ในการทำงานแต่ละวันของชาว UNLOCKMEN พวกเรามักจะเปิดเพลงคลอไปกับการทำงานอยู่เสมอโดยไม่เกี่ยงประเภทเพลง บางวันเป็นเพลงร็อก เพลงสากล เพลงอินดี้ แต่จะมีเพลงของวงวงหนึ่งที่ UNLOCKMEN จะต้องเปิดอยู่เกือบทุกวัน ซึ่งเพลงของวงนั้นคือ Telex Telexs และในที่สุดในวันนี้เราก็ได้พูดคุยกับพวกเขาตัวเป็น ๆ สมาชิกของวง Telex Telexs ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คน ปิ้ว (คีย์บอร์ด), นาว (กีตาร์), กร (เบส) และสมาชิกหญิงเพียงคนเดียวของวงอย่าง ออม (ร้องนำ) เมื่อเราได้พูดคุยด้วยบทสนทนาที่ไหลไปเรื่อย ๆ ก็ทำให้เห็นว่านอกจากดนตรีโดน ๆ ที่ได้ยินเกือบทุกวัน ยังมีแนวคิดอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจซ่อนอยู่หลังเมโลดี้และเสียงร้องอันมีเอกลักษณ์นั้น จุดเริ่มต้นของ Telex Telexs เด็กวิศวะและดุริยางคศิลป์ กับดนตรีที่ทำให้เราหลงรัก เด็กต่างคณะต่างมหาวิทยาลัยมารวมตัวกันตั้งวงดนตรีได้ยังไง ? ปิ้ว : ผมกับกรเคยมีวงดนตรีด้วยกันแล้วล้มไป แต่ว่าพวกเรายังอยากเล่นดนตรีกันต่อเลยตั้งโปรเจกต์ขึ้นมาก่อน ตอนนั้นยังไม่มีชื่อเลยไปเปิดดิกชันนารีดูแล้วเจอคำว่า Telex ที่แปลว่าโทรเลขแล้วเราชอบ ก็เลยใช้คำนี้พร้อมกับเบิ้ลคำแล้วเติม s วงมี 4 คน
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านนั้น ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั้งวงการเพลงบนเวที Glastonbury ประเทศอังกฤษ เมื่อวงร็อกอเมริกันระดับแถวหน้าอย่าง The Killers เชิญรุ่นใหญ่กว่าอย่าง Johnny Marr อดีตมือกีตาร์วง The Smiths และวง The Pet Shop Boys ขึ้นไปแจมบนเวที เล่นเอาแฟนเพลงทั่วโลกพุ่งเป้าความสนใจไปที่เหตุการณ์ เพราะใครจะไปคิดว่าพี่ ๆ The Killers เขาจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ โดยวงได้แสดงโชว์บนเวทีไปมากกว่า 15 เพลง ก่อนจะเข้าไปพักด้านหลังเวที เพื่อให้แฟน ๆ ได้ตะโกน Encore เรียกร้องกันพอเป็นพิธี หลังจากนั้น Neil Tennant และ Chris Lowe แห่ง The Pet Shop Boys สองคู่หูโอ้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งดนตรี Synthpop ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมเพลงฮิตอย่าง Always On My Mind โดย
หลังจากที่เราเคยพูดถึงช่อง Live Music ต่าง ๆ ที่น่าสนใจทาง Youtube พาร์ทแรกกันไปแล้ว (ใครยังไม่ได้อ่าน > คลิก) ก็ได้ฤกษ์งามยามดีที่จะปล่อยพาร์ทสองออกมาให้ทุกท่านได้ทำความรู้จักกันอีกครั้ง รับรองว่า Channel ที่เราจะกล่าวถึงในรอบนี้ จะมีความแปลก แตกต่าง จากครั้งก่อนอย่างแน่นอน คอเพลงเตรียมกด Subscribe กันรัว ๆ ถ้าพร้อมแล้วมาดูกัน! Jam In The Van ช่องนี้ถือว่าเปิดตัวมาค่อนข้างนานพอสมควรเพราะมีมาตั้งแต่ 2011 เป็นช่องที่จะนำเอาศิลปินมาเปิดโชว์ในรถแวน โดยจะสับเปลี่ยนสถานที่ในการถ่ายทำไปเรื่อย ๆ รอบสหรัฐอเมริกา ศิลปินที่มาออกก็ไม่จำกัดแนว มีตั้งแต่ร็อก, ป๊อป ไปยันสายดีเจ แถมไม่ได้บังคับทำแค่ Acoustic เพราะพวกเขาสามารถเล่นจัดหนักจัดเต็มได้ มีการเสริมกล้อง GoPro เข้าไปตามมุมต่าง ๆ ของเครื่องดนตรี ทำให้ได้ภาพเรียล ๆ เพิ่มความสะใจให้ผู้ชมอย่างเรา ส่วนมากศิลปินที่มาออกช่องนี้ อาจจะไม่คุ้นหน้าคุ้นตากันสักเท่าไหร่ เพราะเน้นไปที่กลุ่มนอกกระแสจริง ๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบสรรหาศิลปินใหม่ ๆ รวมไปถึงศิลปินแปลก ๆ
