มีอะไรที่ทำให้เราแค่มองเห็นก็รู้สึกตื่นเต้นจนเลือดสูบฉีดได้บ้าง? มีอะไรที่เราเห็นแล้วต้องคว้ากล้องขึ้นมาถ่าย ต้องสะกิดคนข้าง ๆ ให้หันไปดูด้วยกันได้บ้าง? แม้ผู้ชายเราจะมีความชอบและไลฟ์สไตล์แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่ทำให้พวกเราทุกคนเกิดปฏิกิริยานั้นได้ ก็เมื่อ Nissan Skyline GT-R ขับผ่านหน้าเราไป ไม่ว่าจะเป็น Skyline GT-R รุ่นไหนก็ตาม แม้คุณจะไม่ใช่ Hardcore Fans ในเรื่องรถยนต์ แต่ทุกครั้งที่เราได้เห็นไฟท้ายโดนัทคู่ เสียงท่อคำรามจากเครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เราก็รู้ทันทีว่ามันมีความพิเศษที่รถคันอื่น หรือแม้แต่ Supercar ราคาหลายสิบล้านไม่มี นั่นคือเสน่ห์ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุค 1969 ซึ่งถือเป็น Skyline GT-R รหัสแรกที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีรถรุ่นไหนสามารถสืบทอดคุณค่าให้เป็นที่นิยมทั้งในและนอกสนาม ทำให้รหัส GT-R กลายเป็น Iconic Car แห่งความเร็วในฝันได้ทุก Generation มีหลายอย่างที่เราเข้าใจผิดเดียวกับ GT-R อย่างเช่นไม่ใช่ทุก Skyline จะต้องมีรหัส GT-R หรือคำว่า GT-R ย่อมาจากคำว่า Gran Turismo Racer
สำหรับแบรนด์รถยนต์ที่ยืนหนึ่งเรื่องความ Innovation กับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานถึง 85 ปีของ Nissan ล่าสุดได้แสดงวิสัยทัศน์ด้านการเคลื่อนที่ในอนาคตในงาน CES Asia 2019 ด้วยการนำเสนอ เทคโนโลยีที่ใช้คลื่นสมองและการผสานโลกความเป็นจริง และโลกเสมือนจริงเพื่อช่วยผู้ขับขี่ ให้สมกับที่เป็นเจ้าแห่ง “Intelligent Mobility” Nissan แสดงเทคโนโลยี Invisible-to-Visible หรือ I2V เทคโนโลยี Brain-to-Vehicle หรือ B2Vรวมถึง IMs รถยนต์ต้นแบบที่ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนแบบ all-wheel-drive (AWD) ที่งานแสดงสินค้า ณ นครเซี่ยงไฮ้ การจัดแสดงนวัตกรรมเหล่านี้เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกของ Nissan Intelligent Mobility ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของแบรนด์ แก่ลูกค้า ที่เปลี่ยนวิธีขับเคลื่อนยานยนต์ เปลี่ยนวิถีในการขับขี่ รวมถึงการบูรณาการเข้ากับสังคม “ที่นิสสันเรามุ่งมั่นการพัฒนานวัตกรรมให้ก้าวไกลกว่าคนอื่นเสมอ” รอย เดอ วีรส์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของนิสสัน (Roel De Vries – Senior Vice President for Marketing)
IKEA เปิดตัวโครงการความร่วมมือกับแบรนด์และดีไซเนอร์พันธมิตร (Collaboration Projects 2020) จาก ทั่วโลก โดยครั้งนี้เลือกจับมือ GREYHOUND ORIGINAL แบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์จากเอเชียตะวันออก-เฉียงใต้เพียงแบรนด์เดียว สร้างสรรค์คอลเล็คชั่นพิเศษ SAMMANKOPPLA/ซัมมันคอปล่า ซึ่งแปลว่าความเชื่อมโยง หรือเชื่อมต่อ เตรียมวางจำหน่ายในสโตร์อิเกียทั่วโลกปี 2563 IKEA ให้ความสำคัญและสนใจในความหลากหลายของวัฒนธรรม ตลอดจนมุมมองการใช้ชีวิตในบ้านซึ่งแตกต่างกันไปทั่วโลก เห็นได้จากการสร้างสรรค์สินค้าคอลเล็คชั่นพิเศษมากมายที่เกิดจาก การร่วมงานระหว่างนักพัฒนาสินค้าและดีไซเนอร์อิเกียกับดีไซเนอร์และพันธมิตรจากวงการออกแบบในประเทศต่างๆ ทั้งอเมริกาใต้ อินเดีย และแอฟริกา ครั้งนี้ อิเกียได้มุ่งความสนใจมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อมองหาแนวคิดที่สดใหม่ในการนำเสนอสินค้าตกแต่งบ้านที่รองรับ การใช้งานหลากหลายหรือมัลติฟังก์ชัน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในเมืองในบ้านที่มีพื้นที่จำกัด ลาเซีย เชอร์ล็อก รองผู้บริหารฝ่ายธุรกิจค้าปลีก อิเกีย ไทย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ กล่าวว่า “เราตื่นเต้นมากที่ได้รู้ว่านักพัฒนาสินค้าของอิเกียกำลังร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชื่อดังซึ่งเป็นแบรนด์ไทยแท้อย่าง “เกรฮาวด์” สำหรับพวกเราที่อยู่ในไทย เราเห็นการเติบโตของเกรฮาวด์จากแบรนด์แฟชั่นขยายตัวสู่ธุรกิจอื่น เช่น คาเฟ่ และปัจจุบันก็ก้าวขึ้นเป็นผู้นำแบรนด์ไลฟ์สไตล์ และตอนนี้ทีมครีเอทีฟของอิเกียและเกรฮาวด์ก็กำลังร่วมกันพัฒนาคอลเล็คชั่นใหม่ที่จะเพิ่มสีสัน และเติมความเท่ในสไตล์อินดัสเตรียลให้สโตร์ของเราอยู่” ภาณุ อิงคะวัต ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์กลุ่มบริษัทเกรฮาวด์ เล่าถึงความรู้สึกตื่นเต้นและแปลกใจเมื่อได้รับการติดต่อจากอิเกีย สวีเดนให้มาร่วมงานกันเป็นครั้งแรกเมื่อสองปีที่ผ่านมา “ใครจะคิดว่าอิเกียแบรนด์ระดับโลกจะรู้จักเรา และจะติดต่อเราเพื่อชวนให้มาทำคอลเล็คชั่นด้วยกัน!” แต่เมื่ออิเกียติดต่อมาอีกครั้งจึงตอบอีเมลกลับไป แล้วจากวันนั้น ทีมของเราก็ได้รับโอกาสสำคัญใน การทำงานร่วมกับไมเคิล นิโคลิก
เมื่อโลกแห่งนาฬิกาและ ไอคอนแห่งสตรีทแวร์มาเจอกัน SWATCH (สวอท์ช) และ BAPE® (เบป) เดินทางมาเจอกันทั้งที กับผลงาน Collaboration ล่าสุดที่จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ระดับ Global Launch ณ เมือง Tokyo ประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดของ BAPE นั่นเอง ซึ่งงานนี้ไม่ได้มีแต่สื่อนาฬิกาเพียงอย่างเดียว ยังเต็มไปด้วยแขก VIP สาย Street Fashion ที่เดินทางเป็นตัวแทนประเทศจากทั่วโลกเข้าร่วม แน่นอนว่า UNLOCKMEN ไม่มีทางพลาดที่จะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศการเปิดตัวนาฬิกา “ต้องมี” ทั้ง 6 เรือนอย่างแน่นอน ภายในงานที่จัดอย่างสุด Creative ถึงขั้นปิด 6 ร้านและผับสุดคูลทั่วโตเกียวเพื่อสื่อให้เห็นถึง Concept ของนาฬิกาแต่ละเมืองภายใต้ลวดลาย Camo ของ BAPE ในคอลเลคชั่นสุดพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโลกในยุคปัจจุบันที่ทุกคนเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ผ่านนาฬิกา 6 รุ่น ได้แก่ Bern, London, New York , Paris, Tokyo
มันเป็นยุคของรถ SUV ที่ทำให้ตลาดรถ Supercar ต่างต้องแข่งกันออกแบบพัฒนารถหรู แรง และลุยได้ของตัวเองออกมาแย่งชิ้นเค้กในตลาดนี้กันไม่เว้นแม้แต่ Lamborghini ที่ส่ง Urus ตัวลุยโคตรแรงที่ถูกจำกัดความว่าเป็น Super SUV แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะ Happy กับการเห็นรถในฝันของตัวเองกลายร่างเป็นลุยทรงตลาดแบบนี้ (แม้จุดเริ่มต้นของค่ายนี้จะมาจากรถ Tractor และเคยมี SUV มาก่อนทำ Supercar ด้วยซ้ำ) What’s done is done! คนทำธุรกิจก็ต้องหาเงิน