Lionel Messi นักเตะระดับตำนานผู้เป็นสัญลักษณ์ของสโมสร Barcelona ล่าสุดได้ทำลายสถิติใหม่ด้วยจำนวนการถลุงตาข่ายมากถึง 644 ลูก แซงอดีตตำนานรุ่นเก๋าของ Edson Arantes do Nascimento หรือ ‘Pele’ ไข่มุกดำแห่งบราซิลที่เคยทำได้ 643 ลูกให้กับสโมสร Santos ด้วยสถิติที่น่าเฉลิมฉลองของ Messi และ Barcelona ล่าสุด Messi ได้จับมือกับเบียร์ Budweiser ออกเบียร์ Collection สุดพิเศษที่ชื่อ “Messi 644 Goals 1 Club” ไม่ได้วางขาย แต่ส่งตรงให้กับผู้รักษาประตูทั้ง 160 คน ที่โดน Messi ยิงประตูเป็นส่วนหนึ่งของสถิติโลกครั้งนี้อย่างแสบ ๆ คัน ๆ “เป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ผมเริ่มเดินบนเส้นทางนักเตะ ด้วยความตั้งใจว่าจะต้องขึ้นเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกให้ได้ มันเป็นเเป้าหมายท่ีต้องใช้ความพยายามมหาศาล การฝึกฝนที่แสนจะหนักหน่วง ทุกอย่างก็เพื่อการทำประตูทั้ง 644
สมัยนี้รถแรงทุกคนต้องมีการพ่นไฟทางท่อไอเสีย หรือที่ภาษาเทคนิคเรียกว่า Antilag system สำหรับรถเทอร์โบสมรรถนะสูง แต่ในอดีตมีการพ่นไฟที่ใหญ่โตกว่า Antilag ในปัจจุบัน อันที่จริงควรจะเรียกว่าเครื่องพ่นไฟติดในรถยนต์เลยจะดีกว่า เพราะหน้าที่ของมันมีไว้ยิงไฟใส่หัวขโมยที่ชุกยิ่งกว่ายุง ในปี 1998 เป็นช่วงเวลาที่โจรขโมยรถยนต์ระบาดหนักใน South Africa เรียกว่าจอดไว้เป็นหาเรียบ ที่จริงไม่ใช่แค่โจรขโมยรถที่ชุกชุม เรียกว่าอาชญากรทุกรูปแบบเลยดีกว่า ในยุคนั้นศาลใน South Africa ถึงกับอนุญาตให้ป้องกันตัวด้วยการฆ่าคู่กรณีได้ถ้าจำเป็นต้องป้องกันตัว และเฉพาะในปี 1997 ก็มีตัวเลขรถถูกขโมยไปมากถึง 13,000 คัน ทั้งปล้นต่อหน้าหรือขณะจอดไว้ก็ตาม เมื่อเจอปัญหานี้มาก ๆ เข้า ก็มีนักธุรกิจหัวใส “Mr. Charl Fourie” หาทางออกที่สะใจเจ้าของรถมาให้ ด้วยการเพิ่มชุดออพชั่นเสริมกันขโมย ไม่ใช่สัญญาณ แต่เป็นเครื่องพ่นไฟ “Blaster” ติดตั้งไว้บริเวณใต้ต้องรถทั้งสองด้าน มีหัวต่อท่อจากถังแก๊สที่เก็บไว้บริเวณท้ายรถ ยิงเปลวไฟสูงความสูงระดับหัวมนุษย์ได้พร้อมกันทั้งด้ายซ้ายและขวา ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกระดับความแรงและทิศทางของเปลวไฟได้ตามสภาพแวดล้อมที่ต้องการ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะกลายเป็นฆาตกรเสียเองจากเปลวไฟที่รุนแรงขนาดนี้ เพราะเจ้าของเค้าการันตีว่าความแรงของเปลวไฟไม่ทำให้ถึงตาย เพราะมันทำให้โจรตาบอดได้เท่านั้น และคงไม่มีโจรหน้าไหนยืนแช่เปลวไฟโดยไม่รีบวิ่งหนีออกมาแน่นอน The Blaster ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากในยุคนั้น ถ้าเทียบกับปัจจุบันก็ระดับ Start-Up ของ Seo
ซามูไรคือกลุ่มนักรบที่ถูกยกย่องพูดถึงต่อชาวญี่ปุ่นเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเมื่อไหร่เรื่องราวของพวกเขาจะถูกหยิบมาเล่าหรือพูดถึงในวงสนทนาเสมอ แถม UNLOCKMEN ยังได้หยิบยกเรื่องราวของเหล่าซามูไรในหน้าประวัติศาสตร์มาเล่าอยู่บ่อยครั้งไม่ว่าจะเป็น มิยาโมโตะ มูซาชิ , ซามูไรคนสุดท้ายผู้ยิ่งใหญ่ ไซโง ทากาโมริ , มังกรตาเดียว ดาเตะ มาซามูเนะ หรือเรื่องราวของ ซามูไรหญิง โทโมะเอะ โกเซ็น เราก็ได้เล่ามาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้พูดถึง