ถ้ามีคำถามว่ารถยนต์จากภาพยนต์เรื่องไหนที่แฟนหนังอยากครอบครองมากที่สุด เชื่อว่าคำตอบจะต้องมี Ford Mustang ปี 1969 รถจากภาพยนตร์ John Wick ภาคแรกรวมอยู่ด้วยแน่นอน และความอยากนั้นจะไม่ใช่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ อีกต่อไป เพราะตอนนี้โอกาสที่คุณจะได้เป็นเจ้าของมาถึงแล้ว Classic Recreation อู่คัสตอมรถฝีมือดีจากเมือง Oklahoma เปิดโอกาสให้คนที่อยากครอบครองรถยนต์ของยอดมือสังหารจอห์น วิค อย่าง Ford Mustang Mach ฉายา Hitman ที่พวกเขาสร้างขึ้น โดยมีรายละเอียดภายนอกทุกอย่างถอดแบบออกมาเหมือนกับรถยนต์ของป๋าวิคที่โลดแล่นอยู่ในหนัง รวมถึงรายละเอียดพิเศษสำหรับแฟนหนังโดยเฉพาะ Hitman ถูกสร้างขึ้นจากตัวถังของ Ford Mustang Mach 1 รุ่นปี 1969-1979 ที่ฟื้นฟูให้กลับมาใหม่เอี่ยมอีกครั้งในสีเทา Wick พร้อมล้อแม็กแบบ American Racing ขนาด 18 นิ้วหุ้มด้วยยาง Michelin Pilot Sport 2 ขุมพลังใต้ฝากระโปรงของ Hitman เป็นเครื่องยนต์ Ford
อาจนับเป็นโชคร้ายของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงอย่างเรา ๆ ที่แหงนหน้ามองฟ้าเมื่อไรก็ไม่เคยเห็นดาวชัดอย่างคนที่อื่นเขาสักที แต่ก็อาจนับเป็นโชคดีที่กรุงเทพมหานครแห่งนี้มีบาร์ดี ๆ ให้เราได้เอาความเศร้าที่ไม่เห็นดาวไปเททิ้ง โชคดีกว่านั้นถ้าบาร์ที่ว่านั้นตั้งอยู่บนดาดฟ้า แม้ไม่เห็นดาวเหมือนที่ไหน แต่การได้ดื่มด่ำเครื่องดื่มดี ๆ สักแก้ว (หรือหลายแก้ว) แล้วสบตากับแสงไฟระยับของเมืองหลวงก็ช่วยปลอบโยนความเหนื่อยล้าให้คลายลงไปได้บ้าง Dumbo Bkk คือหนึ่งในบาร์ที่เราว่า บาร์แจ๊ซย่านสะพานควายที่เราอยากชวนคนเหงาแห่งมหานครมาดื่มด่ำบรรยากาศบนดาดฟ้า พร้อม ๆ กับสบตาแสงไฟวาววามจากตึกสูงใหญ่ (แทนการสบตาดวงดาวบนฟ้า) ไปด้วยกัน ดังนั้นเพื่อแลกกับการเห็นวิวจากมุมสูง บาร์ตั้งอยู่บนชั้น 6 ของตึก INN-Office Building ย่านสะพานควาย การค่อย ๆ ไต่ระดับบันไดขึ้นไปทีละขั้น ๆ ช่วยเพิ่มระดับความถี่ของลมหายใจ กว่าจะถึงชั้น 6 ก็ต้องยอมรับว่าหอบไปหลายตลบ แต่วิวท้องฟ้าฉาบทาสีส้มอมชมพูของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบตึกกลางเมืองกรุงก็ช่วยให้หายเหนื่อยได้ราวปลิดทิ้ง เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อย่าน Dumbo ที่กรุงนิวยอร์ก Dumbo Bkk จึงเป็น Jazz & Vinyl Bar ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งมหานครนิวยอร์ก โดยเฉพาะการตกแต่งภายในร้าน ทั้งโปสเตอร์บนผนังซึ่งนับเป็นรายละเอียดที่แสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถัน ทั้งภาพ Abraham Lincoln อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
