วันหม่น ๆ ที่โลกใบนี้ไม่เข้าข้างเรา วันที่ต้องยอมรับแล้วว่าเราแพ้ให้กับเกมนี้เข้าอย่างจัง ไม่ว่าจะต้องแพ้ด้วยการกระทำของตัวเองหรือเพราะปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่อาจควบคุมได้ก็ตาม สิ่งสำคัญคือหลังจากต้องลิ้มรสชาติของความพ่ายแพ้แล้ว เราจะลุกขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่และเรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดครั้งนี้ เพื่อให้การล้มครั้งต่อไปไม่ใช่เพราะสาเหตุเดิม UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาดูหนัง LOSER ผู้พยายามประคับประคองชีวิตตัวเองให้ ALRIGHT เผื่อใครอาจจะได้ข้อคิดดี ๆ จากความผิดพลาดของตัวละครจากสักเรื่องก็ได้ Inside Llewyn Davis (2013) Directors : Ethan Coen, Joel Coen เรื่องราวหน่วง ๆ ชวนเบื่อเรื่องนี้ มาจากชีวิตจริงของนักดนตรีโฟล์คอย่าง Dav Van Ronk ที่ไม่ได้มีเรื่องราวตื่นเต้นหวือหวา เปี่ยมไปด้วย Passion เดินตามความฝันกับวลีเด็ด “ฉันจะทำให้เต็มที่เลยล่ะ” แต่เป็นเรื่องเนือย ๆ อย่างที่เราได้ดูกันนั่นแหละ เป็นช่วงชีวิตที่เขายังไม่ได้โด่งดังมากพอที่จะเป็นที่ต้องการของค่ายเพลงหรือแม้แต่บาร์ที่ไหนสักแห่ง เนื้อเรื่องจริง ๆ มันเหมือนตามติดชีวิตนักดนตรีเหงา ๆ คนนึง ไม่มีอะไรมาก อยากให้ทุกคนได้ลองดูกันเอง แม้จะน่าเบื่อเสียหน่อย แต่ถ้าหากอดทนจนจบแล้ว
หลายครั้งที่ขัดใจกับการกระทำของใครสักคน แล้วอยากจะเข้าไปบอกตรง ๆ ว่า “นายทำงี้ไม่ได้ว่ะ” แต่ด้วยสถานะ ความปากไว หรือความอ่อนไหวของคนฟังที่เราไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าใคร Sensitive กับเรื่องราวหรือคำพูดแบบไหน จนทำให้ต้องเก็บคอมเมนต์ไว้ในใจ แต่ถ้าไม่พูดเลยก็คงไม่ได้ เพราะในเมื่อจุดประสงค์ของเราจริง ๆ คือการติเพื่อก่อ ไม่ใช่เพื่อความสะใจส่วนตัว ยิ่งในการทำงาน การคอมเมนต์กันถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อ ๆ ไป UNLOCKMEN อยากชวนใครที่อึดอัดอยากจะติเตียนใคร แต่กลัวจะมองหน้ากันไม่ติด ด้วยเทคนิคเจ๋ง ๆ ที่เราแนะนำ ตำหนิให้ถูกคน ก่อนอื่นเลยต้องหาให้ถูกตัวซะก่อน ปัญหานี้มักเกิดในกลุ่มคนทำงานนี่แหละ บางครั้งมองในภาพรวมเราก็เดาไม่ออกว่าใครที่เป็นต้นเหตุของเรื่องกันแน่ จะไปติเขาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้ เพราะถ้าหากอีกฝ่าย Strike Back กลับมาว่า “ไม่ใช่กู” “กูไม่ได้ทำ” เรานี่แหละที่จะหน้าแตกแบบเต็ม ๆ ทางออกของเรื่องนี้ง่ายมาก ๆ ถ้าไม่ทุ่มเทความสนใจตั้งแต่แรก จนรู้หมดว่า Process นี้ใครทำ ก็ต้องมีสปายคอยสอดส่องว่า ใครรับผิดชอบจุดไหน จะได้จับมือมาดมกันได้ถูกคน ดูสถานะ บางครั้งดูแค่เจ้านายกับลูกน้องมันยังไม่พอ ง่าย ๆ เลย เราจะไม่ตำหนิหัวหน้าทีมเหมือนกับเด็กฝึกงานหรือน้องใหม่
