รองเท้า Nike Cortez มีพี่ชายฝาแฝดที่เรียกได้ว่าแทบจะโคลนนิ่งกันมาอย่าง Onitsuka Corsair ซึ่งเหตุผลที่มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะ ก่อนที่นาย Bill Bowerman จะได้จัดตั้งบริษัท Nike ขึ้นเองนั้น เขายังคงรับหน้าที่เป็นโค้ชทีมวิ่งของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดย Bill ได้ทำงานร่วมกับบริษัท Onitsuka Tiger จากประเทศญี่ปุ่นในการผลิตรองเท้าช่วงกลางยุค 60s ก่อนที่ในเวลาต่อมา Bill Bowerman และ Phil Knight จะก่อตั้งบริษัทของตัวเองที่ชื่อว่า Blue
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าไอเทมที่มีส่วนสำคัญต่อหนุ่ม ๆ ทุกคนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “เสื้อยืด” และถ้าจะยิ่งเจาะลึกเข้าไป เราอาจจะพูดได้เต็มปากเหลือเกินว่าเสื้อยืดนั้นเป็นเหมือน Second Skin ที่ผู้ชายต้องใส่บ่อยกว่าไอเทมใด ๆ แม้กระทั่งบางสายงานยังสามารถใส่ไปทำงานได้ด้วยซ้ำ จึงทำให้ไลฟ์สไตล์แบบ Everyone ของเราวนเวียนอยู่กับการใส่เสื้อยืดอย่างหลีกหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการจะหาเสื้อยืดเจ๋ง ๆ มาสวมใส่ จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่พวกเราควรให้ความใส่ใจในการเลือกซื้อ โดย UNLOCKMEN เคยเขียนอธิบายถึงการเลือกเสื้อยืดฉบับมือโปร (Content ) พร้อมกับประวัติที่มา (Content) ไปหมดเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าในวันนี้เราจะมาแนะนำแบรนด์เสื้อยืดกราฟิคเจ๋ง ๆ เหมาะสำหรับใส่ในวันหยุดพักผ่อน หรือจะใช้เพื่อบ่งบอกไลฟ์สไตล์ความเป็นตัวเอง Billionaire Boys Club เราเชื่อทุกคนคงจะคุ้นเคยกับ Billionair Boys Club นี้พอสมควร เพราะถ้าใครเป็นสาวกสตรีทแวร์อาจจะเคยได้ยินชื่อย่อ ๆ ว่า BBC ซึ่งถือก่อตั้งขึ้นโดยศิลปินมากความสามารถอย่าง Pharrell Williams โดยแบรนด์จะชูจุดเด่นในเรื่องการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้สินค้าแต่ละชิ้นมีความพิเศษอย่างมากโดยเฉพาะคอลเลคชั่นที่เป็น Collaboration สำหรับลายกราฟิคที่เป็นซิกเนเจอร์คือรุ่น Classic Curve Logo สนนราคา $50 (1,xxx
แฟชั่นแบบผู้ชาย ๆ ใครว่าจะต้องเป็นโทนขาว ดำ เทา เท่านั้น?! หล่อ เท่ สุขุมน่ะใช่แต่ใครจะไปแอ็คขรึมได้ตลอดเวลา เพราะยังไงผู้ชายเรามันก็ต้องมีอารมณ์สนุก มันส์ กวนกันบ้าง เผลอ ๆ แล้วจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของเราด้วยซ้ำไป ลองสลัดแอ็คขรึมทิ้ง แล้วลองมาลุคคูลกับสไตล์ Two-Tone color ดู แบบที่ใช้คู่สีคอนทราสต์โทนร้อนโทนเย็น ให้ทั้งความหล่อ เท่ และแฝงด้วยความสนุกสนาน เปี่ยมเอนเนอร์จี้ หนุ่มสายสตรีทเฉี่ยว ๆ เติมบุคลิกขี้เล่นได้ด้วยคู่สีคอนทราสต์ อาจจะลองโชว์ความจี๊ดที่ช่วงเท้า ด้วยการเลือกถุงเท้ายาวข้อสูงสีสันลวดลายเจ็บ ๆ ใส่คู่กับกางเกงขาสั้น หรือกางเกงยีนส์พับขาลอย และสนีกเกอร์สีสันโดน ๆ สักคู่ หรือจะเลือกไปทางโดดเด่นทั้งตัวไปเลยก็ได้ ด้วยการเลือกชิ้นหลักให้เป็นคู่สีตรงข้ามกัน เช่น เสื้อสีเข้ม กางเกงสีจี๊ด แล้วเพิ่มความมันส์เข้าไปให้สุดด้วยรองเท้าสีเจ็บ แค่นี้ก็สนุกได้ทั้งวัน ส่วนหนุ่มสายบูติกก็ยังคีพคูลได้กับสี Two-tone ด้วยหลักการเดียวกันคือ สีเสื้อและสีกางเกงต้องเลือกให้คอนทราสต์กันเข้าไว้ แต่ข้อควรระวังคือ ไม่ควรมีเกิน 3 สีบนร่างกายไม่อย่างนั้นอาจจะเยอะเกินเลยความคูลไปนิดนึง ไม่ต้องเขินกับการเลือกใช้สีสัน ลองจับคู่สีตรงข้ามมามิกซ์