การใช้ชีวิตก็คงแทบไม่ต่างอะไรจากการเดินทางผจญภัย อาจมีบางครั้งที่เราขับเคลื่อนชีวิตราบรื่นไปบนถนนราบเรียบที่ถนัด แต่บางทีก็ต้องเผชิญถนนขรุขระที่ท้าทายและไม่ชอบใจ แต่ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ชายอย่างเราคงรู้สึกจำเจไม่น้อยเลย ถ้าไม่กล้าขับออกจากถนนเส้นเดิม ๆ เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจหรือประสบการณ์แปลกใหม่ที่รอคุณอยู่ในอีกเส้นทางหนึ่ง แล้วจะดีแค่ไหนถ้ามีทริปเจ๋ง ๆ ที่พาคุณออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างแดน มอบประสบการณ์ขับขี่ระดับโคตรมันส์ และตื่นเต้นเร้าใจจนทำคุณเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ อัยเยโพล่ก (Arjeplog) จุดหมายปลายทางของนักล่าแสงเหนือ สวีเดนไม่ได้โด่งดังแค่ชนเผ่านักเดินเรือไวกิงระดับตำนาน แต่ประเทศกลุ่มนอร์ดิกบนคาบสมุทรสแกนดิเนเวียแห่งนี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักล่าแสงเหนือทั่วโลก โดยเฉพาะ อัยเยโพล่ก (Arjeplog) เมืองทางตอนเหนือของสวีเดนที่มีแสงเหนือให้เห็นมากถึง 200 วัน/ปี นอกจากที่นี่จะเป็นจุดชมแสงเหนือยอดนิยม อัยเยโพล่กยังได้ชื่อว่าเป็นสนามทดสอบรถยนต์ฤดูหนาวที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย รวมปรากฏการณ์น่าอัศจรรย์ของธรรมชาติและกิจกรรมโลดโผนที่ผู้ชายเราหลงใหลเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว JOY GO ///M ON ICE 2020 – Arjeplog ทริปในฝันและประสบการณ์ขับขี่ที่ลืมไม่ลง ท่ามกลางมวลหิมะที่ปกคลุมและอุณหภูมิเย็นยะเยือกของอัยเยโพล่ก บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จัดทริป ‘JOY GO ///M ON ICE 2020 – Arjeplog’ เมื่อวันที่ 28 มกราคมถึง 4 กุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมาชวนสาวก
Czinger ค่ายผลิตซูเปอร์คาร์จากแคลิฟอร์เนียเปิดตัวไฮเปอร์คาร์คันล่าสุดของค่ายในชื่อ 21C โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Kevin Czinger ได้นำเทคโนโลยี 3D-Printing มาร่วมใช้งานเพื่อให้ได้โครงสร้างรถที่มีน้ำหนักเบาที่สุด งาน 3D-Printed เข้ามีส่วนช่วยในขั้นตอนการสร้างชิ้นส่วน Czinger 21C เกือบทั้งหมดตั้งแต่โครงยึดช่วงล่าง โครงสร้างกระจกด้านหน้า ไปจนถึงแผงหน้าปัดภายในตัวรถ ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียมที่แข็งแกร่งทนทานแต่มีน้ำหนักเบา ดีไซน์ของ 21C ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะห้องโดยสารที่โค้งมนเป็นวงรี ด้านหน้ามีช่องดูดอากาศที่เชื่อมต่อกับซุ้มล้อขนาดใหญ่ หลังล้อหน้ามีช่องอากาศซึ่งจะปล่อยลมต่อไปยังช่องอากาศขนาดใหญ่ตรงซุ้มล้อหลังต่อไป ด้านหลังเป็นตะแกรงขนาดใหญ่และใช้ท้ายเป็นเล็กที่โฉบเฉี่ยว ห้องโดยสารของ CZinger 21C เป็นที่นั่งแบบ 1+1 คล้ายกับการนั่งซูเปอร์ไบค์ เพราะเน้นให้ประสบการณ์ตรงกับตัวผู้ขับขี่มากที่สุด ด้านขุมพลัง Czinger 21C เป็นไฮบริด ไฮเปอร์คาร์ที่มาพร้อมเครื่องไฮบริดที่มีพลัง 1250 แรงม้าและชุดเกียร์ 7-speed Transaxle เมื่อยกมาวางในรถรุ่นไลต์เวท Czinger เคลมว่าขุมพลังนี้ทำให้ 21C มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาที วิ่งควอเตอร์ไมล์ในเวลาเพียง 8.