“Don’t F*ck With Peaky Blinders” ประโยคยอดฮิตในเรื่องนี้ ซีรีย์ที่แจก F*ck เยอะที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง Peaky Blinders ว่าด้วยเรื่องราว Gangster ยิปซีเมืองเบอมิงแฮมในอังกฤษที่ทำธุรกิจสีเทา ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยอำนาจของกระบอกปืน ฉากหลังของเรื่องจะดำเนินไปในช่วงยุค 20’s ทำให้มู้ดแอนด์โทนของเรื่อง เสื้อผ้าหน้าผม รถ บ้านเมือง ผู้คน ถูกถ่ายทอดออกมาแบบโคตรเท่ นอกจากคาแร็กเตอร์สุดเท่ของตัวละครแล้ว เพลงประกอบก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน UNLOCKMEN เลยรวบรวมเพลงที่ให้มู้ดเหมือนเราเดินอยู่ในละแวกเบอมิงแฮม แต่เพลงที่เราเลือกมานั้น จะไม่ได้เป็น Theme Song แต่เป็นเพลงที่ทางซีรีส์เลือกเอามาใช้ในเรื่อง สำหรับใครที่สะดวกฟังบน Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้ Follow กันเหมือนเดิม ทำความรู้จักกับ Peaky Blinders เรื่องราวของ Gangster ในอังกฤษที่ทำธุรกิจสีเทาสารพัดอย่างที่เราพอจะนึกออก แต่หลัก ๆ คือการแทงม้า ธุรกิจนี้ขับเคลื่อนด้วยระบบคล้ายกับระบบกงสี โดยครอบครัว Shelby ที่แต่ละคนนั้นเป็นตัวจี๊ดมี DNA ของความดิบ เถื่อนอยู่ในตัวกันทุกคน แต่อย่าคิดว่าทุกคนจะเป็นนักเลงหัวไม้ เก่งแต่เรื่องต่อยตีเท่านั้น พวกเขายังไหวพริบเป็นเลิศ ต่อรองเก่ง อยู่เป็นกันแทบทุกคน เรียกง่าย
ถ้าจะพูดถึงวงการภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่เข้ามาในบ้านเรา 2 ขั้วอำนาจหลักที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมให้ภาพยนตร์แนวนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากที่เคยอยู่ในกลุ่มเล็ก ๆ สู่ระดับ Talk of the Town จากปากต่อปากสู่รายได้มหาศาลที่เชื่อว่าผู้นำลิขสิทธิ์เข้ามาฉายนั้นก็คงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้น Studio Ghibli คือขั้วอำนาจแรก ถ้าใครพอจะติดตาม Pop Culture แดนปลาดิบอยู่บ้างคงคุ้นกับสัญลักษณ์เจ้า Totoro ตัวกลมน่ากอดอย่างแน่นอน นี่คือสตูดิโอผู้สร้างที่อยู่คู่วงการแอนิเมชั่นญี่ปุ่นมากว่า 30 ปี และผลงานแต่ละเรื่องที่ผลิตออกมาก็อยู่ในระดับขึ้นหิ้งไม่ว่าจะเป็น Spirited Away, My Neighbor Totoro , Grave of the Fireflies ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก ขั้วอำนาจที่ 2 คือ มาโคโตะ ชินไค ที่ผลงานของเขาอย่าง Your Name เคยสร้างปรากฏการณ์โรงแตกในบ้านเรามาแล้ว และไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้น เพราะผลงานของชินไคยังมีอีกมากมายหลายเรื่องที่ถ้าทุกคนได้ดูต้องหลงรักมัน ด้วยงานภาพอันละเมียดละไม ความเอ่อล้นของอารมณ์ที่อัดแน่นไว้ทุกรายละเอียดของเรื่อง วันนี้เราจึงอยากมาแนะนำผลงานของผู้กำกับวัย 45 ปีคนนี้ให้ทุกคนได้รู้จักกัน Voices of a Distant Star (2002) แอนิเมชั่นขนาดสั้น ผลงานในช่วงที่ชินไคเพิ่งเริ่มเป็นผู้กำกับเต็มตัวได้ไม่นาน โดยเขาหยิบผลงานไลท์โนเวลของ Waku Oba มาเรียบเรียงใหม่ในแบบฉบับของตัวเอง