ปลายเดือนแบบนี้ นอกจากเงินเดือนจะออกให้ชื่นใจกันแล้ว ก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่ที่ UNLOCKMEN จะรวบรวมเพลงเด็ด ๆ ประจำเดือนมาฝากคอเพลงทุกท่านกันด้วย เพลงเดิม ๆ ฟังวนจนร้องได้แล้ว ถึงเวลาอัปเดตเพลย์ลิสต์ของคุณแล้วสิ! 1. Talk – Two Door Cinema Club หลังห่างหายไปนานกว่า 3 ปี ในที่สุด Two Door Cinema Club ก็ปล่อยอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อว่า False Alarm มาให้พวกเราได้ฟังกัน โดยมีซิงเกิล Talk เป็นตัวชูโรง เพลงของพวกเขายังฟังสนุก ชวนขยับแข้งขาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ามาแต่งเติมสีสันแปลกใหม่ให้กับเพลง มิน่าปกอัลบั้มใหม่นี้สีสันสดใสเชียว 2. Help Me Stranger – The Raconteurs หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยวงนี้ แต่ถ้าคุณเป็นคอเพลง Garage Rock ยุค 2000 เชื่อว่าชื่อของ Jack White หรือ The
Billboard แต่เดิมสิ่งนี้คือ ‘นิตยสารเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเพลงในสหรัฐอเมริกา’ โดยจะออกเป็นรายสัปดาห์ และมีการจัดอันดับตารางเพลงและอัลบั้มยอดนิยมในสัปดาห์นั้น ๆ อยู่ในเล่ม ซึ่งการรายงานชาร์ตเพลงแบบนี้ มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ ค.ศ. 1936 กระทั่งวันเวลาผ่านมานานกว่า 83 ปี Billboard Chart ก็ยังคงรายงานอันดับเพลงอยู่จนถึงปัจจุบัน แถมพัฒนา Platform ใหม่ ๆ อาทิเว็บไซต์ www.billboard.com รวมถึงเพิ่มหมวดหมู่หัวข้อในการจัดอันดับเพลงให้หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงหมวดหมู่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดใน Billboard นั่นก็คือ GREATEST OF ALL TIME หรือแปลเป็นไทยได้ว่า ‘ยอดเยี่ยมตลอดกาล’ นั่นเอง ซึ่งหัวข้อภายใต้หมวดหมู่นี้จริง ๆ มีมากถึง 25 ประเภทด้วยกัน แต่เราจะขอหยิบยก 10 ประเภทที่น่าสนใจมารายงานกันว่า มีศิลปิน, เพลง, หรืออัลบั้มใดที่ครองตำแหน่งเหนือแชมป์นี้อยู่บ้าง มาดูกันเลย! 1. GREATEST OF ALL TIME HOT 100 SINGLES ตกเป็นของเพลงฮิตยุค 1960 ที่ชื่อ The