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 460 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ถ้าจะพูดถึงแบรนด์นาฬิกาคุณภาพที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์งานดีไซน์เฉพาะตัว กลไกการเดินเข็มที่ได้มาตรฐาน และมีชื่อเสียงระดับตำนานในแวดวงนาฬิกาโลก คงจะลืมชื่อของ ‘Seiko’ แบรนด์นาฬิกาจากแดนอาทิตย์อุทัยไปไม่ได้เลย แม้ Seiko จะมีประวัติศาสตร์ยาวนานและโลดแล่นเดินเข็มอยู่ในวงการนาฬิกามาเกือบ 140 ปี แต่แบรนด์นาฬิการายนี้ก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเรือนเวลาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่เริ่มต้นปี 2020 ด้วยการเปิดตัวคอลเลกชันนาฬิกาดำน้ำในตระกูล ‘Black Series’ ของไลน์อัป Seiko Prospex ก็ทำเอาหนุ่ม ๆ ทั่วโลกอยู่ไม่ติดเก้าอี้และกาปฏิทินรอวันวางจำหน่ายที่จะมาในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมปี 2020 นี้ แล้วตอนนี้ Seiko ก็ทำเราเซอร์ไพรส์อีกครั้ง เพราะบริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกา Seiko เตรียมขยายฐานการผลิตและประกาศเปิด Pop-up Store แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ Pop-up Store แห่งนี้จะตั้งอยู่ที่สยามเซ็นเตอร์ ชั้น M แหล่งรวมไลฟ์สไตล์และสินค้าแฟชั่นยอดนิยมของคนกรุงเทพฯ ภายในร้าน Seiko Pop-up Store มาพร้อมงานดีไซน์สุดเท่ ประดับตกแต่งร้านด้วย LED Track Light และโครงเหล็กสีดำเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือนเวลาจาก
“ครั้งหนึ่งในชีวิตเราต่างต้องเคยรู้สึกหวิวในใจเวลาได้ยินคำลาจากคนรัก” ว่ากันว่ามีใครสักคนเคยกล่าวประโยคชวนเลี่ยนนี้ ประโยคที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์เราต่างเกิดมาเพื่อตกหลุมรัก เสพสมความสุข และพบเจอกับความเจ็บปวด มันอาจจะจริงอย่างที่เขาเอ่ยว่าชีวิตของคนเราก็ต้องเคยตกหลุมรักหรือชอบใครสนคนด้วยกันทั้งนั้น อาจเป็นรักในวัยเรียน ความรู้สึกประทับใจกับใครสักคนตั้งแต่แรกเจอ หรือการเผลอใจรักคนใกล้ตัวที่เขามองว่าเราคือเพื่อนหรือพี่น้อง เพราะความรู้สึกรักเป็นสิ่งที่หลาย ๆ ครั้งมนุษย์ผู้เก่งกาจก็ไม่สามารถควบคุมได้ จึงทำให้เกิดคำคำหนึ่งที่จะนิยามถึงความเศร้าและเจ็บปวดเมื่อใครสักคนผิดหวังกับความรักอย่างคำว่า Lovelorn “LOVELORN” ภาษาวรรณกรรมที่นิยามถึง “การพลาดรัก” เมื่อเราตกหลุมรักจนลุกไม่ขึ้นเพราะถูกปฏิเสธ พอนำเรื่องเศร้านี้ไปคุยกับเพื่อนก็มักเรียกความรู้สึกนี้ง่าย ๆ ว่า “กูอกหักว่ะ” ส่วนภาษาอังกฤษจะพูดกันว่า “broken-hearted” หรือ “heartbroken” ซึ่งเป็นภาษาทั่วไปที่พอพูดใคร ๆ ก็เข้าใจตรงกันว่าเราผิดหวังจากความรัก แต่แท้จริงนิยามของคำว่าอกหักมันมีคำที่ลึกซึ้งมากกว่าการพูดว่าหัวใจเราแตกสลาย “lovelorn” มีความหมายไม่แตกต่างจาก “heartbroken” เท่าไรนัก แต่เมื่อ UNLOCKMEN ได้ลองเปิดพจนานุกรมเพื่อหาความแตกต่างระหว่างสองคำนี้ก็ได้พบว่า lovelorn นั้นลึกซึ้งกว่าเพราะมันคือคำที่นิยามถึง การพลาดรัก การถูกคนรักทอดทิ้ง รู้สึกหน่วง ๆ กลางใจจนพาลให้เกิดอาการซึมเศร้าจากรักที่ไม่สมหวัง รักไม่สมหวังยังสามารถขยายความได้อีกว่า พลาดรักจากการที่เราไปรักคนที่เป็นไปไม่ได้ พลาดรักจากการสูญเสียคนรัก แต่ถ้าเป็น heartbroken ก็จะบอกแค่ว่าเราช้ำใจ ผิดหวัง และเสียใจมาก อาจใช้บรรยายความเจ็บช้ำที่เจอมาได้ไม่มากเท่ากับคำว่า lovelorn
หลังจากเฝ้ารอกันมาพักใหญ่ในที่สุด Supreme แบรนด์สตรีตแฟชั่นชื่อดังก็เปิดตัวคอลเลกชัน Spring/Summer 2020 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยนำเสนอผ่าน Lookbok พื้นหลังขาวเรียบง่ายเพื่อให้หนุ่ม ๆ สายแฟชั่นที่รอคอย ได้เห็นรายละเอียดของไอเทมแต่ละชิ้นอย่างเต็มตา เมื่อ Supreme นำเสนอไอเทมทุกชิ้นจากคอลเลกชันล่าสุด UNLOCKMEN พบว่ามีไอเทมรวมกันเป็นร้อยชิ้น เราจึงขอแนะนำไอเทมที่น่าสนใจทั้งหมด 10 ชิ้น ของ Spring/Summer 2020 เพื่อดูว่ามีชิ้นไหนเด็ดเข้าตาและชิ้นไหนกำลังกลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกโซเชียล SUPREME x NIKE AIR FORCE 1 LOW ไอเทมที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือรองเท้าผ้าใบที่ Supreme กับ Nike ร่วมมือกันอย่างสนีกเกอร์สองคู่สีขาว-ดำ ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุหนังคุณภาพพรีเมียม โดดเด่นด้วยเชือกรองเท้าที่มีกราฟิตี้ชื่อแบรนด์ชวนลายตา เชือกสีแดงสำหรับรองเท้าสีขาว ส่วนเชือกรองเท้าสีดำจะถูกจับคู่กับรองเท้าสีเดียวกัน และประทับแถบโลโก้ Supreme สีแดงสดไว้บริเวณด้านข้างของรองเท้าเพื่อเน้นย้ำว่าโมเดล Air Force 1 Low ได้แบรนด์ Supreme มาร่วมดีไซน์ด้วย SUPREME x OREO
เคยเรียนในห้องเรียน ทุกคาบไม่รู้ครูจะสปีดไปไหนทั้งวิชาเลขและวิชาอื่น ๆ บางทีแจกมาในชีทก็หาคำตอบไม่ทันและไม่อยากไปนั่งพลิกหน้าหนังสือให้เสียเวลา ตอนนี้ Google เขาเลยพัฒนาแอปพลิเคชันชื่อ Socratic ออกมาช่วยให้การทำการบ้านที่โรงเรียนเป็นเรื่องง่าย ๆ Socratic เป็นแอปพลิเคชันรูปนกฮูกที่พัฒนาโดย Google มาช่วยให้นักเรียนสามารถหาคำตอบของการบ้านได้ผ่านมือถือ เพียงแค่สแกนคำถามผ่านการถ่ายภาพง่าย ๆ และกด ‘Go’ ระบบก็จะประมวลคำถามและหาคำตอบให้เราได้ ความเจ๋งของมันคือ แม้มันจะใช้วิธีหาด้วยระบบ google ก็จริงเวลาที่คำถามเป็นประโยคคำถามทั่วไป แต่สำหรับโจทย์เลข มันสามารถช่วยแสดงวิธีทำให้เราเห็นการคิดแต่ละขั้นตอนได้ด้วย