หากจะกล่าวถึงศิลปินสาย Folk ที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ James Bay คงเป็นอีกหนึ่งชื่อที่อยู่ในใจใครหลายคน ด้วยลุคเท่ ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ จะผมยาวผมสั้นก็หล่อเอาอยู่ เสียงแหบเสน่ห์ แถมสะพายกีตาร์ ลุคแบบนี้แหละอย่าว่าแต่ผู้หญิงชอบ ผู้ชายเห็นก็ยังยกให้เป็นไอดอล ล่าสุดหนุ่ม James ก็เปิดตัว EP อัลบั้มที่มีชื่อว่า Oh My Messy Mind ออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีซิงเกิลที่ชื่อว่า Bad และ Peer Pressure ที่ได้สาว Julia Michaels มาร่วมงานด้วยเป็นตัวชูโรง หนุ่ม James ได้เผยเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับแรงบันดาลใจของผลงานชุดนี้ว่า “ผมมักจะเขียนสิ่งที่อยู่ในจิตสำนึกของตัวเอง เพื่อจะล้างความคิดบางอย่างออกจากหัวสมองเป็นประจำ เพลงใน EP ผมเขียนขึ้นไม่นานมานี้ มันเกิดขึ้นในวันที่มืดหม่น จึงสะท้อนอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่ผมเผชิญอยู่ในขณะนั้นได้ดี สำหรับเพลง Bad และเพลงอื่น ๆ ใน EP นั้น คือผมอยากจะซื่อสัตย์เกี่ยวกับเรื่องราวของตัวเอง รวมไปถึงสตอรี่อื่น ๆ ซึ่งเจ้าเพลง Bad
หากนับจากปีค.ศ. 1989 ไล่มาจนถึง 2019 ก็จะเท่ากับว่าตอนนี้ครบรอบ 30 ปีพอดีเป๊ะ สำหรับความพิเศษของโลกแห่งดนตรี ทุก ๆ ปีที่ ค.ศ. ลงท้ายด้วย ‘9’ มักน่าสนใจเสมอ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านจากยุคหนึ่งไปสู่ยุคหนึ่ง และซีนดนตรีในช่วงปีนั้น ๆ มักส่งอิทธิพลต่อยุคถัดไปไม่มากก็น้อย แถมปี 1989 นี้ยังเป็นปีแห่งการกำเนิดศิลปินระดับตำนานหลายวงเลยทีเดียว เรามาดูกันว่าในปี 1989 นี้ มีอัลบั้มอะไรที่น่าสนใจออกมาบ้าง Bleach – Nirvana ไม่มีใครไม่รู้จักกรันจ์ร็อกในตำนานอย่าง Nirvana เพราะคณะดนตรีกลุ่มนี้คือตัวจริงเสียงจริงแห่งยุค 90 แต่รู้หรือไม่ว่า ‘Bleach’ อัลบั้มแรกของพวกเขา ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 1989 ก่อนจะย่างเข้ายุค 90 โดยสมบูรณ์เสียอีก ซึ่งตอนที่ผลงานชุดนี้ถูกปล่อยออกมา แทบไม่มีใครบนโลกใส่ใจกับวงดนตรี 3 ชิ้นที่ชื่อ Nirvana นี้เลย เพลงก็ไม่ติดชาร์ต ไม่ประสบความสำเร็จแบบอัลบั้ม Nevermind (ที่มีเพลงชาติชาวร็อกอย่าง Smells Like Teen Spirit) แต่เมื่อเวลาล่วงเลยแล้วมองย้อนกลับไปนั้น
