ถือว่าเป็นปีที่ร้อนแรงมาก ๆ ของแบรนด์ Kith แฟชั่นสตรีตจากอเมริกาก่อตั้งขึ้นโดย Ronnie Fieg ดีไซเนอร์ชาวผิวสีที่มองว่าการเดินเข้าช็อปแฟชั่นสตรีตสักร้านมันควรจะมีไอเทมทุกอย่างรองรับสุภาพบุรุษสายแฟชั่น ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจับมือปล่อยคอลเลกชันเครื่องแต่งกายสุดพิเศษกับภาพยนตร์มาเฟียในตำนานจากปี 1972 เรื่อง The Godgather และแบรนด์สนีกเกอร์ New Balance ไปหมาด ๆ ล่าสุดไม่รอช้าต่อยอดกระแส ตีเหล็กตอนกำลังร้อนด้วยการจับมือกับแบรนด์นาฬิการะดับตำนานของญี่ปุ่นอย่าง Casio เพื่อสร้างสรรค์เรือนเวลา G-Shock ที่โดดเด่นกว่าใคร มีใครสักคนเคยกล่าวไว้ว่า “นาฬิกา G-Shock อาจเป็นเรื่องไกลเกินตัวที่จะทะยานเข้าสู่วงการไฮเอนด์ฯ” คนที่เอ่ยประโยคนี้อาจมองว่า G-Shock เป็นนาฬิกามหาชน สามารถสวมใส่ได้แทบทุกวัยทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เลยทำให้ G-Shock ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ความหรูหราได้เท่าไรนัก แต่ Kith มีมุมมองแตกต่างออกไป และเจ้าของแบรนด์อย่าง Ronnie Fieg ก็มองว่าความเป็นนาฬิกามหาชนจากแบรนด์ Casio สามารถเติบโตด้วยดีไซน์หรูหราแต่ราคาเอื้อมถึงได้เช่นกัน นาฬิกา G-Shock เรือนพิเศษเกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ของ Kith x G-Shock ได้ไอเดียจาก Ronnie Fieg ที่ตัดสินใจนำโลหะมาประกอบเข้ากับเรือนเวลารุ่น DW-6900
คนที่คุ้นกับการเล่นเกมภาพสวย แอ็กชันโหดอย่าง PUBG หรือ Rov มาจนเหนื่อยถึงเวลาแล้ว ถึงเวลามาเบรกตามเทรนด์กันหน่อยด้วยการเล่นเกมแอ็กชันล่าสุดอย่าง “เกมหนอน” เกมสีสันสดใสที่จะว่าง่ายก็ไม่ใช่ และฆ่าเวลาเราได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังเป็นเกมยอดนิยมของ Game Casters ไทยช่วงนี้จนเรียกได้ว่าแทบทุกที่ต้องมี แม้พอพูดว่าเป็นเกมหนอนปุ๊บ เราจะนึกถึงภาพของเกมงูคลาสสิกของ Nokia 3310 ที่กินจุดเพื่อเพิ่มความยาว ทันที แต่สำหรับยุคดิจิทัล เกมหนอนที่แค่ขยายความยาว เล่นคนเดียวลำพังมันธรรมดาไป จึงเกิดเป็นเกมแอ็กชันที่หนอนสามารถกินขยายร่างให้ทั้งอ้วนและยาวและสามารถสู้กันได้บนโลกออนไลน์ขึ้น หลักการเล่นของเจ้าหนอนจอมเขมือบเหล่านี้วิธีการเล่นก็ไม่ยาก แค่กินจุด ขนม หรือบรรดาสิ่งต่าง ๆ ที่กระจายในแมปไปเรื่อย ๆ จนร่างกายเราเริ่มขยาย โดยระหว่างนั้นต้องระวังอย่าให้หัวหนอนเราไปจนกับหนอนตัวอื่นของ Player คนอื่นและต้องพยายามดักให้หนอนตัวอื่นมาชนตัวเราเพื่อให้พวกนั้นตาย ซึ่งเมื่อตายปุ๊บ พวก Player ที่เกมโอเวอร์เหล่านั้นจะกลายเป็นซากสีรุ้งให้เรากินต่อ และพอกินซากพวกนี้แล้วตัวเราจะใหญ่ขึ้นกว่ากินขนมหรือกินจุด แผนสังหารของหนอนเหล่านี้บางคนอาจจะอาศัยว่าพอเราตัวใหญ่ก็จะไปล้อมหนอนตัวเล็กกว่าตัวอื่นเพื่อบีบให้หนอนเหล่านั้นชน