ดังนั้น ไม่ว่าจะติดสแควรูท ( √ ) โจทย์ log หรือพีทาโกรัสก็แจกแจงมันไว้ได้อย่างละเอียด จนทำตามได้แม้โจทย์จะเป็นวิธีทำ ส่วนฟังก์ชันเสริม ถ้าเรา scroll หน้าจอขึ้นจะเห็นว่ามีสูตรและการสรุปเพื่ออธิบายเป็นแผนภาพที่ช่วยให้เราสามารถเรียนรู้แต่ละวิชาได้ง่าย ๆ เหมือนมีครูสอนพิเศษเรานอกห้องเรียนอีกต่อได้ โดยมีทั้งวิชาชีววิทยา เคมี พีชคณิต เรขาคณิต บันเทิงคดี สารคดี ประวัติศาสตร์อเมริกา จนถึงประวัติศาสตร์โลกให้เลือก อุปสรรคของการใช้บทสรุปเหล่านี้คือคำอธิบายทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ จึงอาจจะไม่เหมาะสำหรับนักเรียนที่ไม่สันทัดภาษาอังกฤษนัก แต่ถ้าพูดกันตามเนื้อผ้าแค่ฟังก์ชันถ่ายภาพค้นหาคำตอบใน Google ด้วยแอปฯ นี้มันก็ช่วยย่นระยะเวลาลงจากการพิมพ์ search
การหลบไปทำอะไรตามลำพังบางครั้งบางคราวเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกอยากกินข้าวคนเดียว อยากนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ หรือต่อกันพลา เพราะเราต่างต้องการเวลาส่วนตัวกันทั้งนั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่การกระทำบางสิ่งด้วยตัวคนเดียวส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผู้อื่น เมื่อนั้นโลกจะเรียกคุณว่า ‘lone wolf’ ปัจจุบันเรามักพบเจอกับความรุนแรงและการก่อการร้ายในสังคมอยู่บ่อยครั้ง บ้างอาจเป็นทีมหรือลัทธิความเชื่อสุดโต่งก็ร่วมกันวางแผนก่อเหตุสะเทือนขวัญและก็มีหลายครั้งที่เหตุร้ายเกิดขึ้นจากฝีมือคนคนเดียว ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ UNLOCKMEN เริ่มขุดคุ้ยถึงที่มาของคำว่า ‘lone wolf’ ที่เห็นบ่อยครั้งตามหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อหาคำตอบว่าหมาป่าเดียวดายที่ถูกสังคมถีบออกมามีเรื่องราวและความเป็นมาอย่างไร หมาป่าเดียวดายส่วนใหญ่บาดเจ็บจากสังคม ความหมายแรกเริ่มของคำว่า ‘lone wolf’ หรือ ‘หมาป่าเดียวดาย’ ไม่ได้ถูกมองแง่ลบเหมือนปัจจุบัน แต่เป็นคำจำกัดความสำหรับเรียก ‘คนที่ชอบทำอะไรคนเดียว’ ไม่ว่าจะกินข้าวคนเดียว ไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวก็สามารถเรียกว่า lone wolf ได้ทั้งนั้น เมื่อลองสืบหาต้นตอของคำคำนี้จริง ๆ พบว่า lone wolf อ้างอิงมาจากลักษณะนิสัยของหมาป่าที่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อนไม่ต่างจากมนุษย์ และเกือบทุกกลุ่มก็มักมีหมาป่าบางตัวที่ถูกขับออกจากฝูง ทำให้นิสัยของหมาป่าเดียวดายส่วนใหญ่ที่ถูกขับ มักชอบลงมือทำอะไรเสี่ยง ๆ เพราะไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าเทียบกับคนสามารถเห็นได้ชัดกับกรณีคนผิวสีอยู่ท่ามกลางคนขาวทำให้คนผิวสีที่เป็นส่วนน้อยรู้สึกแปลกแยก จึงทำให้ความหมายของ lone wolf ออกไปในเชิงลบมากกว่าบวก ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปคำว่าหมาป่าเดียวดายไม่ได้แปลว่าคนที่ชอบทำอะไรคนเดียวอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของ ‘การก่อการร้ายแบบลุยเดี่ยว’ ให้ความหมายเชิงลบดำมืด โดย