“My mama called, seen you on TV, son.” ประโยคติดหูกันตั้งแต่อินโทรสำหรับเพลงนี้ของ Post Malone ด้วยอายุเพียง 23 ปี แต่ตอนนี้เขาก้าวขึ้นมาเป็นแร็ปเปอร์ที่โคตรจะมาแรงแห่งยุค เจ้าของเพลงฮิตมากมายที่ทำลายสถิติติดชาร์ตแทบทุกสำนัก ภาพลักษณ์สุดทะเล้นนั่นยิ่งทำให้เขาเป็นที่จดจำของคนดู เบื้องหลังของความสำเร็จของเขาใครจะเชื่อว่ามันเริ่มจากเกมกีต้าร์ฮีโร่เท่านั้น มาดูเรื่องราวกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ของวงการ ก่อนจะมาเป็นแรปเปอร์เลือดใหม่ไฟแรงของวงการ เขาเริ่มต้นมาจากอะไร มีแรงผลักดันอะไรให้มาถึงตรงนี้ได้ Post’s Timeline ความสนใจในด้านดนตรีของเขาได้รับการส่งเสริมตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบขวบ เมื่อพ่อของเขาที่มีอาชีพเป็น DJ จุดประกายด้วยการแนะนำเพลงหลากหลายแนวให้กับเขา และดนตรีที่เข้าทางที่สุดในตอนนั้นเป็นดนตรีอีโม (ที่หลายคนคงรู้กันดีว่า Post Malone เองมีวงโปรดทั้งร็อก อีโม และเมทัล) ในช่วงวัยรุ่นเขาก็เล่นดนตรีเรื่อยเปื่อยตามประสา ไม่ได้เล่นจริงจังอะไรหรือไปตั้งวงเข้าห้องซ้อมแบบชีวิตวัยเด็กของศิลปินคนอื่น เพราะกิจกรรมสุดโปรดของเขาคือการเล่นเกมกีต้าร์ฮีโร่นั่นเอง เขาเล่นมันอย่างบ้าคลั่ง จนเขาได้ห้าดาวในทุกด่านของระดับ Expert เรียกง่าย ๆ คือเล่นจนเวลตันแล้ว เมื่อหมดความตื่นเต้นกับกีต้าร์ฮีโร่ไปแล้ว จุดนี้แหละที่ไปจุด Inspired ให้เขาลุกขึ้นมาเล่นกีต้าร์ของจริงแบบจริงจัง ในเมื่อเขาเล่นเกมกีต้าร์นี้จนตันไปแล้ว ทำไมถึงไม่เล่นของจริงวะ ? เขาเลยหันมาหยิบจับกีต้าร์แบบจริงจังและกำเนิดเป็นวงเมทัลของเขาเอง แต่แล้วเขาก็เริ่มหันเหไปที่ดนตรี Hip Hop ด้วยการทำ
“การเมืองไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” เพราะมันเกี่ยวพันถึงสวัสดิภาพ ความเป็นอยู่ของเรา มันเลยอาจทำให้เราติดภาพว่าเรื่องของการเมืองเป็นเรื่องที่จริงจัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มันจำกัดอยู่แค่ในรูปแบบของข่าวที่จริงจังบนหน้าหนังสือพิมพ์ หรือข่าวออนไลน์เท่านั้น การเมืองและศิลปะยังคงเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกันมาตลอดหลายยุคหลายสมัย UNLOCKMEN อยากพาทุกคนมาลิ้มรสเข้ม ๆ ของการเมืองในรูปแบบม้วนฟิล์มกันดูบ้างกับหนังการเมือง 5 เรื่องหลากหลายแนว ที่ไม่ได้เป็นแค่หนังไดอะล็อกนั่งคุยเครียด ๆ เสมอไป The Ides of March Director : George Clooney หนังการเมืองขนานแท้ที่เส้นเรื่องจะอยู่ที่ Stephen Meyers (Ryan Gosling) ผู้มีหน้าที่จัดการทุกอย่างเกี่ยวกับการหาเสียงให้กับนักการเมือง ตั้งแต่ภาพลักษณ์ เทคนิคการปราศัย การเล่นเกมการเมือง