ยังคงขับเคี่ยวกันอย่างหนักหน่วงสำหรับสองค่ายรองเท้ายักษ์ของโลกอย่าง adidas และ Nike ซึ่งทั้งคู่เพิ่งจะเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ และนับว่าน่าสนใจอย่างมากจนชาว UNLOCKMEN ไม่ควรพลาดเก็บไว้เป็นตัวเลือกสำหรับจับจ่ายใช้สอยรองเท้าสนีกเกอร์คู่ถัดไป ดังนั้นในวันนี้เราจึงนำสองโมเดลใหม่จากทั้งสองฟากมาเปรียบมวยกันไปเลย adidas POD 3.1 สำหรับรองเท้ารุ่น POD 3.1 คือการนำประสบการณ์สุดล้ำด้วยการวบรวมและผสมผสานสุดยอดเทคโนโลยีจาก adidas เพื่อต้องการทวงบัลลังค์ความนิยมหลังจากเสียท่าไปพอสมควรในช่วงปีที่ผ่านมา adidas POD 3.1 เกิดจากการรวมกันของความเชื่อและแนวคิดที่ว่า “Great alone, better together” ซึ่งดีไซน์ของ P.O.D. System นั้นแสดงให้เห็นถึงการนำเสนอเอกลักษณ์และการเชื่อมโยงสุนทรียะของเรื่องราวในอดีตสู่มุมมองการออกแบบสุดก้าวหน้า ซึ่งรองเท้ารุ่น P.O.D. System นั้นหยิบแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากดีไซน์ดั้งเดิมของรองเท้าวิ่งที่อาดิดาสออกแบบไว้ในปี 1995 ซึ่ง POD นั้นย่อมาจากคำว่า Point of Deflection System เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีเก่าอย่าง Torsion™ โดยจะเป็นพื้นโฟม EVA ในส่วนหน้าเท้าเข้ากับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Boost™ เพื่อความนุ่มสบายในส่วนของส้นเท้า ทำให้รองเท้าคู่นี้มีกลิ่นอายความเป็น Chucky และ Modern ไปพร้อม ๆ
ย้อนกลับเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วเพลง Move Like Jagger จัดเป็นหนึ่งในท๊อปชาร์ตของปี 2011 ซึ่งบทเพลงดังกล่าวว่าด้วยการวาดลวดลายบนเวทีอันเป็นเอกลักษณ์ของร็อคเกอร์รุ่นเก๋าอย่าง Mick Jagger ฟร้อนท์แมนของวงดนตรีระดับตำนานอย่าง The Rolling Stones ที่แม้ในปัจจุบันอาจจะไม่ได้เห็นมานักเนื่องจากอายุสังขารคงจะให้มาออกสเต็ปคงจะไม่ไหว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็น Timeless เสมอมาสำหรับร็อคเกอร์มาดเท่คนนี้ คือเรื่องสไตล์แต่งตัวที่หากใครได้กลับไปดูรูปเก่า ๆ จะพบว่า Mick Jagger คือตัวพ่อในวงการแฟชั่นไม่ต่างจาก David Bowie ในยุคนั้น ถึงขนาดดีไซน์เนอร์ในยุคหลัง ๆ อย่าง Hedi Slimane ยังนำสไตล์ของเขามาเป็นแรงบันดาลใจกับห้องเสื้อ Saint Laurent อีกทั้งคนที่เป็นสไตล์ไอคอนของยุคนี้อย่าง Harry Styles ก็ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลด้านสไตล์มาจาก Mick Jagger ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นมาลองดูวิวัฒนาการแต่งตัวของเขากัน Glam Rock ในยุคของ Mick Jagger จัดเป็นร็อคเกอร์ที่แต่งตัวจัดจ้านไม่แพ้ลีลาบนเวที ซึ่งเราคงต้องลืมภาพร็อคเกอร์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับหนังสีดำ ๆ ไปเสียหมด เพราะว่าเขาฉีกกฎเกณฑ์การแต่งตัวด้วยสไตล์การแต่งตัวที่ Glam
