หลังจากที่เคยผลิตรุ่น “Defender V8 Bond Edition” ฉลองการเปิดตัวภาค “No Time To Die” ล่าสุด Land Rover ก็กลับมาเอาใจสาวกพยัคฆ์ร้าย 007 อีกครั้งกับ “Land Rover Defender 90 James Bond” เพื่อฉลองแซยิดของภาพยนตร์สายลับสุดมหากาพย์ แต่การกลับมาครั้งนี้มันคือความพิเศษเพราะรถยนต์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลุยศึก “2022 Bowler Defender Challenge” โดยเฉพาะ Bowler Challenge เป็นซีรีย์แข่งแรลลี่แบบวันเมค ถูกจัดขึ้นมาเพื่อเป็นการปูทางเข้าสู่การแข่งขันแรลลี่ระดับโลก เช่น ดาการ์ โดยจะจัดขึ้นที่สหราชอาณาจักร มีทั้งหมด 12 ทีมด้วยกัน แต่ละทีมจะต้องขับรถ Land Rover Defenders ที่ถูกเซตไว้สำหรับแข่งขันโดยเฉพาะ และต้องขับรถลุยในสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นทางดินลูกรัง ป่าลึก หรือแม้กระทั่งเทือกเขา และทุกทีมจะต้องใช้รถยนต์ Land Rover Defender 90 ขุมพลัง 2.0
Jake Dyson หัวน้าวิศวกรของ Dyson ได้เผยโฉม Dyson Zone หูฟังกรองอากาศเครื่องแรกจาก Dyson ถือเป็นก้าวแรกของ Dyson ในการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์แบบสวมใส่ โดย Dyson Zone เป็นหูฟังแบบครอบหูคุณภาพสูงที่มาพร้อมกับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน พร้อมเครื่องกรองอากาศที่ไหลเวียนไปยังจมูกและปาก โดยผลิตภัณฑ์นี้เกิดจากการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาด้านคุณภาพอากาศเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี หูฟังกรองอากาศ Dyson Zone นี้จะมาช่วยรับมือปัญหาการใช้ชีวิตในเมืองทั้งเรื่องคุณภาพอากาศและมลภาวะทางเสียง ในขณะที่ความหนาแน่นของประชากรในแต่ละเมืองใหญ่ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้น องค์การอนามัยโลกได้คาดการณ์ไว้ว่า 9 ใน 10 ของประชากรเมืองทั่วโลกจะได้รับอากาศที่มีค่ามลภาวะเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้ โดยถึงแม้การระบาดของ COVID-19 จะทำให้ค่าไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ในอากาศลดลง แต่หลังจากหลายเมืองใหญ่ได้คลายมาตรการและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ก็ทำให้ค่าดังกล่าวกลับมาเท่าเดิม หรือมากกว่าระดับก่อนการล็อกดาวน์ในหลายเมืองทั่วโลก นอกจากนั้นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับประชากรในเมืองนั่นก็คือมลภาวะทางเสียง โดยมีการคาดการณ์ว่ามีประชากรกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก หรือนับเป็น 20 เปอร์เซ็นของประชากรในทวีปยุโรปได้รับมลภาวะทางเสียงอย่างต่อเนื่องเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด ตัวต้นแบบ 500 ชิ้นในระยะเวลา 6 ปี หูฟังกรองอากาศ Dyson Zone เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 30
BMW M3 E30 คือหนึ่งใน M3 ที่ได้รับความนิยมขึ้นแท่น Classic car ได้ชื่อว่าเป็น M3 ที่ดีในอันดับต้น ๆ ของซีรีย์ตั้งแต่เคยสร้างมา แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงอีกรุ่นที่น่าสนใจและแรร์ไม่แพ้กัน นั่นคือ 1987 Hartge H26 Hartge H26 มีทั้งหมดสองรุ่นย่อย ต่างกันที่การพัฒนาจากพื้นฐานของ BMW 323i และ 325i ผ่านการตกแต่งและโมดิฟายจาก Hartge นอกจากรูปทรงแล้ว ไม่มีสัญลักษณ์อะไรที่บอกความเป็น BMW หลงเหลืออยู่เลย ซึ่งย้อนไปในช่วง 1980s นั้น ถือว่าเป็นรถรุ่นนึงที่ออกมาปฏิวัติความแรงให้แฟนคลับ E30 ได้เลือดลมสูบฉีดกันครั้งใหญ่ แม้จะไม่เท่า M3 แต่ก็อยู่ในระดับเดียวกับ Aplina ที่เน้นสร้างให้ขับสนุกขึ้น ตั้งแต่ชุดแต่งภายนอกที่มาในสี Aplina White พร้อมใส่ไฟตัดหมอก ตกแต่งเส้นสายด้วย chrome เงา กระจกข้างสีเดียวกับตัวรถ มีสปอยเลอร์หลังและสเกิร์ตรอบคันที่สร้างความแปลกตาจาก E30 เดิม ๆ
