Designer (นักออกแบบ) อาชีพหนึ่งที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน คำว่านักออกแบบ มีการแบ่งออกไปเป็นสาขาย่อย ๆ อีกมากมาย แต่การเป็นนักออกแบบมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันเป็นอาชีพที่ต้องการความสดใหม่ของความคิดสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ต้องมี Signature ที่แค่ดูผลงานก็รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนออกแบบ และเป็นวงการที่มีการแข่งขันสูงมากในโลกที่ไร้พรมแดน ผลงานการออกแบบจึงเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตน วิถีชีวิต ความเชื่อ รวมถึงลายเซ็นของ Designer แต่ละคนโดยไม่ต้องพูดอธิบายออกมา และสำหรับนักออกแบบที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักชื่อเสียงและผลงานที่โด่งดังระดับ World Class มากมาย นั่นก็คือ “Karim Rashid” นักออกแบบที่มีประสบการณ์เกือบ 30 ปี ออกแบบผลงานระดับโลกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4,000 ชิ้น ได้รับรางวัลดีไซน์มามากกว่า 300 รางวัล และผ่านการ Collaboration กับแบรนด์มากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Collection สุดพิเศษร่วมกับสตาร์บัคประเทศเกาหลี แคมเปญพิเศษร่วมกับทาง Lamborghini & Riva 1920 featured หรือแม้กระทั่งออกแบบลวดลายขวดในคอลเลคชั่นพิเศษร่วมกับทาง Pepsi และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงไม่แปลกที่สื่อทั่วโลกต่างยกย่องให้
“IREZUMI” คือการสักแบบชาวญี่ปุ่นดั้งเดิมขนานแท้ที่มีมาตั้งแต่โบราณในช่วงยุค Jomon หรือ Paleolithic ซึ่งถ้านับแบบสากลก็คือ ช่วงยุคหินเก่า (10,000 BC) จนมาถึงช่วยสมัย EDO (1600-1868) รอยสักเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในกลุ่มคนชนชั้นต่าง ๆ โดยคนญี่ปุ่นเชื่อว่ารอยสักนั้น นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์แล้ว มันยังเป็นสิ่งที่ส่งผลทางด้านจิตวิญญาณโดยตรงอีกด้วย จะว่าไปแล้ว จริง ๆ “IREZUMI” ก็มีความคล้ายคลึงกับการสักยันต์ของไทย ที่ครั้งโบราณทหารไทยก็ใช้การสักยันต์เพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นการสร้างขวัญกำลังในการทำศึกสงครามเช่นกัน แต่การสักแบบญี่ปุ่นของจริง หรือที่เรียกว่า “IREZUMI” นั้น จะมีความเป็นเอกลักษณ์ และมีมนต์เสน่ห์แบบเฉพาะตัว ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นรูปลวดลายของ สัตว์, ดอกไม้, เทพเจ้า และภาพเหตุการณ์จากเรื่องเล่าที่เป็นตำนาน หรือนิทานพื้นบ้าน ซึ่งโดยรวมแล้ว จะมีความหมายถึงความอดทน และความทะเยอทะยานของชีวิตเป็นหลัก เมื่อก่อนวิธีการสัก และหมึกสักที่ช่างสักชาวญี่ปุ่นใช้นั้น จะแตกต่างจากช่างสักในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะวิธีการสัก ที่ช่างจะใช้เข็มแซะเข้าไป ในลักษณะเหมือนใช้ สิ่ว สลักงานไม้ และหมึกส่วนใหญ่จะเป็นหมึกชนิดเดียวกับที่ใช้ในภาพพิมพ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Nara Ink หรือ Nara Black ซึ่งเป็นหมึกที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
