ปี 2022 นี้ นอกจากรันเวย์ของเจ้าชายแห่งความมืด Rick Owens ที่ว่าพีคแล้ว พอเจอกับคอลเล็กชั่นล่าสุด AUTUMN-WINTER 2022/23 ของ Vivienne Westwood ราชินีพังก์ (Queen Of Punk) เข้าไป ก็เรียกว่าสุดไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะจับ Courtney Love มาเป็นแบบ วิเวียนยังใช้ช่างภาพชื่อกระฉ่อน Juergen Teller มาถ่ายภาพเหล่านางแบบ/นายแบบในครั้งนี้ด้วย คอนเซ็ปต์ไอเดียของคอลเล็กชั่น AUTUMN-WINTER 2022/23 เกิดขึ้นจากการที่วิเวียนกับสามีของเธอ Andreas Kronthaler ต้องการเฉลิมฉลองให้กับพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์รอบ ๆ สตูดิโอของทั้งคู่ที่ Battersea ใน London ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงไปมากตลอดระยะเวลา 10 ปีตั้งแต่พวกเขามาอยู่ มันรายล้อมไปด้วยพื้นที่ศิลปะแห่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา อย่าง Royal College of Art (RAC) ก็เพิ่งมาเปิดวิทยาเขตใหม่ใกล้ ๆ กับสตูดิโอเลย และสำหรับทั้งคู่แล้วสตูดิโอนี้เปรียบเสมือนบ้าน
The Bulgari Octo Finissimo Ultra เพิ่งจะบันทึกว่าตัวเองเป็นนาฬิกาที่บางที่สุดในโลกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง แต่แล้วก็ต้องฝันสลาย เมื่อแชมป์ใหม่เขาจัดการทุบสถิติแล้วในเดือนกรกฎาคม ด้วยการจับมือระหว่าง Richard Mille กับ Ferrari เกิดเป็น The RM UP-01 Ferrari นาฬิกาที่ถูกบันทึกว่าบางที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ด้วยความหนาเพียง 1.75mm เท่านั้น! RM เป็นโปรเจ็กต์ที่ใช้เวลาพัฒนาหลายปี และใช้เวลาไปกว่า 6,000 ชั่วโมง ซึ่งนอกจากจะร่วมมือกับ Ferrari แล้ว ก็เป็นการทำงานร่วมกับ Piguet Renaud & Papi เหมือนเดิม ส่วนเคล็ดลับความบางของ RM นั้น เริ่มต้นตั้งแต่วิธีการที่เขาเลือกเอากลไกทั้งหมดใส่ไว้ในตัวเครื่อง แทนการเพิ่มฝาหลังเป็น 2 ชั้นแบบที่นาฬิกาปกติทั่วไปเลือกทำกัน ในงานออกแบบ RM ถูกดีไซน์ในความบางระดับแบบชิ้นโครงกระดูก (Skeletonized) และเหมือนเดิม แม้ว่าจะบางแค่ไหนก็ไม่อาจหยุดยั้งปณิธานของการเป็นหนึ่งในนาฬิกายี่ห้อที่ทนทานที่สุดในโลกของ Richard Mille ได้ เพราะเขาออกแบบตามมาตรฐานความทนทานระดับรถแข่งเหมือนเดิม
“ผมชอบทดลองสร้างสรรค์งานในสไตล์ใหม่ ๆ มันเหมือนกับการได้พาตัวเองออกไปผจญภัย ได้สนุกกับการทำลายกำแพงของการสร้างงานไปเรื่อย ๆ และตั้งใจว่าจะทำงานศิลปะต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้” นี่คือคำตอบหลังจากที่เราได้ถามไถ่ถึงแพสชั่นในการสร้างงานที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่มีวันหมดของ ‘เบนซ์ – ปริญญา ศิริสินสุข’ หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ ‘BENZILLA’ ศิลปินสตรีทอาร์ตชาวไทยซึ่งมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และได้ฝากฝีมือไว้กับแบรนด์ดังระดับโลกมาแล้วมากมาย ล่าสุดผู้ชายที่มีคาแรคเตอร์ ‘LOOOK’ มนุษย์ต่างดาว 3 