หลังจากที่ทาง Netflix ได้ประกาศวันฉายซีซั่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการของ ‘Black Mirror’ ซีรีส์ Sci-Fi สุดล้ำที่จะมาเผยด้านมืดของเทคโนโลยีในแบบที่คุณไม่คาดคิด โดยปีนี้ก็เข้าสู่ซีซั่นที่ 5 เป็นที่เรียบร้อย แฟน ๆ ทั่วโลกสามารถรับชมพร้อมกันทั่วโลกได้ในวันที่ 5 มิถุนายน 2019 นี้ ซีซั่นล่าสุดนี้เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์หลายระลอกจากทาง Netflix ไม่ว่าจะเป็นการประกาศบทบาทนำแสดงโดยศิลปินสาว Miley Cyrus ที่เป็นแคสต์หลักของเรื่องในตอน ‘Rachel, Jack and Ashley Too’ หรือจะ Andrew Scott (มอร์ริอาตี้ จาก Sherlock) ที่มารับบทนำในตอนที่มีชื่อว่า ‘Smithereens’ ซึ่งความตื่นเต้นยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะในตอน Smithereens นั้นยังได้นักประพันธ์มือดีที่กวาดรางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วนอย่าง ‘ริวอิจิ ซากาโมโตะ’ มาเป็นผู้สร้างสรรค์เพลงประกอบให้อีกต่างหาก หากใครยังไม่คุ้นชื่อ ‘ริวอิจิ ซากาโมโตะ’ ต้องเท้าความก่อนว่าเขาผู้นี้อยู่ในวงการดนตรีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เป็นสมาชิกวง Yellow Magic Orchestra จนต่อมาเขากลายเป็นคอมโพสเซอร์อัจฉริยะผู้อยู่เบื้องหลังซาวด์แทร็คของภาพยนตร์ดังหลากหลายเรื่อง เรื่องแรกที่ทำให้เขาแจ้งเกิดก็คือ ‘Merry Christmas, Mr. Lawrence’
หากกล่าวถึงความเฟื่องฟูทางดนตรีบนเกาะอังกฤษยุค 80 เชื่อว่าคอเพลงหลายคนคงจะคิดถึง ‘The Smiths’ วงอัลเทอร์เนทีฟอายุสั้น (1982-1987) ผู้มีอิทธิพลต่อดนตรีร็อกและวงการเพลงทั่วโลกมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะ ‘Steven Patrick Morrissey’ ฟรอนต์แมนเจ้าปัญหาของวงผู้กลายเป็นไอคอนิคของความเยอะสิ่ง และยังคงมีผลงานเพลงอย่างต่อเนื่องยาวนานมาจนปัจจุบัน ทุกสิ่งของเขาล้วนเป็นที่จดจำไม่ว่าจะเป็นการแต่งเพลงเนื้อหาคร่ำครวญ, แฟชั่น จนไปถึงความงี่เง่าบนเวที มาดูกันดีกว่าว่าจะมี ‘ความมอซ’ อะไรบ้างที่พวกเราควรระลึกถึง! ชายผู้บูชา Oscar Wilde มอร์ริสซีย์ (เรียกสั้นๆ ว่ามอซ) รักและเทิดทูน ‘Oscar Wilde’ นักเขียนแนวเสียดสีผู้โด่งดังเรื่องความฝีปากกล้าท่านนี้สุดหัวใจ โดยเจ้าตัวเองก็ยอมรับว่าเพลงของเขาส่วนมากได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานของ Oscar Wilde นั่นแหละ หากจะให้กล่าวว่ามีอะไรบ้าง ก็อาจจะต้องร่ายยาวไปถึง 3 วัน 7 วัน แต่เอาเป็นว่าคาแรกเตอร์ปากจัดของพี่แกนั้น มาจากการคาแรกเตอร์ของ Oscar Wilde แน่นอน โดยมอซบอกว่า แม่ของเขาผู้มีอาชีพเป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์เป็นคนแนะนำให้พี่แกอ่านงานของ Oscar Wilde ตั้งแต่ยัง 8 ขวบเท่านั้น ไม่กินเนื้อสัตว์ (เด็ดขาด)