เพิ่งจะครบรอบ 40 ปี Unknown Pleasures หนึ่งในสุดยอดอัลบั้มทรงอิทธิพลของโลกใบนี้ไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนต่อให้ไม่เคยฟังสักเพลงก็น่าจะเคยเห็น Art Work อัลบั้มนี้ผ่าน ๆ ตากันมาบ้าง ผลงานชุดนี้เป็นของวงดนตรีจากเกาะอังกฤษที่มีนามว่า Joy Division พวกเขาคือผู้บุกเบิกแนวดนตรีที่เรียกว่า โพสต์พังก์ (Post-Punk) เจ้าของเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง Love Will Tear Us Apart ซึ่งอัลบั้ม Unknown Pleasures นี้แหละที่เป็นดั่งใบเบิกทางให้โลกได้รู้จักพวกเขาในปี ค.ศ. 1979 โพสต์พังก์ คือแนวดนตรีที่มีรากฐานมาจากพังก์ร็อก แต่มีการผสมผสานดนตรีและศิลปะแขนงอื่นเข้าไปในเพลง ดนตรีของ Joy Division จะมีความดิบ มืดหม่น แต่ก็มีเมโลดี้ที่ติดหู และมีทำนองสนุกสนาน เสียงร้องโทนต่ำสุดเย็นเยือกของ Ian Curtis ฟรอนต์แมนของวง ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Jim Morrison ฟรอนต์แมนวง The Doors แต่ในเวลาต่อมาวงโพสต์พังก์รุ่นหลังต่างนำเอาวิธีร้องลักษณะนี้มาต่อยอดงานเพลงของตน เมื่อเข้ายุค 80
เชื่อว่าคนรักเพลงสากลทุกคน แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเพลงเบสหนึบติดหูที่มีชื่อว่า ‘Uptown Funk’ ด้วยความฟังสนุก จึงทำเอาผู้คนโยกสนั่นทั่วบ้านทั่วเมือง แค่อินโทรขึ้นก็เป็นอันร้องอ๋อ ไม่ต้องรอให้ถึงท่อนฮุคก็จำได้ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่จดจำว่า Uptown Funk คือเพลงของ Bruno Mars รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วเพลงฮิตนี้เป็นของ Mark Ronson ต่างหาก! อีกทั้งชื่อของเขายังปรากฏอยู่บนหลากหลายเพลงฮิตอย่างเป็นปริศนา โดยไม่มีเสียงร้องของเขาสักท่อน วันนี้เราจะชวนคุณย้อนไปบนเส้นทางที่เป็นจุดเริ่มต้นของชายคนนี้ พร้อมตอบคำถามไปพร้อมกันว่า Mark Ronson คือใคร ทำไมมีชื่ออยู่บนเพลงดัง? Mark Ronson ชายคนนี้คือ DJ หนุ่มจาก London (ปัจจุบันอายุ 43 ปี) ด้วยความที่เป็นคนหลงใหลในเพลงหลากหลายแขนง เขาจึงสนุกกับการนำเพลงฮิตมา Cover ใหม่ แล้ว Remix ให้กลายเป็นเวอร์ชั่นที่แตกต่าง เขามักจะใช้ศิลปินคนอื่น ๆ มาเป็นผู้ถ่ายทอดเสียงร้องในเพลงของตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนร้องเพลงไม่เอาไหน เขาทำงานกับศิลปินเก่ง ๆ มากมาย จึงรู้ดีว่าเส้นเสียงที่ดีควรจะเป็นแบบไหน และก่อนหน้าที่ชื่อของเขาจะเป็นที่รู้จักในวงการ Mark Ronson มีอัลบั้มเป็นของตัวเองถึง 2 อัลบั้มคือ Here Comes the
ย้อนไปราวเดือนมีนาคม ต้นปี 2019 ที่ผ่านมา เมื่อทางเพจผู้จัดคอนเสิร์ตอย่าง Viji Corp ประกาศว่าวง Alternative Rock จากอังกฤษที่ชื่อ Foals จะมาเปิดการแสดงที่เมืองไทยในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ แฟนเพลงเดนตายอย่างเราก็กรีดร้องในใจเป็นพันครั้ง ก่อนจะรีบเข้าไปกดซื้อบัตรทันทีที่เปิดการขายในเว็บไซต์ Ticketmelon ถึงจะจ่ายก่อน ชมของจริงทีหลัง แถมต้องรอเหงา ๆ ไปถึงครึ่งปี พวกเราก็ไม่ท้อถอย วันนี้เราเลยจะมาเล่าแจ้งแถลงไขให้ฟังว่า วงดนตรีที่ชื่อ Foals นี้ พวกเขาเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงน่าไปชมการแสดงสดของพวกเขาสักครั้ง มารู้จัก 10 ข้อที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Foals ไปพร้อม ๆ กัน! 1. Foals มาจาก Oxford เมืองแห่งการเรียนรู้ ประเทศอังกฤษ 2. Antidotes อัลบั้มแรกของ Foals คือแนว Math-Rock (เพลงร็อกที่มักจะมีโครงสร้างเพลงที่ผิดแปลก เช่นทำให้สัดส่วนเพลงไม่ใช่ 4:4 อย่างที่ควรเป็น จนไปถึงการขยายคอร์ดที่ไม่กลมกลืนกันเป็นต้น) ซึ่งก่อนหน้าจะเป็น Foals
