Maserati เปิดตัว GranTurismo รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพื่อฉลองการครบรอบ 75 ปี และรุ่นพิเศษอีก 3 คัน ได้แก่ มาเซราติ กรันทูริสโม One Off Prisma กับ กรันทูริสโม One Off Luce ที่ออกแบบโดย Maserati Centro Stile และ กรันทูริสโม One Off Ouroboros ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจสุดแรงกล้าของ Hiroshi Fujiwara ดีไซเนอร์ชั้นนำแห่งวงการสตรีทแฟชั่นของประเทศญี่ปุ่น พร้อมกันนี้ David Beckham ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Global Brand Ambassador ของมาเซราติ ยังได้เข้าร่วมงานดังกล่าวอีกด้วย เพื่อร่วมสัมผัส มาเซราติ กรันทูริสโม รุ่นใหม่อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับ Hiroshi Fujiwara ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น Dardust นักเปียโนและนักแต่งเพลงชาวอิตาลี และ Matilda De Angelis
Honda S2000 หยุดสายการผลิตไปในปี 2009 หลังทำตลาดมานาน 9 ปี แต่ไม่เคยจะทำรุ่น Type R version ที่พวกเรารอคอยออกมาอย่างเป็นทางการ ทางสำนัก Evasive Motorsports จึงตัดสินใจสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองในรหัส S2000R ได้แรงบันดาลใจจาก Type R มาเต็ม ๆ เริ่มจากการยกเครื่อง F20 NA ของเดิมออก หันมาใช้เครื่องยนต์ K20 turbocharged จาก Civic Type R FK8 แม้ชาวเล่นของเดิมอาจจะเบือนหน้าหนี แต่เราว่ามันเป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก เปลี่ยนระบบท่อไอดีไอเสียใหม่เป็นของสำนัก Evasive เอง อัพเกรด downpipe ใส่ Mugen carbon fiber intake กล่องควบคุม MoTec M140 engine management system ให้สมรรถนะรวม 306 แรงม้า
Mercedes-Benz ฉลองความสำเร็จให้กับ G-Class ที่ได้รับความนิยมมาตลอด 44 ปี นับตั้งแต่ G-Class คันแรกที่ผลิตในปี 1979 มาถึงวันนี้ก็ทำสถิติครบ 500,000 คันเป็นที่เรียบร้อย ส่งดีไซน์การตกแต่งพิเศษแบบ retro looks ย้อนกลิ่นอายด้วยลุค Geländewagen 280 GE จากปี 1986 สีภายนอก Agave Green และภายในใช้ผ้าหุ้มลายตารางตรงปก ล้อลายคลาสสิคแบบ Five-spoke sterling silver alloy wheels หุ้มด้วยยาง mud-terrain สำหรับลุยสภาพถนนสุดท้าทายมาตลอด 44 ปี ย้อนไปปี 1979 ยุคนั้น G-Class มีเครื่องยนต์ให้เลือกมากถึง 4 ขนาดความจุ พละกำลังไล่ตั้งแต่ 72 – 150 แรงม้า ส่วนในปัจจุบัน G-Class ใช้เครื่องยนต์ twin-turbo V8 เริ่มต้นที่
ลำพังแค่ Ferrari 275 ก็น่าตื่นเต้นมากอยู่แล้ว แต่คันนี้พิเศษยิ่งกว่า เพราะเป็นอดีต Supercar คู่ใจของพระเอกฉายา King of Cool “Steve McQueen” ผู้ชื่นชอบการขับรถแข่งเป็นชีวิตจิตใจ มีรถระดับ ultra-rare ในครอบครองหลายคัน ตั้งแต่ Jaguar XKSS ที่หลายคนน่าจะเคยเห็นรูปผ่านตามาบ้าง และ Ferrari อีก 4 คัน หนึ่งในนั้นคือ 275 GTS/4 NART Spiders chassis number 10621 แต่ประสบอุบัติเหตุรุนแรง จึงตัดสินใจสั่งรถคันใหม่ เป็นที่มาของ Ferrari 275 GTB/4 คันนี้ สิ่งที่ 1967 FERRARI 275 GTB/4 ของ Steve McQueen มีแตกต่างจากรถคันอื่นคือการย้ายของสองสิ่งจาก 275 GTS/4 NART Spiders มาติดตั้งในรถคันใหม่