หากจะให้พูดถึงมือถ่ายรูปสวยในราคาเบา ๆ เชื่อว่า ณ ตอนนี้คงไม่มีใครที่จะเด่นเกินหน้า realme 9 Pro+ สมาร์ทโฟนราคาดี เพียง 12,999 แต่จัดเต็ม RAM 8 / ROM 256 GB พร้อมดีไซน์สวยในรูปแบบ Light Shift Design ฝาหลังเปลี่ยนสีเมื่ออยู่ภายใต้เเสงแดด ขาดไม่ได้กับส่วนสำคัญคือจุดแข็งด้านการถ่ายภาพในคอนเซ็ปต์ ‘Capture The Light’ เพราะ realme 9 Pro+ นั้นมาพร้อมกล้องที่สามารถเก็บภาพในที่มืดได้คมชัด ถ่ายทอดรายละเอียดได้มากกว่า พกพาไปถ่ายในที่แสงน้อยได้ชัดเจนสวยงามยิ่งขึ้นด้วย Prolight imaging technology และกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ขนาดใหญ่ รูรับแสงกว้าง เก็บแสงได้มากขึ้น เสริมด้วยระบบกันสั่น OIS+EIS ให้ภาพคมชัดไม่ต้องกลัวสั่นไหว แถมยังมี AI noise reduction 3.0 high pixel ช่วยจัดการ Noise
การจะฟังเพลงให้เข้าถึงอารมณ์ หากมีหูฟังดี ๆ ที่ตอบโจทย์แนวดนตรีที่เราชื่นชอบมันคงจะดีไม่ใช่น้อย ซึ่งหูฟังหรือเฮดโฟนส์ที่วางขายตามท้องตลาดในปัจจุบันก็สามารถเติมเต็มผู้ที่หลงใหลในดนตรีป๊อปเบา ๆ สายชิลล์ซะเป็นส่วนมาก ส่วนสาวกเฮฟวี่เมทัลเป็นกลุ่มแฟนเพลงที่สนใจฟังรายละเอียดดนตรีแบบจริงจัง กลับไม่ได้มีผลิตภัณฑ์เฉพาะแนวออกมาให้เลือกซื้อมากนัก อาจจะเพราะมีคนฟังแบบเฉพาะกลุ่ม ไม่กว้างขวางเท่า ทำให้บริษัทที่ผลิตหูฟังอาจจะไม่เน้นลงทุนผลิตมันขึ้นมาวางจำหน่าย แต่ตอนนี้เหล่าเมทัลเฮดไม่ต้องน้อยใจอีกต่อไปแล้ว เพราะแบรนด์ Heavys ได้ผลิตเฮดโฟนส์สำหรับแฟนเพลงเมทัลโดยเฉพาะออกมาเป็นที่เรียบร้อย มันพร้อมจะตอบสนองทุกแนวในสายเมทัล ไม่ว่าจะเป็นเดธ เมทัล, เพาเวอร์ เมทัล, นู เมทัล หรือแม้กระทั่งพังก์และฮาร์ดคอร์ รับรองเลยว่าจะได้ฟังซาวด์ที่สะใจอย่างเต็มอัตรา Heavys มาพร้อมกับดีไซน์สุดเท่ เคร่งขรึม ดุดัน เคลือบด้วยสีดำสวยงาม มันพร้อมส่งมอบประสบการณ์เสพดนตรีเมทัลอันเหนือชั้นด้วยการบรรจุไดรว์เวอร์ไว้ถึง 4 ตัวในแต่ละข้าง โดยแบ่งออกเป็นวูฟเฟอร์ 2 ตัว และทวีตเตอร์ 2 ตัว (ในขณะที่หูฟังทั่วไปที่มีเพียง 1 ไดรเวอร์เท่านั้น) ไดรเวอร์แต่ละตัวจะให้ความถี่ที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นคุณจะได้ฟังรายละเอียดของเครื่องดนตรีแบบครบถ้วน เสียงเล็ก เสียงน้อย ที่ศิลปินซ่อนเอาไว้มันก็มิอาจจะเล็ดลอดหูคุณออกไปได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้มันตอบโจทย์การฟังเพลงเมทัลที่มีรายเอียดดนตรีที่ซับซ้อนได้ดีมาก ยิ่งไปกว่านั้นทาง Heavys ยังได้ใส่ใจในรายละเอียดเรื่องซาวด์สำหรับชาวหูทองคำ พวกเขาได้สร้างให้มันปล่อยพลังเสียงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งอาจจะให้ความรู้สึกราวกับว่าคุณกำลังยืนอยู่กลางฝูงมอชพิตในคอนเสิร์ตวงเมทัลเลยทีเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากเจ้าทวีตเตอร์ที่วางตำแหน่งกับหูของเราได้อย่างลงตัว เท่านั้นยังไม่พอ
