ถือว่าเป็นปีที่ร้อนแรงมาก ๆ ของแบรนด์ Kith แฟชั่นสตรีตจากอเมริกาก่อตั้งขึ้นโดย Ronnie Fieg ดีไซเนอร์ชาวผิวสีที่มองว่าการเดินเข้าช็อปแฟชั่นสตรีตสักร้านมันควรจะมีไอเทมทุกอย่างรองรับสุภาพบุรุษสายแฟชั่น ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจับมือปล่อยคอลเลกชันเครื่องแต่งกายสุดพิเศษกับภาพยนตร์มาเฟียในตำนานจากปี 1972 เรื่อง The Godgather และแบรนด์สนีกเกอร์ New Balance ไปหมาด ๆ ล่าสุดไม่รอช้าต่อยอดกระแส ตีเหล็กตอนกำลังร้อนด้วยการจับมือกับแบรนด์นาฬิการะดับตำนานของญี่ปุ่นอย่าง Casio เพื่อสร้างสรรค์เรือนเวลา G-Shock ที่โดดเด่นกว่าใคร มีใครสักคนเคยกล่าวไว้ว่า “นาฬิกา G-Shock อาจเป็นเรื่องไกลเกินตัวที่จะทะยานเข้าสู่วงการไฮเอนด์ฯ” คนที่เอ่ยประโยคนี้อาจมองว่า G-Shock เป็นนาฬิกามหาชน สามารถสวมใส่ได้แทบทุกวัยทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เลยทำให้ G-Shock ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ความหรูหราได้เท่าไรนัก แต่ Kith มีมุมมองแตกต่างออกไป และเจ้าของแบรนด์อย่าง Ronnie Fieg ก็มองว่าความเป็นนาฬิกามหาชนจากแบรนด์ Casio สามารถเติบโตด้วยดีไซน์หรูหราแต่ราคาเอื้อมถึงได้เช่นกัน นาฬิกา G-Shock เรือนพิเศษเกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ของ Kith x G-Shock ได้ไอเดียจาก Ronnie Fieg ที่ตัดสินใจนำโลหะมาประกอบเข้ากับเรือนเวลารุ่น DW-6900
ต่อให้ไม่รู้จักชื่อหรือที่มาที่ไปแน่ชัด แต่เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนคงเคยเห็นการออกแบบสไตล์บรูทัลลิสต์ (Brutalist) ผ่านตากันมาบ้าง บรูทัลลิสต์ถือเป็นงานดีไซน์ที่เน้นโครงสร้างและชูความโดดเด่นของสัจจะวัสดุอย่าง ‘คอนกรีต’ เป็นหลัก แต่บางครั้งก็นำรูปทรงเรขาคณิตและแพตเทิร์นซ้ำไปซ้ำมามาใช้ในงานออกแบบ เพื่อเติมความสนุกสนานหรือลูกเล่นให้งานนั้น ๆ แม้บรูทัลลิสต์จะเกิดขึ้นในช่วงปี 1950-1970 แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสไตล์นี้ยังมีเสน่ห์และผู้คนยังนิยมจวบจนทุกวันนี้ แม้แต่ Annabell Kutucu นักออกแบบและตกแต่งภายใน ผู้คร่ำหวอดในวงการออกแบบบ้านหรูมากว่า 10 ปี ก็นำสไตล์บรูทัลลิสต์มาผนวกเข้ากับงานของเธอด้วย เธอได้รับโจทย์จาก NOA – No Ordinary Agency ให้ออกแบบ ‘Brutalist Silence’ ออฟฟิศกึ่ง Co-working Space ริมแม่น้ำชเปร (Spree) ในกรุงเบอร์ลิน ออฟฟิศแห่งนี้ถูกฉาบด้วยพื้นผิวคอนกรีตไล่ตั้งแต่พื้น ผนัง ไปจนถึงเพดาน เน้นชูความโดดเด่นของคอนกรีตตามสไตล์บรูทัลลิสต์โดยไม่ปรุงแต่ง ผิวคอนกรีตที่เป็นพระเอกหลักไม่เพียงสร้างบรรยากาศเงียบสงบเหมาะกับการทำงาน หากยังทำให้ออฟฟิศนี้ดูเรียบง่าย เนี้ยบเท่ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เติมความเคร่งขรึมให้สเปซที่ว่างเปล่าด้วยเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ ชั้นวาง built-in รวมทั้งผนังกั้นห้องที่ทำจากไม้โอ๊ครมควัน นอกจากนั้นยังมีของตกแต่งโบราณหลากชิ้นตั้งวางตามจุดต่าง ๆ ในออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นชามเซรามิกสีเอิร์ธโทน
