Ricoh GR ถือเป็นกล้อง Compact ที่มีเอกลักษณ์ความ Indy เฉพาะตัว เป็นกล้องที่แฟนคลับอาจารย์ Daido Moriyama ใช้ตามเพราะชอบในอารมณ์โทนภาพตั้งแต่สมัยกล้องฟิลม์ GR1 ปี 1996 ซึ่งใครได้สัมผัสก็ติดใจจนยากจะย้ายค่าย และการเปิดตัว Ricoh GR III compact camera ไปเมื่อปีที่แล้วหลังจากปล่อยให้คนรอมานานร่วมสามปี ก็มีเสียงตอบรับที่ดีพอสมควร สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ให้หันมาลองใช้ Ricoh ได้มากขึ้น กระแสดี ต้องตีเหล็กตอนร้อน ล่าสุด Ricoh พึ่งจะเปิดตัว Ricoh GR III Street Edition กล้องรุ่นพิเศษที่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนสีให้สวยงาม แต่มันยังมาพร้อมชุด Kit ที่เข้าชุดแบบจบ ๆ เช่น Viewfinder และสายหนัง น่าจะดึงดูดคนที่กำลังมองหา Compact Camera ประสิทธิภาพดีและพกพาง่ายเพิ่มได้อีกสักตัวแน่นอน Ricoh GR III Street Edition
วันนี้แบรนด์ Luxury ไหนยังไม่ย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ใน Subculture นอกสายแฟชั่น อาจจะถูกนับว่าเป็นแบรนด์ที่ห่างไกลไลฟ์สไตล์คนมากเกินไป ล่าสุดเป็นการ Collaboration สุดปังของ Christian Dior และ Vespa สองแบรนด์ที่เกิดพร้อมกันในปี 1946 จึงมีอายุ 74 ปีเท่ากัน เรียกว่าชื่อชั้นความเก๋าขลังอยู่ในขั้นตบไหล่กันได้สบาย ๆ Vespa ได้นำเอาโมเดลยอดฮิต 946 ซึ่งเป็นโมเดลกลางเก่ากลางใหม่ เพราะพึ่งจะถือกำเนิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม 2013 แต่ด้วยดีไซน์แบบ retro-futurist ที่ผสมผสานทั้งความคลาสสิคของ Vespa ยุคเก่า ให้เข้ากับความทันสมัยของเทคโนโลยี และปรับโฉมให้คล่องตัวขึ้นกว่าเดิม มันจึงผ่านการ Collab ทำรุ่นพิเศษมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Emporio Armani edition สีดำด้านสุดเท่ หรือ RED edition สีแดงสดเพื่อการกุศล ก็ล้วนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีทั้งนั้น ล่าสุดเป็นการสร้างสรรค์ดีไซน์พิเศษที่เน้นจับกลุ่มหญิงสาวมีสไตล์และชอบใช้ของหรูหราโดยเฉพาะ ผลงานของ Maria Grazia Chiuri, Dior’s director โดยเลือกใช้โทนสีครีมรอบคัน เพิ่มความหรูด้วยลายเส้นสีทองตามจุดต่าง
ถ้าเอ่ยถึงชื่อ Ford Mustang พวกเราคงมีรุ่นที่ชอบเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น King Cobra, Bullit, GT หรือ Shelby GT500 รถทุกคันล้วนเป็นสายพันธุ์ม้าป่าตัวแรงที่ได้รับความนิยมข้ามยุคสมัย และแฟนพันธุ์แท้ของมัสแตงหลายคนคงทราบกันดีว่ามีอีกหนึ่งรุ่นคลาสสิกเตรียมกลับมาโลดแล่นอีกครั้งในปี 2021 ชื่อของมันคือ Ford Mustang “Mach 1” การคืนชีพของ Ford Mustang Mach 1 รุ่นปี 2021 เป็นการสานต่อตำนาน Mach 1 ที่ถือกำเนิดมานาน 52 ปี และเชื่อว่าการกลับมาครั้งนี้ทำให้แฟนมัสแตงหลายคนต้องประทับใจแน่นอน แต่ก่อนที่จะไปพบกับโฉมใหม่ของ Mach 1 ที่ยังถูกปิดบังไว้ วันนี้ไปทำความรู้จักจุดเริ่มต้นของม้าป่าสายพันธุ์นี้ใหัมากขึ้นกันก่อน ย้อนกลับไปในปี 1960 ช่วงเวลาที่ฟอร์ดต้องการเพิ่มรุ่นของในสายการผลิตของ Mustang ซึ่งเน้นเรื่องความเร็วที่มากกว่ารุ่นปกติ เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับอเมริกันผู้ชื่นชอบเครื่องใหญ่ม้าเยอะ จึงเริ่มพัฒนารถต้นแบบในเดือนสิงหาคม 1968 และเปิดตัวในปีต่อมา โดยใช้ชื่อว่า Ford Mustang Mach 1 ซึ่งรถยนต์คัน Prototype
