หนุ่มวัยเก๋าและแฟน ๆ ของเครื่องเกมคอนโซลสุดคลาสสิกอย่าง PlayStation 1 ถ้าได้ฟังข่าวนี้คงจะดีใจกันแน่นอน หลังจากล่าสุด Sony ได้วางขายเครื่องเกมคอนโซล PlayStation Classic All-In-One ซึ่งไม่ต้องพึ่งพาการใช้แผ่น รวมถึงมีขนาดที่กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาไปเล่นกับที่ไหนก็ได้ในวันหยุดพักผ่อน ถ้าจะบอกว่า PlayStation 1 คือตำนานแห่งเครื่องเกมคอนโซลในยุค 90’s ก็คงไม่ผิดนัก เพราะนับตั้งแต่มันถูกวางขายสู่โลกครั้งแรกในปี 1994 ซึ่งในยุคแรกเริ่ม PS 1 นั้นทำให้หนุ่ม ๆ ทั่วโลกต้องใช้เวลาไปกับการเซฟเงินค่าขนมตัวเอง เพื่อนำมาจ่ายค่าแผ่นเกมของแท้ที่ราคาแสนจะแพง รวมไปถึง Memory Card สำหรับใช้เชฟเกม ส่วนคนที่มีเงินถุงเงินถังก็หิ้วมานั่งเล่นอยู่บ้านคนเดียวแบบสบายใจกันไปเลยก็มี และความสำเร็จดังกล่าวก็ส่งผลให้มีเครื่องเกมรุ่นพัฒนาตามออกมาอีกมากมาย อย่างที่เราเห็นกันมาตลอด 25 ปี โดยล่าสุด PlayStation 5 ก็กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาเพื่อรอจังหวะวางขายอย่างเหมาะสม ทำให้หลายคนต้องอดใจรอกันไปก่อน ซึ่งทางผู้ผลิตอย่าง Sony ก็เสนอทางเลือกระหว่างรอด้วยการนำรูปแบบในตำนานของ PS1 กลับมาอีกครั้งในระบบการเล่นที่ไม่ต้องพึ่งพาแผ่นเหมือนวันวาน PlayStation Classic All In One เปิดตัวพร้อมขนาดที่เล็กลงกว่ารุ่นคลาสสิกถึง 45%
หลังจากเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาไปไม่ถึงสัปดาห์สำหรับ CREED II ภาพยนตร์ภาคต่อของ CREED/ROCKY ซึ่งแสดงนำโดย Michael B Jordan ก็เปิดตัวได้อย่างสวยหรูทั้งด้านเสียงตอบรับและรายได้ พร้อมมีเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กระแสของหนังเมื่อ TMZ ดันไปถามพระเอกหนุ่มว่า อยากขึ้นสังเวียนในชีวิตจริงกับใครมากที่สุดซึ่ง MBJ ก็พูดถึงนักมวยที่เขาชื่นชอบอย่าง Roy Jones JR และเรื่องก็ไปถึงหูของอดีตแชมป์โลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักแสดงชายวัย 31 ปี ผ่านการฝึกซ้อมชกมวยแบบเข้มข้นมาตลอดช่วงระยะเวลาหลายปี โดยเฉพาะตอนก่อนจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง CREED ทั้งสองภาค ซึ่ง Michael B Jordan กล่าวถึงอดีตแชมป์เปี้ยนผ่านทาง TMZ ว่าอยากจะลองขึ้นฟาดปากกับอดีตแชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่สักครั้ง ไม่นาน Roy Jones ก็ตอบโต้กลับอย่างทันท่วงทีว่า “ถ้า ไมเคิล บี ต้องการให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงละก็ โปรดติดต่อที่ รอย โจนส์ จูเนียร์ เดี๋ยวจะจัดให้” Roy Jones JR ปัจจุบันอายุ 49 ปี เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในการคว้าเหรียญเงิน ในการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นรุ่น Light