หรืออาจจะใช้อีกวิธีคือการไต่เลียบขอบเฟรม (ห้ามชน) เพื่อดักหนอนตัวอื่นที่มาทางเดียวกับเรา จากนั้นใช้วิธีเร่งความเร็วด้วยการกด Spacebar ค้างไว้หรือกดดับเบิ้ลคลิกปุ่มซ้ายขวาบนเม้าส์หรือสัมผัสจอสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต ศัตรูที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เมื่อเจอเราปาดหน้าเข้าให้แบบไม่ทันตั้งตัวก็ต้องมาชนหนอนเราจนตาย แล้วปลายทางการเล่นอยู่ที่ไหน เพราะมันจบเป็นรอบ ๆ เรื่องนี้ UNLOCKMEN พิสูจน์แล้วว่าความท้าทายของมันอยู่ที่เราหยุดมันไม่ได้
สำหรับเหล่าชาวสเก็ตต่างต้องรู้จัก NIKE SB กันเป็นอย่างอยู่แล้ว เพราะนี่คือชื่อย่อของ NIKE Skateboarding เปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงเดือนมีนาคม 2002 เพื่อตีตลาดกลุ่มรองเท้าและเครื่องแต่งกายสำหรับชาวสเกตบอร์ดโดยเฉพาะ และได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ NIKE SB พร้อมจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นของตัวเองอีกครั้งด้วยการกระโจนเข้าสู่มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างโอลิมปิก ซึ่งปีนี้ไปจัดกัน ณ เกาะญี่ปุ่นใจกลางกรุงโตเกียวด้วยการออกแบบเครื่องแต่งกายของนักกีฬาสเกตบอร์ดจากทีมชาติสหรัฐอเมริกา ทีมชาติบราซิล และทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยสีสันอันเป็นเอกลักษณ์จากธงชาติของแต่ละประเทศ ย้อนกลับไปเมื่อก่อนตั้งแต่ราวทศวรรษที่ 50 เราจะพบเหล่าวัยรุ่นเอาดีไซน์จากกระดานโต้คลื่นที่ใช้กลางทะเลมาดัดแปลงและติดล้อเล่นกันตามสวนสาธารณะ เมื่อเวลาผ่านไปการเล่น ‘สเกตบอร์ด’ ก็เข้าไปอยู่ในใจของเหล่าวัยรุ่นชายหญิงจนถึงปัจจุบันเสียแล้ว แต่ถ้าจะให้มองว่าสเกตบอร์ดเป็นกีฬาก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก (ความคิดส่วนใหญ่ของผู้คนก่อนปี 2020) หรือถ้าจะมองว่าเป็นกีฬาก็คงเป็นกีฬานอกสายตาจากชาวโลก เพราะหลายคนมองว่าเป็นแค่การเล่นกันของพวกเด็กวัยรุ่น แถมมันยังอันตรายและเกิดอุบัติเหตุจากการเล่นได้ง่าย จากกีฬาเฉพาะกลุ่มเติบโตขึ้นกลายเป็นกีฬาของมหาชน ในที่สุดสเกตบอร์ดก็ได้รับการบรรจุเข้าสู่โอลิมปิกอย่างเป็นทางการในปี 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ เหตุผลนี้หนักแน่นพอให้ NIKE SB ไม่รอช้าดีไซน์เครื่องแบบทีมสเกตบอร์ดออกสู่สายตาชาวโลก ยูนิฟอร์มของนักกีฬาทีมชาติสหรัฐฯ บราซิล และฝรั่งเศส เกิดขึ้นจากความสร้างสรรค์ของ Piet Parra ศิลปินนักออกแบบที่ร่วมงานกับ Nike มาเป็นเวลานาน ออกแบบชุดสำหรับการแข่งขันโดยเลือกใช้วัสดุคุณภาพเพื่อความสะดวกต่อนักกีฬา เนื้อผ้าทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเสื้อของทีมชาติสหรัฐฯ
ความฝันถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ ไม่ว่าใครก็เคยฝันมาแล้วทั้งนั้น แต่จะต่างตรงที่พวกเขาเหล่านั้นฝันดีหรือฝันร้ายมากกว่ากัน บางคนบอกว่าฝันคือการสร้างสมดุลทางจิต โดยปลดปล่อยความเครียดหรือกุเรื่องไร้สาระขึ้นมาในหัว บ้างว่าฝันถูกจิตสำนึกลึก ๆ ผลักออกมาและปรุงแต่งจนเป็นเรื่องราว สะท้อนถึงความปรารถนาที่ไม่ได้ถูกตอบสนองในชีวิตจริง แต่ความปรารถนานั้นไม่ได้หายไป หากเก็บไว้เบื้องลึกในจิตใจและระบายออกมาผ่านความฝัน แต่ไม่ว่าความฝันจะเกิดขึ้นจากอะไร ใคร ๆ ก็คงอยากฝันดีมากกว่าฝันร้ายกันทั้งนั้น นั่นให้เราอยากรู้ว่าทำไมคนถึงเกลียดฝันร้าย และฝันร้ายของพวกเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรมากที่สุด? งานวิจัยชิ้นหนึ่งของ Amerisleep ที่รวบรวมเรื่องราวฝันร้ายของชาวอเมริกัน 2,000 คน เผยว่าฝันร้ายที่พบบ่อยที่สุดคือการฝันว่าตัวเองหกล้ม (65%) ตามมาด้วยฝันที่ถูกไล่ล่าเอาชีวิต (63%) ฝันว่าตัวเองตาย (55%) ฝันว่าคนรักตายจากไป (54%) และฝันว่าถูกจับยึดจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ (52%) นี่แสดงให้เห็นว่าฝันร้ายแต่ละเรื่องนั้นค่อนข้างรุนแรงและกระทบกระเทือนต่อจิตใจคน อีกทั้งขณะที่อยู่ในฝันเราก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือความฝันกันแน่ ถ้าต้องเจอเรื่องราวเลวร้ายที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ว่าใครก็คงทุกข์ใจไม่ต่างกัน ทำไมถึงฝันร้าย? มีหลากหลายปัจจัยที่ทำให้เราฝันร้าย ตั้งแต่การกินของว่างตอนดึก ผลข้างเคียงจากยา หรือแม้แต่การนอนตะแคงซ้ายขวา แต่นอกจากยังมีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่พิสูจน์ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของเราก็มีอิทธิพลต่อความฝันด้วย เนื่องจากเนื้อหาในฝันจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงขณะตื่น หากคุณเป็นคนสบาย ๆ ไม่ค่อยเครียด และค่อนข้างพอใจกับชีวิต เป็นไปได้ว่าฝันของคุณจะเป็นเรื่องบวก ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณทุกข์ใจหรือวิตกกังวลบ่อย ๆ ก็อาจทำให้คุณฝันร้ายได้ในเวลาเดียวกัน ฝันร้ายบอกอะไรเรา? กว่า 70%
ยังจำวิธีย้ายข้อมูลจากเครื่องสู่เครื่อง อุปกรณ์สู่อุปกรณ์ไหมว่ามันยากและใช้เวลาขนาดไหน บางครั้งเราต้องซื้ออุปกรณ์แยกแบบ OTG มาเพื่อให้มีช่องว่างสำหรับเสียบ Thumb Drive ถ่ายโอนข้อมูล แต่จะดีแค่ไหนถ้าเราไม่ต้องมีอุปกรณ์หลายตัว ใช้แค่ตัวเดียวก็พอแถมออกแบบมาให้ดีไซน์น่าใช้งาน iSpoid คือไอเดียของ Chi-Eun Jang, Hyeokryul Kwon, Jaegeun Kim และ Jeongmin Lim ทีมนักศึกษาเกาหลีใน Behance ที่ออกแบบ Apple Pencil หน้าตาคล้าย Dropper ตัวด้ามคล้าย Apple Pencil ปกติ แต่ทำด้านบนมีลักษณะเป็นหัวบีบคล้ายลูกยางของ Dropper โดยได้แรงบันดาลใจการออกแบบสนุก ๆ นี้มาจากการย้ายสสารของเหลวจากบีกเกอร์หนึ่งสู่อีกบีกเกอร์ด้วย Dropper แนวทางการออกแบบวิธีการใช้งานก็ไม่ต่างจาก Dropper เลยคือต้องนำเจ้า iSpoid นี้ไปจิ้มไฟล์บริเวณหน้าจอของอุปกรณ์เครื่องที่เป็นต้นทางข้อมูลเพื่อทำการดูดหรือ copy จากนั้นรอให้แถบไฟจากปลายปากกาค่อย ๆ ขึ้นจนครบเพื่อโชว์ให้เห็นการทำงานแบบเรียลไทม์ และเมื่อครบเต็มทุกขีดแล้วผู้ใช้สามารถยกตัวปากกาขึ้นจากอุปกรณ์แรกยกไปวางบนเครื่องปลายทาง จากนั้นบีบบริเวณหัวลูกยางสีขาวเพื่อ Drop หรือ Paste ไฟล์นั้นลงในเครื่อง รูปแบบการชาร์จมีแท่นเสียบสำหรับชาร์จไว้ แต่
โตขึ้นเราต้องโหดร้าย ทำงานเราต้องเด็ดขาด เพราะสถานการณ์ที่ทำตัวรอมชอม รองบ่อนเกินไปมักจะทำให้เราโดนงัดข้อจากคนอื่นเสมอ คนส่วนใหญ่เลยคิดว่า “ความรู้สึกเห็นใจ” คือตัวปัญหาและเป็นอุปสรรคที่ควรตัดทิ้ง หรืออีกเหตุผลที่เราไม่สนใจคนอื่นนักบางครั้งก็ไม่มีอะไรมากกว่า “กูมาทำงาน เอาเงินเดือน ไม่ได้มาหาเพื่อน หาสังคม” สักหน่อย ความรู้สึกเห็นใจลูกค้า เจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงานบ้างมันช่างดูเลียคนและเสียเหลี่ยม หันไปรับผิดชอบหน้าที่การงานของตัวเองเท่านั้นคือคำตอบที่ดีกว่า แต่มีงานวิจัยเสนอความโปรดักทีฟอีกทางว่า การมีทักษะ “ใส่ใจคนรอบข้าง” มันช่วยให้งานของเราดีขึ้นจริง ๆ ผลวิจัยจาก Washington State University เผยว่าจากการทดลองกับกลุ่มนักศึกษาจาก 5 ประเทศที่แสดงออกเชิง Positive แบบ Extrovert แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น ช่วงท้ายของการทดลองกลับพบว่าคนกลุ่มนี้มีความสุขเพิ่มขึ้นจริง ๆ และแน่นอนว่าเมื่อความสุขเพิ่มขึ้นการใช้ชีวิตก็ดีขึ้นตามลำดับ นอกจากผลการวิจัยด้านบน Rebekah Bernard แพทย์สาวคนหนึ่งยังยืนยันเรื่องนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวของเธอ จากเดิมที่เธอไม่ค่อยเห็นด้วยกับการรักษาแบบเห็นอกเห็นใจคนไข้นัก เพราะคนไข้ส่วนใหญ่มักจะทำตรงข้ามกับวิธีการรักษา โรคที่พวกเขาเจ็บป่วยโดยมากเกิดจากพฤติกรรมส่วนตัว เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีผลเกี่ยวข้องจากน้ำหนักตัว เป็นต้น แต่หลังจากเธอแสร้งแสดงความห่วงใยใส่ใจในช่วงสั้น ๆ ฟังการเล่าอาการและความรู้สึกของคนไข้ยาว ๆ ทั้งที่รู้แก่ใจว่าต้นเหตุมาจากอะไร เธอพบว่ามันช่วยให้สิ่งต่าง ๆ ราบรื่นกว่า ทั้งกับเรื่องงาน