ถ้าเทคโนโลยีปัจจุบันวัดกันที่ขนาดยิ่งเล็ก ยิ่งทันสมัย คงไม่มีอะไรจะเล็กไปกว่าเครื่องเกมในตำนานยุค 1990 ‘Game Gear’ ที่หล่อกว่า Gameboy เพราะหน้าจอมีสี แต่ขึ้นชื่อเรื่องกินถ่านดุเดือดเลือดพล่าน เล่นไม่ทันไรต้องเปลี่ยนถ่านยกแพ็ค แต่ในเวอร์ชันพิเศษนี้จะไม่มีปัญหาเดิม ๆ อีกต่อไป เพราะมันยกระดับความเล็กที่พกพาง่ายเหลือไซส์เท่านิ้วโป้งของเราเท่านั้นเอง Game Gear Micro เป็นเวอร์ชันพิเศษที่ผลิตขายเพื่อฉลองโอกาสครบรอบ 60 ปีของ Sega โดยความ Micro ของเค้าคือเล็กจริง ตัวเครื่องมีขนาด 80mm x 43mm x 20mm หน้าจอเล็กแค่ 1.15-inch นิ้ว มีช่องสำหรับเสียง headphone สามารถใช้พลังงานจากการชาร์จผ่าน USB หรือใช้ถ่ายไฟฉาย AAA จำนวน 2 ก้อน จากเดิมที่ Game Gear มีขนาดใหญ่ถึง 210mm x 113mm x 38mm และต้องใช้ถ่าย AA ถึง
การกลับมาอีกครั้งของ Vintage model อย่าง Aston Martin DB5 หลังสิ้นสุดสายพานการผลิตไปเมื่อ 55 ปีที่แล้ว แต่คราวนี้ไม่ได้มาแค่ DB5 ธรรมดา เพราะมันคือเวอร์ชันพิเศษ ‘Goldfinger’ พกอาวุธและเทคโนโลยีของสายลับ James Bond ใส่มาครบ ๆ ผลิตจำกัดเพียง 25 คัน ในราคาขายที่แพงระยับสมกับความพิเศษ คันละ 3.4 ล้านเหรียญ (120 ล้านบาท) ผลงานสุดพิเศษนี้มาจากทางฝั่ง Aston Martin Heritage Division ซึ่งปัจจุบันหลายค่ายมักจะมีแผนกที่รับผิดชอบด้านการนำรถคลาสสิคมาผลิตขายใหม่แบบนี้ เช่น Jaguar E-type เป็นต้น แต่สำหรับ Aston Martin นี่เป็นโมเดล vintage ลำดับที่ 3 ที่ถูกนำกลับมาผลิต โดยก่อนหน้านี้มี DB4 GT Zagato และ DB4 GT ถูกปลุกชีพมาผลิตขายใหม่แบบจำนวนจำกัด
การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ นำมาซึ่งความรู้สึกเสียใจ เศร้าใจ และอีกหลากหลายความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านเสียงตะโกนของผู้เดินขบวนประท้วงบนท้องถนน ที่ออกมาเรียกร้องหาความเป็นธรรมของการจบชีวิตที่มีจุดเริ่มมาจากเหยียดสีผิว ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะหมดไปจากโลกนี้เสียที และเชื่อว่าทุกคนจะช่วยกันสนับสนุนไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นกับใครอีก ไม่ว่าคน ๆ หรือมีชาติกำเนิดมาจากไหนก็ตาม (ล่าสุดตำรวจนายนั้นโดนเพิ่มดีกรีความรุนแรงเป็น Second-degree murder แล้ว) อย่างไรก็ตามพักความเครียดลงกันก่อน และหันมาทำความเข้าใจเรื่องราวของความแตกต่างระหว่างผู้คนผ่าน 6 ภาพยนตร์ที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่า มนุษย์ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่างได้ แม้เชื้อชาติหรือลักษณะทางภายนอกจะแตกต่างกัน The Butler เริ่มต้นกันกับ The Butler ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากบทความที่ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ชื่อ “A Butler Well Server by The Election” ซึ่งมาจากชีวิตจริงของยูจีน อัลเลน (Eugene Allen) ชายผู้ทำงานในทำเนียบขาวกว่า 34 ปี ที่ต้องต่อสู้ในเรื่องสิทธิพลเมืองมาตลอดชีวิต โดยตัวหนังเล่าเรื่องผ่านตัวละคร เซซิล เกนส์ พ่อบ้านผิวดำแห่งทำเนียบขาว ผู้ถูกกดขี่ข่มเหงจากสังคมรอบข้างมาตั้งแต่เด็ก ต้องหนีเอาตัวรอดเพื่อหาชีวิตใหม่ในวอชิงตัน จนกระทั่งโชคชาตะพาเขามาสู่การเป็นบริกรหรือพ่อบ้านในห้องทำงานของประธานาธิบดี หนังสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของชาวแอฟริกัน-อเมริกันในอดีต ที่ต้องต่อสู้ เอาตัวรอดและเรียกร้องสิทธิพลเมืองของตัวเอง โดยเฉพาะพระเอกของเรื่องที่มีโอกาสได้เห็นมุมมองและความคิดของผู้นำประเทศแต่ละคน และในเวลาเดียวกัน
เมื่อ Pro surfer และวิศวกรมารวมตัวกัน ความมันส์จึงบังเกิดเป็น Yujet Surfer Electric Jetboard ผลงานการสร้างสรรค์สำหรับนักเซิร์ฟให้พร้อมเล่นได้ตลอดทุกน่านน้ำโดยไม่ต้องรอคลื่นอีกต่อไป Yujet Surfer Electric Jetboard หรือที่ทีมผู้คิดค้นเรียกมันว่าเป็นการนำเอาพลังของ Jetski มาใส่กระดานเซิร์ฟ ตัวบอร์ดทำจาก carbon fibre น้ำหนักเบาแต่ทนทาน ประสานพลัง Jet power ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจาก lithium-ion battery แบบกันน้ำ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึงเกือบ 40 km/h ชาร์จหนึ่งครั้งสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 40 นาที โดยมีโหมดให้เลือกผ่าน wireless controller เช่น Sports mode สำหรับใช้ความเร็วสูงสุด หรือ Beginner mode สำหรับมือใหม่ไปอย่างช้า ๆ การประกอบแบตเตอรี่และ fin ทำได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ จึงสะดวกในการพกพา Jeremy Schneiderman หนึ่งในผู้ก่อตั้งพูดถึง Yujet Surfer
Kinship คือวัฒนธรรมคนเอเชียมักจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านครอบครัวเดียวหรือรวมกันหลายครอบครัว หลาย generation เช่นเดียวกับในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นความท้าทายในการออกแบบ Interior Design บ้านให้ตอบโจทย์หลายครอบครัวในพื้นที่จำกัด และนี่คือตัวอย่างบ้านโดย Ming Architects น่าจะเป็นไอเดียที่ดีสำหรับคนที่ชอบบ้านสไตล์ Modern Industrial Loft กับรายละเอียดโหด ๆ และต้องรองรับสมาชิกครอบครัวใหม่ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต Venus House ไอเดียบ้านสไตล์ Modern สำหรับครอบครัวใหญ่ในสิงคโปร์ที่อาศัยอยู่ด้วยกันหลาย generation โดย layout บ้านทาวน์เฮาส์มีความคล้ายกับในประเทศไทย คือหน้าแคบแต่ลึก ความท้าทายคือการแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน โดยยังคงความเป็นส่วนตัวสำหรับแต่ละครอบครัว ทีมออกแบบจึงแก้ปัญหาด้วยการเจาะเพิ่มชั้นใต้ดินเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในบ้านได้มาอีก 1 ชั้น และเปิดพื้นที่กลางบ้านให้แสงเข้าจากด้านบนผ่าน glass skylight เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้ลงมาอย่างทั่วถึง และยังช่วยเรื่องระบายอากาศ รวมถึงการออกแบบขั้นบันไดให้แสงส่องผ่านได้ แบ่งโซนต่าง ๆ ด้วยโทนสีและวัสดุการตกแต่งเพื่อสร้างความแตกต่างออกจากกันโดยอยู่ในโทนขาว ดำ เทา ตามสไตล์ Modern Industrial Loft แต่ที่เด็ดสุดของบ้านนี้คือสระว่ายน้ำ indoor บริเวณชั้นสองในห้อง Entertainment Room
ต้องขอบคุณ Ferrari และ Lamborghini Miura ในวันนั้น ที่ทำให้ Ferruccio Lamborghini (เฟอร์ลูซิโอ แลมเบอร์กินี) มีวันนี้ เพราะถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป Mr. Lamborghini คงเป็นได้เพียงแค่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีทางได้เติมเต็มความฝันในการสร้างแบรนด์ Supercars ที่ดีที่สุดในโลกอย่างที่เจ้าตัวใฝ่ฝันเอาไว้ ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า Lamborghini มีจุดเริ่มต้นจากบริษัทผลิตรถไถที่เกิดจากความอัจฉริยะของ Mr. Ferruccio Lamborghini ใช้ทั้งสมบัติเก่าและเศษซากหลังสงครามโลก บวกกับความรู้ด้านเครื่องยนต์ สร้างรถไถที่ไม่มีใครตามทัน ก่อนจะร่ำรวยจนซื้อ Supercars ดี ๆ เก็บไว้ขับเล่นมากมาย รวมถึง Ferrari แต่ระหว่างที่ขับไป ก็พบหลายสิ่งที่เจ้าตัวไม่ชอบ และรู้สึกว่า Ferrari ที่ถือว่าเป็นรถที่ดีที่สุดในยุคนั้นยังไม่สามารถมอบสิ่งที่ Lamborghini ต้องการได้ ระหว่างทางก็นึกได้ว่า ‘กูก็ทำเองซะเลยมั้ยล่ะ” จึงตัดสินใจก่อตั้ง Automobili Ferruccio Lamborghini S.p.A ขึ้นมาในปี 1963 โดยใช้ทั้งความรู้ ความรวยจากการทำธุรกิจมาลงทุนซื้อตัวคนสำคัญจาก Ferrari อย่าง
ขวัญใจชาวซูบี้ที่ต้องรีบหามาไว้ในครอบครอง กับตัวแรงรหัสร้อน Subaru WRX S4 STI Sport# ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน มากับขุมพลังเดิม 2.0-liter เทอร์โบ 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือการปรับแต่งช่วงล่างให้เหนียวแน่นหนึบพร้อมรับทุกสถานการณ์ และเปลี่ยนอุปกรณ์บางจุดเพื่อให้ขับขี่แบบสปอร์ตได้สนุกสนานมากขึ้น Subaru WRX S4 STI Sport# เป็นรุ่นพิเศษที่อัพเกรดมาจากรุ่นย่อย WRX S4 STI Sport EyeSight ค่อนข้างจะแยกยากถ้าไม่ใช่แฟนซูบี้ตัวจริง ภายนอกมีชุดแต่งใหม่ที่เพิ่มอารมณ์สปอร์ตมากขึ้น กระจังหน้าสีดำ Dark Clay Silica กันชนหน้าเพิ่มช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ด้านหลังเพิ่มสปอยเลอร์ดำ กันชนหลังเพิ่มรูระบายอากาศและเปลี่ยน rear diffuser ให้โหดขึ้นพร้อมปลายท่อออกด้านละสอง ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้วสีดำตามสไตล์นักซิ่ง ภายในมาพร้อมโทนสีดำขรึมทั้งห้องโดยสารสลับตะเข็บด้ายสีน้ำเงิน เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ตจาก Recaro ปักโลโก้ STI หุ้มหนังกลับสลับหนังแท้เช่นเดียวกับพวงมาลัย