“คอนเนกชัน” คืออีกกุญแจหนึ่งที่จะไขบานตูแห่งโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิตลูกผู้ชายอย่างเรา คอนเนกชันไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีความสามารถ แต่มันหมายถึงการที่เราทำความรู้จักคนที่เหมาะสม ผูกมิตรภาพและใช้ใจแลกใจจนเกิดเป็น “คอนเนกชันที่ดี” ซึ่งจะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ความสามารถและผลงานของเราไปอยู่ถูกที่ถูกทางได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตามคอนเนกชันไม่ได้ลอยมาจากอากาศ การรู้จักสร้างคอนเนกชันให้เหมาะสมก็ถือเป็นอีกความสามารถหนึ่งที่เราต้องเรียนรู้และฝึกฝน เพื่อให้ทุกปาร์ตี้ ทุกการสังสรรค์ หรือทุกงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยคอนเนกชันให้เก็บเกี่ยว เราจะได้สร้างบทสนทนาได้ลื่นไหล วางตัวได้ราบรื่น และเข้ากับผู้อื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด “ตรงกลาง” คือตำแหน่งสำคัญ หลายคนคิดว่าการสร้างคอนเนกชันจากบทสนทนานั้นมีแค่สกิลการพูดเท่านั้นที่สำคัญ จนหลงลืมไปว่า “ตำแหน่งที่เราเลือกอยู่” ในงานสังสรรค์หรืองานทางธุรกิจนั้น ๆ ก็สำคัญและมีความหมายไม่แพ้กัน เราเข้าใจดีว่าการไปในที่ที่เราไม่รู้จักใครเลย และหลาย ๆ คนก็มากันเป็นกลุ่มหรือดูจะรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว การเลือกเดินเข้าไปที่มุมห้อง แล้วยืนมองใครต่อใครจากมุมนั้นมันให้ความรู้สึกอุ่นใจกว่า แต่ในความอุ่นใจนั้นก็เป็นการตัดโอกาสของตัวเราเองเช่นกัน เพราะในปาร์ตี้ที่ต่างคนต่างต้องการหาคอนเนกชันและคนส่วนใหญ่อาจแปลกหน้าต่อกันนั้น ไม่มีใครเดินข้ามห้องจากมุมหนึ่งไปมุมหนึ่ง (โดยเฉพาะเมื่อสถานที่นั้นกว้างใหญ่) เพื่อหาคนที่อยากคุยโดยเฉพาะ แต่ผู้คนมักเลือกคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา คนที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา หรือคนที่มองเห็นได้ง่าย ไม่ต้องสอดส่ายสายตาหาให้เหนื่อย การเลือกยืนตรงกลางห้องจึงถือเป็นตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมา หรือมองมาจากมุมไหนก็เห็นและง่ายต่อการที่ทั้งเราและเขาจะเริ่มต้นทำความรู้จักกัน ซึ่งมีประสิทธิภาพกว่าการไปยืนอยู่มุมห้องรอใครเดินเข้ามา และจบลงด้วยการยืนไถมือถืออย่างเหงา ๆ จนจบงาน ถ้าไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาแบบไหนให้ “ชื่นชม” คนอื่น บางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปเริ่มต้นบทสนทนากับคนแปลกหน้า หรือแม้แต่การยืนกลางห้องแล้ว แต่ถ้าไม่มีใครมี Eye Contact