หลังจากที่ซีรีส์แฟนตาซีลึกลับอย่าง Stranger Things หรือซีรีส์ที่ดัดแปลงจากการ์ตูนอย่าง The Umbrella Academy ซึ่งเป็น Original Content ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในปี 2020 นี้ Netflix ก็ได้เดินหน้าเข็น Original Content แฟนตาซีลึกลับออกมาอีกเพียบ และหนึ่งในนั้นก็คือ Lock & Key ปริศนาลับตระกูลล็อค เรื่องราวลึกลับที่ดัดแปลงมาจากนิยายภาพขายดี เกี่ยวกับ 3 พี่น้องที่ย้ายเข้าบ้านเก่าของตระกูล หลังจากที่พ่อถูกฆาตกรรม จากนั้นจึงได้พบว่าในบ้านหลังนี้ มีกุญแจวิเศษที่จะไขไปสู่พลังวเหนือธรรมชาติมากมาย เรื่องย่อ ครอบครัว Locke ต้องมาพบกับโศกนาฏกรรม เมื่อหัวหน้าครอบครัวอย่าง Rendell Locke ถูกฆาตกรรมเสียชีวิต Nina Locke ผู้เป็นแม่ จึงพาลูก ๆ ทั้งสาม Tyler, Kinsey และ Bode ย้ายกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดิมในเมือง Matheson ณ บ้านเก่าแกของตระกูลที่ถูกเรียกว่า ‘Keyhouse’ (ในเวอร์ชันนิยายภาพจะใช้ว่า
ต่อให้ไม่รู้จักชื่อหรือที่มาที่ไปแน่ชัด แต่เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนคงเคยเห็นการออกแบบสไตล์บรูทัลลิสต์ (Brutalist) ผ่านตากันมาบ้าง บรูทัลลิสต์ถือเป็นงานดีไซน์ที่เน้นโครงสร้างและชูความโดดเด่นของสัจจะวัสดุอย่าง ‘คอนกรีต’ เป็นหลัก แต่บางครั้งก็นำรูปทรงเรขาคณิตและแพตเทิร์นซ้ำไปซ้ำมามาใช้ในงานออกแบบ เพื่อเติมความสนุกสนานหรือลูกเล่นให้งานนั้น ๆ แม้บรูทัลลิสต์จะเกิดขึ้นในช่วงปี 1950-1970 แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสไตล์นี้ยังมีเสน่ห์และผู้คนยังนิยมจวบจนทุกวันนี้ แม้แต่ Annabell Kutucu นักออกแบบและตกแต่งภายใน ผู้คร่ำหวอดในวงการออกแบบบ้านหรูมากว่า 10 ปี ก็นำสไตล์บรูทัลลิสต์มาผนวกเข้ากับงานของเธอด้วย เธอได้รับโจทย์จาก NOA – No Ordinary Agency ให้ออกแบบ ‘Brutalist Silence’ ออฟฟิศกึ่ง Co-working Space ริมแม่น้ำชเปร (Spree) ในกรุงเบอร์ลิน ออฟฟิศแห่งนี้ถูกฉาบด้วยพื้นผิวคอนกรีตไล่ตั้งแต่พื้น ผนัง ไปจนถึงเพดาน เน้นชูความโดดเด่นของคอนกรีตตามสไตล์บรูทัลลิสต์โดยไม่ปรุงแต่ง ผิวคอนกรีตที่เป็นพระเอกหลักไม่เพียงสร้างบรรยากาศเงียบสงบเหมาะกับการทำงาน หากยังทำให้ออฟฟิศนี้ดูเรียบง่าย เนี้ยบเท่ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เติมความเคร่งขรึมให้สเปซที่ว่างเปล่าด้วยเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ ชั้นวาง built-in รวมทั้งผนังกั้นห้องที่ทำจากไม้โอ๊ครมควัน นอกจากนั้นยังมีของตกแต่งโบราณหลากชิ้นตั้งวางตามจุดต่าง ๆ ในออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นชามเซรามิกสีเอิร์ธโทน
จบกันไปแล้วกับงานประกาศผลรางวัล Oscars 2020 (ครั้งที่ 92) เวทีอันทรงเกียรติที่ผู้กำกับ นักแสดง คนทำหนัง และเหล่าคนดูหนังอย่างเรา ๆ รอคอย แต่ละปีก็จะมีไฮไลต์เด็ดที่แตกต่างกันไป สำหรับปีนี้ก็มีการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจจากศิลปินชื่อดังมากมายหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Elton John, Janelle Monae, Billie Eilish และโชว์เพลง Into