แม้ผลกระทบจากโควิดจะทำให้ตลาดรถยนต์ทั่วโลกซบเซาไปบ้าง แต่หนุ่ม ๆ ที่รักรถยนต์โดยเฉพาะสาวกของ Porsche 911 ยังคงมีเรื่องให้ได้กระชุ่มกระชวยหัวใจกันอีกครั้ง เพราะโปรเจกต์ที่พัฒนาและผลิตเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวออกมาแล้วกับ Porsche 911 ตัวถังรหัส 992 Targa 4 และ Targa 4S ถ้าพูดถึงรถยนต์อย่าง Porsche 911 ผู้ชายส่วนใหญ่คงนึกถึงรุ่นสองประตู (Coupe) หรือเปิดประทุน (Convertible) มาเป็นภาพแรกในหัว แต่สำหรับ Porsche รุ่นเปิดประทุนดีไซน์คลาสสิกสไตล์ Targa ก็เป็นอีกรูปแบบที่ทุกคนอยากครอบครอง พวกเขาจึงได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดสร้างมันขึ้นมาให้เกิดใหม่อีกครั้งภายใต้รหัส 992 *Cool Fact: นอกเหนือจาก Porsche ยังมีรถรุ่นอื่นที่ใช้การเปิดหลังคาสไตล์ Targa อยู่ใน Chevrolet Corvette, Lamborghini Aventador Roadster, Ferrari 812 GTS เป็นต้น แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นคู่แข่งกันซะทีเดียว เพราะอยู่กันคนละกลุ่มราคา แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Porsche เคยสร้าง 911
ร่วมเดินทางท่องเวลาไปสู่อีกมิติอันกว้างใหญ่ไพศาลราวกับความฝัน นำพาคุณไปสู่ดวงจันทร์ ปล่อยใจล่องลอยไปในห้วงเวลาและอวกาศ ผ่านเรือนเวลา Arceau L’heure de la lune (อาร์โซ เลอร์ เดอ ลา ลูน) กับหน้าปัดโฉมใหม่ นำเสนอมุมมองของดวงจันทร์ซึ่งเป็นดาวบริวารของโลกในแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยแสดงภาพข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์ทั้งจากซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ไปพร้อมๆ กัน หน้าปัดย่อยสองหน้าปัดหมุนโคจรเหนือพื้นหน้าปัดที่ทำด้วยหินอุกกาบาตของดวงจันทร์ (Lunar) ดาวอังคาร (Martian) หรือแบล็ค ซาฮาร่า (Black Sahara) เผยภาพของดวงจันทร์ที่รังสรรค์จากแผ่นแม่มุก และเคลื่อนที่ไปพร้อมกับโมดูลพิเศษ ควบคู่กับกลไกซับซ้อนที่ HERMES ผลิตขึ้นโดยเฉพาะ ถือเป็นเรือนไฮไลท์สำคัญของงาน Watches & Wonders 2020 ด้วยการออกแบบกลไกซับซ้อนที่ไม่เหมือนใคร นาฬิกา Arceau L’heure de la lune รุ่นนี้ ตีความและถ่ายทอดเรื่องราวความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาของ HERMES กลไกที่ห่อหุ้มภายใต้ตัวเรือนไวท์โกลด์หรือแพลทตินัม ให้สัมผัสบางเบาจนแทบไม่สังเกตเห็น หินอุกกาบาตฝังอยู่ในแผ่นแม่มุกก่อตัวเป็นห้วงอวกาศ โดยมีหน้าปัดย่อยเปรียบดั่งดาวเทียมหมุนโคจรอยู่เหนือดวงจันทร์ เพื่อปิดบังหรือเผยให้เห็นดวงจันทร์ในลักษณะที่ดูสมจริง แฝงลูกเล่นด้วยการสลับตำแหน่งกลับทิศทางให้ซีกโลกใต้มาอยู่บนซีกโลกเหนือ เป็นความคิดนอกกรอบที่แสดงถึงชั้นเชิง ชวนให้ผู้สวมใส่ได้สังเกต และปล่อยใจให้ล่องลอยตามจินตนาการท่ามกลางหมู่ดาวที่ระยิบระยับบนหน้าปัด