มันต้องมีสักเสี้ยววินาทีที่ผู้ชายอย่างเราคิดจะกินคลีน กินเพื่อสุขภาพ กินปราศจากโซเดียม ฯลฯ แต่เมื่อเราริลองจะใช้ชีวิตกับอาหารคลีนเพื่อสุขภาพ เราจะสัมผัสได้เลยว่าราคามันสูงลิ่วเกินกว่าที่เราจะกินคลีนวันละสามมื้อได้ไหว อาทิตย์ละสองสามครั้งอาจพอทน แต่ถ้าต้องกินทุกมื้อ เราก็จำใจต้องกลับไปซบอกร้านป้าอาหารตามสั่งที่หนักผงชูรส หนักน้ำปลา คุณค่าทางอาหารอาจสู้ไม่ได้ แต่ราคาสบายกระเป๋ามากกว่า ปัญหาเงินในกระเป๋ามีมากไม่พอจ่ายราคาอาหารที่ถูกสุขลักษณะอนามัยจึงเกิดขึ้น และไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่บ้านเราเท่านั้นในอังกฤษก็มีปัญหานี้เช่นกัน รัฐบาลอังกฤษเขาก็ห่วงใยประชาชนของตัวเองจึงมีคำแนะนำอย่างเป็นทางการว่าอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีโภชนาการเหมาะสมคือการรับประทานผักและผลไม้วันละ 5 จาน และรับประทานปลาที่มาจากแหล่งน้ำ (ที่สะอาดและยั่งยืน) ทุกสัปดาห์ แต่ผลปรากฏว่ามีเด็กราว ๆ 3.7 ล้านคนที่ไม่สามารถกินอาหารที่ถูกโภชนาการตามหลักอาหารที่ดีนั้นได้ “เพราะคนจนไม่มีความรู้มากพอไง เลยกินแต่อาหารแย่ ๆ ไม่ดีต่อตัวเอง” ในอดีตคำกล่าวหามักมุ่งไปที่การขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องการกินอาหารที่ดี แต่จากรายงานของมูลนิธิอาหาร (Food Foundation) แห่งสหราชอาณาจักรพบว่า 20% ของครอบครัวในสหราชอาณาจักรที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,860 ปอนด์ต่อปีจะต้องใช้เงิน 42% ของรายได้หลังจากหักค่าที่อยู่อาศัยเพื่อทำอาหารให้ตอบสนองความต้องการของแนวทาง “Eatwell Guide” ของรัฐบาล ค่าใช้จ่ายในการกินอาหารถูกโภชนาการสำหรับครอบครัวที่มีผู้ใหญ่สองคนและเด็กสองคน (อายุสี่ถึงแปดปี) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 112.04 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (หรือราว ๆ 46,985 บาทต่อสัปดาห์) จินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่าถ้าต้องจ่ายเงินเยอะขนาดนี้ เพื่อกินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ จนไม่เหลือเงินไปทำอย่างอื่น
เพราะเซ็กซ์เป็นเรื่องพื้นฐานของมนุษย์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในบางครั้งมนุษย์ก็มีการสรรสร้างบางสิ่งเพื่อให้กิจกรรมทางเพศมีความสนุกสนานมากขึ้น นั่นคือจุดกำเนิดของ เซ็กซ์ทอย ซึ่งอย่าเข้าใจผิดคิดว่าเซ็กส์ทอยนั้นเป็นของยุคสมัยใหม่ที่มีขายเฉพาะในญี่ปุ่น เพราะที่จริง Sex Toy มันมีมาเนิ่นนานกว่าที่เราจะคาดคิดเสียอีก หลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเซ็กซ์ทอยเป็นสิ่งเก่าแก่ที่ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นเวลานานมากแล้วแต่ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก เมื่อนักโบราณคดีลงพื้นที่ขุดเจอสิ่งของต่าง ๆ เราก็จะเห็นแต่ข้าวของธรรมดาทั่วไปอย่างเช่น หม้อ ชาม ไห แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่นักโบราณคดีพบ มันมีมากกว่านั้น เพียงแค่ไม่ได้บอกให้คนทั่วไปรับรู้เท่านั้นเอง โดยเฉพาะ Sex Toy ของคนยุคโบราณอย่างดิลโด้จึงเป็นเรื่องที่ถูกเก็บไว้ในซอกหลืบของประวัติศาสตร์มาโดยตลอด การพูดถึงเซ็กซ์ทอยยุคก่อนประวัติศาสตร์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างในค.