ไม่ต้องบอก พวกเราก็รู้ถึงประโยชน์และคุณค่าของการออกกำลังกายอย่างลึกซึ้งขึ้นใจ แต่ชีวิตบางทีก็เลือกไม่ได้ แม้จะอยากออกกำลังกายแค่ไหน แต่งานหนัก รถติด ฝนตก จนไม่เหลือความอยากออกกำลังกายอีกเลย อยากจะพักผ่อนนิ่ง ๆ กินไก่ กินเบียร์ ดูทีวีให้จิตใจและร่างกายหายเหนื่อย สิ่งที่เราอยากบอกคือ “อย่าทิ้งช่วงห่างหายจากการออกกำลังกายนานเกินไป เพราะสุขภาพดี ๆ ความฟิตที่คุณสั่งสมมา จะมลายหายไปได้ภายในไม่กี่สัปดาห์” และนี่คือ timeline ที่เราสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า VO2 Max ในร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง เมื่อเราหยุดออกกำลังกายอย่างสิ้นเชิง *VO2 Max คือค่าปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายสามารถนำไปใช้เปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเลขยิ่งมาก หมายความว่าร่างกายยิ่งฟิตนั่นเอง 1 week แค่สัปดาห์แรกที่หยุดออกกำลังกาย ก็ทำให้ค่า VO2 Max ในร่างกายลดลงไปได้ถึง 5% ถ้าเคยใช้เวลาวิ่งรอบสวนลุมพินี 1 รอบ ใช้เวลา 20 นาทีสบาย ๆ อาจจะเหนื่อยมากกว่าเดิม แถมใช้เวลามากกว่าเดิมอีกด้วย และยังมีงานวิจัยว่ามีผลกับการทำงานของสมอง ด้วยการดูผล MRIs scan พบเลือดไหวเวียนไปส่วน
ช่วงนี้เทรนด์การกินมังสวิรัติกำลังได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพที่ต้องการหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เห็นได้ว่าแบรนด์ร้านอาหารหลายแห่งต่างพยายามผลิตสิ่งที่เรียกว่า อาหารที่ทำจากพืช หรือ ‘Plant-Based Food’ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนในยุคปัจจุบันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การทานอาหารแบบผักผลไม้ล้วนโดยที่ไม่มีเนื้อสัตว์เจือปนอยู่เลย อาจนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพจิต อ้างอิงจากงานวิจัยล่าสุดที่เผยแพร่ในวารสาร Food Science and Nutrition คนที่กินเนื้อมีสุขภาพจิตที่ดีกว่าคนที่กินแต่ผัก ทีมวิจัย (นำโดย Urska Dobersek ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาจาก University of Southern Indiana) ได้นำงานวิจัยเรื่องการบริโภคเนื้อและสุขภาพจิตทั้งหมด 20 ชิ้น มาวิเคราะห์เพื่อหาว่าการทานหรือไม่ทานเนื้อสัตว์จะส่งผลต่อการเกิดโรคซึมเศร้าหรือวิตกกังวลมากแค่ไหน โดยการศึกษาชิ้นนี้ ประกอบไปด้วย กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 171,802 คน (แบ่งเป็น กลุ่มที่บริโภคเนื้อ 157,778 คน และ กลุ่มที่ไม่บริโภคเนื้อ 13,259 คน) และใช้สูตรคำนวณค่า Hedges’s g ในการวิเคราะห์ความแตกต่างทางด้านสุขภาพจิตระหว่างคนที่กินเนื้อและไม่กินเนื้อ จนได้ผลลัพธ์ออกมาว่า คนที่ไม่บริโภคเนื้อจะมีสุขภาพจิตที่แย่กว่าคนที่กินเนื้อสัตว์ คือ เกิดอาการซึมเศร้ามากกว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้คนกินเนื้อมีสุขภาพจิตที่ดีกว่าคนอื่น Dobersek ได้แสดงความคิดเห็นว่าเป็นเพราะ การกินอาหารแบบควบคุม