ตาเป็นภาพจำ กำลังจะปล่อยผลงาน Collaboration สุดพิเศษชิ้นใหม่ ในฐานะศิลปินไทยคนแรกที่ได้สร้างสรรค์ผลงานร่วมกับ MAURICE LACROIX (มอริส ลาครัวซ์) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส ในคอลเลกชั่น AIKON #Tide x BENZILLA Special Edition แต่ก่อนจะไปพบกับความพิเศษของนาฬิกา AIKON #Tide x BENZILLA Special Edition เราขอชวนทุกคนย้อนเวลาไปพบกับแนวคิด ตัวตน และจุดเริ่มต้นบนเส้นทางศิลปะของ BENZILLA เพื่อความเข้าใจถึงที่มาที่ไป และแก่นแท้ของความหมายที่ต้องการสื่อสารผ่านงานศิลปะบนข้อมือที่เขาได้ร่วมสร้างสรรค์กับ MAURICE LACROIX อย่างตั้งใจ ประเด็นแรกในการพูดคุยเพื่อทำความรู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น แน่นอนว่าเราขอให้ ‘เบนซ์’ นิยามการสร้างงานภายใต้ชื่อ ‘BENZILLA’ รวมถึงการเล่าที่มาที่ไป
คงไม่มีใครคิดว่าวันนึงเราจะได้เห็นการจับมือของ 2 แบรนด์อิตาลีชื่อดังระดับโลกที่ไลน์ผลิตสินค้าไม่ได้ใกล้เคียงกันสักนิดอย่าง Fiat กับ Smeg เกิดขึ้น สำหรับคนที่กังวลว่างานนี้จะสวยแต่รูปจูบไม่หอมรึเปล่าก็อุ่นใจได้เลย เพราะแบรนด์ทั้งสองเขาใช้แนวคิดในการทำงานร่วมกันครั้งนี้ว่า “เพราะตู้เย็นไม่ใช่แค่เครื่องใช้ไฟฟ้า และฝากระโปรงหน้ารถเองก็ไม่ใช่แค่ชิ้นส่วนหนึ่งของรถยนตร์” SMEG 500 ตู้เย็นไซส์มินิ ออกแบบโดยจำลองหน้ารถของรุ่น Fiat 500 ทั้งไฟตากลม โลโก้สีแดงมาครบ ส่วนชื่อรุ่นของตู้เย็นถูกทำเป็นทะเบียนรถติดอยู่ที่ตรงกันชนหน้า (ตัว E ที่เป็นธงชาติของประเทศอิตาลีสวยมาก) วิธีเปิดตู้เย็นของเครื่องนี้รับรองความไม่เหมือนใคร เพราะเขาใช้วิธีเดียวกับการเปิดฝากระโปรงหน้ารถเลย แล้วพอเปิดขึ้นมาก็จะเจอค่าแสดงความเย็น และปุ่มสวิตซ์ในการปรับค่าตู้เย็นออกแบบเป็นคอนโซลของรถยนตร์ทั้งหมด! สำหรับความจุในการใส่ของจะอยู่ที่ 100 ลิตร จะเป็นที่วางเครื่องดื่มทั้งหมด อ๊ะเกือบลืมบอกไป ตู้เย็นคันนี้เขามีสีให้เลือกถึง 5 สีเลยนะ มีสีขาว แดง เขียว น้ำเงิน และเหลือง จุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์ SMEG 500 เกิดจากความสนใจของ Fiat ต่อโลกของงานออกแบบที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่งานพาหนะยานยนตร์ แต่อยากจะลองทำสินค้าอื่นอยู่เสมอ และอย่างที่รู้กันดี สำหรับ Smeg มันก็ต้องไม่ใช่แค่งานออกแบบที่สวยงามเท่านั้น การใช้งานจริงก็ต้องเป็นไปได้ ทำให้แบรนด์เครื่องครัวในฝันของทุกคนกลายเป็นแบรนด์ในอุดมคติที่จะบรรลุโปรเจ็กต์นี้ให้ Fiat ได้
เมื่อ ‘เจ้าชายแห่งความมืด’ (The Prince Of Darkness) นาม Rick Owen ขึ้นบัลลังก์บนโลกแฟชั่นอีกครั้ง งานแสดงแฟชั่นโชว์ และเสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นจึงธรรมดาไม่ได้ UNLOCKMEN จะพาไปดูที่มาในงานล่าสุดของเขากัน แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักชายคนนี้ อ่านประวัติโดยย่อของเขาก่อนได้เลยครับ Richard Saturnino Owens คือดีไซเนอร์คนหนึ่งที่มีผลงานเป็นเอกลักษณ์ที่สุดในโลก