ศ. 2005 เมื่อมีการค้นพบเซ็กซ์ทอยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุราว 27,000 – 30,000 ปี ภายในถ้ำ Hohle Fels ประเทศเยอรมนี นักโบราณคดีพบวัตถุรูปร่างคล้ายอวัยวะเพศชายขนาด 19.2 เซนติเมตร ทำจากหินซิลเวอร์แกะสลัก ปัจจุบันถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Prehistoric Blaubeure การค้นพบครั้งนี้ถือว่าจุดประกายการตั้งคำถามเกี่ยวกับของเล่นทางเพศที่เก่าแก่ที่สุดในโลกของสตรียุคก่อนประวัติศาสตร์ ต่อมาในค.ศ. 2010 นักโบราณคดีชาวสวีเดนค้นพบวัตถุคล้ายอวัยวะเพศชายอีกครั้ง แกะสลักจากเขากวาง มีความกว้าง 0.8 นิ้ว แต่ด้วยปลายของด้ามอีกด้านที่มีความแหลมคมจึงทำให้นักโบราณคดีไม่กล้าตัดสินว่ามันคือเซ็กซ์ทอยยุคโบราณ แล้วหน้าที่ของมันในช่วงเวลานั้นมีไว้ทำอะไรกันแน่? ด้วยรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งแบบแท่งยาวเรียวไม่มีลวดลาย บางอันมีการแกะสลักรูปภาพต่าง
สำหรับคนที่เกิดและเติบโตในเมืองร้อนที่แต่ละฤดูแทบจะไม่มีความแตกต่าง ก็คงไม่รู้สึกอะไรกับการเปลี่ยนแปลงของฤดู อย่างมากก็มีแค่พฤติกรรมประจำวันที่ต่างไปจากเดิมนิดหน่อย แต่ในประเทศที่ฤดูร้อนกับฤดูหนาวแตกต่างราวฟ้ากับเหว อุณหภูมิห่างกันเกินกว่า 30-40 องศาเซลเซียส หิมะเริ่มโปรยปราย และที่สำคัญที่สุดคือการขึ้น-ลงของพระอาทิตย์ ประเทศเมืองหนาวในช่วงหน้าร้อนนั้นกว่าที่ดวงตะวันจะลาลับขอบฟ้าก็ล่วงไปเกือบ 2-3 ทุ่ม หรือในบางประเทศถึงขั้นได้ฉายาว่า ‘พระอาทิตย์เที่ยงคืน’ เลยทีเดียว ผู้คนมีชีวิตในช่วงกลางวันที่ยาวนานขึ้นและสนุกกับชีวิตได้มากขึ้น แต่เมื่อฤดูกาลผันเปลี่ยนเข้าสู่เหมันต์ ทุกอย่างก็ตรงกันข้าม แสงอาทิตย์กลายเป็นของหายาก มีเวลาให้ชื่นชมมันวันละแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ความมืดจะคืบคลานเข้ามา แต่เมืองที่เราจะพาไปทำความรู้จักในวันนี้เลวร้ายกว่านั้นเยอะ เพราะที่แห่งนี้กลางคืนยาวนานราวนิรันดร์ ไม่มีแสงอาทิตย์ส่องมาถึงยาวนานติดต่อกันถึง 65 วัน Utqiagvik หรือ Barrow คือชื่อเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งในมลรัฐ Alaska ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา มีประชากรเพียงแค่ 4,000 คน เมืองนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ไม่ใช่บ้านเกิดบุคคลสำคัญ แต่สิ่งที่ทำให้เมืองเล็ก ๆ เมืองนี้ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางคือความยาวนานของกลางคืนที่กินเวลาถึง 2 เดือน ข้อมูลไม่ได้ผิดพลาดแต่อย่างใด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ๆ และที่สำคัญคือมันเกิดขึ้นทุกปี นี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับเมืองที่ตั้งอยู่เหนือบริเวณ Arctic Circle โดยปรากฏการณ์ที่พระอาทิตย์ไม่โผล่พ้นขอบฟ้ายาวนานกว่า 24 ชั่วโมงนี้มีชื่อเรียกว่า ‘Polar Night’ โดยในทุก ๆ ปีตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป Utqiagvik จะเริ่มเข้าสู่ความมืดมิด ซึ่งหมายความว่าในตอนนี้เมืองนี้ได้เข้าสู่ช่วงกลางคืนอันยาวนานไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
