เมื่อพูดถึงการสูญเสียของมนุษยชาติ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงสงครามโลก สงครามนิวเคลียร์ หรือการก่อการร้าย แต่แท้จริงแล้วการสูญเสียประชากรโลกอย่างมหาศาลเกิดขึ้นจากโรคระบาดมากกว่า จำนวนผู้คนหลายร้อยล้านจากไปด้วยเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงในเวลานี้ที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตไวรัสอีกครั้ง UNLOCKMEN จึงอยากย้อนเวลากลับไปในอดีตเพื่อดูว่าก่อนหน้านี้มีโรคระบาดอะไรบ้างที่คร่าชีวิตของผู้คนจนนับไม่ถ้วน และความน่ากลัวของโรคระบาดที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดนั้นน่ากลัวไม่น้อยไปกว่าระเบิดนิวเคลียร์หรือรถถังของฝ่ายศัตรูช่วงสงคราม THE BLACK DEATH กาฬโรคสีดำจากสัตว์ฟันแทะ “ความตายสีดำ” “โรคห่า” หรือ “กาฬโรค” คือชื่อของโรคระบาดร้ายแรงเกิดจากแบคทีเรียเยอร์ซิเนีย เปสติส (Yersinia Pestis) ทั้งคนและสัตว์ก็สามารถติดเชื้อนี้ได้ โดยสัตว์ฟันแทะอย่างกระรอก กระจง กระต่าย และหนู มีเชื้อชนิดนี้อยู่ในร่างกายอยู่แล้ว เชื้อสามารถแพร่ไปตามอากาศ ผู้ป่วยกาฬโรคมักเกิดอาการหลากหลายแล้วแต่กรณี เช่น ต่อมน้ำเหลืองโตส่งผลให้มีไข้ หนาวสั่น ปวดหัวรุนแรง เกิดความผิดปกติทางระบบหายใจ บางคนไอเป็นเลือดจนอาจเสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยใกล้ตายผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นสีดำเพราะเลือดคั่งบริเวณหนังกำพร้า จึงทำให้ใคร ๆ ต่างเรียกกาฬโรคว่าความตายสีดำ ด้วยความรุนแรงทำให้ผู้ป่วยสามารถตายได้ใน 24 ชั่วโมง ส่งผลให้กาฬโรคเป็นแบคทีเรียคร่าชีวิตของผู้คนจำนวนมากที่ยากจะมีเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียชนิดอื่นมาสู้ได้ แรกเริ่มที่มีการบันทึกประวัติศาสตร์โลกพบว่ากาฬโรคหรือโรคห่าเกิดขึ้นครั้งแรกในจักรวรรดิไบแซนไทน์ และแพร่กระจายไปถึงอียิปต์ เอเชียกลาง และเข้าสู่กลางกรุงคอนสแตนติโนเปิลอันโด่งดัง ผู้คนล้มตายกันวันละเป็นหมื่นคน กินเวลานานกว่า 50 ปี
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้สถานที่ออกกำลังของหนุ่ม ๆ หลายคนกำลังถูกจำกัดให้อยู่ในวงแคบลงเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้สถานที่อย่างฟิตเนสจำเป็นต้องปิดให้บริการ และล่าสุดสวนสาธารณะซึ่งเป็นสถานที่สำหรับวิ่งและยืดเส้นยืดสายของใครหลายคนก็ต้องปิดลงชั่วคราว ทั้งหมดทำให้ “การออกกำลังภายในบริเวณบ้านหรือที่พัก” เป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญมากขึ้น ซึ่งสาเหตุนี้ส่งผลให้ผู้ชายหลายคนเลือกสั่งซื้ออุปกรณ์อย่าง ดัมเบล เคตเทิลเบล รวมไปถึงเสื่อโยคะมาเตรียมไว้ที่บ้าน แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีอุปกรณ์ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำท่าออกกำลังควบคู่กับเฟอร์นิเจอร์และมุมต่าง ๆ ภายในบ้านแบบไม่ต้องเสียตังค์ซื้ออุปกรณ์ใด ๆ แต่จะมีท่าออกกำลังสำหรับกล้ามเนื้อส่วนไหนบ้าง มาเรียนรู้ไปพร้อมกันเลย เก้าอี้ (Chair) Calf Raise เริ่มกันที่ Calf Raise กับเก้าอี้ ท่าออกกำลังเบา ๆ ที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อน่องให้แข็งแรง พร้อมกันการฝึก Calf Raise ร่วมกับเก้าอี้ยังช่วยเรื่องการทรงตัวสำหรับคนที่ยังไม่เชี่ยวชาญอีกด้วย เตรียมฝึก Calf Raise ด้วยการยืนด้านหลังเก้าอี้ โดยหันส่วนพนักพิงเข้าหาลำตัว มือทั้ง 2 ข้างจับพนักพิงเพื่อประคอง ก่อนออกยกส้นเท้าพร้อมกับลำตัวขึ้น เกร็งส่วนน่องค้างไว้ประมาณ 3 วินาที ทิ้งน้ำหนักลงและทำซ้ำจนครบเซต Bulgarian Split Squat