หลายคงรู้จักกับใครสักคนที่คลั่งไคล้ดารา ศิลปิน หรือ คนดังแบบหัวปักหัวปำแบบตามติดตามชีวิตของคนดังในทุกฝีก้าวกันมาบ้าง พวกเขาอาจรักมากจนยอมควักเงินก้อนโตเพื่อทำป้ายวันเกิด หรือ ซื้อของสะสมของไอดอลคนนั้นมาประดับห้องหลายชิ้น บางคนอาจสงสัยว่าทำไมเราถึงรักคนที่ไม่สนใจใยดีเราได้ขนาดนี้ วันนี้เราจะคลายความสงสัยของทุกคนด้วยการอธิบายเรื่อง ‘Parasocial Relationship’ หรือ ความสัมพันธ์แบบกึ่งมีส่วนร่วมทางสังคม เกี่ยวกับ Parasocial Relationship “เก็บเรื่องของนางเอกที่ชื่นชอบไปฝัน” หรือ “การทำตัวเองให้ดูเท่แบบพระเอกในหนังเรื่องโปรด” ล้วนเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าเราอาจตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบ “Parasocial Relationship” กับคนบนหน้าจอที่เราหลงใหล โดยความสัมพันธ์ประเภทนี้ได้รับการนิยามโดยสองนักจิตวิทยาทางสังคม Donald Horton และ R. Richard Wohl ตั้งแต่ปี 1956 ซึ่งเป็นปีที่พวกเขาได้ทำงานวิจัยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคนดูและบุคคลที่ปรากฎในทีวี เช่น ผู้ประกาศข่าว หรือ นักแสดงละครน้ำเน่า จนค้นพบปรากฎการณ์ที่น่าสนใจจากงานวิจัยดังกล่าว จากการวิจัย พวกเขาพบว่า ผู้ชมทีวีชาวอเมริกัน ได้เกิดความสัมพันธ์ face-to-face relationship แบบหลอก ๆ กับตัวละครในทีวีขึ้นมา หรือ พูดง่าย ๆ คือ พอพวกเขามองตัวละครในทีวีไม่ต่างจากเพื่อนหรอคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในโลกความเป็นจริง พอพวกเขาได้เห็นชีวิตของตัวละครเหล่านี้บ่อย ๆ
หากจะให้พูดถึงผู้รักษาประตูที่มีฟอร์มการเล่นร้อนแรงมากที่สุดในชั่วโมงนี้ คงต้องยกให้ Edouard Mendy จากเชลซี และทีมชาติเซเนกัล จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในแนวรับของทีมสิงห์บลูส์ที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา แต่กว่าที่ Mendy จะก้าวขึ้นมาเป็นนายทวารระดับโลก ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย แต่ก็ยังไม่สายเกินไปสำหรับคนที่ไม่ยอมละทิ้งความฝัน เขาใช้เวลา 6 ปีที่ผ่านพ้นช่วงเกือบจะถอดใจกับวงการฟุตบอลจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูระดับโลกได้น่าอัศจรรย์ “เมื่อไหร่ที่มีการพูดถึงเรื่องนี้ มันทำให้ผมได้ตระหนักถึงเส้นทางในอาชีพของผม มันคือความจริงที่ว่าเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อมาก! ผู้คนชอบพูดว่าการทำงานหนักจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และมันก็จริง ผมทำงานหนักมาก ๆ ผมยอมรับในเรื่องนี้ ผมเคยอยู่ที่มาร์กเซย, แร็งส์, แรนส์ และตอนนี้คือเชลซี มันมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะเติบโตขึ้นไปอีกขึ้นครับ” Edouard Mendy ให้สัมภาษณ์กับสโมสรเชลซีไว้เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2020 จุดเริ่มต้นที่เกือบกลายเป็นจุดจบ Mendy เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับทีมเยาวชน เลอ อาฟร์ ด้วยวัย 13 ปี ก่อนจะย้ายไปสโมสร ซีเอส มูนิซิปัล เลอ อาฟ และย้ายเข้าสู่ทีมฟุตบอลระดับซีเนียร์กับทีมเฌอบัว ในปี 2011 ซึ่งเป็นทีมที่อยู่ในลีก The Championnat National