ซามูไรนักปฏิวัติผู้ล้มล้างอำนาจของโชกุนอย่าง ซากาโมโตะ เรียวมะ เลยสักครั้งจนกระทั่งวันนี้ ซากาโมโตะ เรียวมะ (Sakamoto Ryoma) คือชายที่ถูกคนญี่ปุ่นพูดถึงมากในปี 2010 เมื่อนิตยสาร Japan Time ทำผลสำรวจวัยรุ่นทั้งชายหญิงว่า ‘อยากมีผู้นำที่เหมือนกับบุคคลใดในประวัติศาสตร์’ ซึ่งวัยรุ่นส่วนใหญ่ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจะมีผู้นำหรือนักการเมืองแบบเรียวมะ ซามูไรที่มีตัวตนจริงช่วงปลายยุคเอโดะ ผู้ใช้ชีวิตโลดโผนและมุ่งมั่นทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ เรียวมะเกิดในปี 1816 แถบจังหวัดโคจิในปัจจุบัน เป็นบุตรชายคนโตจากตระกูลค้าขายสาเกที่ได้ตกลงของซื้อศักดินาเป็นซามูไร การตกลงซื้อขายศักดินาทำให้ครอบครัวซากาโมโตะถือเป็นซามูไรชั้นปลายแถว ไม่มีบทบาทต่อสังคมและการเมืองในระดับใหญ่มากนัก วัยเด็กของเรียวมะค่อนข้างน่าอดสู เขาเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก ขี้แย ที่มักถูกเพื่อน ๆ แถวบ้านรังแกอยู่บ่อยครั้ง พี่สาวของเขาจึงบอกกับที่บ้านให้ส่งเรียวมะไปฝึกฝนอยู่ในสำนักดาบแทน พอได้จับดาบ
คำว่ากระสุนยาง อาจจะฟังดูดี ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มไม่รุนแรง แต่ที่จริงแล้วกระสุนยางนั้นมีอันตรายที่สามารถทำให้ผู้คนบาดเจ็บสาหัส สูญเสียอวัยวะ หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ ภาพที่น่ากลัวจากผลของกระสุนยางจากเหตุการณ์ประท้วงกรณี “George Floyd” ในอเมริกา เป็นหลักฐานพิสูจน์ความน่ากลัวของมันได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น Linda Tirado นักข่าวที่ต้องตาบอด วัยรุ่นที่กรามหัก หรือคนบริสุทธิ์ที่โดนลูกหลงจนกระดูกคิ้วแตกยุบเข้าไปอย่างน่าสะพรึงกลัว เมื่อดูจากสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นในบ้านเรา น่าจะมีวิธีการควบคุมอีกมากมายที่เหมาะสมกว่าการเตรียมใช้กระสุนยาง จนมีคำถามมากมายเหลือเกินว่า การเตรียมปืนพร้อมกระสุนยางไว้รับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ดูจะเกิดความจำเป็นไปหน่อยหรือไม่ กระสุนยาง หรือ Rubber Bullet หรือ Baton Rounds เป็นหนึ่งในอาวุธที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมความรุนแรงในกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ หยุดยั้งพฤติกรรมที่อาจก่อความสูญเสียจากการจลาจลที่อันตราย แม้จะเรียกว่ากระสุนยาง แต่มันก็คือแกนเหล็กที่มียางห่อหุ้มด้านนอก หรือแม้จะเป็นกระสุนแบบอื่นในกลุ่ม Baton Rounds เช่น Plastic, Wax, Wood ก็มีเหล็กหรือตะกั่วเป็นส่วนประกอบอยู่ดี ซึ่งหากยิงผิดวิธีเช่นเล็งเข้าหาร่างกายโดยตรง หรือยิงโดนในระยะใกล้ ก็สามารถสร้างความรุนแรงได้ไม่แพ้กระสุนจริง ในประวัติศาสตร์มีการใช้กระสุนดัดแปลงมาอย่างยาวนาน หลักฐานที่เก่าแก่ของกระสุนปืนแบบ KE (kinetic impact projectiles or KIPs) ย้อนไปในประเทศสิงคโปร์ปี 1880s เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระสุนไม้ยิงเพื่อควบคุมฝูงชน
