“โตขึ้นอยากเป็นอะไร ?” คำถามที่คุ้นเคยดีเมื่อสมัยที่เรายังตัวเท่าเอวพ่อแม่ ออกไปพบเจอญาติพี่น้องในวันเทศกาล ตอบคำถามคุณครูหน้าชั้นเรียน เรียงความสมัยประถมศึกษา ที่วนเวียนอยู่กับการตามหาตัวเองให้เจอ ทั้งที่ตอนนั้นเราอยู่ในวัยที่ติดกระดุมเสื้อให้มันตรงก็เก่งแล้ว จริง ๆ คำถามนั้นมันไม่ได้หมายถึงเราต้องการจะประกอบอาชีพอะไรในตอนโตเป็นผู้ใหญ่ แต่มันหมายถึง เราอยากจะเลือกทางเดินชีวิตแบบไหนเสียมากกว่า คำถามนั้นยังคงหลอกหลอนเรามาตลอด ถึงแม้จะอยู่ในวัยที่ “โต” แล้วก็ตาม เพราะเมื่อเราโตแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในทันที UNLOCKMEN อยากชวนทุกคนมาขบคิดถึงความฝัน ความต้องการของตัวเอง ตั้งแต่ในวัยเด็กจนถึงตอนนี้ ว่ามันเป็นไปอย่างที่เราคิดแค่ไหน พอใจกับมันหรือเปล่า ? หากยังไม่เจอสิ่งที่ใช่ แล้วระหว่างนี้เราจะทำอะไรกันดี ? โตขึ้นอยากเป็นอะไร ? เราเลือกได้ในทุกวัน ในตอนเด็ก เราอาจจะมีพ่อแม่คอยแนะแนวทางให้เรามาตลอด (ข้ามเรื่องการบังคับ การใช้ชีวิตแทนลูกไป) แต่พอโตขึ้นมาอีกช่วงอายุ เราเริ่มมีอำนาจตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองมากขึ้น จนถึงช่วงที่โตมากพอที่จะตัดสินใจเองได้ทุกอย่าง จนเสียงในหัวของเรา คือเสียงที่ดังที่สุด คำพูดของคนรอบข้างเป็นเพียงเสียงที่คอยแนะนำอย่างแผ่วเบาเท่านั้น ตอนเด็กเราเลยมักจะเลือกอะไรสักอย่างให้ตัวเองโดยขึ้นอยู่กับความชอบ ความพอใจ ของเรา โตขึ้นมาเราเริ่มเรียนรู้ว่าชีวิตมันไม่มีอะไรง่ายแบบคิดปุ๊บ ทุกอย่างเนรมิตมาได้ดั่งใจ เราเริ่มมีเงื่อนไขอื่น ๆ เข้ามามีผลต่อการตัดสินใจอะไรสักอย่างให้ตัวเอง ขึ้นม.ปลาย เรียนสายวิทย์ เรียนสายศิลป์ หรือจะสายอาชีพ เลือกคณะที่ใช่
“แค้นนี้สิบปีก็ไม่สาย” ประโยคยอดฮิตที่เรามักจะได้ยินในภาพยนตร์หรือละคร เมื่อมีฝ่ายใดต้องสูญเสียอะไรไป และไม่ยอมให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว แม้จะเอาคืนไม่ได้ในตอนนี้ อีกสิบปีก็ยังไม่สายสำหรับการชำระหนี้แค้น UNLOCKMEN ชวนทุกคนมาดูหนังล้างแค้นหลากหลายแนว แอ็กชั่นบ้าง ดราม่าบ้าง Musical ก็ยังมี เพื่อตอบโจทย์ความชอบที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน จะได้ไม่จำเจกับหนังแนวเดิม ๆ โดยลิสต์นี้ไม่ได้เป็นการจัดอันดับหนังดีใจดวงใจ ไม่ต้องน้อยใจว่าทำไมถึงไม่มีเรื่องโปรดของคุณ เพราะนี่คือการแลกเปลี่ยนหนังกันดู เหมือนเพื่อนคุยกันเท่านั้นเอง อย่าได้โวยวายกันไปว่าหนังแนวนี้ต้องอันนี้เท่านั้น ย้ำอีกที ว่านี่ไม่ใช่การจัดอันดับ Memento (2002) Director : Christopher Nolan เมื่อคุณตื่นมาพร้อมกับ Clue มากมาย แต่คุณไม่อาจรู้ได้เลยว่าสิ่งไหนคือเรื่องจริง เช่นเดียวกับ Leonard ที่ตื่นขึ้นมาพร้อมคำใบ้ปริศนามากมายรอบตัวของเขา