หากใครฟังเพลงสากลบ่อย ๆ เชื่อว่าต้องเคยเข้าไปอ่านเนื้อเพลงในเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Genius กันบ้าง เพราะในนั้นไม่ได้มีแค่เนื้อเพลงเพียว ๆ แต่ยังเสริมที่มาที่ไป ข้อมูลต่าง ๆ รวมไปถึงความหมายเพลงที่มีทั้งแฟนเพลงและตัวศิลปินเองเป็นผู้เข้ามา Post อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม นอกจากนี้ Genius ยังมีรายการบนช่อง Youtube ที่น่าสนใจชื่อว่า Verified เพื่อให้ศิลปินมาอธิบายความหมายเพลงแบบท่อนต่อท่อนจากปากของตัวเอง และจับมือร่วมงานกับ Spotify เนื้อเพลงต่าง ๆ ที่ขึ้นในแอปฯ เขียวนั้นก็ล้วนมาจาก Genius ซึ่งยืนหนึ่งในวงการเนื้อเพลงขนานแท้ ล่าสุดทาง Genius ได้เผยหลักฐานชิ้นสำคัญออกสื่อว่าเว็บไซต์ระดับโลกอย่าง Google ขโมยเนื้อเพลงของพวกเขาไปไว้ในหน้าแสดงผลลัพธ์ของตัวเอง! ด้วยวิธีการพื้นฐานที่สุด ๆ นั่นก็คือการคลิกขวา Copy + Paste นั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้พิสูจน์ได้จากรหัสมอร์สลับ ๆ ที่พวกเขาวางยาซ่อนเอาไว้ในเนื้อเพลง Not Today ของ Alessia Cara ด้วยการใส่สัญลักษณ์ Apostrophes (เครื่องหมาย ‘ ) ทั้งแบบตรงและแบบเอียง อย่าเพิ่งสับสนลองดูภาพด้านล่างก่อน Genius
“Safeplanet” ความหมายของมันคือการเป็นที่ปลอดภัยของพวกเรา เราอยากมีที่ที่เป็นจุดยืนของเราได้ เป็นเหมือนกับแกลเลอรีเล็ก ๆ ที่จะวาดหรือระบายอะไรลงไปในนั้นก็ได้ โดยที่ไม่มีใครมามองว่ามันถูกหรือผิด” ความหมายของชื่อวงดนตรีที่เกิดจากความหลงใหลเสียงเพลงของ เอเลี่ยน-ฐิติภัทร อรรถจินดา (ร้องนำ-กีตาร์) ดอย- อภิวิชญ์ คำฟู (กลอง) และ ยี่-ชยปัญญ์ จันทรานุสนธิ์ (เบส) จนเกิดเป็นวงดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสียงกีตาร์ลีดและจังหวะเครื่องเคาะ รวมไปถึงเนื้อร้องและทำนองที่ทั้ง 3 คนกลั่นกรองออกมาเป็นเพลงที่พวกเขาเรียกกันว่า “แนวเซฟ” นับตั้งแต่ “กล่องดำ” เพลงแรกที่ปล่อยออกมา จนมาถึง “ข้างกาย” ซิงเกิ้ลล่าสุด พวกเขาต้องลองผิดลองถูกกับอะไรมาบ้างกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้และอะไรคือสิ่งที่ทำให้ทั้งสามยังคงยึดถือแนวทางและตัวตนในการเล่นดนตรีแบบ Safeplanet อยู่เสมอ มาทำความรู้จักกับศิลปินวงแรกของ UNLOCKMEN “GARAGE : Live Session” งานดนตรีสดสุดมันส์ แต่บรรยากาศอบอุ่นชิดใกล้เหมือนฟังเพลงที่หลังบ้านใครสักคน เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Safeplanet ให้ฟังหน่อย ดอย : จุดเริ่มต้นของเราเริ่มจากเมื่อก่อนผมกับเอเคยทำวงดนตรีด้วยกันมาก่อน ตอนนั้นใช้ชื่อว่า Shadow Snare ครับ ทำกันมาได้สักระยะมาถึงจุดหนึ่งที่ความคิดไม่ตรงกันวงก็เลยแตกไป ทำให้เหลือกันอยู่สองคน ตอนนั้นเราชอบสไตล์ดนตรีที่เหมือนกัน เอก็เลยชวนผมเริ่มทำวงใหม่ เอเลี่ยน : เริ่มจากที่ดอยเล่ามาครับ ผมกับดอยมาตั้งเป็น Safeplanet ส่วนยี่เป็นรุ่นน้องที่มหิดล