แม้ว่าในฤดูกาลนี้โทนสีที่มาแรงที่สุดประจำซีซั่นจาก Pantone จะเลือกให้เป็น Ultra Violet แต่เรียนตามตรงว่าด้วยเฉดสีม่วงเช่นนั้น คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่หนุ่ม ๆ จะหยิบจับไอเทมต่างมามิกซ์แอนด์แมทช์เป็นสไตล์ในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน สุดท้ายก็จบด้วยสีขาว ดำ เทา เป็นโมโนโทนอยู่ตลอดเวลา UNLOCKMEN อยากจะให้หนุ่ม ๆ ลุกขึ้นมาแต่งตัวสนุกให้กับชีวิตเสริมหล่อความมั่นใจให้กับตัวเองมากยิ่งด้วย ด้วยโทนสีแบบ Earth Tone ซึ่งหลายคนอาจจะยังสงสัยอยู่ว่าไอ้เจ้า Earth Tone นี้ มันหน้าตาเป็นเช่นไร สำหรับสีในโทน Earth Tone ถ้าให้ทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ คือเฉดสีต่าง ๆ ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา อย่างเช่น เขียวเข้ม น้ำตาล เทน และแทน รวมถึงสีเบจ โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นสีโทนกลางที่สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากับทุกสีได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้มันเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับงานตกแต่งหลาย ๆ ประเภท ทว่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ในวงการแฟชั่นเริ่มมีการหยิบจับเอาโทนสีนี้ มาเป็นส่วนประกอบสำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นไฮแฟชั่น หรือแม้กระทั่งสตรีทแวร์ มาลองดูไอเดียกันว่า ถ้าเกิดหนุ่ม ๆ อยากจะมีลุคแบบ Netural ควรจะเลือกเฉดสี
จัดเป็นคอลเลคชั่นที่หนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ทุกคนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะการโคจรมาพบกันของสองงานศิลป์ที่ดูเหมือนไม่น่าจะเข้ากันได้เลย เมื่อแบรนด์แฟชั่นสเก็ตบอร์ดอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Vans ขอหยิบยกเอาผลงานศิลปะชั้นครูจาก Vincent Van Gogh มาวาดลวดลายอยู่บนคอลเลคชั่นเสื้อผ้า และรองเท้าของตัวเอง จนเกิดเป็น Vans x Vincent Van Gogh โดยความร่วมมือในครั้งนี้ Vans จะได้นำรองเท้ารุ่นฮิตอย่าง Old Skool, Slip-On, Authentic และ Sk8-Hi รวมถึงเสื้อยืด ฮู้ดดี้ แจ็กเก็ต หมวก กระเป๋า มาเติมภาพวาดสีน้ำมันสุดคลาสสิคของศิลปินชื่อก้องโลก Vincent Van Gogh อาทิ Almond Blossoms, Skull และ Sunflowers หรือแม้กระทั่งภาพพอร์ตเทรตของตัวเอง ออกมาเป็นคอลเลคชั่นที่ผสมผสานศาสตร์แห่งศิลปะบนเสื้อผ้าสมัยใหม่ได้อย่างสวยสดงดงาม ทว่าการจับจองคอลเลคชั่น Vans x Vincent Van Gogh Van Gogh Museum นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะสินค้าเหล่านี้จะถูกวางขายที่เว็บไซต์เท่านั้นในเร็ววันนี้
แน่นอนว่าในปัจจุบันการจะจบลุคการแต่งตัวให้ลงตัวนั้น สิ่งที่จำเป็นและจะขาดไม่ได้เลย คือเรือนเวลาคู่ใจ ซึ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเรือนเวลาแบบ Minimal Watch ที่ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี จึงเป็นที่นิยมสำหรับคนสายงานครีเอทีฟ รวมถึงนักคิดทั้งหลาย ที่สะท้อนความเป็นตัวเองผ่านวิถี Minimal ใส่น้อยแต่ได้มาก เพื่อเซฟเวลาและพลังสมองเอาไปใช้กับเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่าแทน ซึ่งวันนี้ UNLOCKMEN มีไอเทมนาฬิกาดี ๆ มาแนะนำอีกเช่นเคย สำหรับประดับบนข้อมือของคุณผู้ชายทุกคนกับ ISSEY MIYAKE แบรนด์ดังระดับโลก ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ คาแร็กเตอร์เรียบหรู ดูแพง มาพร้อมพลังแห่งการสร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจอันไม่สิ้นสุด อันเป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจากทางแบรนด์ โดยความพิเศษสุด ๆ ของนาฬิกา Minimal คอลเลคชั่นใหม่นี้ คือการได้ดีไซน์เนอร์คู่บุญอย่าง อิชิโระ อิวาซากิ (Ichiro Iwasaki) ที่ผูกพันกับแบรนด์ โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองได้มีโอกาสออกแบบร่วมกันในคอลเลคชั่น “C” เพื่อมาเอาใจสายโครโนกราฟโดยเฉพาะ ด้วยความเหนือชั้นทางด้านงานดีไซน์บนวิถีแห่งความเรียบง่ายในแบบ Simple & Minimal ทำให้ อิชิโระ อิวาซากิ (Ichiro Iwasaki) เกิดแรงบันดาลใจ จนกลายมาเป็นผลงานศิลป์บนหน้าปัดเรือนเวลาให้กับ “เอฟ” คอลเลคชั่น
คงไม่มีใครกล้าปฎิเสธได้ว่า Supreme คือแบรนด์แฟชั่นที่ทรงอิทธิพลสุด ๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะไม่ว่าจะออกแบบดีไซน์อะไรมา ล้วนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ต้องไปเข้าคิวรอยิ่งกว่าของแจกฟรีเสียอีก ทำให้เป็นเรื่องธรรมดาเมื่ออุปสงค์และอุปทานไม่สมดุลกัน จึงเกิดเป็นสินค้า Bootleg ของปลอมนำมาจำหน่ายเกลื่อนเต็มไปหมด ไม่เว้นกระทั่งเมืองไทยของเราเองก็ตาม แต่ข่าวที่เรากำลังจะนำมาเสนอนี้ นับเป็นความหาญกล้าของประเทศจีนอีกครั้ง เมื่อมีตาดีได้ไปเห็นช้อบ Supreme ตั้งหลาอยู่ในเมืองเสิ่นเจิ้น ซึ่งไม่เคยมีแหล่งข่าวจากทางต้นสังกัดมาก่อนเลยว่าจะมีการมาเปิดสาขาใหม่ที่เมืองนี้ เพราะอย่างที่หลายคนทราบกันดี Supreme ค่อนข้างที่จะห่วงและคงคอนเซ็ปต์ในเรื่องของสินค้าลิมิเต็ดอย่างมาก ทำให้ปัจจุบันแม้จะดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี กลับมีจำนวนสาขาอยู่ทั่วโลกเพียง 11 แห่งเท่านั้น สำหรับ Supreme ปลอมสาขาแห่งแรกของโลกนี้ มีการตกแต่งร้านออกมาทุกอย่างเหมือนกับ Supreme ต้นฉบับ ซึ่งจะเป็นร้านไปที่ความมินิมอล เรียบง่ายตามสไตล์ แถมยังประดับประดาไปด้วย Trademark อันเป็นเอกลักษณ์มากมายเต็มไปหมด แต่ถ้าสังเกตดูดี ๆ จะผมว่ามีความแตกต่างอยู่เล็กน้อยคือบริเวณสัญลักษณ์ทะเบียนการค้าที่ช็อปปลอมนี้ใช้เป็นอักษร “NYC” แทน พอมาลงดีเทลในเรื่องสินค้าเราก็จะได้พบกับทั้งสินค้าที่หาได้อยากอย่างเช่นตระกูล Box Logo ทั้งหลาย รวมถึงสินค้าที่ไม่เคยวางขายจริงในช็อปของ Supreme ด้วยซ้ำในราคาแค่ครึ่งเดียวจากราคาที่แท้จริง ซึ่งเนี่ยไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดการปลอมแปลงสินค้าแล้วขายกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในประเทศจีน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีช็อป Yeezy แห่งแรกของโลกไปแล้วเช่นกัน