คงไม่มีใครชอบการทำงานอืดเอื่อยสุดล่าช้าของคนในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นคนในทีมด้วยกัน หรือลูกน้องที่คอยรับคำสั่งจากเรา เพราะการทำงานต้องการการเคลื่อนไปข้างหน้าอยู่เสมอ จะให้มานั่งรอคนคนเดียวคงไม่ส่งผลดีแน่ แต่ในทางกลับกันคนในองค์กรที่ทำงานอย่ารวดเร็ว ฉับไว เพื่อให้ได้ชื่อว่า ‘ทำงานเสร็จรวดเร็ว’ ทั้ง ๆ ที่การทำงานนั้นบางครั้งเกิดข้อผิดพลาด หรือสร้างความบกพร่องรุนแรงไว้ให้กับองค์กรอย่างไม่ทันรู้ตัวก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน ปัญหาก็คือผู้คนในองค์กรต่างชื่นชมการทำงานอย่างเร่งด่วนรวดเร็วราวกับคนคนนั้นเป็นฮีโร่ขององค์กรอยู่เสมอ แม้ผลที่ออกมาจะมีความผิดพลาดตามมาก็ตาม แต่เราก็จะยกย่องว่าการทำงานรวดเร็วคือสุดยอดความเจ๋ง แถมไม่แม้แต่จะมองว่านี่แหละคือปัญหาขององค์กรอีกปัญหาหนึ่ง! ก็แน่ล่ะใครจะมองว่าการที่พนักงานคนหนึ่งหรือคนหนึ่งในทีมรีบทำงานให้เสร็จลุล่วงจะถูกนับเป็นปัญหาการจัดการในองค์กรไปด้วย แต่จากรายงานเปิดเผยว่าแต่ละองค์กรต้องสูญเสียเงินจำนวนมากไปกับการตัดสินใจหรือทำอะไรอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้ชื่อว่าเสร็จ ๆ ไปก่อน แต่ทิ้งความผิดพลาดเอาไว้ อย่างไรก็ตามคนในทีมที่ทำงานแบบเร่งด่วนก็มักจะเป็นคนคนเดียวกับที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นเราก็ต้องระมัดระวังการบอกเขามากที่สุดเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของทีมเช่นกัน วิธีต่อไปนี้จึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยจัดการคนในทีมที่ออกแนวด่วนแต่สะเพร่าได้ดีพอสมควร ช่วยให้เขามองเห็นว่าการกระทำของเขามีผลต่อคนอื่นอย่างไร หลายครั้งที่คนทำงานด่วน งานเร็ว มองเห็นแต่เป้าหมายของตัวเอง จนอยากรีบทำทุกอย่างให้เสร็จ ๆ ไปเพื่อให้ได้ชื่อว่าทำงานเสร็จ แล้วปัดงานนั้นให้พ้นตัวเพื่อให้คนอื่นนั้นรับช่วงงานต่อต่อไป การทำแบบนั้นไม่ได้มีอะไรผิดต่อการทำงานส่วนตัวแต่อย่างใด (ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด) แต่ในฐานะการทำงานเป็นทีมการทำแล้วปัด ๆ ส่งไปไม่มีผลดีต่อความร่วมมือกันเป็นแน่ ดังนั้นต้องทำอย่างไรเพื่อให้เขาเห็นว่านี่คือการทำงานเป็นทีม เป้าหมายคือเป้าหมายของทีมร่วมกันไม่ใช่งานของเขาคนเดียวที่ทำแล้วจบไป ที่สำคัญคนในทีมต้องรู้จักชมผลงานของเขาในแง่กระบวนการการทำ ไม่ใช่ชมแค่ผลงานของเขาที่เขาทำเสร็จแล้ว และชี้ให้เห็นว่าการทำงานของเขาไม่ได้มีค่าแค่ต่อตัวเอง แต่ส่งผลในฐานะความเป็นทีมอย่างไร ให้เขาระบุผลของการกระทำของเขาออกมา บางทีการชี้ให้เห็นอาจไม่มากเพียงพอ เราอาจต้องช่วยกระตุ้นให้เขาเห็นว่าการกระทำของเขาส่งผลกระทบอะไรตามมาบ้าง เพราะเขาอาจเห็นแต่ข้อดีที่ทุกคนชมเขา (หรือเขาเห็นเอง) ว่าเขาทำงานเสร็จเร็ว ตัดสินใจได้ด่วนกว่าคนอื่น แต่เขาไม่เคยมองเห็นว่าข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานเร็วเกินไปคืออะไร ดังนั้นเราต้องกระตุ้นให้เขาหาให้เจอให้ได้ว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมันคืออะไร มันเกิดจากอะไร
งานต่อให้เรารักแค่ไหน แต่ทำไปทำมาเมื่อมันเริ่มวนลูปเดิม ๆ เจอปัญหาเก่า ๆ ที่แก้แล้วแก้อีกก็ยังวนกลับมาไม่หยุด คนเราก็ต้องมีเบื่อบ้าง หรือบางคนอาจจะเบื่อจนอยากร้องตะโกนโวยวายทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วรู้ว่าต้องไปทำงาน ถ้ามันจะเบื่อขนาดนั้นแล้วล่ะก็ UNLOCKMEN เห็นว่าไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยไปแล้วคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ UNLOCKMEN เสนอว่ามันพอมี 5 วิธีเล็ก ๆ น้อยให้ลองทำดูเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง งานมีไว้ทำแค่ที่ทำงาน แม้จะดูเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน แต่ถ้าชีวิตเดินทางมาถึงจุดที่การต้องตื่นไปทำงานทุกวันทำให้คุณรู้สึกเหมือนโลกจะแตกสลาย หรือถ้าโลกแตกสลายลงก็ยังดีกว่าต้องแบกร่างไร้วิญญานไปทำงานแล้วล่ะก็ นี่ก็อาจเป็นกลยุทธแรก ๆ ที่คุณไม่ควรมองข้าม คุณเข้างานตรงเวลาก็ควรเลิกงานตรงเวลา ปล่อยให้งานอยู่แค่ที่ทำงานเท่านั้น ทันทีที่คุณเลิกงานคุณควรปล่อยวาง เลิกคิดว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไร มีอะไรที่คั่งค้าง แล้วใช้เวลากับการพักผ่อนให้เต็มที่ อีเมลงานก็ปล่อยไว้ก่อนเพื่อรักษาสุขภาพจิตของตัวเองสักระยะ แล้วค่อยมาเช็คอีเมลทันทีที่เวลาเริ่มงานตอนเช้าเริ่มต้นก็ไม่เสียหาย สมองคุณจะได้แยกแยะให้ชัดเจนว่าเวลาไหนคือเวลางาน เวลาไหนคือเวลาที่ได้พักผ่อนเต็มที่เพื่อชาร์จพลังไว้สู้กับงานในเวลางานได้อย่างเต็มกำลังนั่นเอง ออกไปพักผ่อนเสียบ้าง อีกสาเหตุที่อาจทำให้คุณรู้สึกหมดอาลัยตายอยากกับการทำงานเหลือเกิน อาจเป็นเพราะว่าคุณรู้สึกว่าชีวิตนี้ของคุณมันไม่มีอะไรหลงเหลือให้รอคอยอยู่อีกแล้วนอกจากงาน งาน และงาน ถ้าเป็นช่วงที่คุณมีไฟเหลือเฟือ ตะลุยงานได้ไม่มีวันหยุดหย่อนก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะคุณจะพร้อมกระโจนใส่งานได้อย่างโคตรบ้าคลั่ง แต่ไม่ใช่กับช่วงหมดไฟ UNLOCKMEN แนะนำว่าคุณต้องการการพักผ่อนอย่างถึงที่สุด อาจจะลาไปพักร้อนสัก 3-4 วันยาว ๆ หรือจะชอบใช้วันหยุดทีละเล็กละน้อย ลาเพิ่มจากวันเสาร์อาทิตย์ไปเลยสัปดาห์ละวัน ก็ได้พักผ่อนแทบทุกอาทิตย์ไปอีกแบบ แต่เรารับรองได้ว่าการชักปลั๊กการทำงานไปพักผ่อนที่จะทำให้คุณลืมเรื่องงานไปได้ชั่วคราวจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นหลายระดับ หารางวัลไว้หลอกล่อตัวเอง