อวดยนตรกรรมที่มาพร้อมนวัตกรรมระดับโลกในงาน เซี่ยงไฮ้ออโต้โชว์ 2023 กับ 3 ไฮไลท์ เริ่มตั้งแต่การเผยโฉมรูปลักษณ์จริงของ MG Cyberster โรดสเตอร์ไฟฟ้าเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดล้ำ และประตูแบบปีกนก ที่จ่อเตรียมผลิตเพื่อจำหน่าย ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย เปิดตำนานบทใหม่อย่าง MG7 สปอร์ตซีดานหรูระดับแฟล็กชิพเจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด จากบททดสอบสุดทรหดบนเส้นทางสายลาซาในทิเบตที่ระดับความสูง 5,978.17 เมตร และอีวีรุ่นฮิตอย่าง MG4 ELECTRIC ที่สามารถพิชิตรางวัลคุณภาพระดับโลก เผยภาพเคลื่อนไหวแรกของ MG Cyberster จากรถต้นแบบ สู่สายการผลิต จ่อเตรียมจำหน่าย เรียกได้ว่าเป็น หมัดเด็ดของบูธ เอ็มจี ก็ว่าได้ สำหรับภาพเวอร์ชั่นเตรียมจำหน่ายของ MG Cyberster รถโรดสเตอร์ไฟฟ้า เปิดประทุน 2 ที่นั่ง หลังนั่งแท่นการเป็นรถโกลบอลอีวีอีกรุ่นของ เอ็มจี ที่สะกดทุกสายตาด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรูแต่ทรงพลัง มาพร้อมหลังคาซอฟต์ท็อปที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ประตูแบบปีกนก นับเป็นสถาปัตยกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบใหม่ของเอ็มจีที่จะมาฉีกกฎการสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าให้ล้ำสมัยไปอีกขั้น สำหรับโรดสเตอร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ บริเวณกระจังหน้า และแผงกันชนหน้า ได้รับการออกแบบด้วยดีไซน์ “Wind Hunter” ในขณะที่รูปลักษณ์ของไฟหน้าถูกออกแบบให้ดูมีขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้กับ MG Cyberster เป็นอย่างยิ่ง และอีกหนึ่งองค์ประกอบด้านการออกแบบที่น่าสนใจ คือ เส้นด้านข้างของตัวรถบริเวณใต้กรอบกระจกที่มีดีไซน์แบบ “Leopard Jump Shoulder Line” มุ่งเน้นให้เห็นรูปร่างอันแข็งแกร่ง และทรวดทรงที่งดงามสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและช่วยให้รถมีศูนย์ถ่วงต่ำ ด้านท้ายของ MG Cyberster ถูกออกแบบในสไตล์ Kammback Design โดยท้ายจะมีลักษณะลาดตัดสั้น และส่วนโค้งด้านหลังตัวรถที่ยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายหางเป็ด (Duck Tail) ช่วยให้ด้านหลังของรถดูโดดเด่น ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ
2024 Lexus LM เปิดตัว generation ที่สองออกมาแบบ All-new ในงาน Auto Shanghai 2023 เปิดตัวมาแบบสุดหรูหรายิ่งกว่าเก่า สมกับชื่อโมเดล “Luxury Mover (LM)” 4 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก เก็บเงินซื้อรุ่นแรกยังไม่ทันครบ ก็มาถึงรุ่นที่สองกันแล้ว Generation ที่สองนี้ยังคงสร้างจากพื้นฐานของรุ่นปัจจุบัน มีขุมพลังให้เลือกสองแบบคือ 2.4-liter Hybrid turbocharged with eAxle และรุ่น 2.5-liter Hybrid E-Four เลือกได้ระหว่างระบบขับเคลื่อน All-wheel drive หรือ Front-wheel drive ดีไซน์ภาพนอกมีการใช้เส้นสายที่ดูมั่นใจ คมชัดขึ้นกว่ารุ่นแรกทั้งกระจังหน้า บานประตู และไฟท้าย มิติตัวถังเทียบกับรุ่นปัจจุบัน จะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น พร้อมสร้างความสบายให้ท่านผู้บริหารทั้งเบาะนั่งและ head-area โดยตัวรถมีความยาวมากขึ้น 85 มิลลิเมตร ความกว้างเพิ่มขึ้น 40 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 10 มิลลิเมตร