ในแวดวงแฟชั่นและผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่น คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่มีชื่อว่า Issey Miyake ซึ่งใช้ชื่อเดียวกันกับดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เด็กหนุ่มจากฮิโรชิมาที่สร้างสรรค์งานออกแบบทั้งเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายได้อย่างน่าประทับใจเสมอมา Issey Miyake มักสร้างปรากฏการณ์น่าทึ่งให้กับโลกของแฟชั่นอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการเปิดศักราชใหม่อย่างงดงามด้วยนาฬิกาคอลเลกชันล่าสุดที่ดึงดีไซเนอร์ระดับตำนานอย่าง Satoshi Wada (ซาโตชิ วาดะ) ชายผู้เคยสร้างฝีมือให้โลกประจักษ์ด้วยการดีไซน์รถยนต์ Audi A5 ทำให้รถยนต์รุ่นนี้ถูกกล่าวขานว่าเป็น “The most beautiful coupé in the world” หรือ “รถคูเป้ที่สวยที่สุดในโลก” การเจอกันระหว่าง Issey Miyake กับ Satoshi Wada ในครั้งนี้ไม่ใช่การเจอกันครั้งแรก แต่ทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาแล้วเพื่อสร้างสรรค์นาฬิกาคอลเลกชัน “W” ที่โดดเด่นด้วยสไตล์มินิมัลและได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบรถยนต์ของ Satoshi Wada และมาในปี 2020 พวกเขาก็ได้ดีไซน์เรือนเวลาสุดพิเศษขึ้นอีกครั้งกับคอลเลกชัน “U” Series ชื่อของคอลเลกชัน “U” Series มีที่มาจากคำว่า ‘Unidentified’ รวบรวมจุดเด่นของความหลากหลายแตกต่างนำมาไว้บนเรือนเวลา เพราะ Satoshi Wada ขึ้นชื่อเรื่องงานดีไซน์ที่เน้นความมินิมัลผสมผสานกับความร่วมสมัย ส่งให้นาฬิกาเต็มไปด้วยความคลาสสิกผสมผสานความสากลในสไตล์ของ
เหลือเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนหนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนภาพยนตร์เจมส์บอนด์จะได้ชมบทสรุปของชายผู้มาพร้อมรหัส 007 และการอำลาบทบาทของแดเนียล เคร็ก ในภาค ‘NO TIME TO DIE’ ขณะที่ค่ายนาฬิกาอย่าง SWATCH ก็อยากให้เกียรติการกลับมาของ 007 ด้วยแคปซูลนาฬิกา SWATCH x 007 SWATCH x 007 ประกอบไปด้วยนาฬิกา 6 เรือน มีพื้นฐานจากโมเดล Original Gent’s หน้าปัดขนาด 34 มิลลิเมตร และรุ่น New Gentleman ขนาดหน้าปัด 41 มิลลิเมตรเพื่อตอบโจทย์ผู้ชายที่มีขนาดข้อมือใหญ่ ความพิเศษคือทั้ง 6 เรือนได้แรงบันดาลใจงานดีไซน์ตามจากแฟรนไชส์ James Bond ที่เลือกมา 6 ภาคเด่นจากตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา เอาเป็นว่าอย่ารอช้า เชิญไปดูกันว่าแต่ละเรือนนั้นถูกสร้างออกมาได้โดดเด่นแค่ไหน Dr. NO (1962) Dr. NO มาพร้อมหน้าปัดขนาด