ทั้ง Note รอยสัก เบอร์โทรศัพท์ ที่เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันปะติดปะต่อกันอย่างไร เขาพยายามอย่างมากในการลำดับเรื่องราวทั้งหมดด้วยข้อมูลที่มี แต่โชคร้ายตรงที่เขามีความทรงจำแค่สั้น ๆ เท่านั้น ทำให้ทุกอย่างยิ่งยากเข้าไปใหญ่ การเล่าเรื่องราวจะเป็นไทม์ไลน์ของภาพสีและขาวดำ อันนี้แนะนำให้ไปดูเอาเองสนุกกว่า ถ้าบอกตอนนี้เลยเข้าข่ายสปอยล์แน่นอน ถือเป็นผลงานยอดนิยมอีกเรื่องของ Nolan ที่ขึ้นชื่อเรื่องความมึนงง แนะนำให้ตั้งใจดูและเก็บรายละเอียดเรื่องนี้แบบถี่ถ้วน แล้วจะอึ้งไปกับความจีเนียสของเขา และบทดั้งเดิมที่ได้ฝีมือการเขียนของน้องชายของเขาเอง The Prestige (2006)
มีดพับทั่วไปอาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับการพกพาไปไหนมาไหนกับเรา หยิบขึ้นมาใช้ทีไรก็ดูจะเขิน ๆ ที่หยิบมีดที่ดูเป็นมีดจริงจังขึ้นมาใช้ หรืออาจจะกลายเป็นดูน่ากลัวสำหรับสาว ๆ ไปเลยก็ได้ UNLOCKMEN อยากแนะนำ COOL STUFF มีดพกเจ๋ง ๆ ที่พับแล้วขนาดพอ ๆ กับเหรียญอย่าง “ECLIPSE” ที่ให้เราพกมีดได้แบบเท่ ๆ ไม่ดูเป็นมีดจริงจังที่ออกจะน่ากลัวเกินไปสักหน่อย Cool Design “ECLIPSE” ก็คือมีดพับที่พอพับแล้วมันจะกลายเป็นวงกลม ขนาดพอ ๆ กับเหรียญดอลลาร์ ทำให้เราพกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย ไม่ดูเหมือนเป็นอาวุธ แต่เป็น COOL STUFF เท่ ๆ ที่หยิบออกมาใช้ยามจำเป็นได้ ด้วยไซส์ที่เป็นมิตรกับผู้ชายที่ไม่ชอบพกของเยอะแยะ ด้วยความหนาเพียง 6 มิลลิเมตร จะห้อยเป็นพวงกุญแจ เก็บในกระเป๋าตังค์ กระเป๋ากางเกง ช่องเล็ก ๆ ในกระเป๋าได้ทั้งนั้น Locking System มีดพกตัวนี้มาพร้อมกับ Button Lock เพื่อให้เรามั่นใจว่าใบมีดจะไม่ถูกเปิดหรือเลื่อนออกมาขณะที่อยู่ในกระเป๋าตังค์หรืออยู่ในกระเป๋ากางเกงจนทำให้ของใช้เสียหาย หรือทิ่มเข้าเนื้อเราเข้า เวลาเปิดใช้จริงก็ไม่ต้องห่วงเช่นกัน เพราะด้านคมของมีดจะอยู่อีกฝั่งกับด้านที่เราใช้เปิด จึงมั่นใจได้ว่ามันจะไม่บาดนิ้วเราในตอนที่เลื่อนเพื่อเปิดใช้งานนั่นเอง เรียกได้ว่าเซฟตี้แล้วเซฟตี้อีก Built
ถ้าถามว่าความสัมพันธ์ช่วงไหนของความรักที่หอมหวานที่สุด ส่วนใหญ่จะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าคือช่วงเดต ช่วงทำความรู้จัก คบหาดูใจ เรียนรู้ตัวตนของอีกฝ่าย ว่าเขาน่าหลงใหลแค่ไหน และจะไปกับเราได้ดีถึงขนาด In A Relationship ได้หรือไม่ แม้ช่วงเดตจะดูเป็นช่วงหอมหวาน แต่ทุกอย่างมันไม่ได้มีด้านเดียวเสมอไป ช่วงหอมหวานอาจจะเกิดขึ้นสำหรับคนที่ความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายอยู่ใน Stage เดียวกัน ไม่มีใครต้องทุ่มเทมากกว่าใคร แต่สำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจและรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังรออะไรบางอย่าง