และนั่นทำให้เขามีโอกาสได้เห็นเบื้องหลังของวงการนี้อย่างแท้จริงและยิ่งทำให้รู้ว่าการเมืองก็ไม่ต่างจากการเล่นละครฉากหนึ่ง เมื่อเขาที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของนักการเมือง เป็นไม้ตายของการเลือกตั้ง กลายเป็นเพียงหมากเบี้ยตัวเล็ก ๆ ที่จะถูกเขี่ยออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ การแสดงของ George Clooney และ Ryan Gosling ที่ว่าเฉียบคมแล้ว ยังไม่สู้บทของเรื่องนี้เขาก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าเหมาทุกอย่างอยู่ในกำมือตั้งแต่กำกับ เขียนบท แสดงนำและเขาก็ทำมันออกมาได้โคตรเจ๋ง Argo Director : Ben Affleck หากรู้สึกว่าเรื่องแรกออกจะเครียดไปหน่อย ลองให้เรื่องนี้เป็นตัวเลือกของคุณ เรื่องราวสถานการณ์คุกรุ่นในอิหร่าน จนเกิดเหตุการณ์บุกสถานทูตอเมริกาในอิหร่าน กักขังเจ้าหน้าที่เอาไว้ข้างในแต่มี
“เรื่องราวของวิญญาณดวงหนึ่ง ที่ผู้คุมบอกว่าเขาได้รับรางวัลจากสวรรค์ให้มาอยู่ในร่างโฮมสเตย์ของเด็กหนุ่มชื่อ มิน แลกกับต้องสืบหาเรื่องการตายของมินให้ได้ ภายใน 100 วัน ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ได้เกิดอีกเลย” Homestay คือภาพยนตร์ไทยโรแมนติกดราม่าธริลเลอร์ ที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมญี่ปุ่น ‘Colorful’ ของ เอโตะ โมริ และได้ถูกสร้างเป็นแอนิเมชั่นญี่ปุ่น Colorful (2010) รวมถึงการแปลเป็นนิยายฉบับแปลไทยในชื่อ ‘เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม’ ถือเป็นงานเขียนที่สะท้อนมุมมองของคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาชีวิต อาการโรคซึมเศร้า และสะท้อนให้เห็นถึงเหตุผลที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ได้อย่างดีเยี่ยม ตัวหนังนำเสนอเรื่องราวของ ‘มิน’ เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ผ่านมุมมองของดวงวิญญาณที่ไม่เคยรู้จักกับเด็กคนนี้มาก่อน เพียงแค่มาอาศัยอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มชั่วคราว จึงจำต้องเริ่มทำความรู้จักตัวตนใหม่ที่เขาใช้เป็นโฮมสเตย์ เขาต้องสัมผัสกับปัญหาที่มินเจอโดยไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เด็กผู้ชายคนนี้คิดอะไร รักอะไร หรือเกลียดอะไร และค้นหาว่าเพราะเหตุใดถึงทำให้มินต้องตาย ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบเกี่ยวกับการมีชีวิตของมินคนใหม่นั้นแตกต่างจากมินคนก่อน เพราะแต่ละคนมองและจัดการกับปัญหาที่เจอไม่เหมือนกัน โดยจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของหนังไม่ใช่การค้นหาว่าทำไมมินถึงตาย แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่ามุมมองความคิดที่ต่างไปจากเดิมนั้นสามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้ตลอดกาล สักครั้งหนึ่งในชีวิตทุกคนต้องเคยเจอปัญหาที่แก้ไม่ตก