“Character” หรือที่ในภาษาไทยเราใช้คำว่า “ตัวตน” ของคนเรานั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และด้วย Character ของเรานี่เอง ที่ทำให้หลายครั้งหลายหน เราทำในสิ่งที่ทั้งผิด และถูกต้องไปโดยไม่ทันรู้ตัว เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยสัญชาติญาณธรรมชาติของบุคคลนั้น ๆ เราจึงเห็นว่า ทำไมบางทีคนที่อาจจะมีอายุน้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า แต่กลับถูกเลือกให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในกลุ่มคนที่โตกว่ามีประสบการณ์มากกว่าอยู่บ่อย ๆ นั่นก็เพราะว่า บางคนถึงแม้จะโต หรือจะเก่งกว่าจริง ๆ ในเรื่องของการทำงาน แต่ในเรื่องของบทบาทและบุคลิกความเป็นผู้นำอาจจะมีน้อย ยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ เช่น ถ้าหากมี Candidate 2 คน คนที่หนึ่งมีอายุน้อยกว่า แต่มี Character ความเป็นผู้นำสูง แสดงออกให้เห็นว่า มีความกล้าหาญ, กล้าได้กล้าเสีย, กล้าตัดสินใจ, กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา ส่วนคนที่ 2 ถึงแม้จะมีอายุอานามมากกว่า แต่ไม่มี Character ความเป็นผู้นำ ไม่มีความกล้าและเฉียบขาดในการตัดสินใจ ความแตกต่างทาง Character ของ 2 คนนี้ คงพอจะบอกได้ว่า ใครที่จะมีสิทธิ์เหมาะสมกับการก้าวหน้าขึ้นไปเป็นผู้นำมากกว่า ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับอายุ
ศิลปินที่เกิดมาพร้อมกับดวงตาที่มืดมิด แต่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง และพรสวรรค์ที่ยากจะหาใครเหมือน ทำให้ชีวิตของเค้าที่แม้ดวงตาจะมืดมิด กลับสว่างสวัยอย่างไม่มีวันดับ
ผู้ชายกับความคลั่งไคล้ในรถมอเตอร์ไซค์เป็นของคู่กันไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องของการแต่งรถมอเตอร์ไซค์นั้น เรียกได้ว่าเป็นอีกกิจกรรมที่ผู้ชายทุกคนต้องเคยผ่านมาสักครั้งในชีวิต ซึ่งการแต่งรถมอเตอร์ไซค์นี้ ก็เหมือนกับการสร้างงานศิลปะที่เราได้ปลดปล่อยจินตนาการ ได้ใส่ความเป็นตัวตนของคนคนนั้นลงไป ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ต่างอะไรกับการวาดภาพ เพียงแต่มันเกิดขึ้นบนยานพาหนะ ไม่ใช่บนกระดาษ หรือผืนผ้าใบ มันคือการทำงานศิลปะที่คนไม่เคยสัมผัสอาจจะยากที่จะเข้าใจ ด้วยบุคลิก ความชอบ และสไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่าง ทำให้เราเกิดแนวทางการตกแต่งรถที่หลากหลาย และมีมากมายจนขยายใหญ่กลายเป็นวัฒนธรรม หรือที่หลายคนเรียกว่า ‘Custom Bike’ ซึ่งปัจจุบันมีสำนักทำรถ ‘Custom’ ระดับโลกเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งแน่นอนว่า แต่ละสำนักก็มีแนวทางที่แตกต่างกันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันจนทำให้เรารู้สึกแปลกใจ ที่ทุกสำนักแต่ง ต้องมีรถมอเตอร์ไซค์อยู่รุ่นนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่สร้างชื่อ เก็บไว้ในคอลเลคชั่นเหมือนกันทุกสำนัก และรถที่ว่านั้นก็คือ BMW ‘R nineT’ ซึ่งวันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปดูกันว่า ทำไม ‘R nineT’ ถึงได้กลายเป็นรถขวัญใจของผู้ชายที่หลงใหลในรถมอเตอร์ไซค์ รวมไปถึงสำนักแต่งชื่อดังทั่วทุกมุมโลก เริ่มต้นจาก Concept และจุดประสงค์ในการสร้างกันก่อน สำหรับแรงบันดาลใจในการสร้าง ‘R nineT’ เดิมทีนั้นคือ การสร้างรถ Naked Bike ยุคใหม่ที่ยังคงความ Classic Retro