ช่วงเวลานี้คงเป็นช่วงเวลาที่ชวนอึดอัดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ว่าเราจะต้องไปต่อหรือพอแค่นี้ UNLOCKMEN ชวนมาสังเกตสัญญาณจากฝั่งสาว ๆ ว่าสิ่งเหล่านี้คือสัญญาณของความไม่พร้อม (หรือยังไม่อยากพร้อม) ที่จะเดตกับใครสักคนแบบจริงจัง พูดถึงแฟนเก่าอยู่เสมอ ไฟอะไรมันจะร้อนเท่าถ่านไฟเก่า หลายครั้งที่การพูดถึงเรื่องเก่า ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี ๆ หรือเรื่องเลวร้ายที่เคยเจอมา นั่นหมายความว่าความทรงจำเหล่านั้นไม่เคยหายไปเลย ถึงแม้จะดูเหมือนการพูดแบบบอกเล่าเก้าสิบ แต่ลองนึกดูว่า ไปนู่นมานี่ กินนู่นนี่ ก็ยังต้องฟังสาวพูดถึงหนุ่มคนเก่าของเธออยู่ตลอดว่าเคยกินร้านนี้ด้วยกัน เจอกันที่นั่นที่นี่ ทำให้มันดูเป็นเรื่องบังเอิญเดินผ่านแล้วเล่าขึ้นมา แต่ความจริงคือภาพในหัวของเธอยังคงมีเขาอยู่อย่างชัดเจนเสียจนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ความน่าเบื่อของการเดตกับคนที่ไม่ลืมอดีต มันเหมือนเราต้องต่อสู้กับคนในใจของเธออยู่ตลอดเวลา ต้องทำให้ดีกว่าเขา เอาชนะคนนั้นของเธอให้ได้ สุดท้ายมันแทบจะไม่เหลืออะไรที่เราทำเพื่อเธอเองจริง ๆ เลย มีแต่ความอยากเอาชนะคนเก่าของเธอเท่านั้น เธอไม่ได้พยายามทำตัวให้ว่าง “แค่ทำงานก็เหนื่อยแล้ว” “เอาไว้ว่างก่อนนะ” ฟังดูแล้ว ด้วยความเป็นผู้ชายเต็มตัวครับ
ในวันที่แม้แต่โลกใบนี้ยังไม่เข้าข้างเรา คงไม่อาจประคองความรู้สึกให้มีรอยยิ้มอยู่บนหน้าได้ตลอดเวลา เสียใจได้แต่อย่าได้ปล่อยให้มันกัดกินอารมณ์ของเรานานมากไปนัก มาฟังเพลงจาก Playlist นี้กับ 20 เพลงหม่น ๆ ไว้ปลอบใจ แม้วันที่ไม่มีใครเข้าข้างเรา แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีตัวเองที่สามารถเลือกได้ว่าเราจะให้ตัวเองอยู่กับความหม่นหมองนี้ไปนานแค่ไหน ใช้เวลาสักหน่อย ฟังไปจนกว่าความรู้สึกจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง สำหรับใครที่อยากเสพความหม่นกันบน Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้เหมือนเดิม Bon Iver – Skinny Love Passenger – Let Her Go James Blunt – Carry You Home Shelby Lynne – Wall In Your Heart Jason Mraz – I Won’t Give Up James Blunt – Same Mistake Travis
เวลาพูดถึงหนังสงคราม ตาม Common Sence ของผู้ชายแล้ว คงหนีไม่พ้นยิงกันมันส์หยด การวางแผนตั้งรับ แผนหนี แผนสู้ คงตอบสนองความมันส์ในดีเอ็นเอของผู้ชายได้เป็นอย่างดี แต่ UNLOCKMEN อยากแนะนำ 5 หนังสงคราม ที่ไม่ได้มีดีแค่ความมันส์ แต่ความเจ๋งมันอยู่ที่เนื้อเรื่องสุดเข้มข้น ให้เราได้เห็นสงครามในมุมมองเนื้อเรื่องเชิงบุ๋นมากกว่าเชิงบู๊ ที่มากกว่าการถือปืน ดับเครื่องชน อย่างที่คุ้นเคยกัน