บางเรื่องที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูแย่ไปหมด ส่งผลให้อารมณ์แปรปรวน เผลอตัดพ้อชีวิตว่าแต่ละวันมันช่างหดหู่เฮงซวย เฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งคิดไปถึงว่าถ้าตายเสียน่าจะยังดีกว่า ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดจากความผิดปกติทางเคมีในร่างกายที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ และสุดท้ายความตายที่คิดว่าเป็นทางออกที่ดีก็ไม่สามารถไขแก้ปัญหาอะไรได้เลย ซ้ำร้ายยังสร้างความเสียใจให้คนอื่นในครอบครัวและรอบข้างอีกด้วย เรื่องวุ่นวายทุกอย่างไม่ได้จบดังที่หวัง ซ้ำยังมีผลกระทบถึงคนรอบตัวมากมายกว่าที่คิด เพราะทุกการกระทำย่อมมีผลตามมาเสมอ ดังนั้นขอจงอย่าเสียความเป็นตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ควรให้โอกาสตัวเองได้เห็นมุมมองของปัญหาจากผู้อื่นบ้าง และที่สุดแล้วความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้คือเราทุกคนล้วนมีหนึ่งชีวิตเท่านั้น การให้โอกาสกับตัวเองจึงไม่เคยเป็นเรื่องไร้ค่า เช่นเดียวกันว่า คำตอบของการใช้ชีวิตก็ไม่ได้มีเพียงคำตอบเดียวเสมอไป
ตอนหนึ่งของเรื่อง ‘Bakuman วัยซนคนการ์ตูน’ มังงะที่ตีแผ่ความจริงของอุตสาหกรรมการ์ตูนญี่ปุ่นออกมาได้อย่างสมจริง ได้กล่าวไว้ว่าโลกแห่งมังงะญี่ปุ่นสามารถแบ่งคร่าว ๆ ออกได้เป็น 2 ประเภทคือ 1.มังงะสายหลัก 2.มังงะสายมาร มังงะสายหลักถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ คือเนื้อเรื่องจะเน้นไปที่พลังมิตรภาพ การผจญภัย การเดินทาง และการต่อสู้เป็นหลัก เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย เข้าถึงนักอ่านได้ทุกกลุ่ม ตัวอย่างเช่น Dragon Ball, One Piece, Naruto เหล่านี้เป็นต้น ในส่วนของสายมาร เรียกได้ว่าเป็นชนกลุ่มน้อยของวงการมังงะก็ว่าได้ เนื่องจากเนื้อเรื่องไม่ได้เข้าถึงนักอ่านทุกคน ค่อนข้างเข้าถึงยาก ไม่เน้นการต่อสู้ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแนวหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมา ทำยอดขายได้ไม่แพ้สายหลัก เป็นตัวชูโรงของสายมารก็ว่าได้ แนวที่ว่านั้นก็คือ ‘มังงะสืบสวน’ นั่นเอง หลายคนคงร้องอ๋อ เพราะในบ้านเราเองแนวนี้ก็ถือว่าโด่งดังไม่ใช่ย่อย มีหลายเรื่องที่อยู่ในความทรงจำ ซึ่งวันนี้เราจะพาร่วมย้อนรำลึกความหลังไปด้วยกัน คินดะอิจิ กับคดีฆาตกรรมปริศนา Written by: โยซาบุโร่ คานาริ, เซย์มารุ อามางิ, ฟุมิยะ ซาโต้ มังงะสืบสวนสอบสวนระดับคลาสสิกที่อยู่คู่วงการการ์ตูนญี่ปุ่นมาเนิ่นนาน เพราะเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 1992 หรือ 26 ปีที่แล้ว ความโดดเด่นของคินดะอิจิคือความสมจริงในทริคการฆาตกรรมต่าง