ในช่วงที่คนค่อนประเทศต้อง Work from Home กันแบบไม่มีกำหนด อันเนื่องมาจากวิกฤต COVID-19 ที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ฝั่ง HR ของบริษัทเองก็รีบเร่งหาคนมายัดตำแหน่งที่ว่างอย่างเหน็ดเหนื่อยไม่แพ้กัน แม้บางบริษัทจะปิดตัวลงหรือเลิกจ้างพนักงานบางส่วนเพื่อถ่วงดุลรายรับรายจ่ายในช่วงวิกฤต แต่ยังมีหลายบริษัทที่อาศัยจังหวะเดียวกันนี้เปิดรับสมัครพนักงานเพิ่ม เตรียมรอพลิกวิกฤตเป็นโอกาสและวางแผนการทำงานในอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ บริษัทจำนวนมากจึงหันมาใช้การสัมภาษณ์งานออนไลน์แทนการสัมภาษณ์งานแบบปกติ บอกเลยว่าการสัมภาษณ์งานออนไลน์เป็นอีกวิธีคัดกรองคนที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะผู้สมัครสามารถสัมภาษณ์งานได้จากที่บ้าน ประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาเดินทาง แถมยังสอดคล้องกับการเว้นระยะห่างจากสังคม หรือ Social Distancing ที่ชาวโลกกำลังให้ความสำคัญอยู่ตอนนี้ ดูเผิน ๆ แล้วการสัมภาษณ์งานออนไลน์จะแทบไม่ต่างอะไรจากการสัมภาษณ์ปกติ แต่ผู้สมัครจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่ต่างออกไป และอาจซ่อนรายละเอียดยิบย่อยที่หนุ่มมนุษย์เงินเดือนหลายคนไม่รู้ก็ได้ วันนี้ UNLOCKMEN เลยจะมาถามจากปาก HR ให้เคลียร์ ว่าการสัมภาษณ์งานออนไลน์ที่ดีควรเป็นแบบไหนและผู้สมัครคนใดที่จะถูกใจบริษัท? ในช่วงวิกฤตแบบนี้คิดอย่างไรกับการที่บางบริษัทเลิกจ้างคน ขณะที่บางบริษัทเร่งหาคนเพิ่ม? HR Manager, Marketing Agency: ถ้าบริษัทที่ได้รับผลกระทบไม่มากก็คงไม่ได้อยากเลิกจ้างและอาจขอความร่วมมือให้ปรับลดเงินเดือนแทน แต่ถ้าบริษัทนั้น ๆ ถึงขั้นต้องเลิกจ้างพนักงานก็คงได้รับผลกระทบมาหนักจริง ๆ ส่วนตัวคิดว่าบริษัทที่กำลังรับคนเพิ่มในตอนนี้เป็นเพราะมีโปรเจกต์พิเศษ รับสมัครพนักงานแบบลูกจ้างชั่วคราว ไม่ก็การสื่อสารในองค์กรเกี่ยวกับนโยบายการทำงานในช่วง COVID-19 ยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ จนทำให้พนักงานแห่กันลาออกยกทีม HR, Digital
COVID-19 เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของมนุษย์เกือบทุกชีวิตบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้ ทั้งวิธีการทำงาน วิธีการกิน วิธีการจับจ่ายใช้สอย ไปจนถึงวิธีการที่เราปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว แต่ใครจะรู้ว่า COVID-19 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่โลกอันเป็นรูปธรรมที่เราจับต้องได้เท่านั้น แม้แต่ “โลกความฝัน” ก็ถูก COVID-19 เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงได้เช่นกัน บิดเบี้ยวและหงิกงอ: เมื่อความจริงตามไปหลอกหลอนถึงความฝัน นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เราเริ่มฝันแปลก ๆ (แปลกออกไปแบบที่ปกติไม่ค่อยได้ฝัน) ทีแรกคิดว่าเป็นอยู่คนเดียว จนเริ่มถามคนรอบตัว เราเริ่มฝันถึงซอมบี้ที่ตามไล่ล่าเรามากขึ้น เราฝันถึงวันสิ้นโลกบ่อยขึ้น บางคนฝันถึงโลกดิสโทเปียที่ล่มสลาย และสถานที่ที่ผู้คนกำลังจะตาย แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ในหมู่คนไทยเท่านั้นที่ความฝันเริ่มพิลึกพิลั่นไปทุกที ๆ ในโซเชียลมีเดียเริ่มมีการตั้งคำถามลอย ๆ ว่ามีใครคิดว่าตัวเองฝันผิดเพี้ยนไปช่วงนี้บ้าง? และคำตอบทำให้เรารู้ว่า COVID-19 ได้แพร่ไปในความฝันของคนทั่วโลกแล้วจริง ๆ Gus Jacobson คุณครูสอนโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในประเทศแคนาดาเล่าว่าในฝันโรงเรียนที่เขาสอนอยู่นั้นแปลกไป มันดูลึกลับและคล้ายว่าจะมีสิ่งน่าสะพรึงกลัว ผนัง โต๊ะเรียน ดูผุพังและส่งกลิ่นเน่าเหม็น “มันเหมือนเวลาคุณเดินเข้าไปในป่า และเจอเข้ากับตอไม้เหม็นเน่าที่ดูเละย้วย จนคุณสามารถทำให้มันลงไปกองแฉะได้แค่ใช้แรงเพียงนิดเดียว” เขาอธิบาย ไม่มีใครอยู่ในบริเวณโรงเรียนเลย และเขาสัมผัสได้ว่าตัวเขาก็ไม่ควรมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่นั่น วินาทีที่ Jacobson ลืมตาตื่น เขารู้ว่ามันเป็นความฝัน แต่ที่แย่คือเขาฝันแบบนี้ซ้ำ ๆ ตั้งแต่การเริ่มระบาดของ
เมื่อ 21 ปีก่อน แฟนคลับเกมตระกูลผีชีวะหรือ Resident Evil ได้ทำความรู้จักกับเกมภาค Resident Evil 3 เป็นครั้งแรก ความนิยมของเกมภาคดังกล่าวยังคงตรึงใจใครหลายคนมาจนถึงปัจจุบัน และในที่สุดค่ายเกม Capcom ก็ขอหยิบของเก่าจากปี 1999 มาเล่าใหม่ ด้วยการคงบรรยากาศเดิมชวนคิดถึง เราจะได้เห็นจิล วาเลนไทน์ ที่หลบหนีการตามล่าจากเนเมซิสจนมาพบกับคาร์ลอสอีกครั้งผ่านกราฟิกทันสมัยขึ้นผิดหูผิดตา แม้ว่า Resident Evil 3: Remake จะเป็นของเก่าเล่าใหม่ แต่พอข่าวเรื่องการสร้างเกมผีชีวะภาค 3 อีกครั้ง ผู้คนจำนวนมากก็ให้ความสนใจกันล้นหลาม นักเล่นเกมจำนวนมากรอคอยจะได้เล่นเกมในตำนานและย้อนกลับไปยังเหตุการณ์คืนวันที่ 28 กันยายน 1998 ในเมือง Raccoon City กันอีกครั้ง Resident Evil 3: Remake เล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์คฤหาสน์ชานเมือง เมื่อ T-Virus แพร่กระจายไปสู่ชุมชน Raccoon City ด้วยฝีมือของ Umbrella บริษัทขนาดใหญ่เวชภัณฑ์ผู้ผลิตอาวุธชีวภาพ เจ้าหน้าที่หน่วยสตาร์จิล วาเลนไทน์ (Jill
ในปัจจุบันนี้หน้ากากอาจกลายเป็นสิ่งที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อรวมไปถึงฝุ่น PM 2.5 ซึ่งใคร ๆ เขาก็ทำกัน แต่หากมองย้อนกลับไม่กี่ปีที่ผ่านมา การใส่หน้ากากคงไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปที่ใคร ๆ ก็ใส่กัน โดยเฉพาะในกลุ่มนักดนตรีระดับโลกทั้งหลาย ที่ส่วนใหญ่จะมาถึงจุดที่เรียกว่าโด่งดังได้นั้น อาจจะต้องใช้ใบหน้าอันหล่อเหลาเข้าช่วยบวกกับความต้องการให้คนทั่วไปจดจำใบหน้าของตัวเองได้ซึ่งก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร เพียงแต่มันอาจใช้ไม่ได้กับวงดนตรีทั้ง 8 วงนี้ เพราะนอกจากพวกเขาเลือกจะใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองแล้ว