The Pianist (2002) Director : Roman Polanski เรื่องราวของนักเปียโน Wladyslaw Szpilman ที่ต้องมาเผชิญกับความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามชาติพันธุ์ เมื่อเมืองบ้านเกิด Warsaw ใน Poland ได้ถูกกองทหารของนาซีเข้ามาโจมตีและยึดเมืองนี้ไว้ ชะตาชีวิตของครอบครัวชาวยิวจึงไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเนื้อเรื่องหลักเป็นเรื่องราวของ Wladyslaw ที่ต้องเผชิญกับภาวะสงครามและต้องหาทางเอาตัวรอดเพื่อไปเจอกับครอบครัวที่พลัดพรากกัน ดูจบแล้ว เราอาจจะรู้สึกถึงความโหดร้ายของสงครามมากขึ้น เมื่อมองจากมุมของประชาชนอย่างครอบครัวนี้ Enemy at the Gates (2001) Director : Jean-Jacques Annaud ในสงครามที่ Stalingrad ที่เป็นเดิมพันระหว่างสองชาติ ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พลแม่นปืนฝีมือเยี่ยมอย่าง Vassili ถูกปั้นให้เป็นผู้นำขวัญกำลังใจของกองทัพรัสเซียที่กำลังอ่อนแอ ให้กลับมามีพลังเฮือกสุดท้าย
ชาติพันธุ์ที่ทำให้คนเรามีรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างกันไปตามเชื้อชาติของแต่ละคน ความแตกต่างภายนอกไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มนุษย์เราแตกต่างกัน สิ่งที่อยู่ข้างในอย่างนิสัยก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้คนเราแตกต่างกัน ทั้งการแสดงออก การปฏิบัติกับคนอื่น นิสัยที่เหมือนกันทำให้คนถูกคอกันก็มี นิสัยที่แตกต่างกันทำให้คนเราแตกคอกันก็มี แต่ใครจะไปรู้ว่าบนโลกใบนี้ที่มีคนมากมาย นิสัยที่คนมีเหมือนกันเยอะที่สุดคือ “ตลก” มาดูกันว่าเรื่องนี้มันเป็นไงมาไง เราอาจจะคุ้นเคยกับแบบทดสอบเกี่ยวกับนิสัยส่วนตัวว่าเราเป็นคนแบบไหนกันนะ เอาจริง ๆ ทั้งที่เราควรจะรู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคนแบบไหน แต่การทำแบบทดสอบแบบนี้ มันจะเป็นมุมมองที่มองจากพฤติกรรมของเราเองจริง ๆ ไม่ใช่แค่มุมจากตัวเองที่มองว่าตัวเองเป็นแบบไหน เพราะให้เรามองตัวเองมันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็ได้ แบบทดสอบที่ว่านั่นก็คือ The Myers-Briggs Type Indicator (MBTI) ที่ให้แบ่งกลุ่มพฤติกรรมมนุษย์เป็นกลุ่มอักษรทั้งหมด 4 กลุ่มโดยแบ่งเป็น Introverted (I) หรือ Extroverted (E), Intuitive (N) หรือ Sensing (S), Thinking (T) หรือ Feeling (F), Perceiving (P) หรือ Judging (J) ก็คือเราจะทำแบบทดสอบ ตอบคำถามตามพฤติกรรมของตัวเองจริง ๆ ว่าในกลุ่มนี้เราเป็นตัวอักษรไหน