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่สะสมฟิกเกอร์และชื่นชอบการ์ตูนเรื่อง Gundam คงจะจดจำการคอลแลปส์ฯ สุดแหวกแนวกันได้ขึ้นใจของตัวต่อที่ผสมผสานเรื่องราวระหว่าง Gundam ที่เป็นตัวแทนของเด็กผู้ชาย กับ Hello Kitty การ์ตูนลายเส้นน่ารัก ๆ ขวัญใจเด็กผู้หญิง เพื่อฉลองความสำเร็จอันยาวนานของการ์ตูนทั้งสองเรื่องที่มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ด้านล่างได้ Hello Kitty x RX-78-2 Gundam คือโมเดลตัวละครสุดลิมิเต็ดที่ออกโปรโมตเมื่อปี 2019 ผลิตโดยบริษัท Bandai Spirits (Tamashii) จับเด็กสาวหน้าตาเหมือนแมวจากเรื่องคิตตี้มาใส่ชุดโมบิลสูทกันดั้มตัวแรก พร้อมกับเอกลักษณ์สุดโดดเด่นที่สลับขั้วจากกันดั้มทั่วไป ที่ปกติจะมีหัวขนาดเล็ก แต่สำหรับฟิกเกอร์สุดพิเศษนี้จะมาในรูปแบบโมเดลหัวโตหน้าตาน่ารัก หมวกมีหูเหมือนแมว แถมยังติดโบว์สีแดงไว้ตรงหูด้วย โดยการจับมือกันของมังงะดังสองเรื่องนี้เกิดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปี Hello Kitty และครบรอบ 40 ปี ของ Gundam เมื่อบริษัทผู้ผลิตปล่อยภาพของฟิกเกอร์ Hello Kitty x RX-78-2 Gundam ก็เกิดกระแสพูดถึงในวงกว้างทันที บางคนบอกว่ามันสาวเกินไป แต่หลายคนก็ชื่นชอบเพราะคอลเลกชันแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อย ๆ แถมแฟนสาวของหนุ่มที่สะสมฟิกเกอร์หลายคนต่างก็โอเคถ้าเราจะซื้อเจ้าโมเดลตัวนี้มาตั้งไว้ในบ้าน (ก็มันน่ารัก) ด้วยกระแสเชิงบวกที่ผู้คนให้ความสนใจทำให้เกิด
เรารู้จัก ‘ยูเครน’ ในฐานะประเทศลึกลับแห่งยุโรปตะวันออก และอาจเป็นประเทศที่โด่งดังเรื่องข่าวสงครามมากกว่าจะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลากเชื้อชาติ แต่เมืองเคียฟ (Kiev) หรือ อิฟ (Kyiv) เมืองหลวงของประเทศลึกลับแห่งนี้ กลับเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษา และวัฒนธรรมของยุโรปตะวันออก แถมยังมีพื้นที่ว่างให้สถาปัตยกรรมปรากฏตัวเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และความขลังผ่านกำแพงอิฐเก่าแก่ Rina Lovko Studio ได้รับโจทย์ให้ออกแบบ ‘Balthazar’ บาร์ชั้นใต้ดินที่ตั้งอยู่ทางใต้ของตลาด Besarabsky อันเป็นตลาดในร่มที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและชาวเมืองก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี Balthazar เป็นบาร์เครื่องดื่มเก่าแก่ที่ดูลึกลับและมีเสน่ห์เฉพาะตัว และ Rina Lovko Studio สตูดิโอสัญชาติยูเครนรายนี้ก็เข้ามาออกแบบภายใน โดยไม่ทิ้งกลิ่นอายความเก่าและเก๋าของวัสดุในอดีต ภายในบาร์เผยให้เห็นโครงสร้างแบบอินดัสเทรียลลอฟต์ที่ชัดเจน การตกแต่งจะใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มเป็นหลัก มีเบาะนั่งสีเขียว และกระเบื้องเคลือบเฉดเขียวหุ้มฐานของเคาน์เตอร์ เพื่อสร้างบรรยากาศลึกลับ มีเสน่ห์ และน่าค้นหา แสงไฟสลัวตามมุมต่าง ๆ ของร้านเกิดจากการผสมผสานของเทียน โคมระย้า และโคมไฟตั้งพื้นที่คลุมด้วยผ้า ส่วนผนังและเพดานยังคงความเก่าของอิฐมอญที่ก่อรูปร่างไว้เมื่อหลายปีก่อน โดยไม่ได้ดัดแปลงหรือแต่งเติมจนความขลังที่ว่านั้นเลือนรางไป แม้การออกแบบภายในครั้งนี้จะไปได้สวย แต่ Rina Lovko Studio ก็ยังต้องเจอกับปัญหาใหญ่ เพราะเดิมทีบาร์ใต้ดินแห่งนี้มีทางเดินคดเคี้ยวและลูกค้ามักจะถูกเพดานอิฐความสูง 1.6 เมตรมาขัดจังหวะการเดิน เนื่องจากไม่สามารถทุบเพดานอิฐด้านบนที่เป็นโครงสร้างหลักได้
‘Panerai’ หนึ่งในแบรนด์นาฬิกาไฮเอนด์จากเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ที่โดดเด่นด้วยงานดีไซน์นาฬิการ่วมสมัย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แถมยังได้รับความไว้วางใจจากกองทัพเรืออิตาลีให้ผลิตนาฬิกา ทั้งรุ่น Marina Militare นาฬิกาดำน้ำสุดแข็งแกร่งอย่าง Radiomir หรือแม้แต่รุ่น PAM 232 ที่ตอกย้ำว่าแบรนด์นี้คือผู้ผลิตเรือนเวลาให้กับกองทัพเรืออิตาลีอย่างเป็นทางการและเพียงผู้เดียว เมื่อ Panerai ย้ายฐานการผลิตจากอิตาลีไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บวกกับการที่บริษัท Richemont เข้ามาบริหารกิจการต่อในปี 1997 และนำการตลาดแบบใหม่มาใช้ ทำให้แบรนด์นาฬิกาสัญชาติอิตาเลียนรายนี้ประสบความสำเร็จและโด่งดังไปทั่วโลก แม้จะมีบางช่วงที่ Panerai ปล่อยนาฬิการุ่น limited-edition ออกมาล้นตลาด จนทำให้เหล่านักสะสมชั่งใจที่จะซื้อและคิดทบทวนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้อีกครั้ง แต่เมื่อผ่านช่วงวิกฤตมาได้ Panerai ก็เป็นที่พูดถึงและชื่อเสียงของ “นาฬิกาที่ยิ่งซื้อแพง ยิ่งขายต่อได้แพง” ก็เริ่มหวนคืนสู่แวดวงเครื่องบอกเวลาอย่างน่าภูมิใจ เมื่อไม่กี่วันมานี้ Panerai ก็เพิ่งประกาศเปิดตัวนาฬิกาในคอลเลกชัน Luminor Marina รุ่นล่าสุดอย่าง ‘PAM1661 Luminor Marina Carbotech’ เป็นนาฬิกาดำน้ำกึ่งสปอร์ตสุดเท่ที่ชวนให้คิดถึงรุ่น Lab-ID อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และเป็นรุ่นที่หนุ่ม ๆ สาวก Panerai ทุกคนหลงรัก PAM1661
Wabi-sabi (วะบิ-ซะบิ) เป็นอีกแนวทางการออกแบบของญี่ปุ่นที่โด่งดังไม่แพ้มินิมัลสไตล์อันเลื่องชื่อ บ้างว่า Wabi-sabi คือปรัชญาการใช้ชีวิตเช่นเดียวกับ Ikigai (อิคิไก) แต่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการค้นหาความหมายในชีวิต หากว่าด้วยเรื่องการยอมรับความไม่สมบูรณ์ของทุกสรรพสิ่งรอบตัว นอกจากแนวคิดนี้จะหยั่งรากลึกลงในวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นแล้ว Wabi-sabi ยังเข้ามามีอิทธิพลต่อแวดวงการออกแบบด้วยเช่นกัน เหล่านักออกแบบและสถาปนิกบางคนเริ่มนำวัสดุที่ผุกร่อนและมีรอยตำหนิมาใช้ในงาน เลิกยึดติดกับความงามตามอุดมคติและเปิดใจยอมรับว่าบางครั้งความไม่สมบูรณ์แบบก็งดงามและมีคุณค่า NC Design & Architecture สตูดิโอออกแบบของฮ่องกงได้รับโจทย์ให้ออกแบบห้องที่มีพื้นที่ใช้สอย ดูสวยงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สตูดิโอรายนี้จึงนำวัสดุที่มีร่องรอยขีดข่วนและรอยตำหนิ ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ไปจนถึงของตกแต่งชิ้นเล็ก มาสร้างสรรค์ผลงานสถาปัตยกรรมภายใน ที่สะท้อนความงดงามของความไม่สมบูรณ์แบบตามหลักปรัชญา Wabi-sabi พื้นที่ใช้สอยขนาด 157 ตารางเมตรถูกแบ่งให้เป็นสามส่วนหลักคือห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำที่มีทางเดินไม้ยกระดับเป็นตัวกั้น ซึ่งทางเดินไม้ที่ออกแบบให้สูงกว่าพื้นห้องนั้นได้แรงบันดาลใจมาจาก Genkan (เก็นคัง) โถงทางเข้าบ้านที่ไล่ระดับพื้นตามแบบบ้านญี่ปุ่นดั้งเดิม ส่วนห้องครัวและห้องอ่านหนังสือจะตั้งอยู่ทางด้านหลังของห้องหลัก ภายในอพาร์ตเมนต์นี้ดีไซน์ด้วยวัสดุธรรมชาติเป็นหลัก ใช้พื้นไม้และผนังไม้บางส่วนสร้างความอบอุ่นแบบบ้านญี่ปุ่น ผนัง เพดาน ผ้าม่าน และเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นก็เลือกใช้เป็นสีเอิร์ธโทนที่ดูอบอุ่นเช่นกัน แม้จะตกแต่งให้ดูเรียบง่าย แต่ก็มีเฟอร์นิเจอร์หินอ่อนที่มีรอยตำหนิหลายชิ้นช่วยสร้างความโดดเด่นและเป็นจุดนำสายตา ทั้งยังได้หินอ่อนทรงเรขาคณิตและโลหะออกซิไดซ์เก่า ๆ ประดับประดาตามผนัง เป็นเหมือนงานประติมากรรมขนาดย่อม เฟอร์นิเจอร์ที่ติดตั้งในห้องนั่งเล่นยังถูกเลือกสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบ เรียบง่าย และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด โทรทัศน์และประตูที่เชื่อมไปยังห้องต่าง ๆ
ต้องยอมรับว่า G-SHOCK ของ Casio เป็นอีกแบรนด์นาฬิกาที่โด่งดังไปทั่วโลก และเชื่อว่าหนุ่ม ๆ สายสตรีตหรือผู้ที่ชอบแต่งตัวแบบ casual style คงหลงรักนาฬิกาจากแดนอาทิตย์อุทัยแบรนด์นี้แน่นอน เพราะนอกจากคุณภาพตัวเรือนที่ได้มาตรฐาน ยังมาพร้อมงานดีไซน์เอกลักษณ์และมิกซ์แอนด์แมตช์เข้าได้กับแทบทุกชุดของผู้ชายเรา ในปี 1995 Casio เคยเปิดตัวนาฬิกา ‘G-SHOCK DW-6900’ ที่นิยมอย่างรวดเร็วและกลายเป็นรุ่นไอคอนิกของแบรนด์ไปโดยปริยาย แถมรุ่นนี้ยังได้รับฉายาว่า “Third Eye” บ่งบอกถึงประสิทธิภาพสามด้านพื้นฐานของการออกแบบนาฬิกา ปี 2020 นี้ Casio G-SHOCK จึงฉลองครบรอบ 25 ปีของนาฬิการุ่น G-SHOCK DW-6900 พร้อมนำโมเดลดังกล่าวมาปรับโฉมและเพิ่มกรอบโลหะสุดเท่แบบใหม่เข้า ภายใต้ชื่อ ‘G-SHOCK GM-6900 Metal Bezel’ ขณะที่แบรนด์นาฬิกาคลาสสิกจำนวนมากนำเสนอกลไกแอนะล็อก แต่ G-SHOCK GM-6900 Metal Bezel รุ่นนี้กลับใช้กลไกแบบดิจิทัล ที่ไม่เพียงช่วยให้อ่านเวลาได้ง่าย หากยังใช้งานหน้าปัดในรูปแบบอื่น ๆ ได้ ที่ไม่ใช่แค่แสดงวันที่หรือเวลาปัจจุบันเท่านั้น นอกจากนาฬิการุ่นนี้จะใช้หน้าปัดที่ทำจากกระจกเงาสุดแกร่ง ตัวกรอบโลหะยังดีไซน์พื้นผิวแบบด้านมาให้เลือกสามสี ทั้งรุ่น