สุภาพบุรุษทุกคนต้องพึ่งพาสภาพ ‘กาย’ และ ‘ใจ’ ในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพราะร่างกายที่แข็งแรงจะทำให้รอดจากโรคภัยไข้เจ็บและมีแรงในการใช้ชีวิต ส่วนสุขภาพจิตที่ดีก็ทำให้คุณผู้ชายไม่ขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ แม้หลายคนจะใส่ใจกับการออกกำลังกายกันแล้ว แต่เรื่องการออกกำลังกายจิตเรามักใส่ใจกันน้อยเกินไป อาจเพราะไม่รู้วิธี หรือ ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมันมาก่อน สุดท้ายจึงกลายเป็นซึมเศร้า หรือ หมดไฟกันง่ายกว่าปกติ UNLOCMEN จึงอยากมาแนะนำเคล็ดในการพัฒนา Mental Fitness หรือ ความฟิตของจิตใจ เพื่อให้หัวใจของทุกคนแข็งแกร่งขึ้น และมีแรงจูงใจในการใช้ชีวิตในแต่ละวันมากขึ้นตามมา What is mental fitness ? ใครได้ยินคำว่า Mental Fitness ครั้งแรก อาจนึกถึงการทำแบบฝึกสมองเพื่อบูส IQ ให้ถึงขั้นอัจฉริยะ หรือ การเข้าร่วมกิจกรรมฝึกจิตใจจนกล้าแกร่งแบบซามูไร ซึ่งไม่ใช่ ความหมายของ Mental Fitness จริง ๆ แล้ว คือ การรักษาสภาพจิตใจ อารมณ์ และสมอง ให้มีความเฮลตี้ จนสามารถตระหนักถึงความรู้สึก ความคิด และพฤติกรรมของตัวเองได้เสมอ นั่นหมายความว่า
บางครั้งการขอคำปรึกษาเรื่องปัญหาส่วนตัวจากเพื่อนสนิท คนในครอบครัว หรือ แฟน ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกโล่งใจกว่าเดิม กลับกันมันยิ่งพาเราดาวน์หนักกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำไป เพราะผู้ให้คำปรึกษาดันไม่คิดถึงอารมณ์และความรู้สึกของเราเวลาเจอกับปัญหา แถมยังให้คำแนะนำที่ทำให้เราดูเป็น ‘ไอ้โง่’ ด้วยอีก แม้มันจะเป็นคำแนะนำที่สมเหตุสมผล และควรทำตามเมื่อเจอกับปัญหาจริง แต่ในสถานการณ์จริง เรามักทำตามคำแนะนำเหล่านี้ไม่ได้ เพราะความเครียด ความกังวล หรือ ความตื่นตระหนก มันทำให้เราไม่สามารถคิดและตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้เต็มที่ และอาจตัดสินใจทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป ลองจินตนาการดูว่าเวลาเจอคนเป็นลมหมดสติโดยบังเอิญ เราจะ react อย่างไรบ้าง เรามักได้รับคำแนะนำมาว่าให้รีบทำ CPR โทรเรียกรถฉุกเฉิน หรือ พาผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาลในทันที แต่ในสถานการณ์จริง เรามักจะเกิดความกังวลหลายอย่างจนเป็นคำถามในใจ เช่น เราจะปฐมพยาบาลเขาได้ดีพอรึเปล่านะ หรือ ถ้าเราพลาดเราจะซวยแค่ไหนกัน เป็นต้น จนสุดท้ายเราอาจทำในสิ่งที่ต่างออกไป เช่น เพิกเฉย หรือ เดินหนีออกมาจากสถานการณ์นั้น การละเลยดีเทลตรงนี้เองที่ทำให้การปรึกษามักต้องเจอกับความล้มเหลวอยู่เสมอ จนหลายคนที่ขอคำปรึกษารู้สึกเสียใจภายหลัง และไม่กล้าเปิดใจให้ใครไปนาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะการเก็บปัญหาไว้กับตัวเองเพียงผู้เดียว มักทำให้เกิดความเครียดสะสมและอาการเก็บกดที่ทำสุขภาพจิตเสื่อมลงทุกวัน จึงดีกว่าถ้าทุกคนสามารถรับมือกับมันได้ โดยเริ่มจากการเข้าใจปัญหาที่เรียกว่า ‘Empathy Gap’ Empathy Gap คืออะไร
