เมื่อคืนก่อนไถ X (Twitter) ไปเจอ Fact น่าสนใจที่ว่า Sydney Sweeney นักแสดงคนโปรดของเราจากซีรีส์ Euphoria เป็นแฟนคลับ Ford วินเทจแบบตัวยง คือเธอมีทั้ง Classic Mustang ในครอบครอง และเมื่อปลายเดือนมกราที่ผ่านมาถึงกับมีคอลแลบทำรถรุ่นพิเศษ Mustang GT กับ Ford ออกมาด้วย ! จุดเริ่มต้นความหลงใหลในยนตกรรมของ Ford เริ่มต้นจากการที่ช่วงหนึ่งเธอได้ไปเรียนขับรถกับปู่ทวด ซึ่งเป็นรุ่นกระบะ Ford F-100 ที่ซิดนีย์ก็ยังครอบครองรถคันนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อยอดจากความหลงใหล ช่วงเวลาที่ Covid-19 ระบาดหนัก ๆ ซิดนีย์ซื้อ Ford Bronco (1969) ที่ต้องเอามาบูรณะทั้งคันเลยล่ะ และตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่จะทำให้เธอได้ทำงานร่วมกับ Ford ในเวลาต่อมา ซิดนีย์เปิดแอคเคาต์ TikTok ชื่อ @syds_garage เพื่อทำคอนเทนต์ Restoration Car โดยเฉพาะ เท่มาก ! และหลังจากเปิดแอคเคาต์ได้ไม่นาน
พอลองนับ ๆ ดูเราก็รู้จักกับวง Landokmai ได้เกือบ 5 ปีแล้วนะ จำได้แม่นเลยว่าโดนตกให้หลงรักครั้งแรกจากเพลง The Diary เพลงที่เหมือนเอาภาพฝันของวัยเยาว์มาระบายด้วยสีสันสวยงาม ก่อนจะเจือด้วยน้ำให้กลายเป็นภาพเลือนรางในความรู้สึก จนถึงตอนนี้ทุกเพลงที่ออกมาของ ‘คุณอูปิม (ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง)’ และ ‘คุณแอนท์ (มนัสนันท์ กิ่งเกษม)’ ก็ยังทำให้เรารู้สึกไม่ต่างจากวันแรกที่ได้ฟังเลย Next Cover, Same Mood 09 เราจับความสัมพันธ์ของตัวละครในหนังสือ ภาพยนตร์ อนิเมะ และมังงะ ที่มีเรื่องราวเชื่อมโยงกับเพลงในอัลบั้ม All My Purple Feeling ทั้ง 11 เพลงที่เป็นเหมือนนิทานก่อนนอนซึ่งแต่งจากความสัมพันธ์ของใครหลายคน กลายเป็นอารมณ์สีหม่น ไม่ได้สุขถึงขนาดยิ้มจนแก้มปริ และก็ไม่ได้เศร้าจนต้องร้องไห้ฟูมฟายออกมา เป็นอารมณ์พิเศษที่ทำให้เราได้กลับไปวิ่งเล่นในโลกลานดอกไม้ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง : ) Song : เมื่อไหร่ที่คิดถึงเธอ (Echo) Book : My Broken Mariko Relationship :
ต่อจากบทความ Toys For Boys ที่ UNLOCKMEN พาทุกคนไปคุยกับ ‘หมอโดม Dogtor Garage’ ถึงความผูกพันของเขากับ Ford Mustang ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ข้อที่ควรรู้สำหรับคนที่อยากขับ Mustang ในครั้งนี้เรามาดูกันว่าสเปกรถ 1966 Ford Mustang (1st Generation) Convertible ของหมอโดม เจ้าม้าป่าคันนี้ผ่านการคัสตอมด้วยฝีมือของหมอหมาการาจอย่างไรบ้าง ! จริง ๆ แล้ว Original ของคันนี้คือ Ford Mustang (1966) Hardtop แต่ที่เห็นว่าเป็นรถเปิดประทุน เพราะว่าเราเอามาทำการคัสตอมเอง ตัดหลังคา ซื้ออะไหล่เปิดประทุนเข้ามาใส่ ดามโครงสร้างจัดการตามระบบสากล ออกมากลายเป็น Ford Mustang (1966) Convertible ตอนที่ได้มาครั้งแรกเครื่องยนตร์ตามออริจินอลเป็นแบบ 6 สูบเรียง การใช้งานจริงจึงอาจจะยังไม่ตอบโจทย์กับความเป็น Daily Driver ของเราเท่าไหร่ ก็เลยจัดการเปลี่ยนเครื่องเป็น 2Jz VVTi