เรื่องความเชื่อ ตำนาน และการเล่าต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นถือเป็นสิ่งที่มีอยู่ทุกสังคมในโลก ประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่บนเกาะอย่างญี่ปุ่นเองก็เช่นกัน พวกเขามีความเชื่อเรื่องโชคลาภ เครื่องรางเสริมโชคที่เหนียวแน่นไม่ต่างจากคนไทย แถมพวกเขายังออกแบบเครื่องรางนำโชคได้หน้าตาน่ารัก จนหลายครอบครัวแม้ไม่ใช่ร้านค้าของญี่ปุ่นยังต้องมีมาเนกิ เนโกะ (Maneki Neko) หรือแมวกวักวางรับแขกอยู่แทบทุกบ้าน มาเนกิ เนโกะ หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อของ ‘แมวกวัก’ เป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน คาดว่ามีมาตั้งแต่สมัยเอโดะโดยถูกพบครั้งแรกในศาลเจ้าแห่งหนึ่งในจังหวัดโอซาก้า แต่บางคนก็ฟังมาอีกแบบว่าแมวกวักเริ่มมาจากคุณยายยากจนที่เลี้ยงแมว เธอไม่สามารถหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและแมวได้จึงตัดสินใจนำแมวไปปล่อย สุดท้ายคิดถึงแมวมากจนต้องปั้นตุ๊กตาแมวขึ้นมาหนึ่งตัวจนมีคนมาซื้อไปเพราะหน้าตามันน่ารัก ทำให้คุณยายปั้นตุ๊กตาแมวขายอยู่เรื่อย ๆ จนร่ำรวยและสามารถตามหาแมวที่รักกลับบ้าน เรื่องราวของแมวกวักญี่ปุ่นมีหลากหลายที่มา ทว่าความแตกต่างนั้นไม่สำคัญเท่าพอรู้ตัวอีกทีเรื่องราวที่ดำเนินมาตั้งแต่ยุคเอโดะก็หยั่งรากลึกในสังคมญี่ปุ่นไปเสียแล้ว ถ้าใครมีโอกาสไปเยือนประเทศนี้จึงมักเห็นหุ่นหรือตุ๊กตาแมวยกแขนข้างหนึ่งตลอด มีหลากสี หลายขนาด มีทั้งแบบตั้งโต๊ะกำลังดี บางตัวก็เล็กจิ๋วเป็นพวงกุญแจ แถมยังพัฒนากลายเป็นของเล่นยอดฮิตอย่างกาชาปองไปอีก ส่วนครั้งนี้แมวกวักญี่ปุ่นแหวกแนวออกมาปรากฏอยู่บนนาฬิกาคอลเลกชันพิเศษของ G-Shock! เรือนเวลาคอลเลกชันลิมิเตดไม่น่าเชื่อว่าจะมาเจอกับแมวกวักได้ ใช้ชื่อว่า G-SHOCK Limited TOKYO MANEKINEKO ออกแบบโดย BLACKEYEPATCH แบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากกรุงโตเกียว โดยในซีรีส์นี้ประกอบด้วยนาฬิกาทั้งหมด 3 เรือน ได้แก่ GA-100 และ DW-5600 สองเรือนที่มีสีสันต่างกัน เริ่มกันที่ GA-100 สีดำสนิทแต่งแต้มด้วยสีทองหรูหรากันก่อน
ทุกวันนี้มี Pantone สียอดนิยมออกมาสร้างความคึกคักกับวงการดีไซน์และผู้คนทั่วไปให้ลุกมาสร้างผลงาน หรือใช้ไอเดียจากสีนั้น ๆ เพื่อเลือกแมตช์เครื่องแต่งกายหรือข้าวของที่ตัวเองมีตามเฉดสีนั้น ๆ ล่าสุดบล็อก Graphic Mama เขามีบทความออกมาพูดถึงคู่สีออกแบบประจำปีนี้ ที่เรารีวิวมาจากงานดีไซน์หลาย ๆ แบบว่าเป็น Best combination หรือสีคู่แท้ที่ควรลอง ถ้าไม่ลองจะตกเทรนด์และเป็นบาปต่อการออกแบบมาก UNLOCKMEN จึงนำคู่สีที่เกิดมาเพื่อปีหนูทั้งหมด 8 