การปล้นธนาคารหรือปล้นรถขนเงิน คือสิ่งที่เห็นบ่อยครั้งในการ์ตูน วรรณกรรม และภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนญี่ปุ่น บ้างก็สามารถปล้นเงินจำนวนมหาศาลได้สำเร็จเพราะใช้ทีมงานจำนวนมากควบคู่กับการวางแผนรัดกุม แต่ส่วนใหญ่มักจะโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวได้คาที่หรือตามจับกันได้ภายหลัง ทว่าชายหนุ่มคนหนึ่งกลับสร้างวีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ที่ตราตรึงชาวญี่ปุ่นยุค 60s ด้วยการปล้นเงินราว 300 ล้านเยน แล้วหนีไปอย่างชิล ๆ โดยไม่มีใครสามารถตามจับได้ เรื่องราวอื้อฉาวแห่งยุคเกิดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม 1968 ณ มหานครโตเกียว ขณะที่รถขนเงินของธนาคารนิปปอนทรัสต์ (Nippon Trust Bank) สาขาโคกูบุนจิ พนักงานทั้งหมด 4 คน นำเงินสดเต็มคันรถออกจากธนาคาร ขณะที่รถกำลังแล่นอยู่กลางถนน บรรยากาศรอบตัวสงบนิ่งไม่ต่างจากวันอื่น ๆ แต่กลับมีชายคนหนึ่งแต่งตัวคล้ายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขี่รถจักรยานยนต์ที่ตำรวจใช้ในเวลาราชการตีขนาบพร้อมบอกให้คนขับรถขนเงินค่อย ๆ ชะลอความเร็ว และอย่าตื่นตระหนกหรือเบรกกะทันหัน สร้างความงุนงงให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารที่อยู่บนรถเป็นอย่างมาก หลังคนขับตบไฟเลี้ยวนำรถขนเงินจอดเข้าข้างทาง เขาลงมาคุยกับชายที่เขาคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ชายคล้ายตำรวจได้แจ้งกับพนักงานว่าตัวเองได้รับรายงานว่ารถขนเงินคันนี้ไม่ได้กำลังขนแค่เงินสด แต่ยังขนระเบิดเวลาติดมาด้วย หากเป็นแค่คำพูดลอย ๆ ของคนคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงคนเดียว อาจไม่ทำให้พนักงานทั้ง 4 คน ที่มากับรถขนเงินเชื่อสนิทใจ อย่างไรก็ตาม ชายคนดังกล่าวไม่รอช้าไซโคต่อว่าไม่รู้เหรอว่าก่อนหน้านี้ทางธนาคารนิปปอนทรัสต์ได้รับจดหมายข่มขู่หลายครั้ง ประกอบกับบ้านพักของผู้จัดการธนาคารสาขาที่ขนเงินออกมาก็เคยถูกวางระเบิด ยังไม่ทันได้ทีเวลาให้พินิจพิจารณา อยู่ ๆ
VF Corporation ชื่อนี้หลายคนอาจไม่คุ้นมากนัก แต่ถ้าบอกว่าเป็นบริษัทเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Vans, The North Face, Timberland, Dickies ก็คงจะไม่สงสัยว่าทำ Supreme ถึงมีความเป็นไปได้สูงมาก ว่ากำลังอยู่ในระหว่างเจรจาปิดดีลมูลค่า $2.1 Billion USD หรือ 64,260,000,000 บาท ดีลมหากาพย์ของแบรนด์ Street ระดับยักษ์ใหญ่ Supreme ซึ่งมีบริษัทลงทุน The Carlyle Group และ Goode Partners เตรียมขายหุ้นในมือให้กับ VF Corporation โดย James Jebbia ผู้ก่อตั้ง Supreme ตัวจริงก็ได้ยืนยันว่า แม้จะมีการเปลี่ยนบริษัทผู้ถือหุ้นจริง แต่ Supreme ก็จะยังคงเป็น Supreme การทำงานจะยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีการควบคุมจาก VF Corporation “เราเคย Collab กับเกือบทุกแบรนด์ของ VF Corporation มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