แค่เป็นคนเหงามันก็โคตรเจ็บปวดอย่างลึกซึ้งพออยู่แล้ว ยิ่งเราเหงามากเราก็ยิ่งมักจะตั้งคำถามล้อกับความว้าเหว่ตัวเองมากขึ้นว่า เฮ้ย นี่กูจะเหงาจนตายจากโลกนี้ไปเลยได้หรือเปล่าวะ? แม้จะเป็นคำถามที่ถามตัวเองระหว่างสูบบุหรี่เล่น ๆ มวน สองมวน ไว้ตลกร้ายกับตัวเองเบา ๆ แต่ใครจะรู้ว่าคำถามนี้มันจริงจังขึ้นมา “เฮ้ย นี่กูเหงาจนตายจากโลกนี้ไปเลยได้หรือเปล่าวะ?” คำตอบคือ ใช่ เรามีความเสี่ยงทางสุขภาพได้จริง ๆ จากความเหงา เพราะความเหงาทำร้ายสุขภาพได้เท่า ๆ กับการสูบบุหรี่วันละ 15 มวน! บอกเลยว่าประเด็นเรื่องความเหงาทำร้ายมนุษย์ได้ ไม่ได้เป็นแค่ประเด็นทางจิตวิทยาอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นประเด็นปัญหาทางการแพทย์ที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก โดยทศวรรษที่ผ่านมาทั้งบรรดานักวิจัยทั้งหลายก็แห่กันมาศึกษาเรื่องความเหงาและความโดดเดี่ยวทางสังคมที่มีผลกระทบเชิงลึกต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต และการตายของมนุษย์ อย่าเพิ่งช็อคจนหมดลมหายใจไปตอนนี้ เพราะนอกจากเราจะเป็นคนเหงาแล้วเรายังเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้ไวกว่าคนไม่เหงาอีกด้วย (บอกแล้วอย่าเพิ่งช็อคตาย เดี๋ยวก็ได้ไปไวกว่าคนไม่เหงาแล้ว ) งานวิจัยเกี่ยวกับความเหงาที่ UNLOCKMEN จะเอามาพูดถึงวันนี้คืองานวิจัยจาก Brigham Young University ที่เขาไม่ได้ศึกษาแบบไก่กา แต่ศึกษายาวนานกว่าอายุคนเหงาบางคนเสียอีก เพราะเขาศึกษาเป็นเวลากว่า 34 ปี โดยศึกษาตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 1980 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 ผลการศึกษาก็ออกมาว่าความเหงานี่แม่งอันตรายกว่าที่คิดเพราะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงสุดถึง 60% แถมความเหงายังอาจเป็นปัจจัยทางสุขภาพที่สำคัญยิ่งกว่าการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน
คงไม่มีใครหน้าไหนชอบหรืออยากพบเจอกับอารมณ์ “โกรธ” ไม่ว่าจะเป็นการโดนเหวี่ยงโวยวายจากอารมณ์โกรธของผู้อื่น หรือแม้กระทั่งยามที่อารมณ์โกรธก่อตัวขึ้นในจิตใจของเราเอง ซึ่ง “Short Fuse” คือคำที่ใช้เรียกเมื่อมนุษย์ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกด้านลบภายในตัวเองได้ และอาจสร้างผลลัพธ์ทางลบกับตัวเราโดยไม่รู้ตัว แต่ทราบหรือไม่ว่าพลังงานด้านลบของอารมณ์โกรธ ก็มีประโยชน์ในทางบวกเช่นกัน หากรู้จักใช้อย่างถูกวิธี แถมยังเป็นเครื่องกระตุ้นให้โหมดเลือดร้อนของเรา แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อสร้างสรรค์อะไรเจ๋ง ๆ ให้กับตัวเองได้อีกด้วย ด้านบวกที่ซ่อนอยู่ ในช่วงเวลาแห่งความโกรธ เราพบเจอความโกรธได้จากสัตว์บนโลกทุกชนิดรวมทั้งมนุษย์ เพราะนั่นคือสัญชาตญาณ “เอาตัวรอด” ตามธรรมชาติในการตอบสนองความต้องการมีชีวิตอยู่ เมื่อถูกข่มขู่หรือปองร้ายจากปัจจัยรอบตัว นักวิจัยชื่อ Jenifer Lerner และ Dacher Keltner