เชื่อว่าเรื่องปัญหาการหลงลืมเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกในชีวิตประจำวันของทุกคน อาจจะเป็นการลืมสิ่งของ ลืมเรื่องราวในอดึต รวมทั้งการลืมข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม จะเป็นนักเรียนที่ต้องคอยจดจำความรู้จากเรื่องที่เรียน พนักงานออฟฟิศที่ต้องคอยทำงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย นักธุรกิจที่จะต้องจดจำข้อมูลต่างๆ เพื่อไปเจรจาในธุรกิจ หรือใครก็ตามที โดยจากผลการวิจัยพบว่า การที่เรามักเกิดภาวะหลงลืมอยู่บ่อยๆ นั้นมีสาเหตุมาจากการ “ขาดการทำความเข้าใจ” อย่างแท้จริงนั่นเอง ซึ่งหลายคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าการนึกอะไรแล้วนึกไม่ออก มันน่าหงุดหงิดขนาดไหน นี่เป็นเหตุผลที่เราได้หยิบกลวิธีจดจำทุกสิ่งที่คุณเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำไม่มีลืม จากหนังสือจิตวิทยา Make It Stick: The Science Of Successful Learning เขียนโดย Henry Roediger และ Mark McDaniel นักจิตวิทยาชื่อดัง แห่งมหาวิทยาลัย Washington University ตามมาดูกันเลยดีกว่าครับ ไม่แน่ เมื่ออ่านจบ คุณอาจนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมายกว่าที่คิด Force yourself to recall. บังคับตัวเองให้ทบทวน Henry Roediger และ Mark McDaniel บอกว่า ทักษะการเรียนรู้ของมนุษย์มีกลไกเหมือนกับการยกน้ำหนักดัมเบลล์ เมื่อคุณเริ่มที่จะพาตัวเองไปสู่ดัมเบลล์ที่หนักขึ้น คุณก็จะเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับระบบการจัดเก็บความคิดของมนุษย์ เมื่อเราเรียนรู้ว่าสิ่งไหนยาก สมองจะทำการจดจำและเก็บข้อมูลนั้นไว้อย่างแม่นยำเป็นพิเศษ
ทุกครั้งที่เราเห็นคนประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ไปได้ดีทั้งนั้น เรามักจะคาดหวังไว้ว่า เขาจะเป็นคนมีวินัย เนี้ยบ เก่ง มีความพยายาม หรืออะไรก็ตามที่ดูจะเป็นคุณสมบัติพิเศษเฉพาะสำหรับคนเจ๋ง ๆ เท่านั้น คนในอุดมคติที่ใครหลายคน (รวมถึงเราเอง) อยากจะเป็น หรืออยากมี DNA ของคนเจ๋งไว้ในตัวกันบ้าง สักสามสี่คู่เบสก็ยังดี ถ้าเราพูดถึงคนแบบที่ว่ามาในวงการดนตรี จริง ๆ ก็มีตัวจี๊ดหลายคนที่ผงาดด้วยความสามารถของตัวเอง ครั้งนี้เราขอยก Damon Albarn มาเจาะลึกถึงความสำเร็จของเขา ตั้งแต่สมัยเป็นฟรอนต์แมนของวง Blur จนกระทั่งมาทำ Visual Band เจ๋ง ๆ อย่าง Gorillaz โดยทั้งสองสิ่งประสบความสำเร็จแบบไม่มีข้อกังขา แต่ใครจะคิดว่าเบื้องหลังความสำเร็จของเขา มันไม่ได้เป็นคุณสมบัติในอุดมคติอย่างที่เราคิดเลย แต่เป็นอะไรนั้น UNLOCKMEN อยากจะแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน เราอาจจะได้ไอเดียอะไรเจ๋ง ๆ ไปปรับใช้กับตัวเองแล้ว Work ขึ้นมาก็ได้ All About Albarn เขาเติบโตมาในครอบครัวชาวอังกฤษแท้ ๆ ทั้งพ่อและแม่ ทุกคนทำงานสายอาร์ตกันหมดตั้งแต่ปู่ที่เป็นสถาปนิก พ่อแม่เป็นศิลปินรวมถึงน้องสาวของเขา Jessica ก็เช่นกัน