และมีฐานแฟนคลับอันเหนียวแน่นที่สุด ถึงขนาดมีชื่อด้อมของตัวเองว่า Tribe โดยงานของโอเว่นให้อารมณ์ที่เต็มไปด้วยความมืดมน ทว่าก็ชวนหลงใหลในเวลาเดียวกัน โอเว่นเป็นเจ้าของงานดีไซน์รองเท้าบาสเก็ตบอลชื่อ The Geobasket และนอกจากจะเป็นเจ้าของแบรนด์แฟชั่นชื่อตัวเองแล้ว ยังมีแบรนด์ลูกอย่าง DRKSHDW ด้วย ดีไซน์เนอร์งานชุกคนนี้ร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกมานับไม่ถ้วน เช่น Adidas, Converse, Dr. Martens, BIRKENSTOCK เป็นต้น แต่งานของโอเว่นไม่ได้สวยอยู่แค่ในแพลตฟอร์มของเสื้อผ้าเท่านั้นนะ จินตนาการและความสามารถในการสร้างสรรค์ของเขาแผ่ขยายไปถึงเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านด้วย! ซึ่งเป็นงานที่ทำร่วมกับภรรยา Michele Lamy โดยใช้แนวคิดคล้ายๆ กับเสื้อผ้าคือต้องมีสีดำ และต้องไม่เหมือนใคร บางชิ้นนี่มาแบบรูปทรงบังเกอร์ตั้งรับของทหารเลย ด้วยรูปทรงที่ไม่ Cozy เขาจึงเรียกงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ของตัวเองกับภรรยาว่า ‘Anti Cozy’ (ชื่อถูกต้องมาก)
นอกเหนือจากอาการลุ้นเรื่องราวที่ยังค้างคา รอให้ติดตามบทสรุปใน Stranger Things SS4 Vol.2 ซึ่งกำลังจะลงสตรีมมิ่งในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ เราเชื่อว่าสาวก Stranger Things หลายท่าน คงกำลังอินกับแฟชั่นยุค 80s จากพร็อพและคอสตูมต่าง ๆ ของเหล่าตัวละครในซีรีส์ ที่ทีมงานทำการบ้านมาอย่างดี หาไอเทมมากมายมาให้แต่ละคาแรกเตอร์สวมใส่กันแบบตรงยุค และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในไอเทมที่โดดเด้งสะดุดตาออกมาคือนาฬิกาสวย ๆ หลากรุ่นหลายแบรนด์ ที่บอกไปเป็นต้องรู้อายุ เพราะเพียงแค่เห็นโผล่มาในจอแค่ไม่กี่วิ เป็นต้องอุทานด้วยภาษากึ่งไม่ทางการว่า “เชี่ยย นี่มันรุ่นที่เคยอยากได้” หรือ “เฮ้ย เรือนนี้เราเคยมีใส่ไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนนี่นา” งานนี้ใครที่รู้สึกว่านาฬิกาของเหล่าตัวละครใน Stranger Things นั้นมันทัชใจ แต่จำได้แค่คลับคล้ายคลับคลา ไม่ได้รู้ลึกถึงขนาดว่ามันชื่อรุ่นอะไร บอกเลยว่าไม่ต้องไปเหนื่อยค้นหาให้ตาแตก เพราะเราได้รวบรวมลายแทงชื่อรุ่นเด่นจากตัวละครดังเกือบทุกคาแรคเตอร์เท่าที่เราสามารถหาได้ มาให้ชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายนำชื่อรุ่นลากเข้า Google เพื่อสะกดรอยไปตามสอยกลับมาครอบครองให้หายคิดถึง ข่าวดีคือมีหลายเรือนที่วางขายมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อยได้กลายเป็นงานวินเทจเข้าขั้น Rare Item ที่อาจต้องใช้กำลังกาย บวกกำลังใจ เสริมด้วยกำลังภายในกระเป๋าตังค์ในการตามล่าของดีมาประดับข้อมือ เอาเป็นว่าก่อนจะเวิ่นเว้อไปมากกว่านี้ เชิญไปดูกันเลยดีกว่าว่าตัวละครไหนใส่นาฬิกาอะไรเข้าฉากกันบ้าง เอ้า…