ในปี 2018 เราเคยคุยกับ ‘หมอโดม Dogtor Garage’ (สุทธิพงษ์ ธีติปริวัติร์) กันมาแล้วถึงชีวิตจากสัตว์แพทย์สู่หมอดัดแปลงรถยนตร์ที่ทำรถมาแล้วทุกชนิด (ใครยังไม่ได้อ่านกดตรงนี้) ล่าสุดปี 2024 ทีม UNLOCKMEN มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพสู่นครปฐม ปัก Google Maps ไปที่ Junkyard Car’fe สวนสาธารณะรถเก่าของหมอโดมอีกครั้ง เพื่อตั้งใจที่จะหาคำตอบให้กับสิ่งที่สงสัยมานาน แต่เมื่อ 6 ปีที่แล้วไม่ได้ถามออกไป “ทำไมหมอโดมถึงได้รักรถ Classic Mustang กันนะ ?” นี่คือบทสัมภาษณ์ Toys For Boys ตอนล่าสุด ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรักรถ Classic Mustang แล้วกำลังตัดสินใจจะเริ่มโปรเจกต์ม้าป่าตัวนี้เป็นของตัวเองสักคัน หรือว่าเพียงแค่ชอบได้มองรถ Classic Mustang เฉย ๆ เพราะว่าเป็นรถอเมริกันมันเท่ดี ห้ามพลาด ! เราให้หมอโดมเปิดคัมภีร์รถนิยมว่าด้วย Classic Mustang โดยเฉพาะ เอาตั้งแต่เตรียมตัวอย่างไร ใช้เงินเก็บเท่าไหร่ ต้องรู้อะไรบ้าง
หมุนเข็มวินาทีตีเวลากลับไปตอน ปี 1949 ความงาม มนต์เสน่ห์ ความหลงใหล คือคำนิยามที่ใช้เรียกถึงเรือนเวลารุ่นหนึ่งของ OMEGA ที่มีชื่อว่า ‘Trésor’ เรือนเวลาซึ่งถูกให้ความหมายเอาไว้ว่า ‘ขุมสมบัติ’ ที่ซ่อนอยู่ในตัวนาฬิกา เวลาล่วงเลยผ่านไปจากช่วงเวลาข้างต้นหลายร้อยชั่วโมงต่อมา ชื่อของ Trésor มีความหมายเปลี่ยนไปอีกครั้ง ด้วยการใช้อธิบายถึงรูปทรงอันสง่างามของเรือนเวลาในรุ่นต่อจากโมเดลแรก มีการประดับด้วยเพชร ดีไซน์ด้วยตัวเลขโรมัน วางให้มีไซส์เล็กกระทัดรัดลง ตกแต่งด้วยสิ่งต่าง ๆ มากมาย และแล้ววันแห่งความรักปี 2024 นี้ ชื่อของ Trésor จะสะกดให้ทุกสายตาให้ตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง กับเรือนเวลารุ่นล่าสุด OMEGA Mini Trésor ที่มีทั้งหมดถึง 5 รุ่น ประกอบขึ้นจากวัสดุสุดเลิศหรู ซึ่งจะนิยามคำว่า ‘มนต์เสน่ห์’ ใหม่อีกครั้งนึง OMEGA Mini Trésor มาด้วยขนาดกระทัดรัด 26 มม. ซึ่งเป็นไซส์ที่ถูกวางมาแล้วว่าเมื่ออยู่บนข้อมือจะทำให้ทั้งคนสวมใส่และคนที่มองรู้สึกถึงความละเอียดอ่อนอันแบบบางของรุ่นนี้ หน้าปัดถูกประดับอย่างแววาวด้วยเพชรโอบร้อมลอบเรียงเม็ดเป็นรูปทรงเว้าโค้ง (Diamon Curves) เข้าคู่กันไปอย่างดีกับตัวเลขหลักโรมัน พลิกดูที่ฝาหลังของทุกรุ่นจะเห็นงานดีไซน์ดอกไม้ ‘Her Time’