เรื่องการหาหมอผ่านระบบ AI การวินิจฉัยโรคหรือการตรวจสุขภาพทั่วไปผ่านช่องทางออนไลน์เป็นกระแสที่หลายคนคงพอได้ยินมาบ้าง แต่อาจไม่ค่อยเชื่อกันว่ามันใช้งานได้จริงหรือมันจะโตได้ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่น่ายอมฝากชีวิตไว้กับเทคโนโลยีมากกว่าคนจริง ๆ ด้วยกัน แต่สำหรับประเทศที่มีจำนวนคนมากกว่าหมอหลายเท่าอย่างจีน การพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ก้าวหน้าผ่านแอปพลิเคชั่นดูแลสุขภาพออนไลน์ได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีความสำคัญและมีบทบาทกับชีวิตอย่างมาก Ping An Good Doctor คือแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นสุขภาพที่กำลังมาแรงในจีน นับเฉพาะผู้ลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็มีจำนวนสูงถึง 28 ล้านรายแล้ว จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นด้านเทคโนโลยีการแพทย์ ทำให้ล่าสุดในการประชุมงานอินเทอร์เน็ตโลก (World Internet Conference) ครั้งที่ 5 Ping An Good Doctor ผู้นำด้านเทคโนโลยีการรักษาได้ประกาศแผนการสร้างคลินิกรักษาพยาบาลไร้มนุษย์ที่ทำงานด้วยระบบ AI แห่งแรกในโลกขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นคลินิกหนึ่งนาทีของคุณหมอ AI ขึ้นโชว์ในบริเวณพื้นที่ส่วนกลางงานประชุมให้คนได้เข้าทดลองใช้งานกันจริง ๆ ถึงบอกว่าเป็นคลินิกหมอ AI แต่ก็ยังเป็นการทำงานควบคู่กับหมอที่เป็นมนุษย์จริง ๆ ด้วย โดยหมอจริงทำหน้าที่กำกับและตรวจสอบการทำงานของ AI สม่ำเสมอ ส่วนลักษณะของเจ้าคลินิกสีส้มนี้ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก คล้ายกับห้องคาราโอเกะในบ้านเรา แต่คอนเซ็ปต์ของมันค่อนข้างเนี้ยบและดีทีเดียว เนื่องจากมันสามารถให้การรักษาได้ในระยะไกล คนอยากเจอหมอเก่ง ๆ ก็ไม่ต้องไปต่อคิวที่โรงพยาบาลให้เสียเวลาเหมาะกับคนกรุงที่มีไลฟ์สไตล์รีบเร่ง และหลังรักษาสามารถจ่ายยาให้ได้ตามต้องการทันทีด้วย ส่วนยาไหนที่ไม่มีในสต๊อกระบบก็ให้ซื้อได้ผ่านแอปฯ และจัดส่งให้ถึงบ้านภายใน
ถ้าพูดถึงซามูไร และฮาราคีรี หลายคนคงรู้ความหมายอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึงชื่อของ มิชิมะ ยูกิโอะ อาจจะยังไม่รู้ว่าเค้าคือใคร UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักกับวิถีนักรบญี่ปุ่น และลูกผู้ชายที่เรียกตัวเองว่า The Last Samurai ได้เต็มปาก แรกเริ่มเดิมทีซามูไรเป็นเพียงกลุ่มนักรบรับจ้างแก่จักรพรรดิและชนชั้นสูง แต่ต่อมาเหล่าซามูไรเกิดความคิดอยากรวมบรรดานักรบบ้าระห่ำให้อยู่เป็นกลุ่มก้อนเพื่อความเป็นปึกแผ่น จึงเกิดการจัดการกลุ่มนักสู้ที่เป็นระบบมากขึ้น ด้วยความเก่งกาจเรื่องการต่อสู้ที่ไม่กลัวตาย กฎระเบียบที่เคร่งครัด และความใจถึงพึ่งได้ ซามูไรจึงขึ้นมาเป็นกลุ่มชนชั้นที่มีบทบาททางการเมืองในฐานะนักรบชั้นนำที่ใครเห็นเป็นต้องก้มหน้า เด็กร้องไห้เดินเจอยังต้องหยุดร้อง ซามูไรมีบทบาทในสังคมญี่ปุ่นยาวนานกว่าร้อยปี ก่อนจะสิ้นสุดลงในยุคเมจิช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จากการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัย สร้างรูปแบบกองทัพตามแบบประเทศตะวันตก ลดอำนาจของระบบศักดินารวมถึงเลิกสถานะซามูไร ยกเลิกสิทธิในการพกดาบ Katana ในที่สาธารณะ และสิทธิในการฆ่าใครก็ได้ที่ไม่ให้ความเคารพต่อซามูไร ด้วยเหตุผลต่าง ๆ จึงทำให้ซามูไรส่วนมากหันไปเป็นนักเขียนและทำงานในรัฐบาลแทน สิ่งที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งเมื่อพูดถึงซามูไรคือ บูชิโด และ ฮาราคีรี ซึ่งฮาราคีรีนั้นมีความหมายเดียวกับเซ็มปุกุ เป็นการสำเร็จโทษด้วยเกียรติของเหล่าลูกผู้ชายซามูไร อาทิ การไม่สามารถรักษาชีวิตของผู้เป็นนายได้ หรือเมื่อมีการเปลี่ยนฐานอำนาจ ซามูไรที่จงรักภักดีไม่ยอมสวามิภักดิ์กับกลุ่มอำนาจใหม่ก็จะทำการคว้านท้องตัวเอง ซึ่งฮาราคีรีไม่ใช่แค่ความกล้าในการคว้านท้องปลิดชีวิตตัวเองเท่านั้น แต่มันคือสัญลักษณ์ของอุดมการณ์ที่แน่วแน่ จึงทำให้ฮาราคีรีเป็นสิ่งที่มีค่าน่านับถือในสังคมญี่ปุ่นสมัยโบราณ แม้จะหมดสิ้นยุคสมัยซามูไรไปแล้ว ก็ยังมีชายญี่ปุ่นรักชาติเลือดซามูไรที่ยึดถือเกียรติยศนี้อยู่ นั่นคือชายที่มีชื่อว่า Mishima Yukio (มิชิมะ ยูกิโอะ)
ในจำนวนประชากรหลายร้อยล้านคน ทำไมมีบางคนเป็นกลุ่มผู้นำ ในจำนวนหลายร้อยคนในบริษัท ทำไมมีผู้บริหารแค่ไม่กี่คน หลายคนน่าจะสงสัยว่าพวกเขาทำอย่างไรถึงได้ก้าวไปอยู่บนจุดที่ยิ่งใหญ่ได้ วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปสัมผัสถึงมุมมองและชีวิตของผู้นำโลกทั้ง 5 คนที่เลือกมาแล้ว ว่าพวกเขาเหล่านั้นคิดอะไร ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเองมากแค่ไหน และทำอย่างไรถึงได้มี passion ที่ผลักดันชีวิตจนประสบความสำเร็จ 1.นโปเลียน โบนาปาร์ต จากทหารปลายแถวสู่จักรพรรดิฝรั่งเศสผู้โด่งดัง เด็กหนุ่มร่างเล็กสุดธรรมดาที่ไร้เสน่ห์ พูดสำเนียงแปร่ง ๆ จนถูกเพื่อนล้อเลียนอยู่บ่อยครั้ง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นตัวผลักดันให้นโปเลียนเป็นคนมีความอดทนสูงและมุ่งมั่น นโปเลียนเป็นชายผู้ยึดมั่นในหน้าที่ของตัวเอง เมื่อเป็นทหารเขาก็ทุ่มสุดตัวในทุกสมรภูมิรบ พกความห้าวหาญติดตัวไม่กลัวใครหน้าไหน ทำให้กลายเป็นวีรบุรุษของฝรั่งเศสในหน้าประวัติศาสตร์ และเป็นผู้กล่าวประโยคดังที่ถูกพูดถึงมาจนปัจจุบันว่า “เป็นไปไม่ได้ คือคำศัพท์ที่พบในพจนานุกรมของคนโง่เท่านั้น” เพราะจากเด็กชายที่เกิดในครอบครัวสามัญชนและก้าวสู่การเป็นจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศสที่เมื่อพูดชื่อแล้วก็ต้องรู้จัก ถ้าโง่คงทำไม่ได้แน่ ๆ บางคนอาจบอกว่าจุดจบของนโปเลียนนั้นช่างน่าเศร้าและแสนอับอาย แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาได้ทำมา ความพยายามที่น่านับถือ และความสำเร็จที่เกิดขึ้นจริงกับการสร้างชื่อให้ฝรั่งเศสที่ไม่สามารถทำตามกันได้ง่าย ๆ ก็พิสูจน์ได้ว่านโปเลียนคือผู้นำที่มีความสามารถไม่น้อยกว่าใคร 2.วินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดี ผู้ซึ่งถูกนำไปสร้างหนังนับครั้งไม่ถ้วน ภาพยนตร์กว่า 70 เรื่อง ที่นำเสนอเกี่ยวกับวินสตัน เชอร์ชิล เด็กหนุ่มที่ผู้คนกล้าเรียกได้ว่าค่อนข้าง “ฉลาดน้อย” เพราะนอกจากวิชาภาษาอังกฤษกับประวัติศาสตร์ เขาก็ไม่เก่งอะไรเลย พอเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารก็ได้เป็นทหารม้าที่ยศต่ำเตี้ย