เวลาไม่เคยคอยใคร แถมผ่านไปไวเหมือนโกหก ไม่น่าเชื่อว่าเหลืออีกไม่กี่วัน พวกเราทุกคนก็จะบอกลา ‘ครึ่งปีแรก 2019’ ทิ้งไว้เป็นเพียงอดีตไปเสียแล้ว และในปีนี้วงการเพลงก็ยังคงเต็มไปด้วยสีสัน ทั้งจากดาวดวงใหม่และคลื่นลูกเก่าที่ยังคงผลิตผลงานคุณภาพหลากหลายแนวดนตรีกันอย่างต่อเนื่อง ได้เวลาที่เราจะชวนคอดนตรีทุกท่านมาย้อนดูกันว่า ในครึ่งปีที่ผ่านมามีอัลบั้มคุณภาพจากศิลปินคนไหนบ้างที่งานดี เพลงเจ๋ง ควรค่าแก่การรับฟัง ใครเคยฟังแล้วก็ไม่เป็นไร ส่วนใครยังไม่เคยก็อยากให้มาลองชิมดู ซึ่งอัลบั้มในลิสต์นี้ ไม่ใช่การจัดอันดับอัลบั้มที่ดีที่สุด แต่เป็นเพียงผลงานที่เราชื่นชอบ ของดีที่อยากบอกต่อเพียงเท่านั้น amo – Bring Me the Horizon อัลบั้มที่เป็นดั่งการเปลี่ยนผ่านยุคของวงเมทัลคอร์ตัวพ่อ ‘Bring Me the Horizon’ โดยครั้งนี้วงได้เพิ่มความเป็นอิเล็กทรอนิกส์ป๊อปเข้าไป ทดลองนำดนตรีหลากหลายแนวไม่ว่าจะเป็นแดนซ์, ฮิปฮอป ดนตรีออเคสตร้า และอื่น ๆ อีกมากมายเข้ามาผสมผสาน เกิดเป็นสิ่งใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ถึงแม้จะขัดใจคนรักเพลงร็อกไปบ้าง แต่เชื่อเถอะว่ากลิ่นอายความเป็น Bring Me the Horizon ไม่ได้จางหายไป แถมฝีมือการแต่งเพลงของโอลิเวอร์ก็ยังยอดเยี่ยมเสมอมา WHEN WE ALL FALL ASLEEP, WHERE DO
คุณรู้จักคำว่า K-POP ครั้งแรกเมื่อไหร่? สำหรับเรามันค่อนข้างเป็นความทรงจำเลือนราง เนื่องจากเวลาที่ผ่านมายาวนาน แต่ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นตอนที่เราได้ยินเพลง Begin ของ TVXQ หรือ ดงบังชินกิ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดีจากทางวิทยุ เหตุการณ์นั้นเป็นเหมือนการเปิดประตูโลกดนตรีและวัฒนธรรมอีกบานให้เรา หากนับตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ เวลาก็ล่วงเลยมาเกินทศวรรษ แต่วงการ K-POP ก็ยังไม่หยุดนิ่งหรือหายไปไหน มีการผลัดเปลี่ยนจากรุ่นสู่รุ่น หลังจาก TVXQ ก็มีชื่อของศิลปินอีกมากมายที่แวะเวียนมาเขย่าวงการ ไม่ว่าจะเป็น BIGBANG, Wonder Girls, Girls’ Generation, Super Junior, SHINee และอีกมากมาย K-POP ยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และช่วงนี้มันก็กระโดดขึ้นไปอีกขั้น จากการที่ BLACKPINK ได้ขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรี Coachella (สามารถอ่านเรื่องราวความเป็นมาของเทศกาลดนตรีนี้ได้ ที่นี่), BTS ได้ขึ้นปกนิตยสาร Time นอกจากนั้นยังทำสถิติเป็นวงที่ขายตั๋วคอนเสิร์ตหมดเร็วที่สุดและยอดวิวใน YouTube พุ่งสูงที่สุดใน 24 ชั่วโมง สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ในเกาหลีหรือเอเชีย อีกต่อไป แต่วัฒนธรรม K-POP ได้กระจายไปทั่วโลกแล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ แต่ถ้าจะพูดถึงจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่นี้ เราอาจจะต้องย้อนกลับไปไกลสักหน่อย ในช่วงเวลาที่โลกยังไม่รู้จักกับ TVXQ ด้วยซ้ำ Seo Taiji and