ไม่ต้องตั้งตารอคอยหรือเดินทางไปเสาะแสวงหาชมกันตามมิวเซียมหรืองานแฟชั่นทั่วทุกมุมโลก วันนี้ แสนสิริ ผู้พัฒนาอสังหาฯลักซ์ชัวรี่ระดับประเทศ ได้รวบรวม Trunk วินเทจสุดหายากจากทั่วทุกมุมโลก รังสรรค์ขึ้นโดยแบรนด์ดังอย่าง Louis Vuitton และ Goyard ที่ยังคงสร้างปรากฏการณ์มูลค่าพุ่งแรงไม่หยุดทุกวินาที ชนิดที่ว่าประเมินมูลค่าไม่ได้ มานำเสนอให้ทุกคนได้ร่วมชมความงามแบบเอ็กซ์คลูซีฟกันถึงที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยงานนี้ถือเป็นโชว์เคส Collectible pieces ทรังก์ของรักของสะสมอันคลาสสิก Rare Item จากการเดินทางทั่วโลกของผู้บริหารแสนสิริอย่าง ‘คุณเศรษฐา ทวีสิน’ ที่ได้รับเกียรติให้นำมาจัดแสดงแบบเอ็กซ์คลูซีฟอย่างสง่างาม ตกแต่งในแต่ละมุมพื้นที่ของโครงการ DEMI Sathu 49 แบรนด์ใหม่ล่าสุดจากแสนสิริ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินไพร์มโลเคชั่นใจกลางเมืองเชื่อมต่อ CBD สาทร ตั้งแต่บ้านตัวอย่างทั้ง 2 หลัง รวมถึงคลับเฮาส์ส่วนกลาง เพื่อส่งมอบสุนทรียะประสบการณ์ในการชมโครงการอย่างเหนือระดับ ซึ่ง Trunk แต่ละใบนั้นจะมีเรื่องราว มีความพิเศษ และความสวยงามมากน้อยแค่ไหน เราได้เก็บภาพมาให้ชาว UNLOCKMEN ดูเรียกน้ำย่อย ก่อนที่จะหาโอกาสไปชมด้วยตาของคุณเอง เพราะต้องบอกเลยว่าเห็นในภาพว่างามแล้ว แต่ของจริงนั้นเป็นอะไรที่งามยิ่งกว่า Louis Vuitton x Supreme Malle Courrier Trunk
สีสันที่แตกต่าง นอกจากจะสามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่หลากหลาย มันยังสามารถสะท้อนตัวตนของใครสักคนออกมาผ่านสีที่โดดเด่นได้เช่นกัน และสกู้ตเตอร์ที่เปี่ยมไปด้วยสีสันอย่าง VESPA ก็พร้อมที่จะบ่งบอกเรื่องราว รวมถึงสไตล์ของผู้ที่เป็นเจ้าของออกมาได้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น ซึ่งในวันนี้ UNLOCKMEN x VESPA จะพาทุกคนไปพบกับตัวตนของ ‘ปอง – อภิชา สุขสังข์’ ชายหนุ่มเจ้าของธุรกิจส่วนตัว ที่มีสไตล์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร โดยได้แรงบันดาลใจมาจากความชื่นชอบในเสียงเพลงแนว Ska, Punk Rock, Pop Punk รวมถึงการได้ดูภาพยนตร์ Quadrophenia ทำให้เริ่มนิยมชมชอบใน Culture Mods แล้วศึกษาต่อเนื่องไปถึงเรื่องราวของ Spirit Of 69 จนทำให้จิตวิญญาณขบถชัดเจนในตัวตนนั้นถูกหล่อหลอมเอาไว้ในตัวผู้ชายคนนี้ และหากจะให้แทนตัวเองด้วยสีสักหนึ่งสี เขาคนนี้ได้เลือกสีเหลือง YELLOW SOLE ของ VESPA PRIMAVERA S 150 i-Get ABS TOURING เป็นสิ่งแทนตัว เพราะนอกจากจะสื่อถึงความสดใสที่ไม่ยึดติดต่อกฎเกณฑ์ใด ๆ สีเหลืองในมุมมองของผู้ชายคนนี้ยังเปรียบเสมือนแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ที่สาดส่องลงมาเพื่อให้ชีวิตมีพลังเดินหน้าต่อไป ส่วนความหลงใหลใน VESPA ของ ‘ปอง