10 รถเก่าชื่อดังที่ถูกลืมไปในอดีต ถูกค้นพบในที่ที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนว่าจะเจอ
ท่ามกลางแสงไฟและความสว่างไสวบนโลกใบนี้ ยังมีโลกอีกใบหนึ่งที่ดำมืด ถ้าด้านสว่างมีผู้คุมกฎหมายคือตำรวจ ผู้รักษากฎทางฝั่งโลกมืดก็คงจะเป็นมาเฟีย แต่มาเฟียบนโลกนี้ก็อยู่หลากหลาย เช่น อิตาลีที่มี La Cosa Nostra อเมริกามีมาเฟีย แต่พวกเราเคยคิดสงสัยกันบ้างมั้ย? ว่าอะไรที่ทำให้ทุกคนต่างศรัทธา และทำเพื่อองค์กรทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีอันตรายมากมายรออยู่ และการที่คุณได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกแล้ว ต้องเป็นไปตลอดชีวิต แต่ก็ยอมแลกชีวิตด้านสว่างที่เหลือเข้าสู่เส้นทางดำมืด แต่ถ้าพูดถึงมาเฟียบนโลกนี้ คงจะไม่พูดถึงองค์กรที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 300 ปี อยู่รอดผ่านมาทุกยุคสมัย องค์กรที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม เข้มงวด ยิ่งใหญ่ นามว่า Yakuza The History of “Yakuza” Yakuza คำที่เราได้ยินมายาวนานนี้ ต้นกำเนิดของมันต้องย้อนกลับไปถึงช่วงต้นปี ค.ศ. 1612 ยุคที่ญี่ปุ่นยังมีซามูไร พวกเค้าถูกเรียกว่า Kabuki-Mono (คนบ้า) นั่นก็เพราะพฤติกรรมชอบดึงดูดความสนใจคนอื่น ไปไหนมาไหนชอบเป็นจุดเด่น อยากให้คนรู้สึกว่าพวกเค้าน่ะเจ๋ง จนไปสะกิดต่อมหมั่นไส้ของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเข้า กลายเป็นกลุ่มที่พวกเจ้าหน้าที่มักเพ่งเล็งที่จะหาจังหวะเก็บกวาดพวกเค้าอยู่แล้ว อีกอย่างที่ Kabuki-Mono พวกนี้นิยมก็คือ การแต่งกายแปลกๆ สีสันฉูดฉาดเด่นสะดุดตา ตัดผมทรงที่คนปกติเค้าไม่ตัดกัน พฤติกรรมกร่างเก๋าหยาบคาย ไปไหนมาไหนมักจะพกดาบซามูไรที่ยาวอย่างกับราวตากผ้า พูดจาด้วยภาษาที่เข้าใจกันในเฉพาะพวกพ้อง ซึ่งต่างจากคนทั่วไปโดยสิ้นเชิง
สำหรับเหล่าขุนพลคอทองแดง หรือนักดื่มทีมชาติไทยทั้งหลาย แน่นอนว่าทุกคนคงคุ้นเคยกับการสั่งเด็กเสิร์ฟด้วยคำที่ติดปากอย่าง “เหล้า-โค้ก” กันอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงของเครื่องดื่มที่ดูเป็นการดื่มแบบเร่งรีบนี้ แรกเริ่มเดิมทีมันมีที่มาที่ไปที่ละเมียดละไมเกินกว่าที่หลายคนจะรู้ ซ่อนอยู่ด้วย บางคนอาจจะรู้ว่า ถ้าให้ถูกต้องตามหลักสากลขึ้นมาหน่อย ถ้าอยากดื่มเหล้ากับโค้กให้อร่อย ต้องเป็น Jacks Daniels กับ Coca-Cola เท่านั้น ซึ่งมันก็ถือเป็นเครื่องดื่มที่ในอดีตไม่มีใครคิดมาก่อนเหมือนกันว่า มันจะสามารถมาบรรจบกันได้ภายในแก้วเดียว แถมลงตัว ทั้งเรื่องของรสชาติ และกรรมวิธีจนกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และมีชื่อสากลว่า “Jack&Coke” ใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้ แม้กระทั่งบริษัทอย่าง Jacks Daniels เอง ยังถึงกับมีการผลิต “Jack&Coke” ออกมาจากโรงงาน ให้คนที่ชื่นชอบไม่ต้องไปเสียเวลา ตามหา 2 อย่างมาผสมกันเอง ชนิดที่ว่า บิดฝาเทใส่ปากได้ในทันที เราเชื่อว่าเมื่อหลายคนนึกภาพตามไปด้วยแล้ว ต้องเกิดอาการเปรี้ยวปากขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่ขอให้อดใจไว้สักครู่ เพราะตอนนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักถึงที่มาของ “Jack&Coke” ในตำนานกันก่อน จุดเริ่มต้นของ “Jack&Coke” ที่แท้จริงนั้นไม่มีระบุไว้อย่างแน่ชัด แต่เท่าที่มีการเล่าต่อ ๆ กันมา เหล้าผสมโค้กนั้นเกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1907 และต่อมาผู้คนมักจะเรียกเครื่องดื่มชนิดนี้ว่า ‘Coca-Cola