การปกปิดตัวตนและใบหน้าให้ลึกลับกลับช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ และเป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้นอีก วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าพวกเขาเหล่านี้ว่าจะเป็นวงอะไรกันบ้าง ทำไมพวกเขาต้องใส่หน้ากากทุกครั้งที่ออกสู่สาธารณชน 1. The Residents 44 ปี มาแล้วสำหรับวงดนตรีที่ชื่อว่า The Residents กับการเก็บตัวตนสุดลึกลับของพวกเขาเอาไว้ภายใต้หน้ากาก The Residents ก่อตั้งขึ้นในโรงเรียนมัธยม Shreveport รัฐ Louisiana และขยับขยายย้ายถิ่นไปมีชื่อเสียงอยู่ที่ California อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงรักษาความลึกลับของหน้าตาที่แท้จริงเอาไว้ภายใต้หน้ากากรูปลูกตากับหมวกนักมายากลมาเสมอ เพราะเขาต้องการให้คนสนใจที่ผลงานเพลงมากกว่าที่จะมาสนใจที่ตัวพวกเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา The Residents ปล่อยผลงานเพลงออกมาแบบบ้าพลังถึง 40 ชุด รวมไปถึง Multimedia Collection อีกมากมาย 2. Slipknot วง
ไม่ได้ออกนอกบ้านก็ใช่ว่าจะต้องปล่อยให้หยากไย่มันมาเกาะกล้องตัวโปรดของเราเสมอไป สถานการณ์นี้เราคงต้องบอกว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายก็ได้เพราะว่าตอนนี้หลายเพจดัง ๆ แห่เปิดสอนสกิลออนไลน์ฟรีเพียบ เพื่อให้คนที่อยู่บ้านทั่วโลกสามารถเข้าไปเรียนเสริมทักษะด้านต่าง ๆ ได้ และแน่นอน “นิกร” ของเราเองก็เปิด NIKON SCHOOL ให้เรียนฟรีผ่านคลิปจากเซียนกล้องระดับพระกาฬเฉพาะในเดือนนี้เท่านั้น! ย้ำว่าเฉพาะเดือนนี้ ชาว UNLOCKMEN สายนิกร นับนิ้วกันไปว่าเหลืออีกกี่วัน ในเว็บไซต์เปิดหมดเปลือกเรื่องเทคนิคให้เราได้ปัดฝุ่นหยิบมาทำตาม บอกเลยว่าพอรู้ข่าวนี้ มือที่กำ NIKON ไว้มันสั่นไปหมด มีโปรแกรมอะไรลองเล่นบ้าง ไป challenge มันด้วยกันเลย Creator’s Mindset: Creating Video Content with Z 50 ผู้สอน: KITTY PETERS งานดีมันต้องเริ่มตั้งแต่หลักคิด ดังนั้นใครที่เคยตันตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวคอร์สนี้ถือเป็นคอร์ส Beginning ชั้นดีที่ทำให้คุณสามารถสร้างวิดีโอด้วยกล้อง Nikon ได้ง่าย ๆ สำหรับอุปกรณ์ที่สาวสวยอย่าง Kitty Peters. เลือกมาใช้สอนในคอร์นี้คือ Z 50 ใครมีในบ้านก็หยิบมาลองตามได้เลย สิ่งที่จะพบในคอร์ส วิธีสร้าง storytelling
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในบ้านเรายังคงน่าเป็นห่วงจากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้งานบริการที่ต้องใกล้ชิดกับลูกค้าอย่างร้านตัดผมได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ จากคำสั่งปิดร้านไปในช่วงนี้ แน่นอนว่าการปิดให้บริการของร้านตัดผมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของทุก ๆ คน แต่ก็สร้างคำถามต่อว่าแล้วเราจะตัดผมกันที่ไหน ? วันนี้ UNLOCKMEN เชื่อว่ามีหนุ่ม ๆ หลายคนกำลังพบเจอกับผมที่กำลังยาวรุงรังจนรำคาญใจ แต่ในสถานการณ์ที่ร้านโปรดช่างประจำไม่สามารถให้บริการได้แบบนี้ การตัดผมด้วยตัวเองจึงเป็นอีกสกิลหนึ่งที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนลองทำกันดู และ SURVIVAL ครั้งนี้ได้รวบรวมเคล็ดลับและเทคนิคเบื้องต้นที่จำเป็นมาให้แล้ว จะต้องเตรียมตัวและมีวิธีการอะไรบ้างมาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน เตรียมอุปกรณ์และสถานที่ การตัดผมคงเริ่มต้นไม่ได้ถ้าอุปกรณ์ Home Barber ของเรายังมีไม่พร้อม เพราะถึงเป็นการตัดผมด้วยตัวเองที่บ้านแต่การตัดผมก็เป็นเรื่องที่ต้องการเครื่องมือเฉพาะ และวันนี้อุปกรณ์ที่เป็นพระเอกของงานคือปัตตาเลี่ยน (Clippers) ซึ่งทุกคนสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ในราคาที่มีตั้งแต่หลักร้อยไปถึงแบบชุดแบบครบคันในราคาหลักพัน แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อแบบครบชุดที่มาพร้อมหัวครบชุดเปลี่ยนแบบเรียงเบอร์ เราแนะนำให้ซื้อหัวปัตตาเลี่ยนเบอร์ที่ใช้ตัดที่ร้านบ่อยที่สุดติดตัวไว้จะเพราะช่วยให้การตัดผมเองง่ายดายมากขึ้น รวมถึงกรรไกรตัดผมด้วยมือข้างถนัดอย่างน้อยหนึ่งเล่มและหวี อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้คือ กระจก ที่ต้องการอย่างน้อย 1 บานเพื่อใช้ส่องด้านหน้าระหว่างตัด แต่สำหรับคนที่ต้องการตัดเองระยะยาวเราแนะนำให้ซื้อกระจกแบบ 3 ด้านที่ตอบโจทย์การตัดผมเองได้เลย เรื่องของสถานที่ แน่นอนว่าบ้านหรือห้องของเราอาจไม่มีมุมให้เลือกมากนักซึ่งไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะห้องน้ำคือคำตอบที่เหมาะสมเพราะไม่มีทั้งลม แถมยังฉีดน้ำทำความสะอาดเศษผมได้ง่าย สิ่งที่ควรระวังคือระดับแสงสว่างในห้องน้ำ เพราะแสงที่น้อยเกินไปอาจให้คุณมองเห็นความยาวและความสม่ำเสมอของผมไม่ชัดเจนระหว่างตัดได้ แต่สำหรับใครที่มีอุปกรณ์ สถานที่พร้อมก็ลุยต่อกันได้เลย ทำความรู้จักผม เลือกทรงและทำความสะอาด ก่อนจะลงมือหั่นผมทิ้งไป มาทำความรู้จักผมของตัวเองให้ดีขึ้นก่อน
แม้ในยุคนี้กระแสนิยมจะเทไปทางแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงอย่าง Netflix, HBO หรือ Amazon Prime Video แต่เชื่อว่ายังมีผู้ชายอีกหลายคนที่ไม่ได้สนกระแสและย้อนนึกถึงภาพยนตร์เก่า ๆ ในห้วงอดีตอยู่เสมอ เพราะภาพยนตร์แต่ละยุคล้วนมีพื้นหลังทางประวัติศาสตร์ กลวิธีถ่ายทำ และเส้นเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยกันทั้งนั้น ทว่ายุคที่โดดเด่นด้านการสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ ยุคที่เป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์หลากหลายแนว และยุคที่ได้ชื่อว่าแยกออกจากฮอลลีวูดยุคเก่าอย่างเต็มตัว คงต้องยกให้กับ ‘ภาพยนตร์แห่งยุค 70s’ ทำไมต้องเป็นภาพยนตร์ยุค 70s ? จริงอยู่ที่ในยุค 60s วงการจอเงินได้รับอิทธิพลจาก French New Wave หรือกลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์ฝรั่งเศส ที่เริ่มถ่ายหนังในสถานที่จริงแทนสตูดิโอ เน้นหนักเรื่องความเป็นธรรมชาติ และใช้เทคนิคการตัดต่อสุดล้ำอย่าง jump cut, insert รวมทั้งการถ่ายแบบ long take แต่ภาพยนตร์ยุค 70s กลับต่างออกไป เพราะในช่วงคริสต์ศตวรรษ 1970 เป็นช่วงที่อเมริกาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีสงครามและความไม่สงบกระจายตัวอยู่หลายแห่ง ในทางกลับกันดนตรี ศิลปะ หรือแม้แต่อุตสาหกรรมภาพยนตร์นั้นเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก บท เส้นเรื่อง รวมทั้งเนื้อหาของภาพยนตร์ในยุคนี้จึงเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมโดยรอบ เหล่าผู้สร้างภาพยนตร์ของยุค 70s ต่างสรรหาประเด็นหนัก
หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมารณรงค์ขอความร่วมมือให้ชาวโลกออกจากบ้านให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ รวมถึงหลายประเทศที่ออกมาตรการเด็ดขาดห้ามประชาชนออกมาข้างนอกตามเวลาที่กำหนด ดูเหมือนว่าความเครียดจะพุ่งสูงขึ้นทุกพื้นที่ เพราะการอยู่แต่ในบ้านอาจทำให้ผู้คนห่อเหี่ยวและหมดเรี่ยวแรง องค์การระดับโลกหลายแห่งพยายามหาทางออกของปัญหาวิกฤตไวรัส จึงทำให้องค์การอนามัยโลกยอมจับมือกับบริษัทผู้ผลิตเกมหลายแห่ง สนับสนุนให้ประชาชนที่กักตัวอยู่ในบ้านหันมาเล่นเกมออนไลน์ระหว่างที่รัฐบาลแต่ละประเทศกำลังเร่งจัดการไวรัสโควิด-19 ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 องค์การอนามัยโลกเคยระบุในคู่มือสำหรับการวินิจฉัยโรคระหว่างประเทศ หรือ The International Classification of Diseases (ICD) ที่ถือเป็นคู่มือสำหรับแพทย์ที่โลกว่าพฤติกรรมการติดเกม (Gaming disorder) ถือเป็นอาการป่วยทางสุขภาพจิตชนิดหนึ่ง ไม่ว่าคนคนนั้นจะติดจะเกมออนไลน์หรือวิดีโอเกมก็ตาม เหตุที่การติดเกมถูกระบุว่าเป็นอาการทางจิตเนื่องจากผู้เล่นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คนที่ติดเกมจะไม่สามารถแบ่งเวลาหรือจำกัดเวลาที่ตัวเองเล่นได้ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและส่งผลเสียต่อสุขภาพ ครอบครัว สังคม การเรียนหรือการทำงานในระยะยาว บางคนเมื่อขาดการเล่นเกมจะมีอาการ ‘ลงแดง’ ไม่ต่างกับคนที่เป็นพิษสุราเรื้อรัง ซึ่งการระบุว่าการติดเกมเป็นอาการทางสุขภาพจิตในคู่มือ ICD ถือเป็นการปรับปรุงเนื้อหาคู่มือในรอบ 27 ปี แต่เวลานี้องค์การอนามัยโลกออกมาบอกให้ประชาชนเริ่มเล่นเกมกันได้แล้ว อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกย้ำว่าคนที่ชอบเล่นเกมกับคนที่ติดเกมไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับคนที่ชื่นชอบดื่มเบียร์เป็นชีวิตจิตใจแต่ไม่เดือดร้อนหากไม่ได้ดื่มทุกวัน พวกเขากังวลว่าคนที่ดำดิ่งกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากไปจะทำให้เกิดปัญหาตามมาและส่งผลลบที่อันตรายเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าทุกคนชอบเล่นเกมจะมีความผิดปกติทางจิต สำหรับช่วงต้นปี 2020 ภาคธุรกิจเกมพบว่าเกมออนไลน์ได้รับความนิยมสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Boomberg) ที่รายงานเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินระบุว่าพบอัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตของชาวอิตาลีเพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลบังคับใช้กฎเข้มงวดที่ให้ประชาชนเฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้าน บริษัทที่ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่เป็นอับดับสองของสหรัฐอเมริกาอย่าง เวไรซอนไวร์เลสส์ (Verizon Wireless)