สารภาพว่าจำไม่ได้เลยยย Mr. & Mrs. Smith (2015) นี่มันเป็นหนังยังไงนะ คุ้น ๆ นิดเดียวว่ามีฉากยิงกันในห้องครัวจนเละเทะ แล้วตลกตรงที่จำได้เพราะมันมีความซิงก์กับเอ็มวีของเพลง ‘พยายามกี่ครั้งก็ตามแต่…’ ของ HANGMAN ที่เขาพาโลดี้ซีนนั้นของหนังเลย (เพลงดีมากอยากให้วงกลับมาทำต่อ) ไม่สิ ๆ พอลองนึกดูดี ๆ ก็จำได้เพิ่มละว่า Brad Pitt กับ Angelina Jolie พบรักกันจากหนังเรื่องนี้นี่หว่า และสิ่งนี้ล่ะเป็นสิ่งที่น่าสนใจตรงที่ทำให้ทุกคนที่เคยดู (และจำ) เวอร์ชั่นภาพยนตร์ต้นฉบับของปี 2015 พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่ารีเมคเวอร์ชั่นซีรีส์ของปี 2024 ที่เป็นออริจินอลของ Amazon Prime มีความต่างกันไปไกลลิบเลย และส่วนตัวเราเอง หนังที่ทำให้คนสองคนตกหลุมรักกันในชีวิตจริงก็น่าจะเป็นขุมพลังสำคัญของ Donald Glover นักแสดงนำ เจ้าของโปรเจกต์ และโปรดิวเซอร์ของเรื่องทำซีรีส์ Mr. & Mrs. Smith (2024) ในรูปแบบใหม่ออกมา ซึ่งหลังจากที่ได้ดูแล้วเราก็เชื่อว่าชีวิตรักของแบรดกับแองจี้มีส่วนจริง ๆ ซีรีส์เล่าเรื่องราวของหนุ่ม-สาวแปลกหน้า 2
เอาจริงพ่อหนุ่มแรปเปอร์คนนี้น่าจะเปลี่ยนชื่อจาก Tyler The Creator เป็น Tyler The Collector ได้แล้วนะ เพราะนอกจากจะสะสม Retro Classic Cars อย่าง BMW E30 M3 / Roll-Royce Wraith / Lancia Delta เขาก็ยังสะสมนาฬิกาวินเทจตัวแรร์ ตัวหายาก ตัวโคตรแพง โดยเป็นแฟนของแบรนด์ Cartier ตัวยง ในเหล่าของสะสมของไทเลอร์หลาย ๆ เรือนคือตัวที่หาไม่ได้แล้ว บางรุ่นก็ราคาอยู่ที่ตัวเลข 8 หลักกันเลยทีเดียว ! แต่ก็ต้องยอมรับในรสนิยมการเลือกของวินเทจของไทเลอร์จริง ๆ ว่ามันเหมาะสมกับความเป็นไทเลอร์มาก ๆ เขามองนาฬิกาที่ดีไซน์ ประวัติศาสตร์ โดยไม่สนว่านาฬิกาเรือนนั้นจะทำมาเพื่อข้อมือของผู้หญิงหรือผู้ชาย และนี่ก็คือ 9 Vintage Cartier Watch By Tyler The Creator ที่เราเอามาฝากทุกคนกัน ประวัติย่อ ๆ
“พออายุเข้าเลข 30 ทุกอย่างก็จะเร็วขึ้นมาก” เราจำไม่ได้แล้วว่าตัวละครไหนในเรื่อง Rebooting เป็นคนพูดคำนี้ แต่จำได้แม่นว่ามันเป็นบทสนทนาซึ่งเกิดขึ้นในฉากระหว่างขับรถกลับบ้านหลังร้องคาราโอเกะตอนเที่ยงคืนเสร็จแล้ว ของแก๊งเพื่อนสาวสามคนรวมนางเอก Asami พวกเธอจอดแวะที่ Family Mart แห่งหนึ่ง กินไอติม ก่อนจะโบกมือลากันโดยที่ Asami ขอเดินกลับเองเพราะบ้านอยู่อีกไม่ไกลแล้ว ไม่นานเธอก็โดนรถชน ตายตอนอายุ 33 ก่อนที่จะ … (ไว้เล่าต่อตอนบรรทัดเรื่องย่อ) ตอนที่เขียนบทความนี้เราใช้ชีวิตอายุ 30 ได้ครบอาทิตย์นึงพอดี เอาจริงไม่ได้รู้สึกเป็นผู้ใหญ่หรือโตขึ้นเลยว่ะ 555 แต่ช่วงนี้มีสิ่งหนึ่งที่แปลกดี คือเหมือนว่ามีใครบางคนคอยส่งคอนเทนต์อะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตให้คุ้มในช่วงอายุนี้มาให้เสมอ Rebooting ซีรีส์ญี่ปุ่นที่เรากด Wish List จากเพจ Tamachanja ทามะจังการซับ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ชีวิตขวบปีที่ 33 ของ Kondo Asami ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เธอเป็นสาวโสด อาศัยอยู่กับพ่อแม่และน้องสาวเพราะประหยัดค่าใช้จ่ายดี ทำงานเป็นพนักงานเคาเตอร์ในศาลาว่าการของจังหวัดที่มักจะมีคนคอยบ่นปัญาหาจุกจิกเรื่องระบบราชการไม่เว้นแต่ละวันให้ฟัง อาซามิฮีลใจของตัวเองผ่านการนัดกินข้าวกับเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถม Miho กับ Natsuki ทุก ๆ หนึ่งถึงสองครั้งต่อเดือน รูทีนชีวิตที่แสนสงบนี้ดำเนินไปเรื่อย