อีกไม่กี่อึดใจซีรีส์ตอนแรกของ Games of Throne ที่เรารอคอยก็จะเข้าฉายให้ได้ชมศึกตัดสินสุดท้ายของดินแดนเวสเทอรอส โดยจะเริ่มฉายตอนแรกวันที่ 14 เมษายนนี้ แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงตัวซีรีส์ที่น่าติดตามเท่านั้น เพราะ HBO เตรียมปล่อยอัลบั้มรวมของเหล่าศิลปินที่ได้แรงบันดาลใจจากมหากาพย์ชิงบัลลังก์ GOT แถมชื่อนักร้องแต่ละคนก็เป็นผู้ที่มีผลงานโดดเด่นซึ่งหลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี Columbia Records และ HBO เตรียมปล่อยอัลบั้มในชื่อ For The Thrones (Music Inspiration by HBO Series Games of Throne) ที่มีแผนจะเปิดตัวในเร็ววันนี้ เพียงแค่บรรดารายชื่อศิลปินที่อยู่บนปกอัลบั้มก็ทำให้คอซีรีส์และแฟนเพลงทั้งหลายตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ ไม่ว่าจะเป็น The Weekend, Travis Scott, SZA, The National, Mumford and Sons, Rosalia, MUSE Matthew Bellamy , ASAP Rocky, Lil Peep และ Ellie Goulding ล่าสุดเพิ่งปล่อยตัวอย่างอัลบั้มความยาว 30
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ Coachella กันอยู่บ่อยครั้ง Coachella นับเป็นเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้จักงานนี้ อาจแค่ได้ยินชื่อมาบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่างานนี้จะมีดนตรีแบบไหน และทำไมถึงงานเป็นที่ใคร ๆ ก็อยากไป UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักกับ Coachella ให้มากขึ้น รวมถึงอัปเดตกันว่าปีนี้จะมีศิลปินคนไหนได้ขึ้นเวทีบ้าง จุดเริ่มต้นของเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1993 โดยโชว์ของ Pearl Jam วงร็อกสัญชาติอเมริกันประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะแสงสี บรรยากาศ ความสนุกสนาน รวมถึงพื้นที่ที่ส่งเสริมโชว์ครั้งนั้นให้โดดเด่นน่าจดจำจึงจุดประกายความคิดให้กับ Paul Tollett กับ Rick Van Santen ให้ตัดสินใจจัดเทศกาลดนตรีชื่อว่า Coachella ขึ้นในปี 1999 เป็นเรื่องปกติของงานน้องใหม่เพราะปีแรกของงาน Coachella ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเพราะจำนวนคนมาร่วมงานนั้นน้อยกว่าทั้งสองคาดการณ์ไว้ แต่เมื่อจัดต่อมาเรื่อย ๆ ก็สามารถทำให้แต่ละปีมีผู้ชมนับแสนที่เดินทางมายังงานแห่งนี้ จำนวนคนมหาศาลทำให้ทีมงานตัดสินใจเพิ่มวันแสดง โดยปกติจัดในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ในสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ก็เพิ่มอีก 3 วันของสัปดาห์ที่สามรวมงานทั้งหมดของ Coachella จะมีด้วยกันทั้งหมด 6 วัน อะไรที่ทำให้ Coachella เป็นเทศกาลดนตรีที่ประสบความสำเร็จ ?
ถึงจะเป็นแนวดนตรีที่เข้าถึงไม่ง่ายนัก แต่จากความโด่งดังของ Lorde, Dua Lipa, Lana Del Rey, หรือแม้กระทั่ง Cigarettes After Sex ที่มาเปิดคอนเสิร์ตในบ้านเราหลายต่อหลายครั้ง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความนิยมของ Dream Pop ได้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในแนวดนตรีกระแสหลักไปแล้ว อย่างไรก็ตาม Dream Pop ไม่ใช่ของใหม่แกะกล่อง ไม่ได้เพิ่งเริ่มต้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ประวัติศาสตร์ของมันยาวนานมาตั้งแต่ช่วงยุค 80 วันนี้ UNLOCKMEN เลือกพูดถึง 10 อัลบั้ม Dream Pop ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจบุัน อ้างอิงจากการจัดอันดับของ Pitchfork Floating Into the Night (1989) Artist: Julee Cruise ย้อนไป ณ ยุคบุกเบิกของ Dream Pop อัลบั้ม Floating Into the Night ของศิลปินสาวจาก ไอโอวา สหรัฐอเมริกา Julee Cruise คือหนึ่งในอัลบั้มที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด เมื่อ Falling หนึ่งในเพลงจากอัลบั้มนี้ได้รับเลือกจาก David Lynch ให้เป็นเพลงเปิดของ Twin Peaks ซีรีส์แนวลึกลับสืบสวนที่ดังที่สุดในยุคนั้น
ณ ที่แห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา UNLOCKMEN มีสนทนากับ ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ ศิลปินมาดเท่จากค่าย ME Records ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ในขณะที่คุณฮิวโก้กำลังเดินเลียบเจ้าพระยาพร้อมกีตาร์คู่ใจ ขณะที่กำลังยืนมองเขาจากด้านหลังความคิดหนึ่งก็แว่บเข้ามาในหัวเรา ทางเดินเลียบเจ้าพระยาที่ร้อนระอุด้วยแสงแดด แออัดด้วยผู้คน ก็เปรียบเหมือนเส้นทางบนถนนสายดนตรีที่ยาวนานของเขา และแน่นอนว่ามันไม่ได้มีแค่ความราบรื่น หลังจากถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่เราจะได้นั่งละเลียดสนทนากับเขา เดินทางบนถนนสายดนตรีมากี่ปีแล้วครับ? “ถ้าเป็นทางการก็น่าจะประมาณ 19 ปีครับ” แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ดนตรีของคุณฮิวโก้มีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปอย่างไรบ้าง? “มันน่าจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัยมากกว่า เพราะว่าสิ่งที่เราต้องการหรือสิ่งที่เราชอบมันเปลี่ยนไปตามอายุ ความก้าวร้าวของวัย 20 กับ 30 ปลาย ๆ มันไม่เท่ากัน การเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราสนใจ ก็ต่างกัน เสียงที่เราได้ยินก็เปลี่ยนไป แต่มันก็มีแกนบางอย่างที่ไม่เปลี่ยน เป็นธรรมดาของพัฒนาการมนุษย์ ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงแต่ก็ยังเหลือแก่นความเป็นตัวตนอยู่” 19 ปีถือว่านานมาก อะไรที่ทำให้คุณฮิวโก้ยังยืนหยัดอยู่ตรงนี้ได้? “อธิบายยาก มันเป็นความรู้สึกตอนที่เราฟัง ความรู้สึกตอนที่เราร้อง หรือตอนที่เราแสดงกับวง มันเป็นอะไรที่ผมยังหาสิ่งอื่นมาแทนไม่ได้ในความสะใจ ความสบายใจนี้ ความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีต่อหน้าคนดู มันไม่มีอะไรจริงกว่านี้แล้ว โอกาสที่จะพลาด แรงกดดัน ความคาดหวังของคนดู ตัวเราเอง และเพื่อน ๆ