ใคร ๆ ก็อยากทำทุกสิ่งออกมาสมบูรณ์แบบกันทั้งนั้น แต่เมื่อความจริงเราไม่อาจทำทุกอย่างได้ดั่งใจเรา ความผิดพลาดมันติดตัวมนุษย์เราตั้งแต่หลุดออกมาสูดอากาศเฮือกแรกบนโลกใบนี้แล้ว แม้เราจะเป็นคนเพอร์เฟ็กต์ ก็ใช่ว่าทุกอย่างมันจะเพอร์เฟ็กต์ไปตามที่เราต้องการให้มันเป็น แม้คำว่าเพอร์เฟ็กต์ดูเป็นสิ่งสวยงามที่ใคร ๆ ต่างก็ฝันถึง UNLOCKMEN จะพาทุกคนมาดูอีกด้านของความเป็นหนุ่มเพอร์เฟ็กต์ ที่อาจไม่ได้สวยงามอย่างที่เราคิดไว้ ดูเป็นคนเรื่องเยอะ ในตอนที่ปัญหามันเกิดขึ้น ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะโฟกัสกับการหาทางออกให้ได้ไวที่สุด หรือง่ายที่สุด แต่หนุ่ม Perfectionism อาจกังวลกับเรื่องจุดบกพร่องมากเกินไป ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร ใครเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องผิดพลาดนี้ จนทำให้คนรอบข้างเกิดอาการเอือมระอาในความละเอียดผิดที่ผิดเวลา เราเข้าใจว่ามันเป็นนิสัยที่มันจะคันยิบ ๆ ในใจถ้าเกิดอะไรที่มันผิดพลาดไม่เป็นไปตามแผน แต่การไปจู้จี้จุกจิกกับคนอื่นแบบไม่ถูกที่ถูกเวลา มันอาจสร้างความน่ารำคาญมากกว่าการแสดงถึงความใส่ใจก็ได้ เพราะโลกนี้ไม่มีอะไร Perfect อย่างที่เรารู้นั่นแหละว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเพอร์เฟ็กต์ แม้แต่คนที่เรียกตัวเองว่า Perfectionism ก็ไม่เพอร์เฟ็กต์ 100% เหมือนกัน แม้คนเราจะพยายามแสดงออกถึงชีวิตอันสมบูรณ์แบบให้คนอื่นได้เข้าใจแบบนั้นก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวัน หรือใน Social Media แต่มันไม่อาจลบความจริงที่โลกใบนี้มาตรฐานของความเพอร์เฟ็กต์แต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน พอเอาบรรทัดฐานของอีกคนมาวางกับอีกคนมันยิ่งวุ่นวายไปหมด ยิ่งพยายาม “Perfect” ยิ่งท้อ ความเพอร์เฟ็กต์ในทุกกระเบียดนิ้ว มันทำให้เราเครียดเกินไปหรือเปล่า ? ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าความเพอร์เฟ็กต์ไม่ใช่อะไรที่ได้มาง่าย ๆ แล้วการพยายามจะเพอร์เฟ็กต์อยู่ตลอดเวลาเนี่ย มองมุมนึงมันก็คือความท้าทาย แต่พอมันยากขึ้นเรื่อยแล้วเราไม่อาจทำมันสำเร็จได้ทุกอย่าง มันอาจทำให้เราท้อกับความพยายามแต่ไม่สำเร็จของเรา
สำหรับหนุ่มคนไหนรักการตกแต่งพื้นที่ของตัวเองให้เป็นไปตามความชอบ คุมโทน คุมเรื่องราว ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือแม้แต่สตอรี่ของของตกแต่งชิ้นนั้น ๆ ก็สามารถมาเป็นสิ่งตกแต่งได้เช่นกัน เชื่อเถอะว่าหนุ่มประเภทนี้มักจะสอดส่ายสายตาไปที่ดีเทลของสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อปรับเปลี่ยนสิ่งที่มีอยู่บ้าง และมองหาสิ่งที่จะมาเพิ่มเติมบ้าง UNLOCKMEN อยากชวนหนุ่มที่ชื่นชอบ Interior Design มาดู Documentary ที่เราแนะนำซึ่งเกือบทั้งหมดสามารถหาดูได้ใน Netflix เผื่อว่าใครจะได้ไอเดียเจ๋ง ๆ ไปไว้ใช้กับพื้นที่ของตัวเองกันบ้าง Amazing Interior บ้านหน้าตาธรรมดา ๆ หากมองจากภายนอก แต่พอได้ก้าวเข้าไปแล้วเราจะพบว่า