ถึงแม้ว่าจะมาเป็นครั้งแรก แต่เรากลับเดินทางมาถึงบ้านซึ่งซ่อนตัวอยู่ในซอยหนึ่งของย่านสีลมนี้ได้อย่างไม่ลำบากจนเกินไปนักทั้ง ๆ ที่ตัวเองห่วยแตกเรื่องการดูแผนที่มาตลอด คงเป็นเพราะนี่คือโลเคชั่นของรายการโปรดของตัวเองจากช่อง Rubsarb Production ชื่อ ‘ศิลปะล่ะ’ ที่ดูเป็นประจำล่ะมั้ง (จาก EP.25 มันผ่านมา 3 เดือนกว่าแล้วนะครับพี่ ๆ) พอเห็นประตูบ้าน เงยหน้าพิจารณาดูภายนอกอยู่สักพัก ก็ชัวร์เลยว่าหลังนี้ล่ะบ้านของพี่ ‘ฮ่องเต้ Art Of Hongtae’ ทำไมเราถึงมั่นใจมากทั้ง ๆ ที่ไม่มี Fact อะไรมารองรับ ก็เพราะเขาเปิดประตูออกมาทักทายแล้วไง “บ้านกูเหมือนห้องทำงานเจ้าของ Paul Smith ปะ ของรกสัส 555” เชื่อว่าทุกคนรู้จักผู้ชายชื่อ ฮ่องเต้-กนต์ธร เตโชฬาร ดีอยู่แล้ว ในฐานะของคนทำงานศิลปะ ไม่ว่าจะในรูปแบบของภาพประกอบ งานเขียน หรือรูปแบบอื่น ๆ ที่ถ้าให้ลิสต์รายชื่อทั้งหมดก็จะเสียพื้นที่ไปอีก 2-3 ย่อหน้า หรือแฟนคลับของพี่ฮ่องเต้ก็น่าจะรู้อยู่แล้วอีกแหละว่าเขาเติบโตมากับคุณพ่อที่เป็นหมอคุณแม่ที่เป็นแม่บ้าน เรียนศิลปะกับ ‘ครูสังคม ทองมี’ เข้าสถาปัตย์จุฬาเพราะใจแตกจากการดูละครเวทีสถาปัตย์ เรียนจบทำงาน Wedding Designer
ช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อนหมดปี 2023 ที่ผ่านมา เราทำงานแบบ WFH อยู่บ้านทั้งสัปดาห์ก็เลยได้โอกาสทองในการทำลายกองดอง (ส่วนหนึ่ง) ตั้งแต่ต้นปีให้พร่องลงเล็กน้อย และจากจำนวนเล่มที่เลือกมาทั้งหมด ก็มีนิยายญี่ปุ่นของโอตสึ อิจิ นี่ล่ะที่ติดอยู่ในใจเอามาก ๆ นักเขียนอะไรดังตั้งแต่อายุ 17 (ฤดูร้อน ดอกไม้ไฟ และร่างไร้วิญญาณของฉัน) และถูกเรียกว่าเป็นเครื่องจักรผลิตความเศร้ามาตั้งแต่ตอนนั้น ตัวอักษรใน ‘เสียงโทรศัพท์ข้ามเวลา’ (Calling You) きみにしか聞こえない ทำงานของมันสำเร็จอีกครั้ง เอาน้ำตาของเราไปหลายลิตร รวม 3 เรื่องสั้นก็เอาน้ำตาไปทั้ง 3 ครั้ง ก็เพราะธีมของเรื่องสั้นทั้งหมดล้วนพูดถึง ‘ความรัก’ ในรูปแบบที่ต่างกัน ของตัวละครต่างวัย แต่ทุกคนเหมือนกันตรงที่ถูกความรักเหล่านั้นเป็นอาวุธทิ่มแทงใจจนปวดร้าว เกิดเป็นความรักที่ไม่สมหวัง / ความรักที่ทำร้าย และ ความรักที่ถูกกีดกัน ‘เสียงโทรศัพท์ข้ามเวลา’ เล่าเรื่องของ เรียว เด็กสาวที่ฝันอยากมีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีเพื่อนให้โทรหาเลยก็ตาม ความหมกมุ่นนำไปสู่จินตนาการถึงโทรศัพท์ในหัวของตัวเอง ก่อนจะพาเธอไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อจู่ ๆ มีใครบางคนโทรเข้ามาในหัว และมันจะเปลี่ยนชีวิตของเรียวให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ‘บาดแผลวัยเยาว์’ พูดถึงมิตรภาพเด็กประถมในชั้นเรียนพิเศษ 2 คน