ข้อดีของความคลาสสิค คือไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน กาลเวลาก็ไม่อาจทำให้มันดูเก่าจนหมดความนิยมลงได้ ซึ่งในกลุ่ม miniMOTOs ของ Honda นั้นก็มีรถที่เรียกว่า cult-favorite อยูไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น Monday, Grom, Cub รวมถึง Dax Honda Dax ได้ชื่อมาจากหมาพันธุ์ Dachshund หรือหมาไส้กรอกตัวเล็กแต่ยาว เรียกอย่างเป็นทางกาว่า 1969 Honda Dax ST125 mini-motorcycle ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ถูกนำกลับมาใหม่อีกครั้งโดยยังคงเสน่ห์ของดีไซน์และมิติที่ใกล้เคียงกับของเดิมไว้อย่างครบถ้วน ใน 2023 Honda Dax ใช้ดีไซน์ดั้งเดิมของเฟรมเหล็ก T-shaped เบาะนั่งหุ้มหนังที่มีความหนาและสะดวกสบาย ตำแหน่งแฮนด์สูงจากตะเกียบหน้าขนาด 31 มิลลิเมตร ล้อลาย 5 ก้านขนาด 12 นิ้ว เครื่องยนต์ความจุ 124 cc. air-cooled SOHC 2-valve ตัวเดียวกับที่ใช้ใน Honda Super Cub ให้พละกำลัง
Land Rover Defender ได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ SUV ระดับ Iconic ที่โดดเด่นเป็นที่หลงรักของคนทุกเพศทุกวัย ที่ผ่านมามีการเปิดตัว edition พิเศษแบบจำนวนจำกัดออกมาหลายรุ่นย่อย ซึ่งขายหมดอย่างรวดเร็วทุกครั้ง และใน edition พิเศษล่าสุดก็น่าจะถูกใจแฟน ๆ ของ Defener ได้ไม่แพ้กัน Land Rover Defender “URBANIGHT ’22” limited edition โมเดลสุด exclusive ผลิตในจำนวนเพียง 200 คัน สำหรับลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น อัดแน่นด้วยสเปกและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เต็มพิกัด แตกต่างด้วยโทนสีภายนอกเข้มสุดขรึมด้วยสีพิเศษ “Carpathian Gray” และ “Silicon Silver” ตัดกับการตกแต่งรายละเอียดด้วยสีดำรอบคัน ล้อขนาด 22 นิ้วสีดำ กันชน หลังคา ไปจนถึง brake calipers ภายในใส่ของใหม่เข้าไปอัพเกรด หน้าจอ touchscreen infotainment control
เคยตั้งคำถามกับตัวเองหรือไม่ว่า เราเกิดมาเพื่อจะเป็นแบบคนอื่นหรืออยากจะเป็นตัวของตัวเอง ถ้าคำตอบของคุณคือการเป็นตัวเอง สิ่งเหล่านั้นมันก็จะสะท้อนออกมาจากแนวคิด, การใช้ชีวิต แฟชั่น รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ ไม่เว้นแม้แต่วงการรถจักรยานยนต์ มีอยู่หลาย ๆ คนเลือกที่จะนำรถคันโปรดไปผ่านการคอสตอมจนได้ดีไซน์ออกมาแตกต่างจากใคร ๆ บนท้องถนน และอาจจะมีแค่คนเดียวในโลกด้วยซ้ำ ซึ่งร้านที่ได้รับการยอมรับและได้รับความไว้วางใจในการปรุงแต่งเปลี่ยนโฉมในบ้านเราคงต้องยกให้กับ K-Speed คุณเอก หรือคุณธนดิษ สาระเวก คือเจ้าสำนัก K-Speed ที่ซึมซับความชื่นชอบรถจักรยานยนต์มาตั้งแต่วัยเด็ก คุณเอกได้เล่าให้ฟังถึงจุดกำเนิดแพชชั่นไว้ดังนี้ “ผมคลุกคลีกับรถบิ๊กไบค์มาตั้งแต่ช่วงเรียนมัธยม ตัวเองก็ขี่มอเตอร์ไซด์มาตั้งแต่ช่วง 14-15 แล้ว มีคุณพ่อทำธุรกิจนำเข้ารถเก่าของญี่ปุ่นเข้ามาขายในบ้านเราด้วย ทำให้เราได้ซึมซับความชื่นชอบมาเรื่อย ๆ คอยศึกษาดูการแต่งรถจากพวกหนังสือ จนได้มาเริ่มลองแต่งรถด้วยตัวเองตามหนังสือจากประเทศญี่ปุ่น แต่สุดท้ายเราก็ต้องมานั่งหาลายเซ็นของตัวเองจนทำมันออกมาได้สำเร็จครับ” K-SPEED สถานที่สำหรับชาว 2 ล้อ แต่กว่าที่คุณเอกจะกลายเป็นมือวางอันดับ 1 ในการ Custom รถจักรยายนต์ เริ่มแรกเลยร้าน K-Speed เปิดเป็นร้านจำหน่ายอะไหล่สำหรับตกแต่งมาก่อน ซึ่งดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Diablo มาตั้งแต่ปี 2002 จนมาถึงปัจจุบัน และมีวางจำหน่ายกระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งเมื่อช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาจึงมาเริ่มงาน Custom
