ชาว UNLOCKMEN ที่ติดตามข่าว AI เชื่อว่าเรื่องของ DeepMind กับ Alphago ที่โด่งดังไปในปีที่แล้วและทำหลายคนลุ้นตัวโก่งคงยังอยู่ในความทรงจำ การตีแสกหน้าเซียนโกะมีลมหายใจทั้งหลายด้วยการเอาชนะจากการใช้เวลาช่วงสั้นเพียง 40 วัน เขย่าวงการ boardgame กลับมาหนนี้ AI ขอบุกวงการแพทย์กับเขาบ้าง จับมือกับแพทย์ชั้นนำหัตถ์เทวดาสอนมวย AI เพื่อก่อการดี ให้สามารถใช้อัลกอริทึมเล่นบทคุณหมอตรวจอาการล่วงหน้าได้ว่าใครกำลังจะหมดลมหายใจ DeepMind คืออะไร ? Beginner ที่เพิ่งจะหันมาสนใจเรื่อง AI บริษัท DeepMind คือบริษัทลูกที่ Google เห็นแววปล่อยแสงตั้งแต่ยังเป็น Startup ของอังกฤษในชื่อ “Deep Mind Technology” ที่พัฒนาด้าน AI อย่างเดียวเท่านั้น และมีเป้าหมายให้เจ้า AI เข้าใจวิธีคิดของเราชาวมนุษย์ได้อย่างถ่องแท้ การ take over ของลูกพี่ใหญ่ก็เลยยังเน้นสานต่อความต้องการของบริษัทรุ่นน้อง ส่งเสริมกันไปแบบไม่หวังให้ DeepMind ลุกมาทำหุ่นยนต์หรืออะไรที่ไม่ได้ต้องการ แต่ให้ใจเรื่องปัญญาประดิษฐ์อย่างเดียวแล้วปลุกนวัตกรรมล้ำ ๆ ช่วยสังคม
ครั้งหนึ่งในชีวิตเราอาจได้รู้จักผู้หญิงที่ชื่นชอบรองเท้า กระเป๋า ที่พร้อมจ่าย กี่คู่กี่ใบก็สู้ เท่าไหร่ก็เท่ากัน แต่คงไม่ค่อยได้เจอกับสาวที่มีรองเท้าหนังหลายร้อยคู่และกระเป๋าหนังหลายใบที่เก็บไว้ที่บ้าน แต่ไม่ได้ใช้งานเองและไม่ได้เก็บไว้ดูเล่น หากอยู่ในฐานะของ “ไฟ” หรือ “แรงบันดาลใจจากความรัก” ที่เธอออกแบบไว้ส่งต่อให้ลูกค้าคนสำคัญจากแบรนด์ Oyster Footwear แบรนด์ที่เธอปลุกปั้นเอง และถ้า Sterilization เป็นคำใช้กำกับกระบวนการผ่านความร้อนปลอดเชื้อที่ทำให้อาหารอยู่ได้นานคงทน สิ่งที่ วรามล ชนะกิจการชัย หรืออ๊อยซ์ สาวนักดีไซน์น่าค้นหาคนนี้ใช้เป็นกระบวนการพาแบรนด์ให้เติบโตยาวนานหลายปีคงต้องยกให้กับคำใหม่นอกพจนานุกรมคือ “Leatherization” หรือ การใช้ “ความรักหนัง” บ่มเพาะแบรนด์ หลายประเด็นที่เราเลือกมาฟอกผ่านการสนทนาจะเผยมุมลึกชวนให้คุณต้องหลงรัก แม้เครื่องหนังรองเท้ากระเป๋าที่เป็นโปรดักส์ส่วนใหญ่ของเธอจะเป็นของใช้ของผู้หญิงก็ตาม ทำเพาะรัก ทำเพราะรัก ออกจะเป็นคำถามสามัญทุกบทสัมภาษณ์ เมื่อเราถามถึงบทบาทของอ๊อยซ์ก่อนจะก้าวมาเป็นผู้ก่อตั้ง “Oyster Footwear” อย่างที่เราบอกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจของพวกนี้เท่าไหร่ แต่ก็ละสายตาไม่ได้ในเสน่ห์ของความดิบกับคำพูดที่ออกมาจากเสียงนวล ๆ เพราะทุกคำพูดจริงใจ กระแทกใจจากเหตุผลสองอย่าง คือ “อิ่มแล้วงานประจำและโหยหาแพชชั่นภายใน” “จริง ๆ เริ่มทำรองเท้าที่เริ่มทำมาได้เพราะมี 2 อย่างคือ ค่อนข้างเบื่องานประจำแล้ว ตอนแรกเราเป็นกราฟิกดีไซเนอร์มาก่อน ก็ทำงานมาอยู่ประมาณ 5 ปีเนี่ยแหละ มันก็เริ่มเบื่อ เริ่มถึงจุดอิ่มตัว