ช่วงนี้กระแสของศึกสายเลือดกำลังมาแรง จนเกิดประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับครอบครัวขึ้นเต็ม Newsfeed ของเราไปหมด เพราะเรามักจะคาดหวังให้ครอบครัวเป็นความสมบูรณ์แบบหนึ่งเดียวในชีวิตอันไม่สมบูรณ์แบบของเราทุกคน เอาไว้เป็นที่พึ่งทางใจ หรือเป็นอะไรก็ตามที่ยิ้มได้ทุกครั้งที่กลับไปหรือแม้แต่นึกถึง แต่ความเป็นจริงมันไม่สวยงามขนาดนั้น เมื่อหลายครอบครัวมีปัญหาภายใน แต่กลับพูดไม่ได้ เพราะความรักทางสายเลือดมันค้ำคอ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 หนังที่จะมาให้ข้อคิดดี ๆ ในประเด็นของครอบครัว มีหลากหลายแนว ตั้งแต่แฟนตาซีดูง่าย ๆ เพลิน ๆ จนไปถึงดราม่าจุกอก ให้หนุ่ม ๆ ได้เลือกเอาตามความชอบ โดยลิสต์นี้ไม่ได้เป็นการจัดอันดับหนังดีใจดวงใจ ไม่ต้องน้อยใจว่าทำไมถึงไม่มีเรื่องโปรดของคุณ เพราะนี่คือการแลกเปลี่ยนหนังกันดู เหมือนเพื่อนคุยกันเท่านั้นเอง อย่าได้โวยวายกันไปว่าหนังแนวนี้ต้องอันนี้เท่านั้น ย้ำอีกที ว่านี่ไม่ใช่การจัดอันดับ Charlie and the Chocolate Factory (2005) Director : Tim Burton เจ้าหนูชาร์ลีที่ดวงเฮงได้ตั๋วทองในห่อช็อกโกแลตของวิลลี่ วองก้า เลยได้โอกาสไปทัวร์โรงงานช็อกโกแลต หลายคนอาจโฟกัสไปที่ความแฟนตาซีของหนัง กับจินตนาการล้ำ ๆ ของผู้กำกับอย่างทิม เบอร์ตัน แต่เรื่องนี้แฝงไปด้วยประเด็นเรื่องการเลี้ยงดูลูกในแต่ละครอบครัวไว้อย่างเฉียบคม เด็กแต่ละคนที่ได้ไปทัวร์ในโรงงานนั้น มีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างกันไปซึ่งมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่แบบที่ไม่ต้องมีใครมาเฉลย เราก็สังเกตได้จากการกระทำของตัวละคร
การพูดคุยด้วยตัวหนังสืออย่างการ Chat มักจะเกิดปัญหาความเข้าใจกันคลาดเคลื่อนเนื่องจากในตัวหนังสือไม่มีน้ำเสียง เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนต้องเคยเจอกับเรื่องชวนหัวร้อนอย่างนี้กันมาบ้าง แต่น้ำเสียงเจ้ากรรมนั้น ใช่ว่าพอมีแล้วมันจะช่วยให้ทุกอย่างไหลลื่นไปได้ง่าย ๆ เพราะการพูดคุยกันต่อหน้าก็เกิดปัญหาชวนหัวร้อนได้ไม่แพ้กัน พอบทสนทนาคุกรุ่นทีไรเป็นต้องเหงื่อแตกกันทุกที หัวร้อนบ้าง ลนบ้าง อย่าเพิ่งสติแตก ควรหาแผนสำรองทางหนีทีไล่เตรียมไว้เสมอ เจอเรื่องให้ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ไม่ต้องกังวลไป งัดไม้เด็ดออกมาสู้แบบเซียน ๆ UNLOCKMEN แนะนำเทคนิคดี ๆ เอาไว้ใช้เวลาบทสนทนามันเริ่มไปทาง Negative คุมสถานการณ์ให้ได้ ก่อนจะมีฝ่ายไหนสติแตกขึ้นมาก่อน เพราะนั่นจะทำให้เรื่องยุ่งเหมือนหูฟังพันกันในกระเป๋า จนเลยเถิดไปมากกว่าการทะเลาะกันในบทสนทนา ร้อนนักพักเสียหน่อย หัวร้อน ควันออกหูเมื่อไหร่ รีบหยุดบทสนทนาไว้เดี๋ยวนั้น บอกไปแบบแมน ๆ เลยว่าตอนนี้กำลังเดือดปุด ๆ กันทั้งคู่ ไม่ควรจะต่อล้อต่อเถียงกันตอนนี้ พักยกกันสักหน่อย อัดบุหรี่กันสักตัวสองตัวแล้วค่อยกลับมาคุยก็ยังไม่สาย ไม่ใช่แค่ตอนที่สัญญาณของความเกรี้ยวกราดมาถึงเท่านั้น ตอนที่เริ่มหลงประเด็นกันแล้ว ก็เป็นอีกสถานการณ์ที่ควรพักครึ่งกันก่อน ห้านาที สิบนาที หรือเป็นชั่วโมงแล้วแต่จะตกลงกัน อย่ายั่วโมโห เห็นอยู่ว่าไฟลุกก็อย่าไปเติมเชื้อไฟให้มันโหมแรงขึ้น ยิ่งความสัมพันธ์มันพังจากการทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระมากเท่าไหร่ ตอนกลับไปญาติดีกันมันยิ่งกระอักกระอ่วน อย่าลืมว่าก่อนหน้าที่จะเถียงกันด้วยเรื่องชวนเสียสติเหล่านี้ คนนี้คือเพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง คนรัก
เดินหน้าได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องสำหรับ KamiKaze อัลบั้มล่าสุดของแร็ปเปอร์วัย 45 ปีอย่าง Eminem หลังจากเปิดตัวอาทิตย์แรก ก็พุ่งทะยานเข้าไปอยู่อันดับ 1 ของ Billboard 200 Chart โดยถือเป็นครั้งที่ 9 จาก 10 อัลบั้มในช่วงชีวิตของเค้า แม้อัลบั้มจะถูกปล่อยออกมาแบบไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าก็ตาม Kamikaze LP มียอดขายรวมทั้งทางออนไลน์และแผงขายซีดี ภายในอาทิตย์แรกของเดือนกันยายน (Sept 6) มากถึง 434,000 equivalent album units (ปัจจุบัน Billboard Chart ใช้วิธีวัดยอดขายแบบ Multi-metric consumption มีหน่วยเป็น Units ประกอบด้วย Traditional Album Sales, Track Equivalent Albums (TEA) และ Streaming Equivalent Albums (SEA) หรือให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ เทียบจำนวนการฟังเพลงผ่าน Streaming App หรือการจ่ายเงิน Download เพลงออนไลน์ ซึ่งสร้างรายได้ให้ศิลปินเทียบเท่าการขาย
วันศุกร์ทีไร เป็นอันต้องดี๊ด๊ากันตั้งแต่พักเที่ยง เพราะนอกจากวันหยุดที่รอเราอยู่สองวันเน้น ๆ แล้ว ยังมีค่ำคืนวันศุกร์แห่งชาติรอเราอีกด้วย แต่พอถึงวัยทำงาน อาจจะไม่ได้ไปปล่อยสเต็ปแดนซ์แบบมันส์ ๆ กันบ่อยนัก ด้วยอายุที่มากขึ้นพาให้อยากนั่งจิบเบียร์หรือปาร์ตี้ที่บ้านหลังเลิกงาน กับเพื่อนซี้ที่รู้ใจมากกว่าผู้คนมากหน้าหลายตาไปแล้ว แม้จะอยู่ที่บ้าน ค่ำคืนแห่งความสนุกอย่างวันศุกร์แห่งชาติก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป เพราะเราได้คัดเพลงชวนโยกหัวให้ทุกคนไว้แล้ว จะปาร์ตี้ที่บ้านกับเพื่อน ๆ เปิดในรถปลุกความมันส์ก่อนไปต่อก็ได้ทั้งนั้น แต่ที่สำคัญคือดื่มแล้วไม่ควรขับรถเองด้วยประการทั้งปวง เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเราเองและเพื่อนร่วมทาง สำหรับใครที่สะดวกฟังใน Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้เหมือนเดิม OneRepublic – Counting Stars Mark Ronson – Uptown Funk ft. Bruno Mars Fun. – We Are Young ft. Janelle Monáe Maroon 5 – Don’t Wanna Know (Audio) ft. Kendrick Lamar