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันดีกับชื่อเสียงของ ALBA เรือนเวลาดีไซน์สวย ที่การันตีคุณภาพโดย SEIKO แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น กับจุดเด่นเรื่องคุณภาพการผลิตที่ดีในราคาจับต้องได้ จนถือเป็นแบรนด์ในดวงใจของผู้คนซึ่งสนุกกับการแต่งตัวหลากสไตล์ ที่สามารถหามาสวมใส่อัพลุคเท่ได้ไม่รู้จบ ยิ่งในคอลเลกชั่นหลัง ๆ ของ ALBA ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “The Reflection Of Japan” ซึ่งชูจุดแข็งงานดีไซน์ที่สะท้อนถึงคุณภาพความเป็น Japan Product แถมยังตอกย้ำสไตล์ความเป็นเมืองแฟชั่นของญี่ปุ่นออกมาได้อย่างชัดเจน ด้วยการเน้นไปที่รูปลักษณ์ของเรือนเวลา Sport Style ทำให้แต่ละคอลเลกชั่นของ ALBA ที่เปิดตัวออกมาล้วนแล้วแต่เป็นไอเทมที่หนุ่ม ๆ อย่างเราสามารถหยิบมาสวมใส่ Mix & Match สไตล์สนุก ได้ในทุกโอกาส และต้องบอกว่าล่าสุดจิตวิญญาณสปอร์ตในนาฬิกา ALBA ได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในแบบฉบับ Active เต็มขั้น กับ ALBA “SPORTIVE” Design Collection ที่มาพร้อมกับเรือนเวลา 4 สี 4 สไตล์ ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว โดยแต่ละรุ่นนอกจากจะมาพร้อมตัวเรือนและสายแบบสเตนเลสสตีลแล้ว ยังมีสายซิลิโคนแบบ Accordion
กว่า 2 ปีที่ แบรนด์ THEATRE ห่างหายจากการทำแฟชั่นโชว์ครั้งใหญ่ ล่าสุด คุณจ๋อม – ศิริชัย ทหรานนท์ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ THEATRE (เธียเตอร์) ที่อยู่คู่วงการแฟชั่นมานานกว่า 37 ปี กลับมาจัดแฟชั่นโชว์เปิดคอลเลกชั่นสำหรับบุรุษ สะท้อนความเป็นเฟมินิน มัสคิวลีน ของสุภาพบุรุษช่วงต้นศตวรรษที่ 20 (ระหว่างปี 1900-1920) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความก้าวหน้า และวิทยาการ ผสานกลิ่นอายของวัฒนธรรมและเทคโนโลยี หลอมรวมกับความ Sustainability เพื่อตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ซีซั่นนี้ยังคงสะท้อนความเป็นเฟมินินและมัสคิวลีนตามแบบฉบับของแบรนด์เอาไว้ การห่มและสวมทับ ความพลิ้วไหว ความสบายในฤดูร้อน คือคอนเซปต์หลักของคอลเลกชั่นนี้ นำมาผสานเข้ากับเทคนิคการตัดเย็บที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งคือการเลือกย้อมสีผ้าด้วยสีธรรมชาติ ในสีเอิร์ธโทน อย่าง โทนสีน้ำตาลไล่ไปจนถึงสีครีม และการนำเศษวัสดุที่มีอยู่ หรือ ผ้าสีต่างๆ มาทักทอ ตัดต่อ วางลายผ้า ด้วยเทคนิคเดรปปิ้ง มัด และผูก กลายเป็นซีลูเอตใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ สะท้อนถึงตัวตนของผู้สวมใส่ สำหรับแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ไม่ทำให้ผิดหวังกับความอลังการ ภายใต้ธีม DIVERSOLOGY โดยมี
นับย้อนไปตั้งแต่การเปิดตัวนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำรุ่นแรกของญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1965 เทคโนโลยีนวัตกรรมการบอกเวลาของ Seiko ได้ทำให้มาตรฐานของวงการนาฬิกาเปลี่ยนแปลงไป และทำให้ชื่อของไลน์อัพ Seiko Prospex เป็นสัญลักษณ์ของความท้าทายทุกขีดจำกัด เป็นตัวแทนคอลเลกชั่นเครื่องบอกเวลาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาและผู้ที่หลงใหลในการผจญภัย ไม่ว่าจะใต้น้ำ เหนือท้องฟ้า หรือแม้กระทั่งบนบกก็ตาม และในปี 