Interior Design คือหัวใจสำคัญของบ้านหลังนั้น ๆ เพราะมันเปลี่ยนภายนอกที่น่าเบื่อ ธรรมดา เหมือน ๆ กันไปหมด ให้แตกต่างกันได้ตามความชอบของเราเอง ซึ่งเรื่องนี้จะพาเราไปดูบ้านเหล่านั้นที่ Interior Design ตอบโจทย์ความชอบส่วนตัวของเจ้าของแบบสุดขั้ว ไม่ใช่แค่การตกแต่งเล็กน้อย แขวนรูป ทาสี อะไรแบบนั้นแล้ว แต่ Beyond ไปถึงการทำพื้นที่นั้นให้กลายเป็นโลกส่วนตัวของเจ้าของจริง ๆ Stay Here ดีไซน์เนอร์และผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์จะพาเราไปดูพื้นที่เจ๋ง ๆ ที่เจ้าของเลือกจะเปลี่ยนมันให้เป็นที่พักแบบไม่เหมือนกันด้วย Interior Design
เวลาที่ผ่านไปปีแล้วปีเล่า ตั้งแต่วัยหนุ่มเลือดร้อน เราอาจจะมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ พอแยกย้ายกันไปทำงาน อาจจะหล่นหายจนเหลือคนที่เจอหน้าประจำอยู่ไม่กี่คน เปลี่ยนที่ทำงานไปก็ต้องเปลี่ยนเพื่อนกลุ่มใหม่ไปด้วย กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เพื่อนหล่นหายไประหว่างทางไม่รู้เท่าไหร่ นั่นทำให้เราพอจะรู้สึกตัวแล้วว่ายิ่งอายุมากขึ้น เรายิ่งมีเพื่อนน้อยลง แถมการสานสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ ๆ ยิ่งเป็นไปได้ยากมากขึ้น มาดูเหตุผลของเรื่องเหล่านี้กันว่าทำไมยิ่งแก่แต่เพื่อนกลับน้อยลง เพื่อที่เจอสาเหตุแล้วจะได้หาทางแก้กันได้ทัน ทุกคนต่างทุ่มเทเวลาให้กับครอบครัว สุดท้ายแล้วการมีครอบครัวคือฝั่งฝันของชีวิตคนเรา เราต่างทุ่มเทเวลา พัฒนาตัวเอง มีหน้าที่การงานที่ดี วางรากฐานชีวิตให้พร้อม เมื่อมีถึงเวลาที่ต้องมีครอบครัวทุกอย่างจะได้ออกมาสมบูรณ์แบบ และเป็นครอบครัวที่ไม่มีจุดบกพร่อง เรื่องของเรื่องคือจะชี้ให้เห็นว่าทุกคนต่างก็ทุ่มเทกับครอบครัวของตัวเองกันทั้งนั้น เพราะพวกเขาคือคนที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต จนบางทีหลายคนอาจทุ่มเทเวลากับครอบครัวมากจนไม่เหลือเวลาให้กับความสัมพันธ์อื่นอย่างเพื่อน เพื่อนร่วมงาน อะไรทำนองนั้นเลย ยิ่งคนไหนที่มีครอบครัวที่สมบูรณ์ซะจนไม่จำเป็นต้องมีอย่างอื่นมาเติมเต็มแล้ว ทำงานเสร็จก็คงอยากกลับบ้านไปพักผ่อน ไปกินข้าวฝีมือแม่บ้านคนสวยที่รออยู่ Cuddle กันให้หายเหนื่อย หรือไปทำหน้าที่สามีที่ดี พ่อที่ดี เพราะนั่นก็คืออีกหน้าที่หลังเลิกงานเหมือนกัน เท่านี้ชีวิตก็แทบจะไม่เหลือเวลาให้อย่างอื่นแล้ว ความสัมพันธ์ของเพื่อนจึงอาจถูกลดบทบาทลงไปบ้างนั่นเอง More than one thing to make friends ในตอนที่อายุยังน้อย เรามีเพื่อนเยอะแยะไปหมด เพื่อนสนิท เพื่อนห่าง ๆ เพื่อนของเพื่อน เดินเข้าร้านเหล้าทีทักกันตั้งแต่โต๊ะหน้าร้านไปยันโต๊มุมมืด หรือมีเพื่อนที่เล่นดนตรีเหมือนกัน เล่นบอลเหมือนกัน แค่คอเดียวกันก็พร้อมจะกอดคอเป็นเพื่อนกันได้แล้ว