แต่ในขณะเดียวกัน Lamborghini ก็ไม่ปล่อยให้คนค้างคาใจ เปิดตัวลุย All-Road รุ่นใหม่ที่คราวนี้ไม่ทำให้ใครผิดหวังแน่นอน เพราะยึดจากรูปทรงรถของ Huracan ที่ผ่านการปรับแต่งรอบคันทั้งภายนอกและภายใน มั่นใจได้เลยว่าจะสถาพถนนแบบไหนก็สามารถลุยไปได้อย่างมีสไตล์กว่าใครเพื่อน Lamborghini Huracan Sterrato ถือเป็นรถ Off-roader ยุคใหม่รุ่นที่ 2 ของค่ายนับตั้งแต่ Urus ภายนอกสังเกตได้ทันทีว่ารุ่นนี้สายลุย ด้วยสติกเกอร์ตกแต่งรอบคันพร้อมไฟ LED ด้านหน้าและด้านบนหลังคารถ ช่วงล่างเพิ่ม clearence มีการยกสูงมากขึ้นกว่า Huracan ปกติถึงวง 47mm
วันที่ 12 เดือนมิถุนายน เป็นวันฤกษ์งามยามดีที่เหล่าผู้ชื่นชอบสายลับจักรวาล Men In Black จะได้พบกับภารกิจครั้งใหม่ล่าสุด ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 4 แต่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Men In Black: International ซึ่งแม้คราวนี้จะไม่มี 2 Agents ตัวหลักใน 3 ภาคแรกอย่าง Will Smith และ Tommy Lee Jones ออกมาปราบปรามวายร้ายจากต่างแดนที่แฝงร่างมาในโลกมนุษย์ แต่ก็ได้ดาราแม่เหล็กอย่าง Chris Hemsworth ซึ่งการันตีความคูลจากบทบาทของ Thor ใน The Avengers หลากหลายตอน รวมถึง Tessa Thompson หรือหลายคนอาจจะจำได้ในบทบาทของ Valkyrie นักรบคู่ใจจากดินแดน Asgard ดังนั้นจึงเป็นคู่ขาที่เล่นเข้าแข้งกันเป็นอย่างดีแน่นอน นอกจากนี้ยังได้ Liam Neeson สายบู๊จอมโหดมาร่วมงานอีกด้วย เนื้อเรื่องของ Men In Black: International เกี่ยวกับภารกิจที่ใหญ่โตยิ่งกว่าเก่า เพราะไม่ใช่แค่กำจัดเหล่า Aliens เหมือนที่ผ่านมา แต่คราวนี้ต้องตามหา “ไส้ศึก”
ใครว่ารถของนักสะสมจะเอาออกไปสนุกไม่ได้ งานนี้ CUB House นอกจากจะยก The First Moto Lifestyle Café and Showroom ไปไว้ในหาดสุดสวยในงาน ลงเล บีชไลฟ์ เฟสติวัล แล้วยังชวนเหล่า Genuine People อย่าง UNLOCKMEN ในการนำรถสุดรักไปขี่เล่นบนหาดทรายสวยอีกด้วย ลงเล บีชไลฟ์ เฟสติวัล งานสุดแนวที่ปิดหาด Diamond Beach อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จัดงานกันแบบเอ็กคลูซีฟ ถ้าให้เล่าสั้นๆ ก็ต้องบอกว่างานรวมคนมีสไตล์ มาอาบแดด อาบลมห่มเสียงเพลงกันแบบชิลๆ แล้ว CUB House ไปเกี่ยวอะไรด้วย? ก็ต้องบอกว่านอกจากจะยก CUB House พร้อมกระเป๋า Stream Trail รุ่นพิเศษไปโชว์กันในงาน ยังจัดทริปพิเศษที่ชวน Genuine People เอารถสนุกๆ อย่าง Monkey และสายคลาสสิคอย่าง C125 ไปขี่กันถึงหาด เรื่องราวและชีวิตแบบ Moto
ในวงการแฟชั่นที่พวกเรามักจะเห็นเพียงในมุมของความสวยงาม การดีไซน์ที่ต้องเร่งตาม Season ที่ยิ่งวันยิ่งหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็วตามความต้องการของลูกค้า เราจึงได้เห็นคำว่า “Fast Fashion” ซึ่งเป็นการเปรียบให้เห็นถึงการสับเปลี่ยนที่รวดเร็วขึ้นทุกวันของ collection เสื้อผ้า ในวันที่ธุรกิจแฟชั่นเริ่มให้ความสำคัญกับค่า Cost Per Wear ที่ยิ่งผลิตมาก ต้นทุนยิ่งต่ำ ใช้งานไม่ต้องนาน หรือขายไม่หมดก็ไม่ต้องสน เราขนไปฝังดินกลบทิ้งไปเลยก็จบเรื่อง แต่ในความเป็นจริงมันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? ซึ่งขั้นตอนการผลิตและขั้นตอนการกำจัดเสื้อผ้าเหลือใช้ คือสิ่งที่ลูกค้าอย่างเรามักจะมองข้าม ยอมรับเลยว่าตัวเราเองก็เช่นกัน จนกระทั่งเราได้พูดคุยกับ “Bryce Alton” CEO, Nudie Jeans Australia, เกี่ยวกับปัญหาที่เป็นอยู่ของธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้า และทิศทางที่ Nudie Jeans ได้พยายามเป็น Solution ที่อาจจะเปลี่ยนทั้งธุรกิจไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ขอเป็นหนึ่งแบรนด์ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่ไม่ทำให้เรื่องของการออกแบบและวัสดุได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยหวังว่าจะเป็นตัวอย่างที่ทำให้อีกหลายแบรนด์หันมานำไอเดียไปปรับใช้ ซึ่งถ้าทุกแบรนด์แข่งขันกันในด้านนี้จริง คนที่ได้ประโยชน์ก็ไม่ใช่ใครนอกจากพวกเราและโลกใบนี้ เชื่อว่าทุกคนต้องมี Nudie Jeans ในครอบครองอย่างน้อย 1 ตัว และเราน่าจะรู้ดีถึงคุณภาพของยีนส์ทั้งด้านการออกแบบ วัสดุ รวมถึงอายุการใช้งานที่ล้มลุกคลุกคลานนานแค่ไหนก็ไม่สะเทือน แต่เรื่องความรักษ์โลกของ Nudie ที่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเค้าได้ทุ่มเทความพยายามในการผลิตที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อมมานาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบ
สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ประกาศความร่วมมือกับเชฟเอียนกิตติชัยในการสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยจานพิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจเส้นทางบินกรุงเทพฯ – โดฮา โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อมอบบริการบนเครื่องบินอันน่าจดจำ ตั้งแต่การตกแต่งภายใน ไปจนถึงเมนูอาหารที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตจากเชฟที่ดีที่สุดจากทั่วโลกสายการบินกาตาร์แอร์เวย์สปรารถนาสร้างประสบการณ์ที่โดดเด่นและน่าประทับใจให้แก่ผู้โดยสารทุกครั้งที่เดินทางกับสายการบินฯ มร.อัคบาร์ อัล บาเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส กรุ้ป กล่าวว่า “สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส มีความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์เมนูอาหารบนเครื่องบินที่ดีที่สุด เรามีความตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับเชฟเอียน กิตติชัย เชฟที่ดีที่สุดท่านหนึ่งของประเทศไทย เพื่อให้บริการอาหารจานพิเศษแก่ผู้โดยสารสายการบินกาตาร์แอร์เวย์สที่เดินทางจากกรุงเทพฯและมั่นใจว่ารายการอาหารใหม่นี้จะเป็นที่นิยมต่อผู้โดยสารอย่างแน่นอน” เชฟเอียน กิตติชัย กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ในการสร้างสรรค์เมนูพิเศษ ที่มีรสชาติและวัตถุดิบที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้แก่ผู้โดยสารและรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับสายการบินที่มีความมุ่งมั่นในการให้บริการด้วยความเป็นเลิศและสร้างความประทับใจด้วยเมนูอาหารที่มีความแปลกใหม่และมีรสชาติอร่อยจากประเทศบ้านเกิดให้แก่ผู้โดยสารของสายการบินระดับโลก” เมนูอาหารเชฟเอียน กิตติชัย ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นส่วนประกอบอาหารจานพิเศษ อาทิ เมนูแกงระแวงเนื้อ อาหารหารับประทานยากจากภาคใต้ โดดเด่นที่ความนุ่มอร่อยของเนื้อซี่โครงตุ๋น ความเผ็ดหอมของเครื่องเทศพริกแกงใต้สูตรเฉพาะและพริกชี้ฟ้าย่าง เมนูฉู่ฉี่กุ้ง ความหวานของเนื้อกุ้งลายเสือตุ๋นกะทิเสิร์ฟบนเครื่องแกงฉู่ฉี่รสเข้มข้นกำลังดี เพิ่มความหอมด้วย มะพร้าวคั่ว ทานคู่กับยอดมะพร้าว และผักกาดกวางตุ้ง ผู้โดยสารสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส จากประเทศไทยจะเพลิดเพลินกับการวางแผนการเดินทางที่มีให้เลือกมากขึ้นถึง 63 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ทุเรียนนั้นเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นรุนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่คนที่กินก็จะรู้ถึงความอร่อยของมัน ในขณะที่ชายต่างชาติส่วนใหญ่มักจะไม่เคยได้สัมผัสรสชาติของมัน หลาย ๆ โรงแรมนั้นไม่อนุญาตให้คุณนำมันเข้ามาในห้องพัก ทุเรียนเคยทำให้คนไม่ผ่านการเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ทำให้เที่ยวบินต้องล่าช้าออกไปเพื่อกำจัดกลิ่นทุเรียนออก และล่าสุดนี้ทำให้ถึงกับต้องเกิดการอพยพ เพราะความสับสนในกลิ่นของทุเรียนว่าเป็นกลิ่นสารเคมีรั่วไหลนั่นเอง เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา สถานีดับเพลิงแห่งหนึ่งในเมือง Canberra ของออสเตรเลีย ได้รับรายงานเหตุจากมหาวิทยาลัย Canberra ว่าในห้องสมุดนั้นมีกลิ่นของ “แก๊สรั่วที่ค่อนข้างรุนแรง” ซึ่งทำให้มีการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ออกตามหาต้นตอของกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้อย่างเต็มรูปแบบ หนึ่งชั่วโมงให้หลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ค้นพบที่มาของปัญหา และออกแถลงการณ์ว่าสถานการณ์ทุกอย่างกลับสู่ปกติเรียบร้อย โดยไม่ได้ระบุว่ากลิ่นไม่พึงประสงค์นี้มาจากไหน แต่เป็นทางมหาวิทยาลัยเองนี่แหละที่เปิดเผยว่ามันคือทุกเรียน ซึ่งถูกวางทิ้งไว้ใกล้ช่องแอร์ตรงชั้นสองของห้องสมุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำมันออกมาภายในถุงที่ซีลปิดอย่างดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครทราบว่าสาเหตุของการนำทุเรียนไปวางไว้ใกล้ช่องแอร์หนนี้เป็นเรื่องจงใจ หรือเป็นเพียงความบังเอิญที่กินแล้วเผลอวางทิ้งไว้เท่านั้น แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลิ่นของทุเรียนได้สร้างความวุ่นวายให้กับออสเตรเลีย เพราะในเดือนเมษายนของปีที่แล้ว ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย RMIT ต้องอพยพผู้คนมากกว่า 600 คน เนื่องจากสาเหตุเดียวกันกับหนนี้เลย และต้นตอของมันก็มาจากทุเรียนเน่าที่ถูกทิ้งไว้ในตู้นั่นเอง ทุเรียนนั้นคือราชาของผลไม้ของไทย และประเทศเราได้ส่งออกทุเรียนไปนานาประเทศ และเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่สุดในตลอดของจีน อ้างอิงจากข้อมูลในปี 2017 ที่เราครอบครองได้ถึง 40% ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยธุรกิจของทุเรียนที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ของจีน ทำให้เกิดเมนูแปลก ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย ทั้งพิซซ่าทุเรียน สลัดทุเรียน