ได้ศึกษาผลกระทบจากความโกรธ พบว่าในระหว่างที่มนุษย์กำลังโกรธอยู่นั้นจะมีความรู้สึกอย่างนึงที่โดดเด่นขึ้นมา นั่นก็คือ “ความกล้าได้กล้าเสีย” ความรู้สึกอยากลองเสี่ยงเช่นนี้ถือเป็นเรื่องดีที่จะสามารถนำมาใช้เป็นแรงผลักดันชีวิตได้ ความลับในการใช้ความโกรธทางบวก ทักษะที่ควรลองฝึกฝนตัวเองหากต้องการใช้งานพลังด้านบวกจากความโกรธคือ ควรเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเอง ไม่ใช่ภายนอก ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราขับรถออกไปทำงานในตอนเช้า แต่กลับพบว่าบนถนนมีรถติด ทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดหรือโมโห ซึ่งปกติคนเรามักจะโทษปัจจัยภายนอกว่าเป็นสาเหตุ เช่น คนอื่นขับรถแย่ทำให้รถติด จำนวนรถยนต์มีมากเกินไปทำให้รถติด การบริการจราจรที่ห่วยแตกทำให้รถติด แต่การเปลี่ยนแปลงจากภายในคือ เมื่อโกรธ ให้สำรวจที่ตัวเองก่อนว่าเราคือต้นเหตุหรือไม่ เช่น เราตื่นสาย จึงออกมาทำงานช้าเกินไป จนต้องเจอกับรถติด ทำให้มีแรงจูงใจเพื่อพัฒนาตัวเองไปในทางดีขึ้น เพื่อการตื่นเช้าและขับรถในขณะที่การจราจรยังไม่โหดร้าย หรือเราโกรธ ที่เพื่อนยืมเงินเราแล้วไม่คืน
หลังจากที่ได้เปิดตัว Kiyo กล้อง webcam สำหรับสตรีมเมอร์ไปไม่นาน ตอนนี้ทาง Razer ได้ส่งของเล่นชิ้นใหม่สำหรับสตรีมเมอร์มาเข้าคู่กันแล้ว ได้แก่ Seiren V2 Pro และ Seiren V2 X ไมโครโฟนแบบ Plug and Play ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ทำให้เกิดเสียงพูดอันคมชัด ไม่ว่าจะเป็น high pass filter ที่ช่วยกรองเสียงรบกวน หรือ analog gain limiter ที่ช่วยป้องกันปัญหาเสียงแตกในระหว่างการพูดคุย สิ่งที่ไมค์แต่ละตัวมีเหมือนกัน คือ หน้าปัดวัดระดับเสียง (gain dial) ปุ่มปิดเสียงไมค์ แจ็คหูฟัง รวมถึงการใช้งานร่วมกับ Razer Synapse เพื่อปรับแต่งเสียงพูดให้ได้ตามที่ใจเราต้องการ แต่ไมค์ทั้งสองตัวจะแตกต่างกันทั้งในเรื่องของประเภทไมค์ หน้าปัดวัดความดังเสียง (volume dial) เทคโนโลยีเสียง และ ราคา โดย V2 Pro จะเป็น dynamic USB microphone
ยุคนี้ชื่อของ Ronaldo อาจทำให้หลายคนนึกถึง Cristiano Ronaldo กองหน้าชาวโปรตุเกสและสโมสร Manchester United แต่หากย้อนไปในความทรงจำของคอฟุตบอลในยุค 90’s ทุกคนจะต้องนึกถึง Ronaldo “R9” สุดยอดกองหน้าทีมชาติบราซิลเจ้าของฉายา “The Phenomenon” (ปรากฏการณ์) อย่างแน่นอน แม้ชื่อเสียงของ Ronaldo จะถูกยกย่องในวงการฟุตบอลไปทั่วโลก แต่อุปสรรคหลาย ๆ อย่างก็ทำให้เจ้าตัวต้องพบกับปัญหามากมาย โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่เล่นงานจนทำให้เราไม่ได้เห็นฝีเท้าของเขาไปนานนับปี รวมไปถึงเรื่องของน้ำหนักตัวที่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวถึงต้องตัดสินใจยุติการค้าแข้งไวกว่าที่ใครคาดคิดเอาไว้ ทิ้งการเรียนมาลงถนนเพื่อเตะฟุตบอล Ronaldo Luis Nazario de Lima ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 18 กันยายน 1976 ณ กรุงริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล ชีวิตของเขาผูกพันกับลูกฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดสำหรับคนบราซิล เพราะบางคนเกิดมาก็ได้รับของขวัญเป็นลูกฟุตบอลแล้ว รวมไปถึงคนส่วนใหญ่ในประเทศเชื่อว่ากีฬาชนิดนี้จะทำให้พวกเขาหนีออกจากความยากจนซึ่งเป็นปัญหาของประชากรส่วนใหญ่ไปได้ อย่างไรก็ตามครอบครัวของ Ronaldo ไม่ได้ยากจนขนาดนั้น และสามารถส่งเขาเรียนหนังสือได้อย่างสบาย ๆ แต่ตอนที่ Ronaldo มีอายุได้ 11