หลายคนอาจจะเล่นดนตรีด้วยจุดมุ่งหมายคล้าย ๆ กัน มันน่าจะเริ่มมาจากการชอบฟังเพลง ชอบจนคิดว่าเราควรเป็นคนสร้างสรรค์มันเองได้ หลายคนเริ่มต้นมันด้วยการทุ่มพลังเพื่อความฝันในเส้นทางนี้ บางคนไปถึงฝัน บางคนก็ล้มเลิกตามกาลเวลา เราอยากบอกว่าความพยายามมันไม่ทำร้ายใคร เเละอย่าพยายามมากไปจนหลงลืมความสนุกหรือความรักในสิ่งที่ทำ UNLOCKMEN ได้มาพูดคุยกับกลุ่มนักดนตรีที่เริ่มต้นทุกอย่างจากความสนุก เเละรักในสิ่งที่ทำ จนวันนี้มันเริ่มออกดอกออกผลที่ดีตามเวลาสมควร ขอแนะนำให้รู้จักกับ GYM AND SWIM วงดนตรี Pop ที่รวมเอาความสนุกของดนตรีหลากหลายเเนวเข้าด้วยกัน เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นหูกับเพลง “Octopussy” หรือ “Yuuwahuu” ตอนนี้เราได้ยินมาว่าพวกเขากำลังจะมีเพลงใหม่ เเละพวกเขายังเริ่มทัวร์เล่นคอนเสิร์ตไปตามหลาย ๆ ที่ทั่วเอเชียอีกด้วย ไปพูดคุยทำความรู้จักกับ GYM AND SWIM ตามหาที่มาของความสนุกสนาน ว่ามี Passion อะไรถึงทำเพลงออกมาได้น่ารัก น่าฟังขนาดนี้ GYM AND SWIM ประกอบไปด้วย เฉลิม : ร้องนำ, ปกป้อง : ซินธ์ เเละ กีต้าร์, เติร์ก : กีต้าร์ ,
ความตระหนักรู้ทำให้เรารู้ว่าตัวเองเป็นใคร ทำอะไรอยู่ แต่สิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็นตัวเรามากแค่ไหน พอใจมากน้อยแค่นั้น อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องมาเคาะคำถามนี้กับตัวเองให้ได้ ไม่ว่าเราจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม อย่าได้ละเลยเสียงลึก ๆ ข้างในใจเรา ที่คอยย้ำเตือนถึง Passion ข้างในที่พร้อมจะโจนทะยานออกมาเสมอ บางคนอาจจะตอบตัวเองได้แล้วว่าข้างในนั้น เราต้องการอะไรกันแน่ แต่บางคนที่ยังไม่เจอ UNLOCKMEN ชวนทุกคนมาตั้งคำถามกับตัวเองแบบง่าย ๆ เพื่อให้ค้นเจอสิ่งที่ใช่ให้ตัวเองได้ทันเวลา อะไรที่เราไม่ชอบ ? เอาวะ อย่างน้อยระหว่างที่ยังไม่รู้ว่าชอบอะไร ลองดูลิสต์ไว้ในใจเลยว่าอะไรที่เราไม่ชอบ ไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่ยังหมายถึง ผู้คน สถานการณ์ เงื่อนไขในชีวิต ที่คอยบีบบังคับให้เรารู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่เสมอ นั่นแหละคือสิ่งที่เราหลีกเลี่ยง ค่อย ๆ ตัดทางเลือกออกไปเรื่อย ๆ จากสิ่งที่ไม่ชอบ ทางเลือกมันก็จะแคบลงเรื่อย ๆ แล้วเราอาจจะให้คำตอบตัวเองได้ ในตอนที่เราจิ้มลงไปไม่ได้ว่าจุดไหนคือจุดที่เราต้องการจะไปยืนตรงนั้น อย่างน้อยเราก็วงกลมกว้าง ๆ ไว้ก็ยังดี อะไรที่ให้พลังกับเรา ? ลองถามตัวเองดูว่าอะไรคือสิ่งที่ขับเคลื่อนให้เราตื่นมาในตอนเช้า สิ่งที่ทำให้เรานึกถึงวันพรุ่งนี้ สิ่งที่ทำให้เราอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อทำสิ่งนั้น ๆ อาจจะไม่ต้องเบอร์ใหญ่ขนาดนั้นก็ได้ แค่เป็นสิ่งที่ทำให้เราฮึดขึ้นสู้ในตอนที่นึกถึง เชื่อเถอะว่า สิ่งนั้นคืออีกสิ่งที่สำคัญ และเป็นคำใบ้ให้เราแกะรอยไปสู่สิ่งที่ใช่สำหรับเราก็ได้ ตรงนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบว่าสิ่งที่ตามหาคืออะไร