หากพูดถึงคำว่า Britpop เชื่อว่าแฟนเพลงหลายคนจะต้องคิดถึงชื่อของ Oasis หรือ Blur ขึ้นมาทันทีแบบไม่ต้องคิด ในช่วงกลางปี 1990 เพลง Alternative Rock จากอังกฤษกลายเป็นคลื่นวัฒนธรรมลูกใหญ่ที่สาดซัดไปทั่วโลก มี 4 วงดนตรีแถวหน้าที่ผงาดง้ำกว่าใคร นั่นก็คือ Oasis, Blur, Suede และ Pulp พวกเขาถูกผู้คนเรียกว่า Big Four แห่งยุค 90 เกิดการช่วงชิงตำแหน่งบนชาร์ตและพื้นที่สื่อกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ Oasis และ Blur ดูจะเป็นที่นิยมมากกว่าในบ้านเรา ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงวง Blur กัน พวกเขามีเพลงฮิตเหนือกาลเวลามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Song2, Girls and Boys, Tender หรือ Parklife แต่เราจะไม่พูดถึงเพลงเหล่านั้น เพราะนี่คือเพลย์ลิสต์รวมเพลงอื่น ๆ ที่ไม่ดังแต่ฟังดีของ Blur สำหรับสาวกก็อาจจะฟังกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ใครที่ไม่ได้ฟังวงนี้บ่อยนัก บอกตรง ๆ ว่าเราไม่อยากให้พวกคุณพลาดของดีที่กำลังจะกล่าวถึงในต่อไปนี้…
แฟนเพลงอย่างเรา ล้วนเข้าใจดีว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ศิลปิน’ ไม่เหมือนปุถุชนคนทั่วไป พวกเขาคือเหล่าอัจฉริยะสมองใสผู้พร้อมจะปล่อยความปราดเปรื่องลงไปบนตัวโน้ต ซึ่งทักษะชั้นสูงเหล่านั้นแค่บทเพลงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ พวกเขาบางคนยังระเบิดความสุดโต่งมาให้แฟนเพลงปวดหัวเล่น ด้วยการตั้งชื่อวงโลดโผนเกินมนุษย์ธรรมดาแบบพวกเราจะหยั่งถึง วันนี้เราจะหยิบยกตัวอย่างการตั้งชื่อสุดพิลึกกึกกือบางชื่อมาให้ทุกท่านได้ประจักษ์ไปพร้อม ๆ กัน Kakkmaddafakka วง Indie-rock จาก Norway ที่หลายคนอ่านชื่อครั้งแรกต้องขมวดคิ้ว แท้จริงแล้วชื่อวงนี้อ่านง่ายตรงตัวได้ว่า kakk-mad-da-fak-ka ถามว่าทำไมตั้งชื่อนี้ วงบอกว่าตั้งใจให้มันเป็นคำหยาบในภาษาอังกฤษคำนั้นนั่นแหละ (ฮา) แต่โดยรวมเพลงของพวกเขาดีมาก แถมโดนสื่อหลายเจ้าชมว่าเป็นวงที่เล่นสดดี Energy เหลือล้นอีกด้วย Lynyrd Skynyrd วง Southern rock ชื่อดังจากรัฐฟลอริดา เจ้าของเพลงดัง Sweet home Alabama ที่เชื่อว่าใครเห็นชื่อวงครั้งแรกต้องไม่กล้าอ่านออกเสียง Lynyrd Skynyrd อ่านออกเสียงว่า Leonard Skinner มาจากชื่อครูพละคนหนึ่งที่ชอบทะเลาะกับสมาชิกในวงเป็นประจำสมัยพวกเขายังเรียนไฮสคูล เพราะพวกเขาทำผิดกฎโรงเรียนที่ห้ามเด็กผู้ชายไว้ผมยาวยังไงล่ะ! The The วงนี้ชื่ออ่านง่าย แต่ชวนงง The The (เดอะ เดอะ) เป็นวงดนตรีที่เริ่มต้นจากแนว Post-Punk สู่การเป็นวง Musical /