คนสักไม่ใช่คนเสพติดความเจ็บปวด ผู้ชายหลายคนชื่นชอบการใช้ผิวหนังต่างผืนผ้าใบในการแสดงผลงานศิลปะผ่านการสะกิดฝีเข็มเพื่อแสดงตัวตนและศรัทธา ซึ่งมีหลายประเภททั้งที่สักไม่ติดอย่างการสักน้ำมัน หรือสักติดด้วยการลงหมึกให้กลายเป็นรูปภาพ คำสำคัญเพื่อเตือนใจทั้งในและนอกร่มผ้า เพื่อเติมเต็มพื้นที่(ผิวหนัง)ให้ชายหัวใจรักการสัก วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามอง คือการสักสไตล์ OPTICAL ILLUSION TATTOO หรือภาพลวงตา ใช้ลายเปลี่ยนผิวเรียบด้วยมุม แสง มาสร้างมิติทำให้รู้สึกพิศวงที่ได้รับแนวทางมาจาก 3 ศิลปินและงานศิลปะก้องวงการ ท่อนแขนหลุมลึกแห่งไวรัล แรงบันดาลใจจาก “Infinity Mirror Room” ลายสักบนท่อนแขนนี้ขึ้น Top Viral ทันทีที่โพสบน Reddit – Social Network ยอดฮิตต่างแดน เพราะดีไซน์แปลกที่ใช้ภาพสี่เหลี่ยมเรียงต่อกันแบบเว้นสลับให้เกิดมิติไม่รู้จบ แบบเดียวกับงานศิลป์ชิ้นสร้างชื่อ “Infinity Mirror Room” ของศิลปินตัวจี๊ดรุ่นยายจากแดนอาทิตย์อุทัย Yayoi Kusama ที่เป็นห้องกระจกสะท้อนเงาระหว่างกันไปมาไม่รู้จบ งานรูปแบบอื่นของ Yayoi Kusama ที่ใช้รูปแบบภาพลวงตา ด้วยการใช้จุดเป็นเอกลักษณ์ของงานจนใคร ๆ จะรู้จักเธอในฐานะเจ้าแม่จุด! วงเป็นรูพิศวงทะลุถึงกัน by Paul O’Rourke Tattoos
เวลา Scroll down อัปเดตชิ้นงานดีไซน์ทางอินเทอร์เน็ตไปเรื่อย ๆ UNLOCKMEN มักเจอนวัตกรรมใหม่มีประโยชน์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มันส์ ๆ เสมอ แต่กับเจ้าชิ้นนี้เราสะดุดตาก่อนไปอ่านหัวข้อว่ามันใช้ทำอะไรด้วยซ้ำ เพราะหน้าตาชวนเดจาวูของมันให้เราคิดถึงหนังญี่ปุ่นเลือดสาดชวนหนีตายอย่าง battle royal ที่ชวนเสียวรอบคอทุกที แต่เมื่อกดเข้าไปดัน contrast กับภาพติดตาเดิมแบบดำเป็นขาว เพราะไม่ได้เอาไว้ระเบิด ดันกลายเป็นของช่วยชีวิตสุดเท่หน้าตาเฉย ที่สำคัญยังมีความโปร่งใส่แล้วคอไม่ตัน แถมยังเคลมว่าเป็น WORLD’S TINIEST LIFE-JACKET หรือชูชีพมินิไซส์ที่พกไปที่ไหน ๆ ก็ได้ไม่ต้องรอสูบลมและยังมีความสุดยอดซ่อนอยู่อีกหลายชั้น