หลังจากได้ยินข่าวการร่วมมือระหว่าง Xiaomi และ Leica เชื่อว่าหลายคนคงอยากเห็นศักยภาพของกล้องจากมือถือตระกูล Ultra ซึ่งจัดได้ว่าเป็นแรงค์เรือธงที่แท้ทรูของ Xiaomi และเมื่อช่วงหัวค่ำของวันอังคารที่ 18 เมษา ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย ก็ถึงเวลาประกาศศักดาของ Xiaomi 13 Ultra ซึ่ง Matt Stuart ช่างภาพสายสตรีทชื่อดังชาวอังกฤษให้คำนิยามว่า “This is a camera phone, not a phone with a camera.” กันเลยทีเดียว โดยคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพของ Xiaomi 13 Ultra เรียกได้ว่าจัดมาแบบดุดันไม่เกรงใจใคร ด้วย Quad camera with six focal lengths กล้องถ่ายภาพ 4 ตัวหลัก ครอบคลุมระยะ 0.5x to 10x เทียบเท่าระยะเลนส์ 12 –
นี่คือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการรถคลาสสิก ภาพที่เราเห็นคือรถคลาสสิกทั้งหมด 230 คันซึ่งถูกค้นพบในโกดังของ Ad Palmen ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นักสะสมชาวดัตช์ เขาเก็บเป็นความลับโดยไม่มีใครรู้มากว่า 40 ปี แต่สุดท้ายขุมทรัพย์รถคลาสสิกเหล่านี้ได้ถูกค้นพบโดยผู้ดูแลของ Palmen หลังจากที่ Palmen เกิดภาวะสมองเสื่อม ซึ่งโกดังเก็บรถของ Palmen นั้นเป็นเหมือนสวรรค์ของคนรักรถคลาสสิกเลยทีเดียว เพราะรถที่ถูกค้นพบนั้นเรียกได้ว่ารวมแทบทุกรุ่นของรถคลาสสิกที่มีบนโลกใบนี้ไว้หมดแล้วไม่ว่าจะเป็นรถคลาสสิกแบรนด์สัญชาติอิตาลีที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันอย่าง Alfa Romeos, Maseratis, Ferraris รถยุโรปแบรนด์ดังที่ใคร ๆ ก็ต้องอยากได้อย่าง BMW, Mercedes-Benz, NSU รถหล่ออย่างมีระดับแบรนด์สัญชาติอังกฤษอย่าง Jaguar, Aston Martin, Rolls-Royce รถยนต์สัญชาติอเมริกันอย่าง Chevrolet, Cadillac, Ford นอกจากนั้นยังมีแบรนด์ลึก ๆ อื่น ๆ อีกเพียบไม่ว่าจะเป็น Tatra, Monica, Moretti, Matra, Alvis, Imperia และ Villard สิ่งที่ทำให้สายคลาสสิกหลาย ๆ
เอาใจหนุ่มนักกิจกรรม! “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ประกาศเปิดตัว “โอเชียน สตาร์ ทริบิวท์ สเปเชียล อิดิชั่น” (Ocean Star Tribute Special Edition) เรือนเวลาสไตล์เรโทรที่มาพร้อมเฉดสีฟ้าแห่งท้องทะเลและประสิทธิภาพการทำงานสุดล้ำสมัย อีกหนึ่งสัญลักษ์แห่งความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นาฬิกาดำน้ำประสิทธิภาพสูงจาก “มิโด” (MIDO) ที่พร้อมให้หนุ่มนักกิจกรรมได้ยลโฉมแล้ววันนี้ “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน สำหรับ “โอเชียน สตาร์ ทริบิวท์ สเปเชียล
BMW M1 ตำนานรถสปอร์ตคันแรกที่ติดสัญลักษณ์ M อย่างเป็นทางการตั้งแต่ยุค ’70s และใช้แพลตฟอร์มเครื่องยนต์วางกลางโมเดลแรกของค่ายใบพัดฟ้าขาว (mid-engine BMW คันที่สองคือ i8 plug-in hybrid sports car) ให้ประสิทธิภาพขับเคลื่อนที่ดีและมีการกระจายน้ำหนักที่ยอดเยี่ยม จากเดิมที่วางแผนจะพัฒนาร่วมกับ Lamborghini แต่เหมือนฟ้าลิขิตด้วยปัญหาบางอย่าง ทำให้ BMW นำ M1 กลับมาพัฒนาทั้งหมดแบบ in-house อีกครั้งในปี 1978 และในที่สุด M Division ก็สามารถสร้างรถที่มาทดแทน BMW 3.0 CSL race cars ได้สำเร็จ หลังจัดการปัญหาทั้งหมดเรียบร้อย BMW M1 เริ่มผลิตรถคันแรกได้ในปี 1979 เป็นการเน้นโชว์ไม่เน้นขาย ด้วยป้ายราคาที่สูงลิ่ว ทำให้ยอดขายของมันไม่ดีมากนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอะไร เพราะ M1 คือโปรเจคที่เกิดขึ้นในสนามแข่งอยู่แล้ว ดีไซน์ออกแบบโดย Giorgetto Giugiaro automotive designer ชื่อดังผู้เคยฝากผลงานระดับ