เสียง “Victory Lap” ดังก้องอยู่ในหูและเป็นหนึ่งในลิสต์เพลงแร็ปฯ ที่เรายังนั่งฟังวนกัน แต่บ่ายวันนี้ เสียงเพลงเบากว่าเสียงปืนที่ดังขึ้น พร้อมข่าวดังที่ทำให้พวกเราแฟนเพลงของเขา “NIPSEY HUSSLE” ต้องใจหาย เมื่อนักแร็ปอเมริกันชื่อดังจากเราไปกะทันหันจากกระสุนที่วิ่งเข้าร่างเขา ขณะที่ยืนอยู่หน้า Marathon Clothing ร้านขายเสื้อผ้าของตัวเองใน Hyde Park สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนเดนตายของ “NIPSEY” อาจได้ยินชื่อของเขาผ่านหูจากงาน Grammy Award ครั้งที่ 61 ที่เพิ่งจัดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะเขาคือหนึ่งในห้าผู้ได้รับการเสนอชิงรางวัล Best Rap Album 2019 แม้สุดท้ายรางวัลนี้จะตกไปอยู่กับ Cardi B ก็ตาม แต่การมีชื่อเขาเข้าเสนอชิงรางวัลเดียวกันกับคนดัง ๆ หลายคนที่เคยได้รับการเสนอชื่อมาเป็นประจำ ทั้ง Eminem Jay-z หรือ Kendrick Lamar ก็การันตีได้ว่า ผลงานของเขาไม่ธรรมดาเช่นกัน เพื่อไว้อาลัยการจากไปของ NIPSEY HUSSLE เราขอเสนอประวัติของเขาให้พวกคุณได้สัมผัส จากหลากหลายมุมมอง พร้อม 5 Tracks ยอดนิยมขณะนี้ที่คัดสรรมาให้เปิดคลอเพื่อรำลึกถึงเขา
มีหลายเหตุผลที่ทำให้ผู้ชายอย่างเราตัดสินใจรวมตัวหรือสร้างกลุ่มกันขึ้นมาเพื่อลงมือทำอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นความชอบที่ตรงกัน รสนิยมการใช้ชีวิตที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงความฝันที่จะได้ออกวิ่งตามหาเรื่องราวที่สนุกสนานและความสำเร็จให้กับชีวิต เหมือนกับ SLUR (เสลอ) วงดนตรีที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และแนวทางอันเป็นเอกลักษณ์ ที่เกิดจากการรวมตัวกันของ เย่-จักรพันธ์ บุณยะมัติ (ร้องนำ), บู้-ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์(เบส), เฮ้าส์-สรศักดิ์ จันทรมนตรี(กีต้าร์) และ เอม-ธิติพันธุ์ อนะวัชพงษ์(กลอง) จนกลายเป็นวงดนตรีคุณภาพ ซึ่งสร้างความหลากหลายให้กับวงการเพลงไทยมาตั้งแต่ปี 2549 ที่พวกเขาปล่อยอัลบั้มแรกของตัวเองอย่าง Boo! ออกมาให้ทุกคนได้รู้จัก แต่ก็เหมือนชีวิตของทุกคน แน่นอนว่าการเดินทางบนเส้นทางดนตรีมาตลอดระยะเวลากว่า 13 กับผลงาน 5 สตูดิโออัลบั้ม ต่างเต็มไปเรื่องราวและเหตุการณ์ที่มีทั้งปัญหาและช่วงเวลาพิเศษมากมาย แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ทำให้ทั้ง 4 คนหมดความกระหายในสร้างบทเพลงใหม่ ๆ ออกมาและอัลบั้ม Bin ซึ่งเป็นผลงานชุดล่าสุดก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าความสนุกและไอเดียสร้างสรรค์ในงานดนตรีของพวกเขา ไม่เคยลดน้อยลงตามช่วงอายุที่มากขึ้น แต่อะไรจะเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวพวกเขาทุกคน ให้เดินบนเส้นทางอย่างรู้ใจตัวเองอยู่เสมอ วันนี้เรามารับฟังเหตุและเรื่องราวของพวกเขาไปพร้อมกัน พูดถึงจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจของอัลบั้มล่าสุดอย่าง BIN ให้ฟังหน่อยครับ เย่ : ถ้าพูดถึงจุดเริ่มต้นของอัลบั้ม Bin ผมที่ว่ามันเหมือนกับอัลบั้มที่ 4 ตรงที่เราคิดว่าเรายังสามารถคิดเพลงได้อีกยังพัฒนาเพลงต่อได้ เลยอยากจะทำเพลงกันออกมา แต่เรื่องแนวเพลง