Rainer Fakesch, T. Storti และ C. Rummel คือดีไซเนอร์ผู้ออกแบบ Ploota ให้แฮคไลฟ์สไตล์ผู้ชายที่ชอบเที่ยวทะเลจากคุณสมบัติน่าทึ่ง 4 สิ่ง ต่อไปนี้ มีระบบเซ็นเซอร์ฉลาด ตั้งเวลาหรือกดใช้งานเมื่อไรก็ได้ มันส์สะใจทุกกิจกรรม ใส่ไปว่ายน้ำ ดำดูปะการังก็ไม่ดีดขึ้นมาเองให้ลอยเท้งเต้ง 2. กู้ภัยด้วยไซส์พกพา เล็กกว่าชูชีพทั่วไป 50 เท่า 3. เบาไม่ถ่วงคอ เพราะหนักแค่เกือบ 3 ขีด (280
ช่วงนี้พนักงานชายทั่วประเทศคงได้รับใบภาษี ภ.ง.ด. กันมาแล้ว แต่พูดตามตรงบางทีผู้ชายอย่างเราก็ไม่ค่อยถูกกับตัวเลขเท่าไหร่ เงินเข้าเงินออกเราไม่ค่อยสนใจ เสียภาษีไหมบางทีก็ให้บริษัทจัดการ กับบางคนที่ทำธุรกิจ online หรือ freelance ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเข้าใจผิดไปบ้างว่ายอดเท่านี้ไม่หักบ้าง หักไปแล้วไง 3 % หรือคิดว่ารับเงินสดจับไม่ได้ไล่ไม่ทันหรอก แต่เอาจริง ๆ เรารู้เรื่องนี้ดีแค่ไหน ตอนไหนต้องจ่ายก็ยังเป็นเรื่องที่กังขากันอยู่ เพื่อคลายความสงสัยกับเงินที่ผู้ชายแนวหน้าอย่างเราต้องรู้ให้ครบ มาดูกันว่าคุณเคยมีคำถามเหล่านี้ในใจกับเขาบ้างไหม? วันนี้เรารวบรวมบางส่วนที่ได้จากการติดตามพี่บักหนอม – กูรูด้านภาษีมาบอกต่อ ควรเริ่มคิดเรื่องภาษีคิดตอนไหน? ถ้าถามอย่างนี้ แสดงว่าอาจจะเป็น beginner ที่ยังไม่เคยจ่ายภาษี ความจริงไม่ว่าเราจะอายุเท่าไร มีรายได้เท่าไม้จิ้มฟันที่เข้าบัญชีแค่ไหน บาทแรกที่เข้ากระเป๋าก็ควรคิดเรื่องภาษีไว้แล้ว จำให้ขึ้นใจ เพราะถึงจะยังไม่ต้องจ่าย แต่ก็ต้องรู้จักกันไว้หน่อยเพราะมีประโยชน์นะ ข้อดี: รู้จักมันตั้งแต่เงินน้อย จะทำให้ตั้งตัวถูก เราจะไม่สะเทือนหรือตกใจตอนเราเงินเยอะขึ้น แถมยังรู้วิธีหลบหลีกได้เป็นอย่างดี รายได้ไม่ถึงไม่เสียภาษี แล้วไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. ได้ไหม? ไม่ถึง 25k ไม่เสียภาษีสิวะ เขาบอกกันมา! ก็ใช่ที่ได้ยินมามันก็ถูก แต่ถ้าบอกว่ารายได้ไม่ถึง จะไม่ยื่นใบภาษี ภ.ง.ด. โอ้โห
ศิลปินที่ชอบร้องเพลงในบรรยากาศที่ใช่ เป็นหนึ่งในหนทางปลดปล่อยตัวตนที่เราทุกคนรอคอย แต่ถ้าใกล้วันจัดคอนเสิร์ตหลังจากที่ซื้อตั๋ว Early bird หรือเข้าสมรภูมิแย่งตั๋วฟาดฟันกับคนอื่น ยื่นลางานพร้อมจองที่พักและนัดสาวไว้เสร็จสรรพ แต่กลับต้องไปเจอหน้าเพจคอนเสิร์ตเกิดประกาศว่า “ยกเลิก” เราเชื่อว่าจากมาตรวัดความสุขที่ล้นปรี่ ต้องตกฮวบย้ายไปที่อาการเฟลสุด ๆ ส่ออาการหัวร้อนแบบที่ต่อให้ออกมาคืนเงินก็ยังไม่หาย! แต่มองในฐานะคนซื้อตั๋วอย่างเดียวอาจจะไม่แฟร์ เพื่อให้เท่าเทียมเรามาดูเหตุผลของการโดนเทกันสักหน่อยว่าเบื้องหลังมันมาจากอะไรกันแน่ จาก 5 คอนเสิร์ตสุดเฟลพร้อมเบื้องหลังของเหตุผลเหล่านี้ 1. เสม็ด อินเลิฟ คอนเสิร์ต / Samed in Love เฟลยาวแบบไม่มีวันหวนกลับ สำหรับคนเคยอินเลิฟเสียงเพลงริมเกาะเสม็ดมันส์ กระโดดบนพื้นทรายนิ่ม ๆ ริมหาดต้นตำรับ “เกาะเด็ดเสร็จทุกราย” และติดตามมาข้ามน้ำข้ามทะเลไปครั้งแรกจนถึงครั้งที่ 7 แต่พอครั้งที่ 8 ก็เจอตอ ทำให้ต้องปิดฉาก งดจัดไปถาวรท่ามกลางความเฟล สุดท้ายครั้งนี้ลงเอยด้วยการก็คืนตั๋วราคาเต็ม 100 % ใครที่ตกขบวนไปไม่ทัน หรือตกข่าวว่าเพราะอะไร เขามีจดหมายอธิบายไว้ให้ด้วย เหตุผลหยุดจัด: อันนี้ถือว่าน่าสงสารคนจัดเหมือนกันแต่เป็นเรื่องที่สมควรทำ เพราะมีเหตุผลจำยอมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จากตอนแรกที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ดออกมาห้ามจัดเพราะอยู่ในช่วงงดรื่นเริงดอกแรกเพื่อถวายอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไป ๆ มา ๆ โดนดอกที่สองเข้าไปเพิ่มเรื่องการจัดการ
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายโปรไฟล์ไหน ปฏิเสธไม่ได้ว่ากฎเหล็กข้อนึงที่คุณต้องทำให้เป็นคือการสวมลุค หรือเปลี่ยน “เปลือก” ให้เหมาะกับสถานที่ที่คุณจะไป คนที่คุณจะเจอ เพราะส่วนใหญ่สาว ๆ หลายคนประทับใจคุณจากภาพแรกที่เธอเห็น กระทั่ง ลูกค้า เจ้านาย หรือเพื่อนรวมงานเขาเชื่อในสิ่งที่คุณขายจากไลฟ์สไตล์ที่คุณมี นั่นแหละความสำคัญของเปลือก! เช่นเดียวกับงานศิลปะของอาจารย์ศราวุธ ยาสมุทร ในนิทรรศการศิลปะ “พบปะคนดัง : Meet the Celebrities” ที่บอกเล่าเรื่องเปลือกผ่านผลงานภาพเขียนสีน้ำมันที่เป็นภาพสังคมชั้นสูงที่ชวนฉงน เพราะทุกภาพที่จัดแสดงมีใบหน้าเลอะเลือนจากฝีแปรง คล้ายกับว่าไม่ต้องการให้เห็นชัด หรือชวนให้จินตนาการได้ว่าภายใต้หน้านั้นอาจจะเป็นคุณหรือใครสักคนก็ได้ ภายใต้ศิลปะทั้ง 22 ชิ้นถ่ายทอดจากความคิดและแรงบันดาลใจของศิลปินผ่านการแต่งกายชาวตะวันตกยุคบาโรกและโรโคโค (ช่วงศตวรรษที่ 18) ซึ่งเป็นยุคแห่งความฟุ้งเฟ้อ หรูหรา ฟุ่มเฟือย ทางแฟชั่นที่เห็นชัดจากเหล่าราชวงศ์และขุนนางชั้นสูง ต่างคนต่างเลือกข้าวของมาปรุงแต่งให้ตัวเองเป็นคนโด่งดัง คนสำคัญ หรือแสดงความมีฐานะ (เห็นได้จากชื่อภาพที่มีทั้ง King Queen Princess Baron มากันครบ) เชื่อมโยงเข้ากับปัจจุบันที่ผู้คนยังคงใช้วิธียกระดับภายนอกให้ดึงดูดและน่าหลงใหลจนหลงลืมสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ภายใน “ต้นกำเนิดงานชิ้นนี้มันเกิดจากตัวเองที่ออกงานสังคมทางศิลปะหรือมีชวนเราไปงานสังคมต่าง ๆ บางครั้งเขาก็เชิญเราไปเป็น Celebrity ในงาน แต่บางครั้งไม่มีใครรู้จักเราเหมือนครั้งแรกที่เราเข้าวงการ จนผมนึกสงสัยในใจเล่น ๆ ว่า แล้วเราเป็น
วันที่โลกดิจิทัลเข้ามามีบทบาท เราดีใจที่เราเลือกได้ เลือกรายการที่อยากดูย้อนหลัง เลือกจัดการเวลาที่ตัวเองมีน้อยให้มีคุณภาพ ซึ่งในปัจจุบันมีเว็บไซต์คุณภาพดีเกิดขึ้นมากมาย ที่เสพบทความมีสาระได้อย่างปลอดภัย ที่สำคัญคือไม่มีโฆษณารุกล้ำ Privacy ของเราเข้ามากวนใจหลอกหลอน แต่อีกหลายเว็บก็ยังคงเลือกใช้วิธีทำงานแบบเดิม ๆ ด้วยการปล่อยโฆษณาที่ไม่ไถ่ถามกันสักคำว่าฉันอยากดูหรือไม่! วันนี้เรามีวิธีหนีโฆษณาเถื่อนเหล่านั้นที่ทำง่าย ได้ผลดี แถมยังฟรีเพราะอยู่ใน Google Chrome นี่เอง Google Chrome Browser สายแข็งมีฟังก์ชั่นกันโฆษณากับเขาเหมือนกัน เราสามารถเลือกปิดเสียงพวกเพจบังคับฟัง ที่ auto-run คลิปที่เราไม่ต้องการได้ เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบเปิดหลาย ๆ tab หลายเพจพร้อมกัน คนที่ไม่รู้ว่าเสียงดังจากเพจไหนก็ดูได้จากด้านบนเลย เพจที่เป็นต้นเสียงจะโชว์สัญลักษณ์รูปลำโพงข้าง “X” หรือเครื่องหมายที่เราใช้ปิดหน้าจอ วิธีนี้อาจจะปิดคลิปไม่ได้ แต่ก็ยังช่วยปิดเสียงรบกวนจากคลิปที่เราไม่ต้องการได้ ให้กดคลิกขวาด้านบนแถบ Browser แล้วเลือก Mute site ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะสงบ เงียบกริบทันที ไม่มีเสียงอะไรมาให้กวนใจ ดังนั้นต่อให้เปิดเว็บไปอีกสิบ tabs ก็ไม่ต้องกังวลว่าเสียงจะลอดมากวนใจ เก็บคลิปโฆษณาเล่นเอง จบเรื่องเสียง ไปกันเรื่องการเล่นคลิปเองกันบ้าง อันนี้จะใช้ได้สำหรับตัวที่อัปเดตล่าสุด หรือเวอร์ชั่น 64
โอกาสในชีวิตของเราทุกคนมันสั้น เวลามา มันจะมาภายในไม่กี่วินาที และไม่ให้เราตั้งตัว ถ้าชวดเมื่อไรก็อาจจะไม่วนกลับมาอีก เลยมีคนคิดวิธีที่เรียกว่า Elevator Pitch หรือหลักการพูดให้โดนใจคนฟังในไม่กี่วิ เหตุผลที่เขาใช้คำนี้ เพราะไว้เปรียบเทียบกับเวลาที่เราไปเจอใครสักคนระหว่างขึ้นลิฟต์ แล้วต้องขายของเขาให้ได้ระหว่างลิฟต์เคลื่อน