เชื่อว่าข่าวการปิดเว็บไซต์ Pornhub คงส่งผลกระทบถึงผู้ชายไทยหลายคนพร้อมชวนให้ตั้งคำถามว่าทำไมเว็บหนังผู้ใหญ่ที่คนไทยสามารถเข้าชมมาตลอดจึงถูกเลือกปิดกั้นในเวลานี้ ส่งผลให้มีความคิดเห็นรวมถึงเหตุผลต่าง ๆ ถูกส่งเสียงสะท้อนตามมาซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นแตกต่างกันออกไป ที่ผ่านมาเราอาจรู้จัก Pornhub ในฐานะเว็บไซต์หนังผู้ใหญ่เบอร์หนึ่งที่รวบรวม Adult Content หลากหลายรสนิยมอย่างไรก็ตามไม่ได้มีเพียงผู้ชายเราเท่านั้นที่เข้าไปใช้บริการ เพราะผลสำรวจก็แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงและ LGBT ก็มีเปอร์เซ็นต์เข้าชม Pornhub ในจำนวนที่น่าสนใจไม่แพ้กัน แต่ขณะที่ทุกคนต่างเพ่งเล็งไปยังสินค้าหลักของ Pornhub นั้นคือ “หนังผู้ใหญ่” ในเวลาเดียวกันเว็บไซต์ชื่อดังแห่งนี้ยังมีอีกด้านของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการผลิต Sex Content แนวใหม่ รวมไปถึงแคมเปญต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสังคมซึ่งที่ผ่านมามีโปรเจกต์อะไรที่น่าสนใจบ้าง วันนี้มาทำความรู้จักโลกอีกด้านของ Pornhub ไปพร้อมกันได้เลย หนังผู้ใหญ่ ใส่ใจธรรมชาติ ย้อนกลับไปในปี 2019 ช่วงเวลาที่ทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงผลกระทบของขยะพลาสติกต่อระบบนิเวศทางทะเล Pornhub ตัดสินใจเลือก Outdoor Sex หรือ การมีกิจกรรมทางเพศนอกสถานที่ เข้ามาช่วยนำเสนอแคมเปญรักษ์โลกที่ชื่อว่า The Dirtiest Porn Ever The Dirtiest Porn Ever เป็นหนึ่งผู้ใหญ่ที่สร้างขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์คือ ต้องการให้ผู้ชมเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากขยะพลาสติก โดยเฉพาะต่อระบบนิเวศของทะเลซึ่งหลายแห่งต้องสูญเสียความสวยงามไปเพราะขยะเหล่านี้
เชื่อว่าหลายคนที่ชื่นชอบในวัฒนธรรม Chicano culture (Mexican-American culture) ดนตรี รอยสัก รวมไปถึงคนที่เคยดูภาพยนตร์สารคดีอย่าง LA Originals คงจะรู้จักศิลปินชายเดี่ยวที่มีชื่อว่า ‘MISTER CARTOON’ หรือ Mark Machado กันอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะมีฝีไม้ลายมือในการสักที่เรียกได้ว่าเป็นระดับตำนานแล้ว เขายังมีผลงานออกแบบ Collaboration กับแบรนด์ดังระดับโลกขึ้นหิ้งเอาไว้มากมาย วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับชายผู้นี้ แถมยังมีข่าวดีสำหรับแฟน ๆ ของ ‘MISTER CARTOON’ ชาวไทยโดยเฉพาะมาฝากอีกด้วย ส่วนข่าวดีนั้นจะเป็นอะไร ไปติดตามดูกันได้เลย ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของชายคนนี้กันหน่อย MISTER CARTOON หรือชื่อจริงคือ Mark Machado ศิลปินสัก และศิลปินกราฟฟิตี้ระดับโลก เกิด โต และอาศัยอยู่ที่ Los Angeles, Califonia ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เขาก็ค้นหาพรสวรรค์ของตัวเองจนพบ นั่นก็คือการวาดรูป และทำให้เขาเริ่มต้นวาดรูปอย่างจริงจังจากนั้นเป็นต้นมา เมื่ออายุได้ 12 ปี ก็เริ่มหาเงินเลี้ยงตัวเองได้จากการใช้
การตั้งอาณานิคมใหม่นอกโลกเคยเป็นเพียงเรื่องที่เราดูผ่านภาพยนตร์ SCI-FI หรือจินตนาการเอาตอนเล่นกับเพื่อนสมัยเด็ก ๆ เท่านั้น แต่เมื่อมวลมนุษยชาติเดินทางมาถึงปี 2020 เรื่องราวการย้านถิ่นฐานไปดาวอื่น ทั้งเทคโนโลยีการเดินทาง ไปจนถึงความพยายามพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและที่อยู่อาศัยให้มนุษย์ออกไปใช้ชีวิตนอกดาวเคราะห์สีน้ำเงินก็ไม่ใช่เรื่องฝันเพ้ออีกต่อไป แม้ดาวอังคารดูจะเป็นดาวที่มนุษย์สนใจจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่มากที่สุดดาวหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อมหาเศรษฐีระดับโลกอย่าง