ช่วงชั้นประถม เราทุกคนล้วนต้องเคยฝึกหัดฝีมือทางด้านการพิมพ์มาตั้งแต่สมัยพิมพ์ดีด มาจนแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดปัจจุบันกันบ้างแล้วแน่ ๆ ปกติหลักการวางมือ asdfg hjkl จะเป็นที่คุ้นเคยกันอยู่แล้วในหลักสูตร และบางทีต้องวัด WPM เพื่อดูค่าเฉลี่ยกันอยู่บ่อยๆ ไว้สำหรับกรอกลงใบสมัครงานอีกด้วย หลายคนอาจคิดว่าการพิมพ์ไว พิมพ์ถูกต้องเป็นแค่เรื่องเล่น ๆ ไม่เห็นมีความจำเป็นนอกจากกรอกใบสมัครงาน ซึ่งเราจะบอกว่าคิดผิดมากเลยนะครับ เพราะว่าแทบจะทุกงานในปัจจุบันที่ต้องใช้แป้นพิมพ์ ในการพิมพ์งานเป็นส่วนผสมช่วยให้การทำงานหลาย ๆ อย่างดีขึ้น เสร็จไวขึ้น อย่างเช่นการเขียนบทความ เป็นต้น แล้วเราจะสามารถทำให้มันดีขึ้นกว่าเก่าได้ยังไง UNLOCKMEN มีเคล็ดวิธีเพิ่มความสามารถด้านการพิมพ์มาแนะนำให้ลองทำตามดูครับ ทำแบบทดสอบออนไลน์ หนึ่งในวิธีที่ง่ายดายที่สุดและแทบต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรทั้งนั้น โดยเราสามารถทดสอบฝึกฝีมือออนไลน์ได้บ่อย ๆ เพื่อที่จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของเราให้เร็วและความแม่นยำในการพิมพ์มากขึ้น การทดสอบมีตั้งแต่แบบจริงจัง วัดค่าเฉลี่ย ไปจนถึงรูปแบบสนุก ๆ อย่างพวกเกมท้าทายเป็นด่าน ๆ ไป แต่ไม่ว่าแบบไหนก็ช่วยเพิ่มทักษะความสามารถได้เหมือน ๆ กัน เพราะงั้นลองฝึกกันดูเลยครับ สบายใจ & ท่าทางลงตัว หลายคนอาจคิดว่าความสบายใจเกี่ยวอะไรกับการพิมพ์ เราบอกไว้เลยว่าไม่ใช่แค่การพิมพ์เท่านั้น แต่การทำงานอะไรแทบจะทุกอย่าง เราต้องรู้สึกสบายใจในการทำ แล้วคุณจะทำสิ่งนั้นได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจิตใจหรือท่าทางในขณะนั่งพิมพ์ เช่น ตำแหน่งการวางข้อมือ, นั่งหลังตรงหรือค่อม
ถ้าพูดถึง CEO ระดับแนวหน้าของโลกตอนนี้ คงไม่มีทางที่ชื่อของ Elon Musk จะหลุดโผไปได้ เขาคือ CEO ของ Tesla และ SpaceX รวมถึงเป็น chairman ของ SolarCity ที่กำลังทำโปรเจกต์ล้ำ ๆ ให้กับโลกใบนี้มากมาย แถมยังเป็นนักลงทุนระดับมหาเศรษฐีที่ขึ้นชื่อว่างานล้นมือที่สุดคนหนึ่ง แต่อะไรที่ยังทำให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ได้ วันนี้เราแอบเอานิสัย 5 อย่างของเขามาฝากให้ชาว UNLOCKMEN ได้ลองใช้เป็นตัวอย่างในการทำงานให้มีประสิทธิภาพดู ใช้การสื่อสารผ่านข้อความ Elon Musk ถือเป็นอีกคนที่เป็นตัวพ่อเรื่องการสื่อสารผ่านอีเมลหรือข้อความ เป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องอาศัยการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยให้เขาอยู่กับตารางเวลาการทำงานของตัวเองได้เต็มที่มากขึ้น โดยไม่ต้องพะวงอยู่กับการรับโทรศัพท์แต่ให้คนที่อยากติดต่อสื่อสารผ่านข้อความแล้วตอบกลับเมื่อมีเวลา บางครั้งก็ต้องเป็นคนเข้าถึงยาก แม้ใคร ๆ ก็ดูเหมือนจะรู้จัก Elon Musk ดี แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่เข้าถึงตัวยากมากที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะการเข้าถึงจากคนนอกบริษัทของเขา เขาบอกว่าการทำให้คนเข้าถึงยากเป็นการป้องกันการเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น มีโอกาสในการโฟกัสกับงานตัวเองมากขึ้น multitasking เข้าไว้ Elon Musk เชื่อว่าการทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวหรือที่เรียกว่า multitasking