โบทาโอชิ กีฬาสุดอันตรายจากดินแดนซามูไรที่เปลี่ยนสนามกีฬาให้กลายเป็นสมรภูมิเดือด ด้วยความรุนแรง และกติกาที่สามารถทำอะไรก็ได้กับฝ่ายตรงข้าม ทำให้กีฬานี้สงวนไว้สำหรับลูกผู้ชายที่ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตายของชาวญี่ปุ่นเท่านั้น ชื่อโบทาโอชิ มีที่มาจากการผสมกันของสองคำคือ โบ ที่แปลว่า ท่อนไม้ และ ทาโอชิ ที่มีความหมายว่า ทำให้ล้ม รวมกันเป็นการทำให้เสาของศัตรูล้มลงให้ได้ กีฬานี้ที่ไม่มีต้นกำเนิดแน่ชัดว่าเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จุดเริ่มต้นที่ชัดเจนนั้นเริ่มขึ้นที่โรงเรียนเตรียมทหารแห่งหนึ่งใน ค.ศ. 1940 หัวใจของกีฬาโบทาโอชิคือการทำให้เสาของฝ่ายตรงข้ามล้มลงเกิน 30 องศา จนเมื่อ ค.ศ. 1973 ได้มีการเปลี่ยนกติกาใหม่จาก 30 องศา กลายมาเป็น 45 องศาเพื่อความมันส์ยิ่งขึ้น ซึ่งกรรมการจะเป็นผู้ตัดสินว่าเสานั้นล้มลงถึงเกณฑ์หรือไม่ ส่วนกติกาจะแบ่งผู้เข้าแข่งขันออกเป็นสองทีมจากผู้เล่นทั้งหมด 150 คน แบ่งเป็นฝั่งละ 75 คน และเกมจะสิ้นสุดลงเมื่อเสาของทีมใดทีมหนึ่งล้มลง ฝั่งที่ทำให้เสาล้มได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ แค่ทำให้เสาล้มมันจะไปยากอะไร ดูแล้วเหมือนง่าย แต่จริง ๆ มันไม่หมูอย่างที่คิด ด้วยกฎเหล็กที่ห้ามตุกติก ห้ามพกอาวุธ ใช้ได้แค่พลังกายและพลังใจล้วน ๆ การกระแทกกันเหมือนกีฬารักบี้ที่มีสมาชิกมากกว่าเป็นสองเท่า การดึงทึ้งจนเสื้อขาด ไปจนถึงการแลกหมัดกันเป็นเรื่องปกติเมื่อเริ่มการแข่งขัน ด้วยจำนวนคนกว่า 150 คน การวิ่งทะลวงฝ่าฝูงชนเพื่อล้มเสาจึงทำได้ยาก ฝั่งทีมรุกก็ลุยกันเต็มที่
Tom Hardy นักแสดงหนุ่มสัญชาติอังกฤษผู้มีผลงานการแสดงนับไม่ถ้วน อย่างภาพยนตร์เรื่อง Mad Max: Fury Road และ Venom ที่นอกจากจะฝากผลงานอันยอดเยี่ยมไว้ ล่าสุดยังได้เข้ารับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น CBE หรือ Commander of the Most Excellent Order of the British Empire จากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ในตำแหน่งของบุคคลผู้สร้างชื่อระดับภูมิภาค แต่กว่าจะมาถึงวันนี้เขาคือชายผู้เคยติดสุราเรื้อรังและเล่นยามาตั้งแต่อายุ 11 ปี และนี่คือเรื่องราวที่จะหักล้างความคิดของหลายคนที่เข้าใจว่า เด็กที่เริ่มต้นไม่ดี อนาคตก็ต้องไม่ดีตามไปด้วย ก่อนที่จะกลายเป็นบุคคลผู้สร้างชื่อเสียงให้กับอังกฤษ ชีวิตของทอม ฮาร์ดี้ ผ่านอะไรเจ็บ ๆ มาเยอะกว่าที่คิด เด็กหนุ่มชาวอังกฤษที่แม่เป็นศิลปินวาดภาพและพ่อเป็นนักเขียนชื่อดัง ทุกอย่างดูเพียบพร้อมจนฮาร์ดี้อายุ 11 ปี เขาเริ่มยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยการดมกาว เมื่ออายุ 13 ก็เริ่ม Turn Pro เข้าสู่สายดาร์กแบบเต็มตัวด้วยการหันมาเสพโคเคนและติดเหล้า ซ้ำยังโดนไล่ออกจากโรงเรียนประจำมีชื่อเสียงของอังกฤษอย่าง Reed’s School ตอนอายุ 16 ปี เพราะขโมยของ ซึ่ง