เฉลี่ยเวลารวม ๆ ก็ไม่เกิน 1 นาทีเท่านั้นเอง ลองดูตัวอย่างจากในคลิปดูแต่ละเคสไว้ว่าเราอยากเป็นแบบคนไหนกันแน่ เพื่อคว้าโอกาสแบบสบาย ๆ ไม่ว่าจะสัมภาษณ์งาน ปาร์ตี้ค็อกเทล หรือระหว่างขึ้นลิฟต์เกิดใครที่สนใจแล้วอยากสานต่อด้วยขึ้นมา เราแนะนำให้คุณใช้วิธีเปิดบทสนทนาปิดการขายที่ Paul McDonald ตำแหน่ง senior executive director ของ staffing firm Robert Half เคยให้ไว้กับ Business Insider ทั้ง 6 วิธีนี้ 1. รู้ให้จริงว่าเราอยากได้อะไร แล้วไปให้สุด “Take your resume and LinkedIn profile and go through it thoroughly,” said
ถ้าคุณเป็นคนนึงที่กำลังมองหาวิธีพูดกระชากใจคนในทุกสถานการณ์ เพราะเวลาเจอคนเก่งก็เกรง เจอคนเยอะก็จอด หรือเจอสาว ๆ ทีไรก็ทำตัวไม่ถูก แต่ยังไม่รู้จะต้องเริ่มวิธีไหน คนส่วนใหญ่อาจจะแนะนำให้คุณฟังคลิปนักพูดสร้างแรงบันดาลใจเพื่อปลุกพลังก่อน แต่ถ้าเคยลองแล้วมันยังไม่ได้ผล เปลี่ยนมาใช้ 3 วิธีที่จะแนะนำต่อไปนี้เสริมเข้าไปเพิ่มสิ มันจะเพิ่มความแน่นแบบเนื้อ ๆ และทำให้คุณคุมเกมการพูดครบ เก็บหมดทุกเม็ดทั้งเวลา ทั้งเรื่องที่อยากเล่า แถมคนฟังยังเพลินแบบไม่รู้ตัวว่าพูดจบแล้ว 1. ดูคำให้เคลียร์ แค่เล่าให้รู้เรื่อง ยากตรงไหน? บอกไปเหมือนเป็นเรื่องหมู ๆ แต่ความจริงไม่หมู เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าคนมันไม่เหมือนตอนมองกระจกซ้อมพูดอยู่บ้าน พูดไปเลยไม่ตรงกับใจคิด งั้นเลิกคิดหันมาเริ่มเขียนสิ่งที่ตั้งใจจะพูดแทน เคยสังเกตไหมเวลา “จด” มันจะช่วยทำให้เราจำได้มากกว่าและเป็นวิธีที่เลือกคำเคลียร์ ๆ ให้เราได้ด้วย ถ้าคนฟังยังไม่ใช่แฟนที่จะรอให้เราพูดทั้งวัน สิ่งที่ต้องทำก่อนเลยคือคิดประโยคแรกกระแทกใจ แบบที่คนฟังรู้สึกเห็นด้วย สนใจก่อน ลองลิสต์ลงไปสัก 3-4 เรื่องเลือกดู แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มแบบไหนไปดูแคมเปญ K PLUS เธอเธอ เป็นแนวก็ได้ เพราะโฆษณาตัวนี้ทำให้เห็นง่าย ๆ เลยว่าเรื่องน่าสนใจแต่ใช้คำยากจนคนฟังงง เล่าไปก็ไม่มีใครแคร์ พูดไม่สนคนฟัง เราทำอยู่หรือเปล่า? บางครั้งไอ้เราอยากเล่าให้ครบทุกเรื่อง แต่ลืมดูว่าคนฟังเขาจะอยากฟังไหม วิธีช่วยให้รู้ตัวได้เร็วทำได้ด้วยการเขียนมันออกมา เขียนให้หมดว่าอยากพูดเรื่องไหนบ้าง ถ้าอันไหนดูไม่เวิร์กก็ขีดทิ้งแล้วไปให้น้ำหนักเรื่องอื่นดีกว่า ที่สำคัญเรื่องที่พูดมันต้องมีประเด็นหน่อยไว้ดึงดูด