คู่ มาส่งต่อเพื่อสร้างแรงบันดาลใจสำหรับงานดีไซน์ของพวกเรา ทั้งในเว็บไซต์ กราฟิก และการวาดภาพประกอบ ถ้าหลายคนเคยเห็นเฉดสีและผลงานคุ้นตาเหล่านี้ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะมันเริ่มฮิตมาตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว ดำ เหลือง คู่สีมีสไตล์ที่เป็นสี CI ของพวกเราชาว UNLOCKMEN ถือเป็นคู่สีต้องใช้เพื่อการออกแบบประจำปีนี้ เพราะความสว่างของสีเหลืองนีออนที่ตัดกับสีมีเสน่ห์ลึกแบบสีดำ ช่วยทำให้มู้ดของงานดูเรียบง่ายแต่ก็มีลูกเล่นน่าสนใจขึ้นมาในสายตา ถ้าให้เปรียบเทียบสีดำ เหลือง คือคู่สีตัวแทนของผู้ชายลึกที่มีชั้นเชิงแต่ก็มีมาดกวนผสม คลาสสิกแต่ดูแพรวพราว เวลานำไปใช้จึงเตะตาแทบทุกงานจริง ๆ ฟ้า แดง ชุดสีของความสง่างาม เป็นสีเพอร์เฟ็กต์ที่ไม่ได้ใช้แค่เฉพาะบนธงชาติไทยเราเท่านั้น แต่ถ้าเอามาจับคู่ในงานดีไซน์ กราฟิก หรือการวาดภาพประกอบ การผสมผสานงาน 2 สีระหว่างน้ำเงินและแดงเป็น 2
‘Whidbey Farm’ เป็นผลงานการออกแบบบ้านของ MW Works สตูดิโอออกแบบในซีแอตเทิล ที่เนรมิตฟาร์มเก่าแก่อายุร่วม 100 ปี ให้กลายเป็นบ้านแสนสงบบนเนินเขา มองเห็นทัศนียภาพของทุ่งหญ้า บ่อน้ำ และป่าไม้ได้เต็มสองตา บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ที่ Whidbey Island ทางตอนเหนือของ Seattle ในรัฐ Washington เดิมทีเป็นฟาร์มที่มีต้นไม้ บ่อตกปลา และโรงนาอายุเก่าแก่หลายช่วงอายุคน ก่อนที่สตูดิโอ MW Works จะเข้ามาสร้างสถานที่พักผ่อนสุดพิเศษ เปลี่ยนฟาร์มเป็นบ้านที่ยืดหยุ่น ทนทาน และรองรับผู้พักอาศัยได้สูงสุด 20 คน (ตามโจทย์ของเจ้าของบ้าน) พื้นที่ 4,420 ตารางฟุต ถูกตอกเสาเข็มสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศที่รองรับครอบครัวขนาดใหญ่ นอกจากต้องมีพื้นที่ให้คนทุกช่วงวัยทำกิจกรรมร่วมกันได้แล้ว ยังต้องเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวให้เป็นหนึ่งเดียวอีกด้วย ทีมสถาปนิกจึงสร้างบ้านบริเวณใจกลางลานที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้หลากชนิด ตั้งแต่ต้นซีดาร์และต้นเฟอร์สูงใหญ่ ไปจนถึงต้นหญ้าและเฟิร์นที่มีขนาดเล็กลงมา ซึ่งลานกลางบ้านนี้จะกลายเป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงคนในครอบครัวเข้าด้วยกัน ผ่านทางเดินไม้ที่เชื่อมต่อไปยังส่วนอื่น ๆ ของบ้าน นอกจากผนังกระจกทรงสูงที่เปิดรับภูมิทัศน์ด้านนอก ตัวบ้านยังใช้ผนังไม้ซีดาร์สีแดงแบบตะวันตกช่วยสร้างความรู้สึกมิดชิดและเป็นส่วนตัวให้คนในบ้าน แถมผนังบางส่วนก็สร้างจากกำแพงหินที่วางเรียงซ้อนกัน ทำให้บ้านดูกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบมากยิ่งขึ้น บริเวณลานมีกำแพงเตี้ย ๆ ที่ทำจากหินบะซอลต์ในท้องถิ่น ช่วยแบ่งขอบเขต และทำหน้าที่เหมือนรั้วบ้านขนาดย่อมที่ไม่ทำให้บ้านดูอึดอัดทึบตัน