เป็นเรื่องที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คงไม่มีใครอยากจะตีบตันไอเดีย ตีบตันความคิด ไร้แรงบันดาลใจ ทนนั่งทำงานอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ หรือในออฟฟิศที่แสนจะวุ่นวายหรอกใช่ไหมครับ บางครั้งการเอาตัวเองออกไปเจออะไรใหม่ ๆ อย่างการเปลี่ยนสถานที่นั่งทำงาน ก็ช่วยปลดล็อกความคิดให้พุ่งฉลุยได้ไม่เลวเหมือนกัน UNLOCKMEN จึงอยากให้ทุกคนมีไอเดียเปิดกว้าง แบบที่ต่างประเทศเขาเริ่มทำกันแล้วคือ Work from Everywhere ที่ได้รับการยอมรับจากพนักงานส่วนใหญ่ว่ามีความสุขและงานออกมาดีมากขึ้นกว่าเก่า เราจึงรวบรวม 5 Co-Working Space ในกรุงเทพ ไว้ให้ทุกท่านได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศและดันไอเดียการทำงานให้พุ่งทะยาน Maven Mesh ใครที่หลงรักบรรยากาศสบาย ๆ ดันไอเดียความคิดอยู่กับธรรมชาติ ไม่ยึดติดกับความล้ำสมัยหรือไฮเทคและความวุ่นวาย ที่ Maven Mesh เป็น Co-Working ที่ที่น่าจะตอบโจทย์ใจได้ไม่ยาก Maven Mesh ตั้งอยู่ใจกลางลาดพร้าว เข้าไปจะรู้สึกแทบหลุดออกไปอีกโลก จัดตกแต่งสไตล์บ้านพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ชั้นล่างเป็นพื้นที่ร้านกาแฟ เบเกอรี่ และ อาหารจานเดียว ส่วนพื้นที่ Work Space จะอยู่ชั้น 2 เงียบสงบ และ มีความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมี Open Space
เคยรู้กันบ้างไหมครับว่าทุกวันนี้ในเวลา 24 ชั่วโมงคนส่วนใหญ่เสียเวลากับการท่องโลกอินเตอร์เน็ต อยู่ในสังคม Social แทบจะครึ่งต่อครึ่ง ไม่ว่าจะตอนก่อนนอนหรือแม้กระทั่งตอนตื่นลืมตาต้องควานหามือถือมาเช็คข่าวสารหรือ Facebook, Line ก่อนทำอะไรอย่างอื่น ๆ เพราะงั้น UNLOCKMEN คิดว่าการที่จะบอกให้ทุกคนเลิกเล่นซะมันคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เราจึงจะมาแนะนำวิธีการใช้งานโลกอินเตอร์เน็ตให้เกินประโยชน์กับตัวเราสูงสุด ด้วย 8 เว็บไซต์ฟรีที่จะช่วยยกคุณภาพชีวิตเดิม ๆ ของเรา ให้ดีขึ้นกว่าเก่าได้ ถ้าเราตั้งใจและลงมือทำมันจริง ๆ Rype เรื่องของภาษาเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดใจมาก เพราะว่าเราเรียนภาษากันตั้งแต่ที่จำความได้ แต่ดันไม่เก่งกาจแบบที่คิด Rype เป็นเว็บไซต์ที่จะช่วยให้เราพูดภาษาที่ 2 ได้ภายในไม่กี่วินาทีเท่านั้น โดยถูกสร้างขึ้มาเพื่อให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้ภาษาที่ 2 เทียบเท่ากับโรงเรียนสอนภาษาดี ๆ เลย มีบทเรียน 1-10 ให้ได้เรียนรู้และถูกสอนโดยครูมืออาชีพที่ผ่านการตรวจสอบแล้วอย่างละเอียด สามารถใช้งานได้ 24 ชั่วโมงทุกวัน (ฟรีให้ใช้งานทดลอง 14 วันแบบเต็ม ๆ) เรื่องของภาษาอยู่ที่การใช้ ไม่ใช่แค่เรียนแกรมม่าแล้วจะเป็นได้เลย เพราะงั้นลองเข้าไปหาความรู้สักครั้งสองครั้ง ทดลองดูก็ไม่เสียหาย บอกไว้เลยว่ายิ่งรู้ภาษามากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นต่อให้กับชีวิตหลาย ๆ ด้าน X.ai