คำว่า Cryptocurrency วันนี้ไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวพวกเราอีกต่อไป เทียบกับเมื่อหลายปีก่อนที่ผู้คนพึ่งจะได้รู้จักกับเทคโนโลยี Blockchain ได้เห็นการเติบโตของมูลค่าเหรียญต่าง ๆ ได้เห็นการต่อยอดไปสู่การใช้งานมากมายนับไม่ถ้วน รอบตัวพวกเราวันนี้ ไม่ใช่แค่นักลงทุน แต่คนที่เข้ามาเทรดคริปโทเคอร์เรนซีจะพบเห็นได้ตั้งแต่เด็กนักเรียน คนทำงาน ฟรีแลนซ์ ไปจนถึงผู้ใหญ่มีอายุ แม้แต่ดารานักแสดงชื่อดังอย่างคุณอนันดา เอเวอริงแฮม ก็ยังหันเข้าสู่โลกของคริปโทเคอร์เรนซีอย่างจริงจังมากขึ้น ในมุมมองของเรา คิดว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่หลายของคริปโตอย่างรวดเร็วในบ้านเรานั้น คือความเข้าใจแเละมั่นใจในเทคโนโลยี จุดเปลี่ยนของการใช้ชีวิตที่ผู้คนมองหาอิสรภาพทางการเงิน และเวลามากขึ้น สถานการณ์โควิดที่ทำให้คนมีเวลาว่างในการศึกษาอย่างลึกซึ้ง และยังเป็นเพราะมีแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตในไทยที่ปลอดภัย อย่างเช่น Bitazza (บิทาซซ่า) ได้รับใบอนุญาตสำหรับการประกอบธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงการคลังแห่งประเทศไทย รวมถึงความน่าเชื่อถือที่มีผู้ใช้งานจากทั่วโลก และบิทาซซ่ายังได้ประกาศผลประกอบการในปี 2564 ผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียของบิทาซซ่า เช่น เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ โดยมียอดธุรกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์มกว่าแสนล้านบาท และผู้ใช้งานที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของบิทาซซ่าแล้วกว่า 500,000 คน จากการรายงานสถิติยอดจำนวนดาวน์โหลดแพลตฟอร์มบิทาซซ่าผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมือถือของบิทาซซ่า ซึ่งนับเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นมาถึง 20 เท่า วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราได้เจอและพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่หลายคนอยากรู้ นั่นคือ “จุดเริ่มต้นของการสร้างบิทาซซ่า” แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตกับ คุณอาท กวิน พงษ์พันธ์เดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งของบิทาซซ่า และการเลือกชีวิตอิสระ
ถ้าไม่ดีจริง ไม่อยู่มาได้นานขนาดนี้ หลายคนอาจไม่รู้ว่าปีที่ผ่านมา (2021) เป็นปีครบรอบอายุ 120 ปีของมอเตอร์ไซค์ Royal Enfield จึงมีการเปิดตัวรถรุ่นพิเศษแบบจำนวนจำกัด เพื่อฉลองในโอกาสนี้ บนพื้นฐานของมอเตอร์ไซค์สองรุ่น “Continental GT” และ “Interceptor 650” Royal Enfield 120th Year Anniversary Limited Edition ทั้งสองรุ่นผ่านการตกแต่งด้วยสีและโลโก้พิเศษ ภายนอกมาในสี Black and Chrome ที่ดูดุดัน เข้ากับเบาะหนังสีน้ำตาลอ่อนแบบ diamond stiching ปักโลโก้ Royal Enfield ซึ่งเป็นสีเดียวกับหนังบริเวณแฮนด์ สร้างกลิ่นอายของความวินเทจร่วมสมัย ตกแต่งลวดลายพิเศษโลโก้ “120 Years” ด้วยเส้นสายสีทองที่โดดเด่นและหรูหรา พร้อมตัวเลขระบุลำดับที่บนถังน้ำมัน Royal Enfield 120th Year Anniversary ที่ผ่านการตกแต่งพิเศษนี้จะผลิตออกมาเพียง 480 คัน และใช้วิธีแบ่งโควต้าไปขายใน 4 ตลาด India,