ถ้าหากย้อนไปก่อนหน้านี้สัก 10 ปี เราคงเถียงสุดตัวเวลาที่ใครสักคนบอกกับเราว่า เขาสามารถใช้กล้องที่ฝังอยู่ในโทรศัพท์มือถือมาทำการถ่ายทำ VDO เจ๋ง ๆ หรือแม้กระทั่งนำมาใช้ถ่ายหนังกันเลยก็ยังมี แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และดูทีท่าแล้ว คงจะไม่มีใครยอมหยุดพัฒนาความทันสมัยที่ขายได้ตังค์เหล่านี้อย่างแน่นอน และสุดท้ายก็ทำให้การถ่าย VDO เจ๋ง ๆ จากมือถือเกิดขึ้นได้จริง แต่มันก็ไม่ใช่เพราะว่า เหล่าผู้ผลิต Smartphone เพียงอย่างเดียว ที่สมควรจะได้รับเครดิตในการผลิตโทรศัพท์มือถือที่สามารถถ่าย VDO ได้อย่างคมชัดจนหลายคนเอามาทำเป็นหนังได้ เพราะมันยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ โทรศัพท์มือถือ หรือ Smartphone ในสมัยนี้ บันทึกความทรงจำเป็นภาพเคลื่อนไหวได้อย่างไร้ที่ติ เพราะไม่ว่าจะเป็นกล้อง หรือโทรศัพท์มือถือเอง ต่างก็ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มความเจ๋งให้กับมันมากขึ้นกันทั้งนั้น อย่างเช่น ไมค์โครโฟน, เลนส์, โปรแกรมแต่งภาพต่าง ๆ ซึ่งจะว่าไปสิ่งเหล่านี้ ทั้งกล้อง และ Smartphone ส่วนใหญ่ก็มีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่ในตัวทั้งนั้น แต่มันก็อาจจะดีไม่เท่า กับสิ่งที่ถูกตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งของตัวมันเองโดยเฉพาะ ทำให้เรามักจะเห็นว่า มีอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ (Rig) วางขายอยู่มากมายในท้องตลาดตอนนี้ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพการถ่าย VDO ของ โทรศัพท์ Smartphone
คำว่า “Genius” ใครก็รู้ความหมายของมัน แม้ว่าจะไม่ใช่คนที่ “Genius” ก็ตาม โดยส่วนใหญ่ คนมักเข้าใจผิดว่า ความ “Genius” จะเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้ตั้งแต่เกิด จนบางคนใช้ช่องโหว่แห่งการเข้าใจผิดเหล่านี้ มาเป็นข้ออ้างในทำนองว่า ในเมื่อเกิดมาฟ้าไม่ได้ประทานความ “Genius” ติดตัวมาให้ ยังไงก็สู้คนที่ฟ้ามอบพลังสุดพิเศษมาตั้งแต่แรกไม่ได้อยู่ดี ก็เลยปล่อยชีวิตไปแบบเลยตามเลย ไม่เคยคิดจะพัฒนาอะไรอีกนับจากนั้น หากใครที่เคยใช้ข้ออ้างแบบนั้น หรือเคยถกเถียงกันมาว่า คนเราฉลาดมาตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่า? คำตอบก็คือ ไม่มีใครที่เกิดมาพร้อมกับความ “Genius” เลยแม้แต่คนเดียว แต่ที่บางคนดูจะ “Genius” กว่าคนอื่น ๆ นั้น เป็นเพราะคนเหล่านั้น มี Lifestyle ที่แตกต่างออกไปต่างหาก เราเลยมีสิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ใช้เวลาไม่มาก มีการพิสูจน์มาแล้วว่า มันสามารถทำให้คนเราฉลาดขึ้นได้จริง ๆ Not all brilliant people are born that way. ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่า ข้อแรก ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความเจ๋งเหล่านั้น ข้อ 2 คนเราจะไม่มีทางจะเก่งกาจ