ใครคือนักเต้นที่ดังที่สุดในประเทศไทย? อาจจะเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก แต่ถ้าถามว่าใครคือนักเต้นที่อยู่ในระดับแถวหน้าของโลก รับรองว่าเราจะต้องเห็นชื่อ ‘Les Twins’ สองพี่น้อง duo นักเต้นจากฝรั่งเศสเจ้าแห่ง new-style hip-hop dancing ปรากฎอยู่ในระดับหัวแถวแน่นอน “Les Twins” คือชื่อทีมสุดขลังระดับ Icon ของวงการ Street Dancers ที่โด่งดังทะลุไปถึงในวงการ Design และ Entertainment ทั่วโลก ประกอบด้วยสองพี่น้องฝาแฝดชาวฝรั่งเศส Laurent และ Larry Bourgeois aka “Lil Beast” and “Ca Blaze” คู่หูที่ปัจจุบันคำว่านักเต้นอาจจะน้อยเกินไป เราขอเรียกว่าเป็น “Urban Movement Creators” ศิลปินที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งรอบตัวให้กลายเป็นการเคลื่อนไหวที่ฉีกกรอบความสร้างสรรค์ได้อย่างไร้ขีดจำกัดจะเหมาะสมกว่า Laurent และ Larry Bourgeois สองนักเต้นฝาแฝด Les Twins เกิดในปี 1988 และเติบโตในเมืองทางตอนเหนือของปารีส พวกเขาไม่เคยเข้าคอร์สเรียนเต้นอย่างจริงจังมาก่อนเลย แต่ใช้วิธีเรียนรู้ด้วยตัวเองจากการสังเกตนักเต้นคนอื่น
ทุกวันนี้ เรื่องราวของเทคโนโลยีบล็อกเชน, เหรียญคริปโตต่าง ๆ นา ๆ ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตผู้คนทั่วไปมากขึ้น รวมไปถึงการซื้อขายผลงานศิลปะในรูปแบบของ NFT (Non-Fungible Token) ที่ก่อให้เกิดศิลปินหน้าใหม่ขึ้นมากมาย ด้วยความเปิดกว้างของตลาด ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะสร้างงานแนวไหน ใช้เทคนิคอะไรยากง่ายไม่เกี่ยง ขอแค่เหล่านักสะสม หรือนักลงทุนถูกใจก็มีสิทธิ์ปล่อยผลงานออกไปในราคางาม และท่ามกลางศิลปินจำนวนมากที่เริ่มเข้ามาชิมลางกับการสร้างงาน NFT หนึ่งในนั้นยังมีชายที่ชื่อว่า ‘วีระชัย ดวงพลา’ หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในนาม ‘THE DUANG (เดอะ ดวง)’ นักวาดการ์ตูนชาวไทย ที่มีฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา กับผลงานการ์ตูนรวมเล่มฮิต ๆ และงานวาดภาพประกอบเจ๋ง ๆ มากมาย อีกทั้งยังเคยคว้ารางวัลใหญ่อย่าง Silver Award จากเวทีประกวดรางวัลการ์ตูนนานาชาติ ที่ประเทศญี่ปุ่น มาแล้ว แต่อะไรที่ทำให้ผู้ชายคนนี้หันมาตัดสินใจก้าวเข้าสู่โลก NFT แม้จะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งในตลาดซึ่งชื่อเสียงที่สั่งสมมาในโลกจริง ไม่อาจการันตีว่างานของคุณจะขายได้ วันนี้เรามาพบคำตอบเหล่านั้นจากปากของ ‘THE DUANG – วีระชัย ดวงพลา’ ไปพร้อมกัน ก่อนจะเป็น THE DUANG ก่อนจะไปถึงเรื่องราวจุดเริ่มต้นในวงการ NFT