2022 นี้ นาฬิกา The Black Series หนึ่งในซีรีส์ยอดนิยมของ Seiko Prospex ได้ก้าวข้ามความท้าทายสู่การผจญภัยครั้งใหม่ ที่ไม่ได้ถูกจำกัดไว้แค่เพียงการดำดิ่งสู่ท้องทะเลลึก กับการเปิดประสบการณ์การเดินป่าตั้งแคมป์ในยามค่ำคืน เพื่อดื่มด่ำความงามท่ามกลางความเงียบสงบ ซึ่งพร้อมสะกดทุกสายตาด้วยแสงจากธรรมชาติบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิท จนแทบจะมองเห็นดวงดาวทั้งกาแล็กซี่ โดยเฉพาะในบางพิกัดบนท้องฟ้าที่เผยความงามผ่านแสงสีเขียวเรืองรองที่สาดส่องลงมากระทบกับเงาของต้นไม้รอบด้าน จนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Seiko Prospex The Black Series “Night Vision” Limited Edition รุ่นใหม่ล่าสุด Seiko Prospex Black Series “Night Vision” Collection นำแรงบันดาลใจจากท้องฟ้าของผืนป่ายามค่ำคืน มาถ่ายทอดลงบนตัวเรือนทั้งหมด 3 แบบ ทั้ง 3 รุ่น
หน้าที่ของสีสัน ไม่ได้มีแค่แต่งแต้มให้โลกนี้สดใส แต่สียังใช้เป็นสิ่งแทนบุคลิก / ตัวตน / ความหลงใหล รวมถึงสะท้อนไลฟ์สไตล์ของผู้คนได้เป็นอย่างดี และสกู้ตเตอร์ที่เปี่ยมไปด้วยสีสันอย่าง VESPA ก็พร้อมที่จะสะท้อนตัวตนและเรื่องราวในทุกแง่มุมของผู้เป็นเจ้าของเช่นกัน ซึ่งในวันนี้ UNLOCKMEN x VESPA จะมาร่วมบอกเล่าเรื่องราวตัวตน และสไตล์ของ ‘เดียร์ – ชัชพงษ์ อำภรรัตน์’ ชายผู้มีความสุขกับทุกสิ่งที่ได้ทำในทุกวัน เพราะจากที่เคยสัมภาษณ์ผู้คนมานับไม่ถ้วน ผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นคนแรกที่บอกกับเราว่า “แค่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องออกไปทำงานก็มีความสุขตุนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว” และเหตุผลที่ Passion ของเดียร์ มีค่า = ความสุข มันมาจากสารตั้งต้นของการเริ่มต้นลงมือทำในสิ่งที่ชอบ ซึ่งอาจฟังดูเหมือนง่าย แต่กว่าจะพาตัวเองมาสู่จุดนี้ได้ เขาเล่าให้ฟังว่ามันต้องผ่านด่านยากในการตอบคำถามตัวเองว่าชอบอะไร และตีโจทย์ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะพิชิตเส้นทางความชอบของตัวเองได้ ก่อนที่จะใช้ความพยายามพาตัวเองไปให้ถึงเป้าหมาย จนสุดท้ายตอนนี้เขาคือชายที่เป็นทั้งผู้ช่วยช่างภาพ / นายแบบ และยังเป็นเจ้าของกิจการทุเรียนแสนอร่อยจากสวนเมืองจันทบุรี ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำไปด้วยความชอบล้วน ๆ ไม่เพียงแค่การยึดความชอบมาเป็นอาชีพ แต่ความซื่อสัตย์ชัดเจนในความชอบของตัวเอง มันถูกสะท้อนออกมาผ่านสไตล์ของเดียร์เช่นกัน แม้จะเป็นลุคการแต่งตัวที่ดูเซอร์ ๆ ง่าย ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสไตล์ที่เห็นนั้นสามารถขับเน้นคาแรคเตอร์ของผู้ชายคนนี้ออกมาได้อย่างเด่นชัด ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของสีสันคือสิ่งที่ผู้ชายสไตล์เรียบแต่ชัดคนนี้ให้ความสำคัญ เพราะเขาเชื่อว่าสีเป็นอีกสิ่งที่ช่วยเสริมความมั่นใจ และใช้แทนตัวตนได้เป็นอย่างดี ซึ่งสีที่สะท้อนความเป็น