ความฉลาดเป็นอีกหนึ่งสิ่งนามธรรมที่ชวนให้ผู้ชายอย่างเรายืนงงเกาหัวแกรก ๆ เพราะความฉลาดนั้นมีหลากหลายรูปแบบ และความฉลาดอย่างหนึ่งที่คนมักมองข้ามคือความฉลาดทางอารมณ์ หรือที่เรามักเรียกกันว่า EQ ความฉลาดทางอารมณ์สำคัญกว่าที่เราคิดเพราะมันช่วยให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเราเอง จำแนกได้ว่าเรากำลังรู้สึก กำลังคิดอะไร ทำให้เราเข้าใจผลที่จะตามมาจากอารมณ์ความรู้สึกนั้นของเรา และข้อมูลพวกนี้เองที่จะให้เราสามารถกำหนดความคิดและการกระทำของเรา รวมถึงช่วยในการตัดสินใจและไปถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น นึ่จึงเป็น 5 วิธีเพิ่มความฉลาดทางอารมณ์ให้แหลมคมจนคุณต้องแปลกใจตัวเอง รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง เราไม่ใช่พระอรหันต์ที่จะรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่มันเกิดขึ้น UNLOCKMEN ก็ไม่ได้คาดหวังให้คุณทำได้ขนาดนั้น แต่เคล็ดลับก็คือการฝึกฝน เริ่มง่าย ๆ จากการที่เราเกิดอารมณ์อะไรรุนแรง เช่น โกรธมาก หงุดหงิดมาก เสียใจมาก ให้เราค่อย ๆ สังเกตว่าอะไรทำให้เรารู้สึกแบบนั้น พอเรารู้สึกแบบนั้นแล้วเราแสดงอาการอะไรออกมา เพื่อที่เราจะได้รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองมากขึ้นว่าอารมณ์ไหนเกิดจากสาเหตุอะไร และจะรับมือมันอย่างไร ถามความคิดเห็นจากคนอื่น คนอื่นมักมองเห็นเราในมุมที่เรามองไม่เห็นตัวเอง ดังนั้นก็ถามเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท คนในครอบครัวดูบ้างก็ได้ว่าเวลามีเรื่องที่ต้องให้ระเบิดอารมณ์ ไม่ว่าจะอารมณ์ไหน เรามีปฏิกิริยาเป็นอย่างไรบ้าง หรือเวลาต้องรับมือกับคนอื่นที่แสดงอารมณ์ของเขาออกมามาก ๆ เรามีท่าทีเป็นอย่างไร โดยมุมมองที่ได้จากคนรอบตัวเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจวิธีการแสดงออกทางอารมณ์ของตัวเราเองมากขึ้น หยุด! ใช่ ง่าย ๆ แค่หยุด หยุดตัวเองก่อนจะแสดงออกทางอารมณ์อะไรออกไป เวลาที่เรามีอารมณ์อะไรมาก ๆ เราก็มักจะพูดหรือแม้แต่คิดอะไรที่รุนแรงออกไป เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะหยุดตัวเองก่อนที่จะแสดงออกอะไรที่ไม่สมควรออกไป เช่น
ถ้าไม่นับคนที่สามารถใส่เสื้อยืดไปทำงานได้ เสื้อเชิ้ตนับว่าเป็นแฟชั่นชิ้นสำคัญที่เราต้องอยู่กับมันเกือบ 365 วันต่อปี บางทีก็เบื่อการใส่เสื้อเชิ้ตไปดื้อ ๆ เรียกว่าหมดมุขหมดไฟ หมดไอเดียที่จะ Mix and Match style ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่ออฟฟิศสมัยนี้ก็ไม่ค่อยจะบังคับให้ใส่แต่งตัวเต็มเป๊ะทุกวันเหมือนในอดีต แต่ไม่ต้องแปลกใจ เราจะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา วันนี้เราจึงขอแนะนำหลากหลายไอเดียการจับคู่สไตล์ใส่เสื้อเชิ้ตให้ดูเท่ โดดเด่นกว่าใครในออฟฟิศ จนคนอื่นต้องแอบกระซิบถามว่า เฮ้ย ไปทำอะไรมาถึงได้ดูดี ดูมีสไตล์ขึ้นมา SHORT SLEEVE SHIRTS WITH CHINOS / TROUSERS / JEANS เริ่มด้วยเสื้อเชิ้ตที่เป็นมิตรกับอากาศบ้านเราก่อน อย่างที่เราบอกไปว่าปัจจุบันนี้ หลาย ๆ บริษัทไม่ค่อยจำกัดอิสรภาพด้านการแต่งตัวมากนัก การใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดา และมันเป็นแฟชั่นชิ้นโปรดของเหล่าคน Agency และ Creative นิยมใส่กัน เพราะมีลูกเล่นมากมายให้เลือก Mix and Match แถมยังอยู่ในขอบข่ายที่พร้อมจะไปประชุมกับลูกค้าได้ทันที Short Sleeve Shirts หรือเสื้อเชิ้ตแขนสั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความผิดพลาด ความผิดหวังไม่ต่างอะไรจากหนทางหนึ่งของชีวิต โดยเฉพาะการประสบความสำเร็จที่ต้องอาศัยการลองทำอะไรใหม่ ๆ อาศัยการลงมือทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน จึงไม่แปลกอะไรที่เราจะเจอความผิดพลาด หรือความผิดหวังที่โผล่หน้ามาทักทายเราบ้าง แต่เราจะจมอยู่กับความผิดพลาดนั้น แล้วนั่งหงอกลัวการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งไปตลอดกาล หรือเราจะลองเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อเผชิญหน้ากับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แล้วกระโจนลงไปเริ่มใหม่อย่างฮึกเหิมลองดูใหม่อีกสักตั้งดู! 1.ความผิดพลาดไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าไม่ใช้โอกาสในการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั่นแหละปัญหา ใคร ๆ ก็ทำพลาดกันได้ เราเลือกได้ว่าจะแค่จมจ่อมอยู่กับปัญหานั้นไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา หรือจะให้มานเป็นโอกาสอันดีที่จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้นเพื่อไม่ให้ทำมันซ้ำอีก หรือต้องพลาดในจุดเดิม จงจำไว้ว่าในทุก ๆ ข้อผิดพลาดมันมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เราเรียนรู้และเติบโตขึ้น 2.ระวังความคิดที่มีต่อตัวเราเอง บอกตัวเองว่าเราไม่ได้ไร้ค่าแค่เพราะความผิดครั้งเดียว ความคิดต่อตัวเองมีส่วนสำคัญต่อทัศนคติ และสิ่งที่เราจะทำในอนาคตเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจงยอมรับว่าเราผิดและเรียนรู้จากมัน แต่อย่าใช้ความรู้สึกในการทิ่มแทงตัวเอง ซ้ำเติมตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเราโง่ เราแย่ เราไม่ดี ให้คิดว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ไม่ใช่ความผิดพลาดที่คงอยู่ตลอดไป 3.รู้จักลองทำสิ่งใหม่ ๆ แล้วผิดพลาด ดีกว่านั่งสมบูรณ์แบบเพราะการอยู่เฉย ๆ การอยู่เฉย ๆ อาจทำให้คุณสะอาดปราศจากมลทินแห่งความผิดพลาดไปตลอดชีวิต แต่การประสบความสำเร็จไม่ได้งอกเงยออกมาจากการนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ เราจึงต้องลงมือทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ซ้ำเดิม และแน่นอนว่าการลงมือทำอะไรที่ไม่เคยทำต้องเจอกับข้อผิดพลาด เจอกับความผิดหวังบ้างเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นคุณมาถูกทางแล้ว! 4.เราคือผลผลิตของผิดพลาดในอดีต แต่อย่าให้ข้อผิดพลาดมานิยามสิ่งที่เราเป็น แน่นอนว่าข้อผิดพลาด