ความทรงจำในวัยเด็ก เมื่อตอนที่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัว แสงแดดที่สะท้อนจากถนน วิวสองข้างทาง และเพลงที่ขับกล่อมจากเทปคาสเซ็ตในรถ มันยังคงอบอวลอยู่ในความทรงจำของเราทุกครั้งที่ย้อนกลับไปนึกถึง หลายเพลงที่ฟังบนรถตอนนั้น เรายังคงฮัมเมโลดี้ของมันได้ จำอินโทรของมันได้แม้จะเริ่มเพลงไม่กี่วินาที UNLOCKMEN พาหนุ่ม ๆ ย้อนกลับไปรื้อฟื้นความทรงจำครั้งเก่ากับ 20 เพลง Oldies ที่เราคัดมาให้แบบกลาง ๆ ไม่ได้เจาะจงลงไปที่ยุคใดเป็นพิเศษ แต่รับรองว่าเป็นเพลงที่ทุกคนต้องมีโมเมนต์สมัยยังเป็นเด็กน้อยนั่งฮัมเพลงตามเทปที่เปิดบนรถ สำหรับใครที่สะดวกฟังบน Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้กด Follow เหมือนเดิม Don McLean – Vincent The Beatles – Hey Jude The Beatles – Let It Be The Beatles – Across The Universe Steely Dan – Dirty Work The Carpenters
ปีนี้ถือเป็นปีทองของการออกอัลบั้ม 2018 ศิลปินมากหน้าหลายตาต่างงัดเอาอัลบั้มของตัวเองมาให้แฟน ๆ ได้ตื่นเต้นกัน ไม่ว่าจะเป็นศิลปินที่ออกผลงานอยู่บ่อย ๆ หรือแม้แต่ศิลปินที่หายหน้าหายตาไปนานก็ตาม เหมือนนัดกันมาปล่อยของอีกครั้งในปีนี้ให้แฟน ๆ ที่ตั้งตาคอยได้หายคิดถึงกับอัลบั้มใหม่ของพวกเขา หลังจากห่างหายจากสตูดิโอไปนาน UNLOCKMEN อยากแนะนำอัลบั้มใหม่ของ 5 ศิลปินที่กลับมามีผลงานอีกครั้งในปีนี้ หลังจากเก็บตัวเงียบมาหลายปี จริง ๆ ยังมีศิลปินอีกหลายคน แต่เราขอ Pick Up ขึ้นมาพอหอมปากหอมคอกันก่อน The Longshot: Love Is For Losers วง Side Project ของฟรอนต์แมนสุดระห่ำ Billie Joe Armstrong แห่ง Green Day ที่วงหลักของเขาเพิ่งมีอัลบั้มไปเมื่อปี 2016 ในชุด “Revolution Radio” ส่วนวง Side Project อย่าง The Longshot เป็นการรวมตัวของเขาและสมาชิกในวงอย่าง Jeff Matika และสมาชิกเพิ่มเติมคือ Kevin Preston และ David S.
กระแสบ้านผีสิงกลืนกินคนของซีรีส์ดังทาง NETFLIX อย่างเรื่อง The Haunting of Hill House ที่สร้างปรากฏการณ์เรื่องราวสุดหลอนของครอบครัวให้กลับมาลุกโชนอีกครั้ง ด้วยดราม่ารสเข้ม ช่วยผูกปมของเรื่องให้มีมิติมากขึ้น ลูกเล่นของผีที่สลัดเอา Jump Scare เก่า ๆ ออกไป (แต่ก็ยังมีบ้างตามประสา Horror) UNLOCKMEN เลยอยากจะชวนหนุ่ม ๆ มาดูหนังบ้านผีสิงสุดหลอน พร้อมเนื้อหาเข้ม ๆ ที่จะปั่นประสาทจนคืนนี้เราต้องระแวงหลังทุกครั้งแม้อยู่ในบ้านตัวเอง Paranormal Activity (2007) Director : Oren Peli การเล่าเรื่องของเรื่องนี้ ถือว่าค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ ในตอนนั้น ทำให้เรื่องนี้เป็นกระแสอยู่พักนึง เรื่องราวของคู่รัก Katie และ Micah ที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ในแคลิฟอร์เนีย แล้ว Katie รู้สึกถึงความไม่ปกติในตอนที่เธอใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ เธอเองเชื่อว่ามีสิ่งลี้ลับติดตัวเธอมาตลอด และมันยิ่งสำแดงชัดเจนขึ้นในตอนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ จนต้องตั้งกล้องไว้ในบ้านเพื่อมองหาสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น ความหลอนมันอยู่ตรงที่เราจะไม่ได้เห็นผีเป็นตัว ๆ หรือ Jump Scare เลยสักนิด แต่จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ
ปีนี้ถือเป็นปีทองของคอนเสิร์ตที่แท้จริง ตั้งแต่ต้นปีศิลปินฝั่งกระแสหลักไปจนถึงอินดี้ ต่างแห่แหนกันมาระเบิดความมันส์ที่ไทยแลนด์กันแบบไม่มีเว้นเดือน จนมาถึงปลายปีก็ยังไม่มีผ่อนแรง ยังคงมีตารางคอนเสิร์ตแน่น ๆ กันไปจนถึงต้นปีหน้า สำหรับใครที่มีเพื่อนเป็นคอเดียวกันอาจไม่มีปัญหาสำหรับการไปตะลุยคอนเสิร์ต แต่คนที่มีเหตุให้ต้องฉายเดี่ยวนี่สิ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันช่างหงอยเหงากันตั้งแต่ซื้อบัตรใบเดียวแล้ว UNLOCKMEN ขอเป็นกำลังใจให้คนเหงาทุกคนได้ยืนหยัดได้ในทุกสถานการณ์ และในคอนเสิร์ตนี้ก็ด้วย เรามีเทคนิคเจ๋ง ๆ ของการเตรียมตัวไปคอนเสิร์ตคนเดียวแบบพร้อมรบ แถมอาจจะได้เพื่อนเพิ่มไปคอนเสิร์ตหน้าด้วยกันได้อีกด้วย เช็กเวลา สถานที่ และเตรียมบัตรให้พร้อม หลายครั้งแล้วที่เป็นอันต้องแห้วคอนเสิร์ตเพราะไปผิดที่บ้าง ไปยืนเสียเวลาหน้างานเพราะดูเวลาผิดบ้าง ร้ายสุดคือไปผิดวัน! ไปก่อนวันจริงยังไม่เท่าไหร่ ถ้าไปหลังวันจริงนี่เงินปลิวหายไปกับสายลม ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องตลกที่รู้สึกว่าใครมันจะไปลืมกันวะ เรายืนยันว่ามีคนแบบนี้อยู่จริง ๆ อาจจะเพราะจำเดือนผิด จำวันผิด แต่เพื่อความชัวร์ เราแนะนำให้ตั้ง Reminder เตือนตัวเองก่อนถึงเวลาจริงหนึ่งสัปดาห์ เตือนวันก่อนจะไปหนึ่งวัน เตือนวันจริงอีกครั้งให้รู้ตัวอยู่ตลอด นอกจากเวลาแล้ว สถานที่ก็ต้องเตรียมพร้อมเช่นกัน หาทางไปทางกลับวางแผนกันให้ดี การไปตายเอาดาบหน้าที่คอนเสิร์ตนั้น บอกเลยว่าโดนฟันราคาหัวแบะแน่นอน เตรียมวันเวลาซะพร้อม แต่ดันลืมบัตรไว้ที่บ้าน แบบนี้ได้ไปยืนหน้าแห้งอยู่หน้าคอนเสิร์ตแน่นอน ดอกจันไว้ที่ Reminder นั่นแหละว่าให้เตรียมบัตรให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นบัตรแข็ง บัตรอ่อน ติดไว้ในกระเป๋าอยู่เสมอหรือบัตร QR Code ก็เตรียมเอาไว้ในโทรศัพท์อยู่เสมอ พร้อมบัตรประชาชนด้วยเช่นกัน
ตัวละครหลักในหนังหลายเรื่องที่เราเคยได้ดูมาอาจจะเป็นนักสืบหนุ่มสุดสมาร์ต ไหวพริบเป็นเลิศ หรือจะเป็นนักธุรกิจหนุ่ม รูปหล่อพ่อรวย ชีวิตสุดแสนเพอร์เฟ็กต์ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร แต่พวกนั้นช่างโชคดี มีต้นทุน หรือเป็นคนเก่ง คนเจ๋งซะจนรู้สึกว่าชีวิตของพวกเขานั้นแสนจะน่าอิจฉา UNLOCKMEN ชวนให้หนุ่ม ๆ ลองเปลี่ยนมาดูหนังที่ตัวละครมีชีวิตใกล้เคียงความเป็นจริง เป็นแค่ผู้ชายทั่วไป ที่มีชีวิตแสนจืดชืดไปจนชีวิตสุด Fucked Up ที่เห็นแล้วได้แต่ปวดหัวแทน แถมยังเป็นหนัง Underrated ที่ได้รับกระแสตอบรับไม่ดีเท่าที่ควรอีกด้วย ซึ่งเราไม่อยากให้คุณพลาดไปสักเรื่องเดียว