“เรื่องราวของวิญญาณดวงหนึ่ง ที่ผู้คุมบอกว่าเขาได้รับรางวัลจากสวรรค์ให้มาอยู่ในร่างโฮมสเตย์ของเด็กหนุ่มชื่อ มิน แลกกับต้องสืบหาเรื่องการตายของมินให้ได้ ภายใน 100 วัน ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ได้เกิดอีกเลย” Homestay คือภาพยนตร์ไทยโรแมนติกดราม่าธริลเลอร์ ที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมญี่ปุ่น ‘Colorful’ ของ เอโตะ โมริ และได้ถูกสร้างเป็นแอนิเมชั่นญี่ปุ่น Colorful (2010) รวมถึงการแปลเป็นนิยายฉบับแปลไทยในชื่อ ‘เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม’ ถือเป็นงานเขียนที่สะท้อนมุมมองของคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาชีวิต อาการโรคซึมเศร้า และสะท้อนให้เห็นถึงเหตุผลที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ได้อย่างดีเยี่ยม ตัวหนังนำเสนอเรื่องราวของ ‘มิน’ เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ผ่านมุมมองของดวงวิญญาณที่ไม่เคยรู้จักกับเด็กคนนี้มาก่อน เพียงแค่มาอาศัยอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มชั่วคราว จึงจำต้องเริ่มทำความรู้จักตัวตนใหม่ที่เขาใช้เป็นโฮมสเตย์ เขาต้องสัมผัสกับปัญหาที่มินเจอโดยไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เด็กผู้ชายคนนี้คิดอะไร รักอะไร หรือเกลียดอะไร และค้นหาว่าเพราะเหตุใดถึงทำให้มินต้องตาย ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบเกี่ยวกับการมีชีวิตของมินคนใหม่นั้นแตกต่างจากมินคนก่อน เพราะแต่ละคนมองและจัดการกับปัญหาที่เจอไม่เหมือนกัน โดยจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของหนังไม่ใช่การค้นหาว่าทำไมมินถึงตาย แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่ามุมมองความคิดที่ต่างไปจากเดิมนั้นสามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้ตลอดกาล สักครั้งหนึ่งในชีวิตทุกคนต้องเคยเจอปัญหาที่แก้ไม่ตก บางเรื่องที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูแย่ไปหมด ส่งผลให้อารมณ์แปรปรวน เผลอตัดพ้อชีวิตว่าแต่ละวันมันช่างหดหู่เฮงซวย เฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งคิดไปถึงว่าถ้าตายเสียน่าจะยังดีกว่า ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดจากความผิดปกติทางเคมีในร่างกายที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ และสุดท้ายความตายที่คิดว่าเป็นทางออกที่ดีก็ไม่สามารถไขแก้ปัญหาอะไรได้เลย ซ้ำร้ายยังสร้างความเสียใจให้คนอื่นในครอบครัวและรอบข้างอีกด้วย เรื่องวุ่นวายทุกอย่างไม่ได้จบดังที่หวัง ซ้ำยังมีผลกระทบถึงคนรอบตัวมากมายกว่าที่คิด เพราะทุกการกระทำย่อมมีผลตามมาเสมอ ดังนั้นขอจงอย่าเสียความเป็นตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ควรให้โอกาสตัวเองได้เห็นมุมมองของปัญหาจากผู้อื่นบ้าง และที่สุดแล้วความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้คือเราทุกคนล้วนมีหนึ่งชีวิตเท่านั้น การให้โอกาสกับตัวเองจึงไม่เคยเป็นเรื่องไร้ค่า เช่นเดียวกันว่า คำตอบของการใช้ชีวิตก็ไม่ได้มีเพียงคำตอบเดียวเสมอไป
ตอนหนึ่งของเรื่อง ‘Bakuman วัยซนคนการ์ตูน’ มังงะที่ตีแผ่ความจริงของอุตสาหกรรมการ์ตูนญี่ปุ่นออกมาได้อย่างสมจริง ได้กล่าวไว้ว่าโลกแห่งมังงะญี่ปุ่นสามารถแบ่งคร่าว ๆ ออกได้เป็น 2 ประเภทคือ 1.มังงะสายหลัก 2.มังงะสายมาร มังงะสายหลักถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ คือเนื้อเรื่องจะเน้นไปที่พลังมิตรภาพ การผจญภัย การเดินทาง และการต่อสู้เป็นหลัก เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย เข้าถึงนักอ่านได้ทุกกลุ่ม ตัวอย่างเช่น Dragon Ball, One Piece, Naruto เหล่านี้เป็นต้น ในส่วนของสายมาร เรียกได้ว่าเป็นชนกลุ่มน้อยของวงการมังงะก็ว่าได้ เนื่องจากเนื้อเรื่องไม่ได้เข้าถึงนักอ่านทุกคน ค่อนข้างเข้าถึงยาก ไม่เน้นการต่อสู้ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแนวหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมา ทำยอดขายได้ไม่แพ้สายหลัก เป็นตัวชูโรงของสายมารก็ว่าได้ แนวที่ว่านั้นก็คือ ‘มังงะสืบสวน’ นั่นเอง หลายคนคงร้องอ๋อ เพราะในบ้านเราเองแนวนี้ก็ถือว่าโด่งดังไม่ใช่ย่อย มีหลายเรื่องที่อยู่ในความทรงจำ ซึ่งวันนี้เราจะพาร่วมย้อนรำลึกความหลังไปด้วยกัน คินดะอิจิ กับคดีฆาตกรรมปริศนา Written by: โยซาบุโร่ คานาริ, เซย์มารุ อามางิ, ฟุมิยะ ซาโต้ มังงะสืบสวนสอบสวนระดับคลาสสิกที่อยู่คู่วงการการ์ตูนญี่ปุ่นมาเนิ่นนาน เพราะเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 1992 หรือ 26 ปีที่แล้ว ความโดดเด่นของคินดะอิจิคือความสมจริงในทริคการฆาตกรรมต่าง