The Unknown จาก Frozen 2 ที่รวมผู้พากย์เสียงราชินีน้ำแข็ง Elsa จากหลายหลายประเทศ (รวมถึงคุณแก้ม The Star จากไทย) และศิลปินชาวนอร์เวย์ Aurora มาร่วมร้องด้วย แต่หนึ่งโชว์พิเศษที่เซอร์ไพรส์ผู้ชมสุด ๆ ในปีนี้ก็คือการได้เห็น Eminem แรปเปอร์แถวหน้าระดับโลก ขึ้นมาร้อง ‘Lose Yourself ‘ เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง 8 Mile ที่เคยได้รางวัล Academy Award for Best Original Song
“ไม่ไหวแล้วโว้ย อยากลาออก” นี่คงเป็นวลียอดฮิตของมนุษย์เงินเดือนหลายคนที่สื่อถึงภาวะสุดจะทนของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราได้เป็นอย่างดี เพราะชีวิตการทำงานนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป อีกทั้งไม่ใช่ทุกคนจะพอใจกับงานและเงินเดือนที่ตนมี ‘การลาออก’ จึงเป็นอีกทางเลือกที่ทำให้เราได้ไปเจอสิ่งใหม่ ๆ หนีจากปัญหาและความวุ่นวายที่ไม่ถูกจริต หรืออาจเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนเติบโตในอาชีพการงานก็ว่าได้ มีเหตุผลมากมายที่ทำให้คนเราตัดสินใจลาออก หนุ่มบางคนลาออกเพราะเจอหัวหน้าห่วยแตก ลาออกเพราะตำแหน่งงานไม่ก้าวหน้า ลาออกเพราะงานที่ทำไม่สมดุลกับเงินที่ได้ ลาออกเพราะเบื่อวัฒนธรรมองค์กรยอดแย่ และคงมีอีกสารพัดเหตุผลที่ทำให้คนอยากออก แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้สาเหตุของการลาออก คืนคนที่มักบ่นว่า “อยากลาออก” แต่ยังทนทำงานหัวหมุนอยู่จนถึงปัจจุบัน แต่คนที่ไม่เคยปริปากบ่นสักคำกลับลาออกไปหน้าตาเฉย คุณว่ามันเพราะเป็นอะไร? คนบ่นไม่ออก เรามักจะเจอคนที่ชอบบ่นว่าอยากลาออก แต่ทุกวันนี้ก็ยังเห็นหน้าเพื่อนร่วมงานคนนั้นนั่งทำงานอยู่เหมือนเดิมและไม่มีทีท่าว่าจะย้ายไปไหนด้วย ไม่ใช่ว่าเราดูถูกเจตจำนงอันแรงกล้าที่อยากลาออกของพวกเขา แต่ถ้ามองตามหลักความจริงแล้ว จะมีเหตุผลสักกี่ข้อที่ทำให้คนบ่นอยากลาออกยังทนทำงานต่อ? บ่นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ – บางทีการบ่นอาจช่วยระบายความอึดอัดและความทุกข์ทรมานของการทำงานที่นี่ แต่ใช่ว่าพวกเขาจะทนไม่ได้เสียทีเดียว ถามว่าทนได้ไหม ทนได้ แต่ขอบ่นหน่อยสักหน่อยแล้วกัน อยากลาออกจริง ๆ แต่ยังไม่พร้อม – สาเหตุที่ทำให้คนบ่นยังไม่ลาออก คงเพราะพวกเขายังไม่มีงานใหม่รองรับ ยังหางานที่ถูกใจไม่ได้ หรือยังไม่มีความสามารถโดดเด่นมากพอจะไปทำงานในที่ที่ดีกว่า การลาออกโดยที่ยังไม่ได้งานใหม่และต้องรับผิดชอบภาระรายจ่ายแต่ละเดือนอาจเสี่ยงเกินไป ก็เลยขอบ่นสักหน่อยและรอจังหวะที่ใช่ค่อยลาออกอีกที ไม่ได้อยากลาออกจริง ๆ แต่อยากเสนอเงื่อนไขให้ต่อรอง – บางคนที่บ่นตั้งแต่เช้ายันเย็นว่าอยากลาออก อาจไม่ได้คิดจะลาออกจริง ๆ แต่อยากเรียกร้องเงื่อนไขบางอย่างให้ตัวเอง เช่น อยากเพิ่มเงินเดือน