The Hitman’s Bodyguard (2017) Director : Patrick Hughes เรื่องนี้รับประกันความฮาและความกวนตีนระดับสิบ ตั้งแต่เห็นชื่อนักแสดงนำอย่าง Ryan Reynolds มารับบทบอดี้การ์ดมือดีที่ต้องพานักฆ่าระดับพระกาฬอย่าง Samuel L. Jackson ไปถึงที่หมายภายในเวลา 24 ชั่วโมงให้ทันให้ได้ นอกจากจะต้องปวดหัวกับคนนอกที่หวังจะสอย Samuel ให้ร่วงแล้ว ยังต้องมาปวดหัวกับความไม่ลงรอยของทั้งคู่ เมื่ออีกคนคือนักฆ่าอีกคนคือผู้ปกป้อง แต่ดันต้องมาร่วมมือกันให้ถึงที่หมาย ความวายป่วงจึงเกิดขึ้นตั้งแต่สองคนนี้เจอหน้ากันแล้ว The Nice Guys (2016) Director :
“พบกันน้อยนิด..จากกันเนิ่นนาน” วลีอมตะจากนวนิยายเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า หนึ่งในผลงานขึ้นหิ้งของ ‘กิมย้ง’ คงจะเข้ากับเหตุการณ์ตอนนี้ที่สุด เพราะเขาในวัย 94 ปี ก็ได้เริ่มต้นการจากกันเนิ่นนานกับยุทธภพแห่งนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม (พ.ศ. 2561) ที่ผ่านมา 94 ปีแห่งชีวิต 63 ปีแห่งการสร้างยุทธภพผ่านตัวอักษร ไม่ว่าจะสรรเสริญเท่าไรก็คงไม่เพียงพอกับความยิ่งใหญ่ของบุรุษผู้นี้ เขาคือหนึ่งในผู้บุกเบิกนิยายจีนกำลังภายใน เป็นอาจารย์ของนักเขียนรุ่นหลัง สร้างแรงบันดาลใจและความบันเทิงมากมายให้กับผู้เสพงานของเขา ดังนั้นถ้าใครติดตามนามปากกากิมย้งมาตลอดจะรู้ความจริงข้อนี้ดีอยู่แล้ว คอนเทนต์นี้เราจึงอยากแนะนำกิมย้งให้นักอ่านรุ่นใหม่รู้จักกันเสียมากกว่า หลายคนมักจะอคติกับนิยายชุดกำลังภายในว่าเน้นการบรรยายพรรณาเยิ่นเย้อ อ่านแล้วรู้สึกเบื่อ ซึ่งเราก็ไม่ปฏิเสธ เมื่อก่อนเราก็เคยคิดเช่นนั้น จนกระทั่งได้ลองอ่านงานของกิมย้งอย่างจริงจัง พบว่าในสำนวนโวหารต่าง ๆ นั้นคือหมู่มวลแห่งความบันเทิงทั้งสิ้น และทุกประโยคสนทนาคือแง่คิดดี ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในชีวิตจริง ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มอ่านจากเล่มไหนดี เราขอแนะนำผลงานอมตะ 5 เรื่องนี้ของกิมย้งที่รับรองว่าคุณจะสนุกไปกับมันได้อย่างแน่นอน มังกรหยก คงไม่ผิดนักถ้าจะพูดว่านี่คือผลงานที่โด่งดังที่สุดของกิมย้ง โด่งดังถึงขนาดที่ว่าต่อให้คุณไม่รู้จักกิมย้งแต่คุณต้องรู้จักมังกรหยกอย่างแน่นอน เพราะผลงานซีรีส์โทรทัศน์ที่ถูกดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้อยู่คู่กับจอแก้วบ้านเรามาตั้งแต่จำความได้ ในส่วนของเนื้อหา มังกรหยกแบ่งเรื่องราวทั้งหมดออกเป็น 3 ภาค โดยในภาคปฐมบทเล่าถึงแผ่นดินจีนที่กำลังเสื่อมโทรม ประชาราษฎร์ยากแค้น ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง ก่อนการปรากฏตัวของ ‘ก๊วยเจ๋ง’ เด็กหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาในดินแดนของมองโกลก่อนจะเดินทางกลับสู่ยุทธจักรจีน ก๊วยเจ๋งหมั่นฝึกฝนวิชามากมาย เป้าหมายคือขับไล่พวกมองโกลจากแผ่นดินจีน