Elon Musk แถลงข่าวว่าเขาจะสร้างเมืองที่พึ่งพาตัวเองได้ 100% บนดาวอังคาร มนุษย์จะใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานใด ๆ จากโลก โดย Starship ยานอวกาศที่ถูกคิดค้นมาเพื่อทำภารกิจนี้จะเริ่มเดินทางราว ๆ ปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง แต่ดวงจันทร์ก็เป็นดาวอีกดวงหนึ่งที่ NASA เห็นศักยภาพ นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการ Artemis ภารกิจเดินทางไปกลับดวงจันทร์ของ NASA ซึ่งภารกิจนี้ไม่ใช่การเดินทางระยะสั้นต้องการการตั้งฐานแบบถาวรบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์ โดยไม่ใช่แค่เพื่อปฏิบัติภารกิจการสำรวจเท่านั้น แต่ Artemis Base Camp จะเป็นรากฐานสำคัญทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจบนดวงจันทร์ในอนาคตอีกด้วย แม้ความต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและที่อยู่อาศัยบนดวงจันทร์จะชัดเจน แต่โจทย์ที่ท้าทายเหล่านักบุกเบิกอวกาศคือการที่สภาพพื้นผิวดวงจันทร์นั้นไม่สามารถนำอุปกรณ์ก่อสร้าง หรือยานพาหนะหนัก ๆ ลงจอดได้เลย เครน รถบรรทุก รถถมดิน ฯลฯ ที่มีส่วนสำคัญในการก่อสร้างบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินจึงไม่อาจใช้ในการก่อสร้างบนดวงจันทร์ได้ เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์
ผู้อ่านหลายคงเป็นแฟนทีมกีฬาฟุตบอลสักทีม ไม่ว่าจะเป็น chelsea liverpool ฯลฯ และคงเคยเชียร์ทีมที่ตัวเองชอบอย่างสุดใจเวลาชมการแข่งขันต่างๆ แต่รู้ไหมว่า การเชียร์กีฬาที่ลุ้นหนักๆ ก็อาจส่งผลเสียต่อหัวใจของเราได้เช่นกัน และงานวิจัยหลายชิ้นก็พบว่า การได้เห็นทีมที่ตัวเองเชียร์แพ้อาจทำให้เรามีความเสี่ยงต่อหัวใจวายมากขึ้น ในบทความนี้ UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำวิธีการป้องกันตัวไม่ให้การเชียร์กีฬาทำร้ายหัวใจเรา เพื่อที่จเราจะได้ชมกีฬาที่เราชื่นชอบไปได้อีกนานๆ ทำไมเราถึงใจเสียเมื่อเห็นทีมฟุตบอลที่ตัวเองเชียร์เล่นแพ้ ? แม้การชมกีฬาจะเน้นความบันเทิงเป็นหลัก แต่ถ้าเราเป็นแฟนตัวยงของทีมฟุตบอลสักทีม และทีมนั้นเล่นแพ้ อารมณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นอาจส่งผลเสียต่อหัวใจของเราได้ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการรับรองจากงานวิจัยหลายชิ้น เช่นมหาวิทยาลัย Medical University of Bialystok ที่พบว่า ความเครียดและผลกระทบทางจิตใจที่เกิดจากการเห็นทีมฟุตบอลพ่ายแพ้ สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจได้ ผ่านการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างผลงานการเล่นของทีมฟุตบอล Jagiellonia Bialystok และการแอดมิทภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ซึ่งทีมวิจัยได้สำรวจผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และได้รับการแอดมิทที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย Medical University of Bialystok จำนวน 10,529 คน ในระหว่างปี ค.ศ.2007 – 2018 ซึ่งผู้ป่วยทั้งหมดมีอายุเฉลี่ยราว 66 ปี และ 62% เป็นเพศชาย ในช่วงของการวิจัย ทีมฟุตบอล